แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"
ชื่อกระทู้:
ประวัติมารน้อย
[สั่งพิมพ์]
โดย:
มารน้อย
เวลา:
2013-5-30 09:14
ชื่อกระทู้:
ประวัติมารน้อย
ประวัติครอบครัวของมารน้อย
3 o3 z) e: @) o d- O7 p
ผมเกิดมาจากครอบครัวที่ถือว่ามีฐานะปานกลางครอบครัวหนึ่งทางจังหวัดที่ห่างจากกรุงเทพประมาณ 200 กิโลเมตร ทางตอนบนของภาคกลาง ในตอนที่ผมเกิดนั้น จากการบอกเล่าของแม่และยายว่าตอนผมเกิดนั้นสายสะดือของผม เกือบได้ฆ่าตัวของผม เพราะตอนเกิดนั้นสายสะดือได้พันคอออกมาถึงสามรอบ กว่าจะโตมาได้ก็ลำบากเพราะเลี้ยงยากมาก จนต้องยกให้กับเทพองค์หนึ่ง ตั้งแต่นั้นมาก็เลี้ยงง่ายมาโดยตลอด จนกระทั่งโตพอที่จะจำความได้ การเกิดมานั้นนับว่าแปลกแล้วทางครอบครัวก็มีความแปลกเหมือนกัน
9 S1 S x0 _6 G& k5 W
ทางครอบครัวของผมนั้นเป็นหมอกลางบ้านโดยคุณตาของผมท่านได้เรียนวิชาสมุนไพรมาจากตำราของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และท่านเองก็มีวิชาอาคมติดตัวพอสมควร และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นท่านเองก็เป็นคนทรงด้วยเช่นกัน ผมเองเติบโตมาจากสิ่งเหล่านี้ การอาบน้ำมนต์ การเสริมดวงจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับผม บางทีจะมีคนมาให้ตาของผมรักษา บ้างก็มาให้ทำนายทายทัก มีให้เห็นจนชินตา สิ่งที่ผมชอบในขณะนั้นก็คือ ในเดือนหกของทุกปีจะมีพิธีไหว้ครูในวันนั้นจะมีคนมามากเป็นพิเศษ และที่สำคัญอาหารเอย ขนมเอย มีมากมายจนกินไม่ไหวก็ได้มาจากการแก้บนของคนที่มารักษาตัวกับคุณตาของผม ในวันนั้นอีกนั่นแหละที่มีกลุ่มของคนทรงที่เป็นลูกศิษย์ของคุณตาของผม มาทรงกันอย่างมากมายเช่นกัน
1 G7 C9 Y4 m3 m* B3 M' y9 q
ผมจะเล่าถึงพิธีวันนั้นให้ทราบพอเป็นสังเขปก็แล้วกัน เริ่มตั้งแต่พิธีก่อนถึงวันงาน 1 วัน วันนั้นจะเป็นวันลงงาน คนที่รู้จักกันก็เริ่มมาทำบายศรีกัน มาทำขนมต่าง ๆ เตรียมข้าวของเพื่อประกอบพิธีในวันรุ่งขึ้น งานดูสนุกสนานสำหรับผม แต่พอตกกลางคืนนะสิ มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าคือ คนที่มาเตรียมงานในตอนกลางวันบางส่วนเขาเตรียมตัวเพี่อทำการเข้าทรงกัน น่าตื่นเต้นตรงที่จะเริ่มพิธีทรงกันนี่แหละ เพราะต่างคนต่างมีท่าทีแปลก ๆ จากบางคนที่เป็นผู้หญิงก็ออกอาการเป็นผู้ชาย น้ำเสียงที่เป็นผู้หญิง เมื่อสักครู่ก็เปลี่ยนเสียงเป็นเสียงของผู้ชาย บางคนดูอายุก็ยังไม่มากแต่เวลาเข้าทรงแล้วมีท่าทางที่แก่ชราอย่างมาก บางคนอายุมากเมื่อทำการทรงแล้วก็จะดูเด็กลงมีท่าทางเด็กอย่างมองเห็นได้ชัดมีเสียงเป็นเสียงเด็กเป็นที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง พิธีในตอนกลางคืนนี้จะเข้าร่วมกันเฉพาะกลุ่มคนเท่านั้น ส่วนคุณตาของผมท่านจะทรงในตอนหลัง เมื่อท่านทรงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนที่ทรงกันก่อนก็พากันมาทำความเคารพคุณตาของผมทุกคน จากนั้นท่านก็คุยกัน บ้างก็กอดกันร้องไห้ บ้างก็คุยกันเป็นภาษาที่ผมไม่คุ้นเคย แต่มารู้ภายหลังว่าเป็นภาษากูโบสเป็นภาษาเทพที่เขาใช้คุยกัน ในกลุ่มนั้นก็จะมีเทพที่รับผมเป็นลูกด้วย เมื่อท่านเจอผมท่านก็จะเข้ามากอดแล้วหอมผมเหมือนคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ผมเองก็เกิดความปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน ในนาทีต่อไปนี้เป็นพิธีที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้พิธีกินเจ ก็คือจะมีเทพที่มีท่าทางเป็นเด็กจะนำลูกบอลกลม ๆ ที่มีหนามเป็นเหล็กแหลม คนทรงเขาเรียกว่าทุเรียน มาฟาดตามตัว บางคนก็นำมีดมา กรีดตามตัวเป็นที่น่าหวาดเสียว แต่ที่น่าประหลาดก็คือ คนที่ฟาดทุเรียนหรือใช้มีดปาดตามตัวนั้นไม่มีบาดแผลเกิดให้เห็น ทั้งที่ฟาดอย่างแรงจนเสื้อที่ใส่เป็นรูพรุนไปหมด ส่วนคนที่ใช้มีดปาดตามตัวก็เช่นกัน เสื้อขาดแต่ไม่มีบาดแผลหรือเลือดออกให้เห็นเลย ต่างจากการทรงเจ้าในพิธีกินเจตรงนี้เอง ส่วนคุณตาของผมท่านได้แต่มองการแสดงอยู่อย่างนั้นเอง เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ก็เริ่มทยอยออกกัน หรือที่เรียกว่าถอยทรง เหมือนเดิมคุณตาของผมเป็นคนสุดท้ายที่ถอยทรง เมื่อเรียบร้อยแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันเข้านอน เพราะเหน็ดเหนื่อยจากงานมาทั้งวัน พรุ่งนี้ก็ต้องเริ่มงานในตอนเช้าอีก
; G7 W/ A* f7 i2 {
ในตอนเช้าประมาณตี 4 แม่ครัวเริ่มทยอยตื่นกัน เพราะเริ่มได้ยินเสียงการยกข้าวยกของเพื่อเตรียมใส่บาตรพระในตอนเช้า ตอนเช้าจะมีพิธีสงฆ์เมื่อพระสวดมนต์เสร็จ ฉันเช้าเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเวลาประมาณ 9 โมงเช้า พิธีไหว้ครูก็เริ่มขึ้น โดยทุกคนที่เป็นคนทรงเริ่มทยอยทรงกันเป็นแถวจากนั้นคุณตาของผมจะตามทุกคนออกมายังลานพิธีทำพิธีประมาณ 9.30 จึงเสร็จพิธีไหว้ครูเวลานี้ จะเป็นเวลาที่ตื่นเต้นเพราะคนที่มางานจะใจจดจ่ออยู่กับของขลังที่ตาจะทำ ระหว่างนี้เทพบางองค์จะเล่นกับทุเรียน มีเรื่องเล่าที่น่าแปลกอยู่ บางปีก็จะมีคนเมามาร้องท้าทายว่าโธ่เอ้ย หนามทุเรียนแหลมแค่ไหนวะ กูก็ทำได้ เทพที่ได้ยินจึงส่งทุเรียนให้ คนเมาคนนั้นจึงนำทุเรียนที่ได้มาฟาดตามตัวบ้าง ปรากฏว่า หนามทุเรียนปักติดคาอยู่กับหลังของเขา คนที่เห็นเหตุการณ์บางคนก็ว่าสมน้ำหน้า บางคนก็ยกมือไหว้บอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บ้างก็หัวเราะออกมา คนที่อยู่ใกล้ได้เอื้อมมือไปดึงทุเรียนออกจากหลังให้ ส่วนคนที่โดนทุเรียนปักหลังร้องลั่นทุ่งเลย ยกมือขอขมาใหญ่ ผมเองก็ตกใจเหมือนกันเพราะไม่เคยเห็นทุเรียนปักใครเลย ส่วนคุณตาของผมบอกขึ้นมาว่าได้เวลาแล้วแต่เสียงที่ได้ยินผมแน่ใจว่าไม่ใช่เสียงของคุณตาผมแน่ ๆ เป็นเสียงที่มีอำนาจบ่งบอกว่ามีความเด็ดขาดพอสมควร ทุกคนที่ได้ยินต่างเงียบกริบ จากนั้นคุณตาของผมนำมีดโกนที่อยู่ในพานออก จากนั้นท่านนำมากรีดที่ลิ้นปรากฏว่า ไม่มีเลือดออกเลยสักหยดเดียว ไม่มีรอยด้วย คุณตาเลยบอกว่าขอเหล้าหน่อย เมื่อได้เหล้ามาท่านก็เป่าไปที่มีดโกน จากนั้นกรีดอีกทีปรากฏว่ามีเลือดออก ท่านได้นำเลือดนั้นมาเขียนเป็นยันต์แจกจ่ายกันโดยทั่ว เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็แจกจ่ายจนครบ ร่างทรงต่างทยอยถอยทรงกันจนเหลือตาของผมสุดท้าย เมื่อตาของผมถอยทรงก็เป็นการเสร็จสิ้นพิธี เป็นเช่นนี้อยู่ประมาณ 10 ปี จนคุณตาของผมสิ้นลง พิธีต่าง ๆ ก็สิ้นสูญตามลงไปด้วยเช่นกัน อายุของตาของผมประมาณ 83 ปี ท่านสิ้นตอนปี พ.ศ. 2549
โดย:
มารน้อย
เวลา:
2013-5-30 09:17
การทำบุญกับวัดและภิกษุ
# G% J2 s# F. p$ j; h. `
การทำบุญของพุทธศาสนิกชน ผู้ที่ทำก็หวังดีคือได้บุญกุศล จากการทำบุญ แต่การทำบุญในที่นี้คือทานนั่นเอง ผู้ทำได้รับผลของบุญแน่นอนถ้าสิ่งของนั้นไม่ผิดวินัยสงฆ์
3 A6 l8 e5 ?) c& Q# {/ n
ที่นิยมกันมากคือนำเงินไปใส่ซองถวายพระ ไม่ว่างานบุญไหนชอบถวายกันมาก พระที่ท่านยังเป็นสมมุติสงฆ์ ยังควบคุมจิตตัวเองไม่ได้ ก็จะเกิดความโลภขึ้นในดวงจิต พระองค์ใดท่านตัดได้แล้ว ท่านรับซองเงินแล้ว ท่านไม่แกะดูเลย นำซองไปใส่ตู้บริจาคของวัดหรือนำไปวางทิ้ง นั่นคือสละแล้ว สมแล้วที่ท่านอยู่ในสมณะเพศทั้งกายและใจ
& X( x0 O& `! _" ~! t- J6 V+ ^" L
ผลบุญจากการถวายเงินพระนั้นเกิดบุญแน่นอนครับและขณะเดียวกันก็เกิดผลบาปขึ้นด้วย เพราะการถวายเงินพระ เงินเป็นของผิดวินัยสงฆ์ ซึ่งต้องเป็นผู้สละแล้วจึงคิดบวช
, f" f7 M6 ?' A7 s) Q
ถ้าเราอุทิศผลบุญจากการถวายเงินแก่ภิกษุนี้ จะเกิดบุญส่งไปถึงดวงวิญญาณที่เป็นผู้รับ เกิดความสุขจากผลบุญนั้นชั่วระยะหนึ่ง เช่น เป็นวิมาน เครื่องแต่งกาย อาหาร แต่หลังจากที่ดวงวิญญาณกำลังเสวยผลบุญอยู่นั้น วิมาน เครื่องแต่งกาย อาหาร เหล่านั้นจะลุกเป็นไฟเผาไหม้ดวงวิญญาณนั้นแทน
2 `, k" h2 R7 z
ถ้าเป็นอย่างนี้เราจะถวายเงินแก่ภิกษุ ให้ภิกษุสงฆ์ได้นำไปเป็นประโยชน์ต่อพระศาสนาได้อย่างไร ผมขอบอกว่าให้นำเงินใส่ตู้บริจาคของวัด ที่มักมีตั้งไว้แทน เช่น ตู้ค่าน้ำ ค่าไฟ ซ่อมแซมศาลา ฯลฯ หรือถวายแก่พระภิกษุที่ท่านเป็นตัวแทนรับเงินของวัด และต้องไม่นำไปเก็บไว้เอง ต้องสละให้กรรมการวัดนำไปเก็บรักษาไว้ ถ้าท่านนำไปใช้ในการศึกษาธรรมะและในกิจการเผยแพร่พระศาสนาได้บุญมหาศาล แต่ถ้าท่านนำไปใช้ในทางเกิดกิเลสก็บาปมหันต์เช่นกัน ถ้าคิดถวายให้พิจารณาให้ดี
' p- ~1 ?8 m5 E5 ~0 C5 e5 Y. z- H* \
เรื่องนี้เขียนขึ้นมาสวนกระแสกับสังคม แต่ผมรู้ ผมเห็นอย่างนี้ ท่านใดจะยังถวายเงินแด่พระภิกษุสงฆ์ก็ขอให้คิดดี ๆ ว่าเหตุสมควรหรือไม่ ผมชี้ช่องทางให้คือ ตู้บริจาค และตัวแทนในการรับเงินของวัด โดยส่วนรวม ถ้าเป็นการถวายแก่ภิกษุเพื่อใช้จ่ายส่วนตัว ขอบอกว่าอันตราย เพราะเกิดทั้งบุญและบาป แต่บางครั้ง ท่านก็จำเป็นจริงๆ ต้องใช้เงินจริง เกิดประโยชน์จริง ผมเองก็ต้องถวายเหมือนกัน แต่จะไม่อุทิศบุญให้ใครทั้งนั้น
2 X8 ?7 Q4 A2 A( }
สิ่งของที่ผิดวินัยสงฆ์อีกอย่างหนึ่งคือ อาหารที่ยังปรุงไม่เสร็จ เช่น ข้าวสารอาหารแห้ง อย่าถวายพระท่านโดยตรง มันผิดวินัยสงฆ์ ถ้าจะถวาย โน่น! ให้ไปไว้ที่โรงครัวของวัด หรือให้กรรมการรับไว้ พอเราสละของเป็นทานบุญเกิดแน่นอน พอมีผู้ปรุงอาหารของเราไปถวายพระ บุญก็เกิดกับเราอีก
8 j3 K+ v; ?0 S% X4 `5 V% a( d3 \
ของที่ไม่สมควรแก่สงฆ์ ขวางทางในการปฏิบัติธรรมของภิกษุสงฆ์ อย่าคิดถวายเลย จะเกิดทั้งบุญและบาป
. R) Q& n, E3 L. I
ดังจะเห็นตามกุฏิที่ภิกษุท่านใช้เป็นที่พักสงฆ์ มักประกอบด้วยโทรทัศน์ วีซีดี วิทยุเทป พร้อมแผ่นวีซีดีภาพยนตร์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ เพียบเลย ไม่น้อยหน้าชาวบ้านเลย ทำให้กิเลสเต็มกุฏิเลย ผู้ใดคิดถวายขอให้คิดให้ดี
. Z# F! c% c" l: W, R
การถวายสังฆทานตามวัด เดี๋ยวนี้หลายวัดนิยมจัดถังหรือพานสังฆทาน เตรียมไว้ให้ญาติโยมได้ทำบุญกัน เพราะสังฆทานนั้นเป็นการถวายแก่หมู่สงฆ์ หรือตัวแทนของสงฆ์ ซึ่งได้บุญมาก ยิ่งมีพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร เครื่องใช้ อาหารครบ ยิ่งเป็นสังฆทานที่สมบูรณ์มาก ตกลงแล้วที่เป็นสังฆทานเวียนเทียนจะได้บุญหรือ อ๋อ! ได้บุญสังฆทานแน่นอนครับ เพราะความตั้งใจของผู้ทำบุญตั้งใจถวายสังฆทาน ถ้าพระองค์ใดนำไปเป็นสมบัติส่วนตัวองค์เดียว ท่านผิดเอง ยกเว้นหมู่สงฆ์อนุญาต
! Z5 }! s& `8 @- x/ B% H
แต่ถ้าเราเตรียมสังฆทานนำไปเองไปถวาย อันนี้กำลังบุญสูงกว่า เพราะมีความตั้งใจสูง ตั้งแต่เตรียมจัดหาไปเองแล้วครับ
' l1 | l, ?9 p+ C X3 g
มีเรื่องหนึ่งที่อยากบอก ถ้าเราถวายสังฆทานในตอนบ่ายหรือหลังเที่ยงไปแล้ว ขออย่านำอาหารทุกอย่างใส่ไปยกเว้นน้ำปานะ มิฉะนั้นเท่ากับเราเอาของผิดวินัยสงฆ์ใส่เข้าไปด้วย แม้แต่พานสังฆทานที่วัดท่าซุง ซึ่งผมเองถวายสังฆทานเป็นประจำ เพื่อช่วยวิญญาณต่างๆ ผมจะทำเฉพาะช่วงก่อนเพล เพราะในพานมีอาหารปนอยู่ ถ้าถวายตอนบ่ายจะมีบาปปนอยู่กับบุญด้วย ตอนแรกผมเองก็ไม่รู้แต่ในการช่วยเหลือวิญญาณต่างๆ ทำให้ต้องทูลถามกับเบื้องบน ท่านเตือนเรื่องเวลาที่จะถวายสังฆทาน ให้ทำก่อนเพล มิฉะนั้นจะมีบาปปนกับบุญ เพราะมีอาหารอยู่ในพานสังฆทาน
o$ ^5 e/ N1 o( @8 [" ]+ R
การทำบุญใส่บาตรของชาวพุทธ ทั้งในตอนเช้าและวันพระนั้น ถ้าผู้ทำบุญมิได้อุทิศเพื่อใคร ผู้ทำได้บุญ 100% พอของหลุดมือแสงบุญสว่างขึ้นแล้วลอยขึ้นไปเก็บรอเจ้าของอยู่บนสวรรค์เรียบร้อย แต่ถ้ามีการคิดอุทิศผลบุญนั้นตอนของทานหลุดมือ คิดทันทีว่าบุญนี้อุทิศให้ใคร บุญนั้นจะพุ่งไปหาวิญญาณของผู้นั้นทันที เขารับได้ทันที ยกเว้นวิญญาณผู้รับอยู่ในนรกขุมที่ลึก อันนี้ผลบุญจะเพียงไปรอเขาอยู่ จนกว่าวิญญาณที่ถูกลงโทษในนรกขุมลึกเริ่มมีโทษน้อยลง ขึ้นมาอยู่ขุมตื้นขึ้น จึงจะรับบุญนั้นได้
* [/ z! \2 Y) e {) T& J! q
ขอสมมุติโจทย์ในการทำบุญเพื่อเป็นแนวคิดให้ท่านผู้อ่านลองคิดดูนะครับ เช่น มีเงิน 100 บาท ทำบุญอะไรได้บุญมากสุด ผมขอตอบตามแนวความคิดผมนะ ผิดถูกให้พิจารณาเอาเอง โดยผมเริ่มเรียงจากบุญน้อยไปหาบุญมากโดยคร่าวๆ ดังนี้
" C/ x$ Z! s u) [: y* Z8 P
1. ซื้ออาหารให้สัตว์เป็นทาน
9 a H- y% i: p0 d p6 [
2. ซื้ออาหารของใช้ให้คนทั่วไป
! ?6 O: l6 R6 Z: E- b
3. ซื้ออาหารของใช้ถวายพระ
' f! B& b' X5 G8 q d
4. ซื้ออาหารสิ่งของให้พ่อแม่ (บุญเท่าพระอรหันต์)
* X1 Z1 C0 d6 }* F5 ?% N6 g7 N, x
5. ถวายสังฆทาน, ผ้าป่า
& C1 f0 h6 m Y% I
6. ร่วมสร้างวิหารทาน (สิ่งก่อสร้างในพระศาสนา, พระพุทธรูป) , กฐิน
" V3 p) k3 T, p$ `
7. ช่วยชีวิตสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่า เช่นปลา กุ้ง หอย ตามตลาดพลังบุญใหญ่กว่าวิหารทาน
4 B5 g& @* ^9 d! Y9 l* ]" C
8. ซื้อหนังสือธรรมะแจกเป็นธรรมทาน, เจ้าภาพหนังสือโลกทิพย์ให้เรือนจำ
1 t( \) E& F9 p$ z$ {5 M/ T
ผมลองเขียนเล่นคร่าวๆ แต่จริงแล้วผมเลือกทำทุกอย่างแล้วแต่โอกาส เวลา และกำลังทรัพย์ ซึ่งตอนนี้จะเน้นมากคือธรรมทาน คือบอกเล่าสิ่งที่ผมรู้และประสบให้ผู้ได้อ่านบทความของผม ได้นำไปเป็นข้อมูลในการศึกษาตามแนวทางของพุทธศาสนา อ่านแล้วขอร้องอย่าเชื่อทันทีเลย ขอให้หาทางพิสูจน์ดูก่อน เท่าที่จะสามารถทำได้ และพิจารณาด้วยเหตุผลดูด้วย
5 |4 V/ L0 g( w3 p+ j0 ^3 o, R2 ?
โดย:
มารน้อย
เวลา:
2013-5-30 09:20
อภัยทาน
4 v5 B3 o4 Q' v% [
ทานมหาทานที่สูงที่สุด คือ อภัยทานด้วยใจจริงไม่ใช่แต่ปาก ไม่ได้ใช้เงินสักบาท ต้องทำด้วยใจ เป็นความบริสุทธิ์ของดวงจิตที่คิดอโหสิกรรมไม่จองเวร
4 r t, B6 p% q4 P, Y- y; |
มีเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับอภัยทาน ผมพบโดยบังเอิญโดยไม่คาดคิดมาก่อน มีอยู่วันหนึ่งในปีพ.ศ. 2551 นี้เองมีคนรู้จักได้มาขอร้องว่าขอให้ช่วยเคลียร์กรรมให้คนๆ หนึ่ง เขาอยู่ที่พิจิตรประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และเป็นอัมพาตทั้งตัว เหลือเพียงส่วนหัวที่พูดได้กินได้เท่านั้น เป็นมา 7 ปีแล้วน่าสงสารมาก พยายามรักษาตัวมานานแล้ว เขาชื่อนายประทีป.........ผมเองก็ลองติดต่อหาว่ามีใครเป็นนายเวร ทำให้เป็นอัมพาตอยู่หรือไม่ ก็พบมีชายคนหนึ่งมาปรากฏ สภาพโทรมๆ
' a: h6 E; Q- a/ l
ผม : สวัสดีครับ ท่านทำให้นายประทีปเป็นอัมพาตหรือ
. s2 @7 g7 T9 C6 C `# l
นายเวร : ใช่ มันเคยเป็นนายเวรข้าและทำให้ข้าเป็นอัมพาตมาก่อน
/ v& q( I" e3 K) \) y- b
ผม : เคยได้บุญจากนายประทีปอุทิศให้บ้างไหม
# |: E( _: t4 a! o* y+ ]& C0 K
นายเวร : ไม่เคยได้เลย
8 i4 \$ k* b* K% [4 W
ผม : หิวไหม
3 h6 f- \/ F' j% V- e
นายเวร : หิว
2 F! ]$ H8 {: }1 r
ผม : ลองรับบุญอุทิศจากผมดูนะ
, \6 P: p! V W E" M7 X" \
“ ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โปรดดลบันดาลให้บุญของข้าพเจ้าลงมาเป็นอาหาร เสื้อผ้า ให้กับวิญญาณที่กำลังติดต่ออยู่นี้ ” เป็นยังไง ได้รับบุญไหม สบายขึ้นไหม
" Y4 Z1 Z4 d6 ?- U
นายเวร : ได้รับแล้ว สบายขึ้น
3 S5 R; n! L1 S
ผม : เอาละ เราขอคุยด้วยหน่อยนะ! ถ้าเราสอนให้นายประทีปเขาอุทิศบุญแบบเราให้กับเธอที่เป็นนายเวร เธอพอจะละการจองเวรได้ไหม
% A; @' i A; l: [0 ^
นายเวร : ไม่ ไม่ยอม (เขาพูดไปร้องไห้ไปด้วยความแค้น) ตอนที่เราเป็นคน ยังเป็นเด็กอยู่ พ่อก็ไม่มี แม่ก็อาศัยเขาอยู่ จนวันนึงแม่ก็ทิ้งไป เราเองก็อาศัยเขาอยู่ พออายุ 10 ขวบก็เป็นอัมพาตกระดิกไม่ได้ พอครอบครัวที่เราอาศัยอยู่เขาอพยพไปที่อื่น เขาทิ้งเราไว้ จนเราอดตาย พอตายแล้วเราจึงรู้ว่านายประทีปผู้นี้แหละที่ตอนนั้นเป็นนายเวรและนำเชื้อโรคมาใส่เราจนเราเป็นอัมพาต เราแค้นมากจึงติดตามมาเล่นงานมันมั่ง นี่ยังดีนะ มันยังได้กิน แต่เราน่ะอดจนตาย
( u1 m. y: t% \4 D1 ^: U) V
ผม : ชีวิตเธอน่าสงสารจัง คงมีเวรต่อกันเยอะ ตอนเธอตายแล้วพอหมดอายุ เธอไปสำนักพญายมหรือเปล่า และเห็นนรกไหม
% p1 m2 S. o6 m7 G' x, T
นายเวร : เราไปสำนักพญายมมาแล้ว ท่านผ่อนผันให้เรามาทวงเวรก่อน
) c; E9 Y& g: @1 P U
ผม : รู้ไหม ท่านให้มารับบุญจากผู้ที่ทำเธอตาย ไม่ใช่ให้มาทำร้ายเขาอย่างนี้ พญายมท่านไม่อยากให้ใครตกนรก ถึงผ่อนผันให้เธอมารับบุญจาก คู่เวร
S0 S c- R# U, Z
นายเวร : มันไม่เคยให้บุญเรา
9 p5 ~9 c4 p7 m! e7 E
ผม : เขาไม่รู้เรื่อง ก็เหมือนตอนที่เธอเป็นอัมพาตเธอ ก็ไม่รู้เรื่องนายเวรกระทำเช่นกัน นี่ถ้าเธอทำจนเขาตาย เธอก็ต้องลงไปรับการสอบที่สำนักพญายม เธอไม่กลัวตกนรกเพราะฆ่าคนหรือ
0 U/ u7 x3 B6 s" c
นายเวร : ไม่ยอม ไม่ละ ตกนรกก็ยอม เราแค้นมาก
2 Z, {+ p2 v6 Y* U" F- w; @1 ?, t
ผม : เธอทำอะไรเขาบ้าง ถึงได้เป็นอัมพาต
/ e6 o$ S/ o ]4 I7 D" \
นายเวร : พอมันถูกรถชน แต่เราไม่ได้ทำนะ นั่นมันนายเวรก่อนเราพอถึงคิวเราเป็นนายเวร เราเอาเชื้อโรคมาใส่ที่สมองกับไขสันหลังมันแล้วกดประสาทมันไว้เหมือนที่มันทำกับเรา
8 S; ?3 B/ Q: v! E& K
ผม : นี่ เธอรู้ไหม ก่อนนั้นเขาทำเธอเป็นอัมพาต พอตอนนี้เธอทำเขามั่ง แล้วต่อไปเขาก็ต้องมาทำเธออีก กงกรรมกงเกวียนจะจองเวรกันอยู่อย่างนี้ไม่เลิกหรือ ที่เราให้เธอละ ก็เพราะเรามีบุญแลกจะอุทิศบุญให้เธอจนพอใจ หยุดจองเวรกันเพียงแค่นี้ไม่ดีหรือ ตอนนี้เธอเป็นสัมภเวสี ถ้ามีใจอาฆาตอย่างนี้ ต่อไปเธอก็ต้องลงนรก มันทรมานกว่าที่เธอเป็นอัมพาตจนอดตายอีก เคยเห็นแล้วใช่ไหมล่ะนรก ถ้าอโหสิกรรม รับบุญจนพอใจ เธอก็รู้ว่าเราอุทิศบุญได้ เราสอนให้นายประทีปได้ เธอไม่อยากเป็นหรือเทวดา จะมาเป็นผีอยู่ทำไม
& H# ], E4 A/ D ?! G Y, V1 U
นายเวร : ไม่ เราแค้นมาก เป็นผีก็เอา ลงนรกก็เอา ยอม
" S. Z. E8 z6 s! ` w' ~" T6 A
ผม : เราเสียดายโอกาสเธอจังเลย น้อยรายนักที่เราจะติดต่ออย่างนี้ เธอมีโอกาสแล้วนะ ถ้าเธอละโอกาสนี้แล้ว ข้างหน้าเธอต้องลำบากแน่ ทำไม! มีแต่ผีเขาอยากเป็นเทวดากันทั้งนั้น เธอก็รู้ว่าต้องมีบุญ แล้วเราก็ให้บุญเธอได้ เราเสียดายแทนเธอจัง ขอถามเธอหน่อยเธอนับถือพระพุทธเจ้าไหม
" t# v* B, j& L. w! m* [9 y
นายเวร : นับถือ
, l( s5 U: g! I5 I
ผม : เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าไหม
# ^6 i! N$ ]( W4 L/ l8 j) E; ?( C
นายเวร : เชื่อ
; [9 y$ e. \- ? F: ~
ผม : แล้วพระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องเวรต้องระงับด้วยการไม่จองเวร อโหสิกรรมต่อกัน ทำไมเธอไม่เชื่อ ไหนว่าเธอนับถือพระพุทธเจ้า
; G' W' \$ H+ } L$ J; y$ _
นายเวร : เชื่อแล้ว ๆ ละก็ได้
9 ?- L% x) p9 o- N
ผม : ต้องละจริงนะ อย่าพูดอย่างเดียว
( ^3 M" E+ ^4 n7 A7 ^# |9 H
นายเวร : ละจริงๆ
0 f! d+ P( W4 [# t3 d `" E: Q8 q
ผม : ตกลงอยากได้บุญอะไร ขอให้บอก เราจะได้ให้นายประทีปทำ
# A" m9 H+ h2 |4 i- n
ให้
4 R& O6 w" S( }# d, P, n1 X
นายเวร : ไม่เอาอะไรเลย ละเฉยๆ นี่แหละ เดี๋ยวจะไปปฏิบัติกับพระภูมิที่บ้านนี้แหละ
4 ^" y% x% P" A k4 c; P3 W. \
ผม : อ้าว! พระภูมิเจ้าที่บ้านนั้น เขาเก็บวิญญาณมาสอนเหมือนกัน
; l- l" x( |& ~/ P1 T1 p
หรือ
2 q2 ]5 F9 @$ U1 V3 h
นายเวร : อ๋อ! เห็นเขาทำกันอยู่
0 p( a* v8 y& ~9 O+ M3 j
ผม : ตกลงไม่เอาอะไรบ้างหรือ สังฆทานก็ได้ บุญภาวนาก็ได้ ไม่เอามั่งหรือ แล้วเขาจะหายจากอัมพาตเลยไหม
, V+ {$ F. j0 R* s4 s6 x( P
นายเวร : ไม่เอาอะไร อโหสิ! เดี๋ยวจะปฏิบัติเอง เดี๋ยวเอาเชื้อโรคออกให้ เลิกกดประสาทแล้ว แต่ร่างกายเนื้อเยื่อมันยึดมา 7 ปี รักษาเอาเองนะ รักษาให้ไม่เป็น
8 B2 j% Z1 ^7 W8 n; r: s& }
ครับผลบุญอภัยทานกะทันหันนั้น เกิดปรากฏกายของนายเวรใสขึ้นทันทีจากบุญอภัยทาน ผ่านไป 2 วันลองไปตรวจสอบดูใหม่ ปรากฏว่านายเวรผู้นี้ได้ปฏิบัติอยู่กับพระภูมิ เดี๋ยวเดียวฐานบุญอภัยทานเขามาก เลยลอยขึ้นไปเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาเรียบร้อยแล้ว
- w# @9 f" R2 n0 _& R# l" Y/ `7 v
ส่วนคนป่วย บ้านเขาพอมีฐานะ ก็ทำการรักษาด้วยยาไป
: t r7 Z- K% U4 {* x5 B2 L+ f7 b
โดย:
มารน้อย
เวลา:
2013-5-30 09:23
นายเวรมาทวงหนี้กรรม
2 E/ `, I" c! z3 `& x
เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีประสบการณ์ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการทวงหนี้จากนายเวร คำว่านายเวรหมายถึง ผู้ที่เราเคยล่วงเกินเขาทั้ง กาย วาจา ใจ เมื่อเรากระทำกับเขาเช่นนั้น เขาจักผูกโกรธต่อตัวเรา ครั้นเมื่อเขาตายไปจิตที่เขาผูกโกรธกับเรา ทำให้เขานั้นมาทำร้ายตัวเรา ทำให้เราเกิดความทุกข์ไม่ว่าเป็นทุกข์ทางกาย ทุกข์ทางใจ ทุกข์ที่เกิดขึ้นทางกาย เช่น ทำให้เป็นไข้ ทำให้ปวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่วนทุกข์ที่เกิดขึ้นทางใจ เช่น เรามีความทุกข์เรื่องของเงิน ทุกข์เรื่องของความรัก ทุกข์เรื่องของความผิดหวัง เรื่องของความทุกข์มีมาก ยากที่จะกล่าวได้ครบ ผมเป็นคนหนึ่งเหมือนกันที่ทุกข์เพราะนายเวร
3 N V" _6 s& D+ p+ D: D
ประมาณกลางปี 2553 ที่ผ่านมา ผมปฏิบัติหน้าที่ตรวจความเรียบร้อยของนักเรียนบริเวณหน้าเสาธง ผมมีอาการแปลก ๆ บริเวณกลางอก อาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอาการแสบร้อนตรงบริเวณลิ้นปี่ เมื่อเอานิ้วกดลงไปรู้สึกเจ็บผมแทบยืนไม่ไหว แต่ก็พยายามทรงตัวไว้ แล้วหาที่นั่งพักเมื่อได้ที่นั่งพักเรียบร้อยแล้ว ผมกำหนดจิตเพื่อหาสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้นกับตัวผม ปรากฏว่า สิ่งที่พบเป็นชายคนหนึ่ง มีท่าทางดุดันมาก ตัวใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ ผิวคล้ำ เมื่อพบเช่นนั้นผมยังไม่คุยทันที แต่ผมอุทิศบุญก่อน ข้าพเจ้าขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โปรดดลบันดาลให้บุญของข้าพเจ้าส่งไปถึงชายผู้นี้ด้วยเทอญ เมื่อผมเบิกบุญเพื่อส่งให้ช่วยชายผู้นี้แล้วผมจึงเริ่มคุย
1 Z2 y6 E6 H: B0 ?- {
ผม : สวัสดีท่าน
1 t# H& [$ _9 \- j, [ w
นายเวร : สวัสดี เอ็งเห็นข้าด้วยเหรอ!
4 I4 c, f1 O1 l, ?3 Y9 l! H, }% F
ผม : เห็นสิ ท่านมาได้อย่างไร
' }/ W" B0 G& F' w* f1 [. x
นายเวร : เขาบอกให้มา
5 @" I3 d# V) m! O* P, P
ผม : ใครบอกให้มา
# @, a/ K5 H1 P4 [+ o8 ^3 X
นายเวร : บอกไม่ได้
8 p2 K" J& T5 |+ R- \0 h
ผม : เขาใช้ให้มาทำร้ายผมอย่างนั้นหรือ
" o- l5 N" L- Q# L+ R
ผมเข้าใจว่ามีอาจารย์ที่มีอาคมส่งผีมาเล่นงาน ผมถามต่อว่ามีคนที่มีอาคมส่งให้มาทำร้ายผมใช่ไหม
" a" q R9 J4 Z3 K/ C( N( V
นายเวร : ไม่ใช่
7 o2 s7 |' N* B& t# b2 z: y/ C9 c
ผม : อ้าว! ท่านเป็นใคร มาได้อย่างไร
- M1 a9 E% n; [: v
นายเวร : ข้าเป็นช้าง
* |+ @5 x4 D" @$ v0 K" y
ผม : ทำไมท่านมาทำร้ายผม
* h1 f( _0 B1 q0 u, b3 V
นายเวรมองหน้าผมด้วยดวงตาอันดุดัน มองด้วยตาที่โกรธแค้น ดวงตาสีแดงกล่ำ
. b) `+ k. S b5 R a) j3 j
นายเวร : เอ็ง ฆ่า ข้า ข้าก็มาทำเอ็งบ้าง เอาให้ทรมานปางตาย
* l* u E2 G0 _9 a0 i* H" k# h0 x
ผมนึกในใจ เอาแล้วเราโดนนายเวรกระทำแล้ว ใครจะยอมให้เจ็บตัวง่าย ๆ ต้องคุยกับเขาให้เขาอโหสิให้ได้ เราจะได้เจ็บตัวน้อย ๆ หน่อย
9 ?9 @( e3 ^- L9 l5 o/ L$ T
ผม : ผมไปฆ่าท่านตอนไหน
% B: ~# V8 Q) Q3 j. r
นายเวร : ข้าเป็นช้างศึก ตอนนั้นทำสงครามกัน เอ็งใช้หอกแทงข้าที่หว่างขาหน้าของ
. N8 A9 w% _1 N- U
ข้า ทำให้ข้าล้ม
# ], ~6 C) t' o. B& |: x
ผม : ตอนนั้นมันเป็นสงคราม หากผมไม่ฆ่าท่าน ท่านก็ต้องฆ่าผมอยู่ดี ผมต้อง
/ j* L+ n( j! j. U! G7 f1 }
ปกป้องบ้านเมืองเหมือนกัน จะให้ผมทำอย่างไรได้
) g. i* K1 [& i6 h8 T5 @% w5 j
นายเวร : มันก็จริงของเอ็ง
/ e0 t5 j3 t% u" J+ D/ x
ผม : เอาอย่างนี้ดีกว่า เมื่อกี้ได้รับบุญจากผมแล้วใช่ไหม ดีไหมล่ะ
; Y0 d& g2 g8 F
นายเวร : เออ ดี
3 c4 X6 } g; A1 @/ w5 W9 [
ผม : ถ้าอย่างนั้นรับบุญจากผม แต่ต้องไม่ทำร้ายผม เอาแบบนั้นดีไหม
) g2 v4 N5 D1 r, y
นายเวร : ก็ได้
1 ^6 O+ l6 `: C( i) t9 u
ผม : แล้วรู้มั๊ยว่าท่านแก้แค้นหรือจองเวรแบบนี้ ผมสามารถจองเวรคืนได้
- L$ |: c) _( A1 e2 h& `" t
นายเวร : ไม่รู้
( a+ z8 D3 ^8 W2 \# d4 f, g) }* l- |
ผม : ผมไม่ขอจองเวรคืนก็แล้วกันผมอโหสิ ท่านรู้ไหมว่าคนที่ส่งท่านมาเขา
, X9 ^& ~+ T3 ]! s1 K5 @; G
มีเจตนาอะไร
6 f" o/ R# s% x" }% d, p
นายเวร : ไม่รู้ เขาบอกแต่ว่านี่คือคนที่ทำร้าย ให้ข้าทำอย่างไรก็ได้เท่าที่ใจต้องการ
/ b% R9 W' h% Y5 M1 _. {
แต่ต้องไม่เกินขอบเขต
9 l& n/ x/ ^: g% _' ?
ผม : คนที่มาส่งเขาบอกอย่างนั้นก็ใช่ แต่เจตนาจริง ๆ ของท่าน (ผู้ตัดสินคดี)
, t% g1 d S; U5 B0 x1 m; ?
เจตนาเพื่อให้นายเวรมารับบุญจากผู้ที่เคยกระทำกับเรา และให้เรานั้น
6 T* O5 L8 _$ w: ` s2 O
อโหสิกรรมต่อกัน เพื่อจะได้ไม่มีกรรมต่อกัน นี่ท่านมาทำร้ายผม ผมเอง
, k' d# w8 V- t2 O
ก็ย่อมทำร้ายกลับคืนภายหลังได้เช่นกัน เอาเป็นว่าท่าน อโหสิ ให้ผม
8 d/ `/ p, Z+ R9 n
ผมอุทิศบุญให้ท่าน เราเลิกจองเวรกัน
4 r) \1 z" u* g$ u B! [
นายเวร : อย่างนั้นก็ได้ ดีเหมือนกันข้าเองก็ไม่ได้อยากลงไปอยู่ในนรกด้วย
8 F% l) I, E; I2 e
ผมคืนสมาธิกลับมา ต่อจากนั้นผมโทรไปถามพี่ที่คอยให้คำแนะนำเรื่องสมาธิว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้มีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด ก็ได้รับคำตอบว่าจริงตามที่เล่ามา หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เล่ามาแล้ว อีกประมาณ 2 เดือน อาการที่เจ็บตรงบริเวณลิ้นปี่ก็ทุเลาลง
0 Y! @' K3 D) K6 r7 |6 ]
นี่ขนาดผมคุยกับนายเวรตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วผมเองส่งบุญให้กับนายเวรทุกวัน วันละหลายๆรอบ ยังใช้ระยะเวลาถึง 2 เดือน ผมนึกกลับไปถึงคนที่เขาไม่รู้อะไรเลยไม่เคย ส่งบุญไม่เคยอุทิศบุญ ให้ถึงนายเวรเลยเขาต้องทนทุกข์กับอาการป่วยนานเท่าใด นายเวรเองก็ต้องกลับไปรับกรรมตามเดิมโดยยังเป็นเวรกรรมกันต่อไปเราเองไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องราวต่างๆ ที่เรากระทำลงไปแล้วได้ แต่เราก็สามารถขอโทษและให้อภัยกันได้ไม่ใช่หรือต่างคนต่างก็มีความสุขทั้งสองฝ่ายทั้งนายเวรและตัวเรา การรักษาตัวด้วยการส่งบุญ – เบิกบุญสามารถช่วยให้อาการที่เป็นอยู่สามารถกลับมาเป็นปกติเร็วขึ้น การรักษาต้องควบคู่กันไปกับการรักษาแบบปกติด้วย (ในบางโรค) บางท่านบอกว่าถ้าเช่นนั้นหายเพราะการรักษาสิ ผมก็ไม่ได้เถียงว่าการรักษาแบบปกติไม่หาย แต่เมื่อเปรียบเทียบกันระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาแบบปกติกับการอุทิศบุญ – การเบิกบุญ การอุทิศบุญ – การเบิกบุญ หายเร็วกว่าอย่างแน่นอน ท่านที่คิดว่าเรื่องที่เล่ามาเป็นเรื่องที่เหลวไหลเกินจริง ท่านก็พิสูจน์ให้เห็นกับตาของท่านเองได้
* \, m j2 n5 F ]4 h; a( X9 f
โดย:
มารน้อย
เวลา:
2013-5-30 09:26
นายเวรบีบหัว
) I$ s* p9 X( z
เมื่อครั้งที่ผมเริ่มปฏิบัติใหม่ๆ กว่าผมจะสามารถวางจิตให้เป็นสมาธิได้นั้นยากลำบากมากที่ผมว่ายากก็คือเมื่อผมมากำหนดสมาธิเมื่อใดผมจะปวดที่ศีรษะทันทีหากหยุดกำหนดเมื่อใดอาการทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติแต่เมื่อใดที่ผมเริ่มทำสมาธิก็มีอาการปวดที่ศีรษะทันทีผมมีอาการแบบนี้อยู่ประมาณ 3 เดือน มันเป็น 3 เดือนที่ผมทรมานมากทำสมาธิไม่ได้เลยผมรู้สึกท้อใจเป็นอย่างมากกับการทำสมาธิ แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีจากการให้กำลังใจของอาจารย์ที่ผมนับถือมากคนหนึ่ง ผมจึงตั้งใจพยายามปฏิบัติต่อไป จนมีอยู่วันหนึ่งผมรู้สึกว่ามีใครก็ไม่รู้มายืนอยู่ด้านหลังหันไปก็ไม่พบใคร แต่ก็ยังรู้สึกอยู่ตลอดว่ามีคนยืนดูอยู่ ตอนนั้นผมก็ส่งบุญให้กับนายเวรมาโดยตลอด ผมได้วิชาส่งบุญมาก่อนที่ผมจะเริ่มฝึกสมาธิ ผมนำความสงสัยว่าใครมายืนอยู่ด้านหลังและเวลาทำสมาธิจึงปวดหัว มาถามอาจารย์ที่สอนสมาธิท่านบอกว่าเดี๋ยวก็รู้เอง ท่านบอกไม่ได้ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน ตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร ผมได้มารู้ภายหลังว่าคำว่าหน้าที่หมายความว่าอะไรหลังจากปฏิบัติสมาธิมาได้ 2 เดือน มาเข้าเดือนที่ 3 อาการปวดหัวก็ยังไม่ทุเลาลง ผมลืมบอกไปว่าผมปฏิบัติสมาธิแบบสติปัฏฐาน 4 คือมีสมาธิ มีสติอยู่กับตัวตลอดเวลาไม่ว่าจะทำกิจกรรมใดก็ตาม แล้วท่านคิดดูก็แล้วกันว่าผมทรมานขนาดไหน ปฏิบัติสมาธิตลอดเวลานั่นก็หมายความว่าผมต้องทนกับอาการปวดหัวตลอดเวลาเหมือนกันมาต่อกันเลย เมื่อเริ่มเข้าสู่เดือนที่ 3 อาการที่ผมรู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ด้านหลังก็ชัดขึ้น ผมเริ่มมองเห็นว่าเขามีรูปร่างอย่างไรและเขาเป็นใครตอนนั้นผมยังคุยกับเขาไม่ได้มีแต่ความรู้สึกเท่านั้น ผมรู้สึกว่าเขาเป็นโจรที่เขาเรียกกันว่าเสือในอดีตชาติครั้งหนึ่งผมเป็นเจ้าเมือง เมื่อจับเขาได้ผมนำเขามาบีบขมับ เขาจึงมาทำให้ผมปวดหัวเวลาทำสมาธิตลอดเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ผมจึงนำความรู้สึกที่รู้นี้ไปถามอาจารย์ท่านตอบว่าจริง แต่ท่านบอกไม่ได้ที่ท่านบอกไม่ได้เพราะไม่ใช่หน้าที่ของท่าน หน้าที่ของท่านคือสอนสมาธิไม่ใช่มาแก้กรรม เมื่อผมรู้อย่างนั้นผมจึงเร่งส่งบุญ – เบิกบุญให้มากกว่าเดิมและอุทิศบุญทุกครั้งที่มีโอกาสให้กับนายเวรจนมาถึงเดือนที่ 4 อาการปวดหัวก็ทุเลาลง
& W" y$ `4 F: E# Y# K) g, C
การปฏิบัติสมาธิใช่ว่าจะมีอาการเหมือนผมทุกคนบางคนก็ไม่เกิดการอะไรเลยปฏิบัติสมาธิได้อย่างปกติและความเร็วของการปฏิบัติก็ขึ้นอยู่กับตัวของบุคคลเช่นกันบางคนฝึกเป็นปีไม่ได้อะไรเลยก็มี บางคนฝึกแค่ไม่กี่นาทีก็ได้สมาธิเลย อย่างเช่นลูกศิษย์ที่ผมฝึกสมาธิให้คนหนึ่งฝึกอยู่ไม่ถึง 5 นาที ก็ได้สมาธิเลย ขึ้นอยู่กับบุคคลด้วยว่า เคยประกอบกุศลมามากเพียงใดมีความตั้งใจมากเพียงใด และที่สำคัญคุณเป็นคนที่มีศีลธรรมมากแค่ไหนหลายๆ อย่างประกอบกัน อย่าท้อที่จะเกิดปฏิบัติเพราะการปฏิบัติเป็นทางแห่งการพ้นทุกข์
1 _2 N3 j8 Q; f( l, U1 T- b; [
โดย:
sopa2511
เวลา:
2013-5-30 10:18
โมทนา สาธุค่ะ
โดย:
gina
เวลา:
2013-5-30 17:44
อนุโมทนาบุญนะคะ พี่มารน้อย
โดย:
Teerapat
เวลา:
2013-5-30 17:52
สาธุๆๆ อนุโมทนาครับ
โดย:
กำไร
เวลา:
2013-5-31 11:50
สาธุกับธรรมทานของมารน้อยจ้า..
ยินดีต้อนรับสู่ แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน" (http://dannipparn.com/)
Powered by Discuz! X1.5