แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

ชื่อกระทู้: วัดประจำรัชกาลที่ 1-9 [สั่งพิมพ์]

โดย: noi    เวลา: 2009-1-22 17:01     ชื่อกระทู้: วัดประจำรัชกาลที่ 1-9

แก้ไขล่าสุด noi เมื่อ 2009-1-23 16:47  

เจดีย์.JPG แก้ไขล่าสุด noi เมื่อ 2009-1-23 12:27  

แก้ไขล่าสุด noi เมื่อ 2009-1-23 12:20  

ขอเริ่มจาก วัดราชบพิธสถิตรมหาสีมาราม เป็นวัดประจำรัชกาลที่7อันที่จริงแล้วบางท่านก็ว่าเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5
อุโบสถ.JPG พระประธาน.JPG วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร” คำว่า “ราชบพิธ” หมายถึง พระราชาทรงสร้าง ซึ่งก็คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับพระอัครมเหสี พระราชเทวี และเจ้าจอมพระสนมเอกของพระองค์ ส่วน “สถิตมหาสีมาราม” ก็คือเป็นวัดที่ประดิษฐานเสมาขนาดใหญ่ และตามปกติแล้ว เสมาของวัดโดยทั่วไปจะอยู่ตามมุม หรือติดอยู่กับตัวพระอุโบสถ แต่เสมาของวัดนี้ตั้งอยู่บนกำแพงรอบวัดถึง 8 ด้าน จึงเป็นการขยายเขตทำสังฆกรรมของสงฆ์ให้กว้างขึ้น
      
       วัดนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 เท่านั้น แต่ยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 7 อีกพระองค์หนึ่งด้วย เพราะในรัชสมัยของ ร.7 มิได้มีการสร้างวัด แต่ท่านก็ได้รับพระราชภาระในการทำนุบำรุงและบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบพิธนี้ด้วย ดังนั้นจึงถือวัดนี้เป็นวัดประจำพระองค์ด้วยเช่นกัน

รูปภาพที่แนบมา: เจดีย์.JPG (2009-1-23 11:20, 67.03 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 81
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTA3fDNjOGVlNTI4fDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: อุโบสถ.JPG (2009-1-23 11:27, 61 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 31
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTA4fDI4ODBhMDg1fDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: พระประธาน.JPG (2009-1-23 11:27, 69.57 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 30
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTA5fDdlYzAzMjRkfDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: อุโบสถ.JPG (2009-1-23 11:27, 61 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 84
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTEwfDNhOGE0NjAxfDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: พระประธาน.JPG (2009-1-23 11:27, 69.57 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 82
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTExfDdkNWFjNjkzfDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-1-23 11:38

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร” คำว่า “ราชบพิธ” หมายถึง พระราชาทรงสร้าง ซึ่งก็คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับพระอัครมเหสี พระราชเทวี และเจ้าจอมพระสนมเอกของพระองค์ ส่วน “สถิตมหาสีมาราม” ก็คือเป็นวัดที่ประดิษฐานเสมาขนาดใหญ่ และตามปกติแล้ว เสมาของวัดโดยทั่วไปจะอยู่ตามมุม หรือติดอยู่กับตัวพระอุโบสถ แต่เสมาของวัดนี้ตั้งอยู่บนกำแพงรอบวัดถึง 8 ด้าน จึงเป็นการขยายเขตทำสังฆกรรมของสงฆ์ให้กว้างขึ้น
      
       วัดนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 เท่านั้น แต่ยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 7 อีกพระองค์หนึ่งด้วย เพราะในรัชสมัยของ ร.7 มิได้มีการสร้างวัด แต่ท่านก็ได้รับพระราชภาระในการทำนุบำรุงและบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบพิธนี้ด้วย ดังนั้นจึงถือวัดนี้เป็นวัดประจำพระองค์ด้วยเช่นกัน
โดย: noi    เวลา: 2009-1-23 11:45

วัดราชบพิธ ตั้งอยู่ที่ถนนเฟื่องนคร แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กทม. ข้างกระทรวงมหาดไทย มีรถเมล์สาย 2 ผ่าน
พระประธานในพระอุโบสถนี้มีนามว่า “พระพุทธอังคีรส” แปลว่า มีรัศมีซ่านออกจากพระวรกาย  พระพุทธอังคีรสประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีหินอ่อนจากอิตาลี โดยที่ใต้ฐานพระได้บรรจุพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ด้วยกัน เช่น พระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 2 รัชกาลที่ 3 รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 7

       พระเจดีย์ ทรงกลม ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบลายเบญจรงค์สวยงาม บนยอดปลีเป็นลูกแก้วกลมครอบผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ ส่วนฐานเจาะเป็นซุ้มคูหา 16 ซุ้ม ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ สำหรับด้านในพระเจดีย์นั้น มีพระพุทธรูปศิลาสมัยลพบุรี ปางนาคปรกอยู่ด้วย 4 องค์ ซึ่งเล่ากันมาว่าขุดพบใต้ต้นตะเคียนริมคลองหลอด และเชื่อกันว่าคนที่อยากมีลูกให้มาขอพรที่นี่ก็จะได้มีลูกสมใจ

สิ่งที่น่าสนใจอย่างมากอีกอย่างหนึ่งที่วัดราชบพิธที่แตกต่างจากวัดอื่นๆ ก็คือ ที่วัดแห่งนี้มีสุสานหลวงตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตก สุสานหลวง นี้เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดให้สร้างไว้เพื่อประดิษฐานพระสรีรังคารแห่งสายพระราชสกุลในพระองค์ ซึ่งอนุสาวรีย์เหล่านั้นก็มีรูปทรงที่หลากหลาย มีทั้งแบบไทย แบบฝรั่ง หรือแม้แต่แบบขอมก็มี ซึ่งอนุสาวรีย์บางส่วนก็ได้สร้างขึ้นเองภายหลังบ้าง
      
       อนุสาวรีย์ที่ว่านั้นก็มีอนุสาวรีย์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ราชสกุลอาภากร อนุสาวรีย์ของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี อนุสาวรีย์สุขุมาลนฤมิตร์ ราชสกุลบริพัตร อนุสาวรีย์รังษีวัฒนา ราชสกุลมหิดล ซึ่งมีพระสรีรังคารของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกและสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือพระราชบิดาและพระราชมารดาของในหลวงอยู่ด้วย
      
       ส่วนอนุสาวรีย์รูปร่างเหมือนปรางค์สามยอดแบบขอมนั้นเป็นของราชสกุลยุคล และล่าสุดอังคารของ ม.ร.ว.อดุลยกิติ์ กิติยากร พระบิดาของพระองค์เจ้าโสมสวลีฯ ก็ได้นำมาไว้ในอนุสาวรีย์ของราชสกุลกิติยากร และอัฐิของคุณพุ่ม เจนเซ่น ก็ได้นำมาไว้ ณ อนุสาวรีย์นี้ด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็เป็นอนุสาวรีย์ของราชสกุลอื่นๆ รวมทั้งหมด 36 องค์

       พระอุโบสถของวัดราชบพิธจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในวันสำคัญทางศาสนาและวันพระเท่านั้น สนใจสอบถามรายละเอียด โทร. 0-2222-3930
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9480000146083
โดย: noi    เวลา: 2009-1-23 11:47

แก้ไขล่าสุด noi เมื่อ 2009-1-23 16:01  

Image2.jpg กระเบื้องเคลือบ.JPG Image3.jpg

รูปภาพที่แนบมา: กระเบื้องเคลือบ.JPG (2009-1-23 11:47, 88.62 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 28
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTEyfDIyOWQ2ZjIxfDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: Image3.jpg (2009-1-23 11:47, 31.32 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 30
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTEzfDBkNTEzYWU4fDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: Image2.jpg (2009-1-23 15:01, 23.28 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 88
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTE0fGU1NjRiNDY3fDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: Image2.jpg (2009-1-23 15:01, 23.28 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 30
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTE1fDdiN2U5Nzc4fDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-1-23 15:16

เจดีย์.jpg พระอุโบสถ.jpg พระประธาน.JPG ถวายดอกไม้.JPG วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม " พระอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่ข้างสวนสราญรมย์ เป็นวัดที่รัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสละทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ.๒๔๐๗ เพื่อเป็นวัดธรรมยุตินิกาย เพื่อให้เจ้านายและข้าราชการทั้งฝ่ายนอก และฝ่ายใน ได้บำเพ็ญกุศลกันได้สะดวกขึ้น เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้พระบรมมหาราชวังและทรงพระราชทานนามว่า " วัดราชประดิษฐ์สถิตธรรมยุติการาม " ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น " วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม " เนื่องจากพระราชประเพณีโบราณกล่าวไว้ว่า ราชธานีไทยจะต้องมีวัดสำคัญอยู่ 3 วัด คือ วัดมหาธาตุ วัดราชประดิษฐ์ และวัดราชบุรณะ ต่อมา ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรับเป็นราชภาระปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ แล้วโปรดเกล้าฯ ให้แบ่งพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว พระบรมชนกนาถลงในกล่องศิลา นำไปบรรจุในพระพุทธอาสน์พระวิหาร ในสมัยรัชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้สร้างหอไตรข้างพระวิหารใหม่พร้อมทั้งสร้างหอพระจอมขึ้นอีกข้างหนึ่งเป็นคู่กัน หอทั้งสองมีลักษณะงามแปลกตา คือ เป็นแบบปราสาทยอดปรางค์ ในพระวิหารหลวงของวัดราชประดิษฐ์ซึ่งถือเป็นพระอุโบสถด้วยนั้น เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหังคปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้จำลองมาจาก "พระพุทธสิหิงค์" องค์ที่ประดิษฐานอยู่ ณ พระที่นั่ง พุทไธสวรรค์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นอกจากนี้ ภายในพระวิหารยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่อง พระราชพิธีสิบสองเดือนและพระราชพิธีต่างๆ ทั้งโล้ชิงช้า สงกรานต์ วิสาขบูชา และภาพที่รัชกาลที่ ๔ ทรงส่องกล้องเพื่อศึกษาวิชาดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นอนุสรณ์ถึงเหตุการณ์สำคัญในปลายสมัยรัชกาลที่ ๔ ที่พระองค์สามารถคำนวณ และประกาศให้ประชาชนทราบว่า จะเกิดสุริยุปราคาขึ้น และมองเห็นอย่างชัดเจนในประเทศไทย มีศูนย์กลางอยู่ที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๔๑๑ และหลังจากที่พระองค์เสด็จกลับจากหว้ากอ ก็ประชวรเพราะได้รับเชื้อไข้มาเลเรียจากตำบลหว้ากอ ประชวรได้เพียง ๑๔วันก็สวรรคต ภาพนี้จึงเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่บันทึกความทรงจำให้น้อมรำลึกถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ และเนื่องจากพระสงฆ์ในธรรมยุตินิกายนั้นเคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก จึงมีกฏห้ามสตรีผ่านเข้าเขตสังฆาวาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงปัจจุบัน ภายในปราสาททางด้านทิศตะวันตกของพระวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

รูปภาพที่แนบมา: เจดีย์.jpg (2009-1-23 15:12, 66.67 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 27
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTE2fGE4ZGYwOTU2fDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: พระอุโบสถ.jpg (2009-1-23 15:13, 65.77 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 30
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTE3fGFkNzk4MDhlfDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: พระประธาน.JPG (2009-1-23 15:13, 91.83 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 29
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTE4fGZmYWVkODVkfDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: ถวายดอกไม้.JPG (2009-1-23 15:13, 68.96 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 31
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTE5fGRmMDQ3ZTQ1fDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-1-23 15:21

แก้ไขล่าสุด noi เมื่อ 2009-1-23 16:24  

พระ.JPG เจดีย์และโบสถ์.jpg http://th.wikipedia.org/wikihttp://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/4-5/no06-15/wat/watrachapradit1.html

รูปภาพที่แนบมา: พระ.JPG (2009-1-23 15:19, 83.82 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 28
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTIwfDM3ZDQ3OGQ0fDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: เจดีย์และโบสถ์.jpg (2009-1-23 15:20, 152.78 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 28
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTIxfDNjYWE3YTEwfDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-1-23 15:51

แก้ไขล่าสุด noi เมื่อ 2009-1-23 16:52  

เจดีย์ 4พระองค์.jpg night pagoda.JPG พระพุทธไสยาศน์ พระบาท.jpg พระพุทธไสยาศน์  พระองค์นี.jpg
เห็นวัดโพธิ์โสภาสถาพร
สง่างอนงามพริ้งทุกสิ่งอัน
โอ้วัดโพธิ์เป็นวัดกษัตริย์สร้าง
ไม่โรยร้างรุ่งเรืองดังเมืองสวรรค์"
จากนิราศพระแท่นดงรัง ของนายมี

รูปภาพที่แนบมา: เจดีย์ 4พระองค์.jpg (2009-1-23 15:50, 85.71 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 26
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTIyfGJmYWJhNjk5fDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: พระพุทธไสยาศน์ พระบาท.jpg (2009-1-23 15:50, 78.36 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 28
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTIzfDc4NTY4NDI4fDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: พระพุทธไสยาศน์ พระองค์นี.jpg (2009-1-23 15:50, 94.69 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 28
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTI0fDViM2Y4YzZlfDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: night pagoda.JPG (2009-1-23 15:50, 124.07 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 29
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTI1fDRhMTRkOTAzfDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-1-23 15:56


วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
หรือ วัดโพธิ์ เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย จัดเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร และเป็นวัดประจำรัชกาลในรัชกาลที่ 1 ทั้งยังเปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศด้วย เนื่องจากเป็นที่รวมจารึกสรรพวิชาหลายแขนง และทางยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำโลกเมื่อ มีนาคม พ.ศ. 2551[1]

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์[2] พระเจดีย์ที่สำคัญ คือ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ประจำพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ในแง่ของการท่องเที่ยวแล้ว วัดโพธิ์ได้รับความนิยมเที่ยวเป็นลำดับที่ 24 ของโลก ในปี พ.ศ. 2549 โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนในปีนั้นถึง 8,155,000 คน[3]


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0 ... 3%E0%B8%B2%E0%B8%A1
โดย: noi    เวลา: 2009-1-27 11:29

แก้ไขล่าสุด noi เมื่อ 2009-1-27 12:36  

Emerald_buddha.jpg วัดพระแก้ว.jpg

วัดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นวัดที่สำหรับพระพุทธเจ้าเท่านั้น เพราะที่นี่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา
และยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นวัดประจำกรุงรัตนโกสินทร์อีกด้วย

รูปภาพที่แนบมา: Emerald_buddha.jpg (2009-1-27 11:29, 48.49 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 8
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MjU3fDliYmIxNWVhfDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: วัดพระแก้ว.jpg (2009-1-27 11:29, 27.37 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 8
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MjU4fDQxMDUxN2U0fDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-1-27 11:53

หรืออีกความหมายหนึ่ง คือเป็นวัประจำทั้ง 9 รัชกาลก็ว่าได้(ผมทึกทักเองนะครับ)

รูปภาพที่แนบมา: วัดพระแก้ว1.jpg (2009-1-27 11:53, 13.72 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 5
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MjU5fDk0MGI5ODM0fDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-1-27 11:57

พระแก้วมรกต พร้อมเครื่องทรงฤดูร้อน

รูปภาพที่แนบมา: พระแก้วมรกต ร้อน 1.jpg (2009-1-27 11:56, 23.17 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 8
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MjYwfDg5YjlkYTYwfDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: พระแก้วมรกต ร้อน5.jpg (2009-1-27 11:56, 71.77 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 6
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MjYxfGRlNzEzODFmfDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: พระแก้วมรกต ร้อน.jpg (2009-1-27 11:56, 11.03 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 8
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MjYyfGQ5YmZhNzk4fDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D



รูปภาพที่แนบมา: พระแก้วมรกต ร้อน 2.jpg (2009-1-27 11:56, 4.59 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 5
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MjYzfGQ5Mzg1Y2EyfDE3MzI3Mzk2NTR8MA%3D%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-2-19 14:02

1.JPG      วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลกว่า "The Marble Temple" เพราะพระอุโบสถ พระระเบียง ประดับด้วยหินอ่อนที่ดีที่สุดจากประเทศอิตาลี ประกอบกับเป็นวัดที่มีความวิจิตรงดงามด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมไทยโบราณ จึงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศสนใจเข้าชมจำนวนมากทุกวัน
           วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร มีเนื้อที่ทั้งสิ้น ๑๐,๕๖๖ ตารางวา ๑๔ ตารางศอก ตั้งอยู่แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ระหว่างถนนสายใหญ่คือ ถนนพระรามที่ ๕ ถนนศรีอยุธยา ถนนราชดำเนินนอก และถนนพิษณุโลก
           พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงสถาปนาขึ้นด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมไทยโบราณ และวางแบบแปลนแผนผังแยกสัดส่วนเป็นเขตพุทธาวาส สังฆาวาส และที่ธรณีสงฆ์สำหรับผู้อุปัฏฐากภิกษุสามเณรอยู่อาศัย ในเขตพุทธาวาสและสังฆาวาส มีสนามหญ้าและปลูกต้นไม้ให้ร่มรื่น กุฏิที่อยู่ของภิกษุสามเณร เป็นระเบียบ ปลอดโปร่ง ซึ่งถือว่าเป็นวัดที่มีการวางแปลนแผนผังที่ดีที่สุดวัดหนึ่ง


รูปภาพที่แนบมา: 1.JPG (2009-2-19 14:02, 25.97 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 8
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=NDAyNnxkZjc5Y2RiM3wxNzMyNzM5NjU0fDA%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-2-19 14:04

วัดเบญจมบพิตร เดิมเป็นวัดโบราณ มีชื่อว่า "วัดแหลม" หรือ "วัดไทรทอง" ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างในสมัยใด จนถึงปี พ.ศ.๒๓๖๙ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ จึงปรากฏชื่อขึ้นในประวัติศาสตร์ เมื่อเจ้าอนุวงศ์ผู้ครองนครเวียงจันทน์ ประเทศราชของไทย ได้ก่อการกบฎยกทัพมาตีไทย
          พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ (พระองค์เจ้าพนมวัน พระเจ้าลูกยาเธอ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหน้านภาลัย กับเจ้าจอมศิลา ต้นราชสกุล พนมวัน) เป็นผู้บัญชาการกองทัพในส่วนการรักษาพระนคร โดยทรงตั้งกองบัญชาการอยู่ในบริเวณ "วัดแหลม" หรือ "วัดไทรทอง" นี้
          เมื่อเสร็จสิ้นการปราบกบฏแล้ว พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ พร้อมด้วยพระเชษฐภคินี พระขนิษฐภคินี และพระกนิษฐภาดา ร่วมเจ้าจอมมารดาอีก ๔ พระองค์ ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้น ประมาณปี พ.ศ.๒๓๗๐-๒๓๗๑ แล้วทรงสร้างพระเจดีย์ ๕ องค์ รายด้านหน้าวัดเป็นอนุสรณ์
          ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ ๔ ปรากฏในพระราชพงศาวดารว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดเบญจบพิตร" ซึ่งมีความหมายว่าเป็นวัดของเจ้านาย ๕ พระองค์ หรือวัดที่เจ้านาย ๕ พระองค์ทรงปฏิสังขรณ์ขึ้น
โดย: noi    เวลา: 2009-2-19 14:42

2.JPG   ในปีพุทธศักราช ๒๔๔๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ มีพระราชประสงค์จะทรงสร้างพระราชอุทยาน เป็นที่ประทับแรมสำราญพระราชอิริยาบถในวันสุดสัปดาห์ จึงโปรดเกล้าฯให้จัดซื้อที่บริเวณด้านทิศเหนือของพระบรมมหาราชวัง ระหว่างคลองสามเสนกับคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งเป็นที่สวนและทุ่งนา ตามราคาจากราษฎร ด้วยพระราชทรัพย์สำหรับใช้จ่ายการในพระองค์ พระราชทานนามว่า "สวนดุสิต"
       โปรดเกล้าฯให้เริ่มลงมือตัดไม้ ปรับพื้นที่เพื่อสร้างสวนดุสิต เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๔๑ และได้ทำการสืบมาจนกระทั่งถึงวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ.๒๔๔๒ จึงได้เสด็จเถลิงพลับพลาเป็นครั้งแรก
          การสร้างสวนดุสิต ได้ใช้พื้นที่ของวัดดุสิต หรือวัดดุสิดาราม ที่อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม มีภิกษุอยู่เพียง ๑ รูป เป็นที่สร้างพลับพลา และที่วัดร้างอีกวัดหนึ่งตัดเป็นถนนภายในสวนดุสิตด้วย ประกอบกับมี "วัดเบญจบพิตร" ที่ชำรุดทรุดโทรมอยู่ใกล้เขตพระราชฐานด้านทิศใต้ด้วย จึงมีพระราชดำริที่จะทรงทำ "ผาติกรรม" สถาปนาวัดขึ้นใหม่ โดยมีพระราชประสงค์สำคัญคือ
          ๑. เพื่อแสดงว่าพระองค์ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก เมื่อทรงใช้ที่วัดสร้างพระราชอุทยาน ก็ทรงทำ "ผาติกรรม" สร้างวัดขึ้นทดแทนตามประเพณี โดยสร้างเพียงวัดเดียว แต่ทำให้เป็นพิเศษ วิจิตรงดงาม สมควรที่จะเป็นวัดอยู่ใกล้เขตพระราชฐาน
          ๒. เป็นที่แสดงแบบอย่างทางการช่างของสยามประเทศ โดยโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ออกแบบก่อสร้างพระอุโบสถพร้อมพระระเบียงอย่างวิจิตรงดงามด้วยแบบอย่างศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยโบราณ
          ๓. เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมพระพุทธรูปโบราณสมัยและปางต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นทั้งในและต่างประเทศ แสดงให้ประชาชนเห็นเป็นแบบอย่าง ภายในพระระเบียง ซุ้มมุขหลังพระอุโบสถ และซุ้มมุขด้านนอกพระระเบียง
          ๔. เป็นที่เล่าเรียนพระปริยัติธรรมและวิชาชั้นสูงซึ่งทรงเรียกว่า "คอเลซ"  (College)  เป็นการเกื้อกูลแก่คณะสงฆ์มหานิกาย
          ๕. เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งพระองค์ โดยเมื่อสถาปนาขึ้นแล้วพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดเบญจมบพิตร" ซึ่งหมายถึงวัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ ๕ กับได้ทรงแสดงพระราชประสงค์ไว้ว่า เมื่อพระองค์สวรรคตและถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว ให้นำพระสรีรางคารไปบรรจุไว้ใต้รัตนบัลลังก์พระพุทธชินราช ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ได้โปรดเกล้าฯให้จัดพระราชพิธีบรรจุพระสรีรางคารตามพระราชประสงค์
          เมื่อเริ่มการสถาปนา โปรดเกล้าฯให้ร้ือถอนสิ่งก่อสร้างในวัดเดิมทั้งหมด ปรับพื้นที่ก่อสร้าง สังฆเสนาสน์สำหรับพระสงฆ์สามเณรอยู่อาศัยได้ ๓๓ รูป เท่ากับปีที่ทรงครองราชสมบัติ โดยทรงมอบหมายให้ เจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ (ม.ร.ว.เย็น อิศรเสนา เมื่อครั้งเป็น เจ้าหมื่นเสมอใจราช) เป็นผู้รับผิดชอบ กับโปรดเกล้าฯให้สร้างพระอุโบสถชั่วคราว เป็นอาคารไม้หลังคามุงจาก เพื่อทำสังฆกรรมไปพลางก่อน
          วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ.๒๔๔๒ ซึ่งเป็นวันเสด็จเถลิงพลับพลาประทับแรมที่สวนดุสิตครั้งแรก
          พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดเบญจมบพิตร ทรงประเคนประกาศพระบรมราชูทิศถวายที่วิสุงคามสีมา แก่สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฑฺฒโน) วัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งเป็นประธานสงฆ์ สมเด็จพระวันรัต อ่านประกาศพระบรมราชูทิศในที่ประชุมสงฆ์ ซึ่งปรากฏข้อความในประกาศพระบรมราชูทิศตอนหนึ่งว่า
          "....ทรงพระราชทานนามวัด วัดเบญจมบพิตร แสดงลำดับรัชกาลในมหาจักรีบรมราชวงศ์…."


รูปภาพที่แนบมา: 2.JPG (2009-2-19 14:42, 22.94 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 8
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=NDAyN3w3ZDViMjVhMHwxNzMyNzM5NjU0fDA%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-2-19 14:43

จึงถือได้ว่า วันที่ ๑ มีนาคม ๒๔๔๒ เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกาศสถาปนาวัดเบญจมบพิตรขึ้น แล้วได้ดำเนินการก่อสร้างเป็นลำดับมา
          ถึงปี พ.ศ. ๒๔๔๓ เมื่อการก่อสร้างสังฆเสนาสน์แล้วเสร็จตามพระราชประสงค์ในขั้นแรก จึงโปรดให้แห่พระสงฆ์สามเณร ๓๓ รูป ซึ่งโปรดให้คัดเลือกได้แล้ว และให้รวมฝึกอบรมอยู่ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ ไปอยู่วัดเบญจมบพิตร เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๔๔๓ และในคราวนี้เองได้พระราชทานที่วัดเพิ่มเติม และสร้อยนามต่อท้ายชื่อวัดว่า "ดุสิตวนาราม" เรียกรวมกันว่า "วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม"
          ในส่วนพระอุโบสถถาวร และพระระเบียง โปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ (พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ต้นราชสกุล จิตรพงศ์) เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ เป็นสถาปนิกเขียนแบบแปลนแผนผัง และเริ่มการก่อสร้างต่อไปพร้อม ๆ กับการก่อสร้างเสนาสนะอื่น ๆ
          พระยาราชสงคราม (กร หงสกุล บุตรพระยาราชสงคราม ทัด) ช่างก่อสร้างฝีมือดีที่สุดในขณะนั้น ได้ดำเนินการก่อสร้างมาตามลำดับ จนถึงวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จสวรรคต การก่อสร้างสังฆเสนาสน์อื่น ๆ ยังไม่แล้วเสร็จครบถ้วนตามแผนผัง ที่ทรงวางไว้ การประดับตกแต่งพระอุโบสถบางส่วนและสังฆเสนาสน์บางแห่ง ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ตามพระราชประสงค์
          พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ จึงทรงดำเนินการต่อมา โดยโปรดเกล้าฯให้ยกช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ขึ้น และเมื่อหินอ่อนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้สั่งซื้อจากประเทศอิตาลีเข้ามาถึงแล้ว ก็โปรดเกล้าฯให้ประดับในส่วนที่ยังค้างอยู่จนเรียบร้อย กับให้ช่างกรมศิลปากรเขียนผนังภายในพระอุโบสถด้วยสีน้ำมัน เป็นลายไทยเทพนมพุ่มข้าวบิณฑ์สีเหลืองบนพื้นขาว ดังปรากฏอยู่ในปัจจุบัน
          พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรและพระระเบียงที่ประดับตกแต่งแล้ว จึงวิจิตรงดงามสมบูรณ์แบบด้วยศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยโบราณอย่างน่่าอัศจรรย์ยิ่ง
          ส่วนพระอุโบสถไม้ชั่วคราวหลังเดิม โปรดเกล้าฯให้รื้อไปสร้างเป็นพระอุโบสถวัดวิเวกวายุพัด บางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดย: noi    เวลา: 2009-2-19 14:47

พระอุโบสถ ลักษณะทั่วไปของพระอุโบสถ เป็นแบบจตุรมุข มุขด้านตะวันออกขยายยาว ด้านเหนือและใต้มีมุขกระสันต่อกับพระระเบียง หลังคา ๔ ชั้น ด้านมุขกระสันทิศเหนือและทิศใต้ ๕ ชั้น มีพระระเบียงโอบรอบด้านหลัง ด้านหน้าพระอุโบสถ มีกำแพงแก้ว บนมุมกำแพงแก้วซ้าย-ขวา มีเสาคอนกรีตหัวเสาเป็นศิลาสลักรูปดอกบัวตูม คือเครื่องหมาย "สีมา" สำหรับด้านหน้า ส่วนสีมาด้านหลังพระอุโบสถ สลักรูปเสมาธรรมจักรที่แผ่นหินแกรนิตปูพื้น ภายในกำแพงแก้ว ปูหินแกรนิตสีชมพูอ่อนและสีเทา มุขตะวันออกมีเสากลมหินอ่อน ๔ ต้น ข้างบันไดหินอ่อนมีสิงห์สลักหินอ่อน ๒ ตัว ซึ่งโปรดเกล้าฯให้ ขุนสกลประดิษฐ์ ช่างในกรมช่างสิบหมู่ เป็นผู้ปั้นแบบ ตามภาพที่สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงเขียน ผนังรอบพระอุโบสถด้านนอกประดับด้วยแผ่นหินอ่อน ๔ เหลี่ยมสีขาวบริสุทธิ์ หนา ๓ เซนติเมตร มุขตะวันตกด้านนอก มีเสาและสิงห์เช่นเดียวกับด้านหน้า และที่ซุ้มจรนำ ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณ เป็นพระยืนทรงเครื่องสมัยลพบุรี ปางห้ามญาติ ถวายพระนามว่า "พระธรรมจักร" เพราะที่ฝ่าพระหัตถ์สลักเป็นรูปพระธรรมจักร กับโปรดเกล้าฯให้บรรจุพระอังคารสมเด็จพระเจ้ามไหยิกาเธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร (พระเจ้าราชวงศ์เธอ พระองค์เจ้าละม่อม ซึ่งทรงอภิบาลเลี้ยงดูพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่พระเยาว์มา ประหนึ่งสมเด็จพระราชชนนี) ใต้ฐานพระด้วย ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ลำยอง ลงรักปิดทองทึบ อ่อนช้อยรับกันทุกชิ้นมีคันทวยรับเชิงชายเป็นระยะ ๆ หลังคาพระอุโบสถมุงกระเบื้องเคลือบสีเหลือง เรียกว่ากระเบื้องกาบู ซึ่งมีลักษณะเป็นกาบโค้งครอบแผ่นรอง เชิงชายเป็นแผ่นเทพนม ซึ่งโปรดเกล้าฯให้นำกระเบื้องวัดกัลยาณมิตร ส่งไปเป็นตัวอย่างทำสีจากเมืองจีน หน้าบันพระอุโบสถโปรดเกล้าฯให้ผูกลายประกอบพระราชลัญจกรต่าง ๆ คือ ๑. หน้าบันมุขตะวันออก จำหลักไม้ ผูกลายประกอบตราเป็นพระนารายณ์ทรงครุฑ ซึ่งถอดจากพระราชลัญจกร "พระครุฑพาห์" ในลายมีหมู่เทวดาอัญเชิญเครื่องสูงประกอบซ้ายขวาด้วย ๒. มุขตะวันตก จำหลักไม้ ผูกลายประกอบตราเป็นอุณาโลมในบุษบก ซึ่งถอดจากพระราชลัญจกร "มหาอุณาโลม" หรือ "มหาโองการ" ๓. มุขเหนือ ปั้นปูน ผูกลายประกอบตราเป็นช้างสามเศียร บนหลังมีบุษบก ซึ่งถอดจากพระราชลัญจกร "ไอยราพต" ๔. มุขใต้ ปั้นปูน ผูกลายประกอบตราเป็นรูปจักรรถ ซึ่งถอดมาจากพระราชลัญจกร "จักรรถ" แต่เพราะพระราชลัญจกรจักรรถเหมือนกับ "พระธรรมจักร" จึงเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า "พระธรรมจักร" ในการผูกลายประกอบพระราชลัญจกร นอกจากสมเด็จฯเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์แล้ว ส่วนหนึ่งพระเจ้าบวรวงศ์เธอ กรมหมื่นวรวัฒน์ศุภากร (พระองค์เจ้าเฉลิมลักษณวงศ์ ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว) ช่วยเขียนแบบ ในกำกับของสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ด้วย บานประตูด้านนอกติดแผ่นโลหะนูน ภาพเทวดารักษาประตู (ทวารบาล) ด้านในเขียนลายรดน้ำภาพเหมือนกับด้านนอก บานหน้าต่างด้านนอกติดแผ่นโลหะนูนภาพมาร (ยักษ์) แบก ด้านในเขียนลายรดน้ำภาพเหมือนด้านนอก

รูปภาพที่แนบมา: 3.jpg (2009-2-19 14:47, 21.52 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 7
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=NDAyOHw3YWFhMjM5OXwxNzMyNzM5NjU0fDA%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-2-19 14:52

พระพุทธชินราช


          พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปนั่งสมาธิราบ ปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย มีเรือนแก้ว ประทับนั่งเหนือรัตนบัลลังก์หินอ่อน (เรือนแก้วนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ โปรดเกล้าฯให้ทำถวาย เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๕ แต่ช่างทำไม่งาม รัชกาลที่ ๗ จึงโปรดเกล้าฯ ให้แก้ไขใหม่สวยงามตามที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน)
      
   พระพุทธชินราช มีขนาดหน้าตัก ๕ ศอกคืบ ๕ นิ้ว มีเศษ น้ำหนักทองที่ใช้หล่อ ๓,๙๔๐ ชั่ง
          พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯให้พระประสิทธิปฏิมา (ม.ร.ว.เหมาะ ดวงจักร เมื่อครั้งเป็น หลวงประสิทธิปฏิมา) จางวางช่างหล่อขวา ซึ่งเป็นช่างหล่อฝีมือดีที่สุด ขึ้นไปปั้นหุ่นถ่ายแบบจากพระพุทธชินราชองค์เดิม ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก แล้วเสด็จพระราชดำเนินทรงเททองหล่อเป็นส่วน ๆ เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๔๔๔ อัญเชิญล่องเรือมาคุมองค์และแต่งที่กรมทหารเรือ โดยพระยาชลยุทธโยธิน (Andre du Plessis de Richelieu ชาวเดนมาร์ก เข้ามารับราชการเป็นทหารเรือ มียศเป็นพลเรือโท ตำแหน่งผู้บัญชาการกรมทหารเรือ) เป็นผู้ควบคุมการแต่งองค์พระ เสร็จแล้วเชิญลงเรือมณฑปแห่ไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๔๔๔
          การทั้งปวงตั้งแต่ปั้นหุ่น หล่อ ตกแต่ง และอัญเชิญขึ้นประดิษฐานในพระอุโบสถ สำเร็จเรียบร้อยดี ทรงปีิติโสมนัสอย่างยิ่ง จึง "ทรงเปลื้องสายสะพายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ นพรัตน์ราชวราภรณ์ ซึ่งกำลังทรงอยู่นั้น ถวายพระพุทธชินราชเป็นพุทธบูชา" เมื่อเชิญพระพุทธชินราชขึ้นประดิษฐานในพระอุโบสถ เครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับราชตระกูล ซึ่งทางวัดได้เก็บรักษาไว้อย่างดี และอัญเชิญมาคล้องถวายที่พระหัตถ์พระพุทธชินราช ในวันปิยมหาราช ๒๓ ตุลาคม ทุกปี
          เมื่ออัญเชิญพระพุทธชินราชขึ้นประดิษฐานแล้ว ต่อมาถึงปลายปี พ.ศ.๒๔๕๒ จึงโปรดเกล้าฯให้จ้าง มร.จุรุหระ (Mr. Tsuruhara) ครูช่างในโรงเรียนวิชาช่างกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาทำการปิดทองจนแล้วเสร็จ และโปรดเกล้าฯให้จัดงานสมโภชในวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๔๕๓ 4.JPG http://www.watbencha.com/history/buddha.html


รูปภาพที่แนบมา: 4.JPG (2009-2-19 14:52, 23.44 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 7
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=NDAyOXwwNzNmMzBhY3wxNzMyNzM5NjU0fDA%3D



รูปภาพที่แนบมา: 4.JPG (2009-2-19 14:52, 23.44 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 7
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=NDAzMHxlOTc4NjRmNHwxNzMyNzM5NjU0fDA%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-2-19 16:01

5.JPG เจ้านายน้อยกำลังร่วมบุญนานา(ช่วงนี้14ก.พ.52ทางวัดกำลังขึ้นนั่งร้าน.พอดี.บูรณะช่อฟ้า ใบระกา)

รูปภาพที่แนบมา: 5.JPG (2009-2-19 16:01, 23.14 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 9
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=NDAzMXw3YjNkMmQwNnwxNzMyNzM5NjU0fDA%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-4-3 09:02

วันนี้ขอแทรกด้วยภาพพระพุทธรูป บูชา 5นิ้ว ได้มาเพื่อร่วมบุญสังฆทาน(ที่หมู่บ้านมีงานทำบุญประจำปี 2552)
และจะถวายร่วมกันในกองสังฆทาน วันที่ 4 เม.ย.2552
โดย: noi    เวลา: 2009-4-3 09:03

1.JPG

รูปภาพที่แนบมา: 1.JPG (2009-4-3 09:03, 25.16 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 2
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=ODU1NXw0NDUzOTI5YnwxNzMyNzM5NjU0fDA%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-4-3 09:03

2.JPG

รูปภาพที่แนบมา: 2.JPG (2009-4-3 09:03, 24.76 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 10
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=ODU1NnwzNDE3OTI5NHwxNzMyNzM5NjU0fDA%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-4-3 09:05

3.JPG

รูปภาพที่แนบมา: 3.JPG (2009-4-3 09:05, 33.65 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 10
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=ODU1N3w2MTcwNGIwZHwxNzMyNzM5NjU0fDA%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-4-3 09:07

4.JPG

เป็นพระเก่า อายุ 52 ปีรุ่นเดียวกับที่สร้างพุทธมณฑล ปี2500
ขอเชิญพ่อแม่พี่น้อง กราบโมทนาบุญร่วมกันครับ

รูปภาพที่แนบมา: 4.JPG (2009-4-3 09:07, 28.14 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 11
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=ODU1OHw3MjEyYWFlZXwxNzMyNzM5NjU0fDA%3D


โดย: noi    เวลา: 2009-4-3 09:09

3.JPG

รูปภาพที่แนบมา: 3.JPG (2009-4-3 09:09, 33.65 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 10
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=ODU1OXxlODdkZmY1M3wxNzMyNzM5NjU0fDA%3D


โดย: YONG    เวลา: 2009-4-4 08:50

สวยงามมากๆเลยครับ อนุโมทนาด้วยครับ
โดย: webmaster    เวลา: 2009-4-17 16:42

โมทนาด้วยครับ
โดย: bigsobig    เวลา: 2009-4-19 00:00


โดย: PAT    เวลา: 2009-11-20 22:22

ศิลปะงดงามคู่ศีลธรรมชาวพุทธ มุ่งไปพระนิพพาน โมทนาด้วยครับ




ยินดีต้อนรับสู่ แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน" (http://dannipparn.com/) Powered by Discuz! X1.5