แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

ชื่อกระทู้: ถามเรื่องการอุทิศบุญ [สั่งพิมพ์]

โดย: yuiflukefo    เวลา: 2013-9-3 11:16     ชื่อกระทู้: ถามเรื่องการอุทิศบุญ

สงสัยค่ะว่าดวงวิญญาณนายเวรทั้งหลายที่เค้าตามเรานั้นเค้าจะเข้าใจความรู้สึกของเราหรือเรื่องราวในชีวิตประจำวันที่เราดำเนินกันอยู่รึเปล่าคะ เช่นปกติเวลาเราทำบุญหรือสวดมนต์เราก็จะอุทิศบุญให้กับนายเวรตัวเรา เทวดารักษาตัวเรา ไล่ไปเรื่อยๆ ถึงคนในบ้านด้วย ทีนี้ช่วงนี้เราจะอุทิศให้นายเวรแม่เรากับเทวดาแม่เราคนเดียวเนื่องจากช่วงนี้แม่เราป่วยเราก็เลยว่าให้ของแม่ก่อนของตัวไว้ทีหลัง(คิดเองว่าน่าจะเป็นการช่วยแม่ได้อีกทางนึงเพราะให้ทำเองคงยากมาก) ทีนี้นายเวรของเราเค้าจะโกรธมั๊ยหรือคิดยังไงประมาณว่าฉันเคยได้แล้วทำไมไม่ได้หรือเคยให้ฉันอยู่ๆ ทำไมไม่ให้รึเปล่า 1 ~1 f  F1 j) F: A4 O

โดย: มารน้อย    เวลา: 2013-9-3 22:56

ตอบกระทู้ yuiflukefo ตั้งกระทู้
' N' d- @# i& M* k) D* I/ w0 J
, j. e; h$ @6 K8 ~สำหรับเรื่องนี้ตอบไม่ยากครับ โดยปกติแล้วการที่ใครสักคนมาจองเวรกันได้ ก็ต้องมีความแค้นต่อกัน ส่วนจากสาเหตุอะไรนั้น ก็แล้วแต่กรรม ที่กระทำไว้  ปกตินายเวรเขาอยากเห็นเราลำบาก ไม่ว่าจะเป็นกาย หรือใจก็ตาม เขาย่อมพึงพอใจอยู่แล้ว เพราะเขามีหน้าที่มาทำให้เราเดือดร้อน ส่วนเราจะอุทิศบุยให้นายเวของแม่จนลืมของเรานั้น อันนี้ไม่สมควร ถ้าใช้การอุทิศบุญให้ไม่ได้ก็เบิกบุญก็ได้นี้
โดย: yuiflukefo    เวลา: 2013-9-4 08:01

แล้ว  "อุทิศบุญ"  กับ "เบิกบุญ" ต่างกันยังไงคะ  
โดย: มารน้อย    เวลา: 2013-9-4 11:56

ตอบกระทู้ yuiflukefo ตั้งกระทู้
0 D% @2 k" ^" E3 u; s
# ~9 H( s% ?4 M- }7 Z4 kจากคำถามผมขอตอบแบบนี้ก็แล้วกัน  จากประสบการณ์ที่ผ่ามมา ทำให้ผมได้เข้าใจว่าการ อุทิศบุญ กับการเบิกบุญมีความแตกต่างกัน คือ$ }5 g3 `0 {, c7 _
"อุทิศบุญ" คือ การที่ให้บุญผู้อื่น(ผู้ที่ไม่มีกายหยาบแล้ว) ในขณะที่เรานั้นกำลังสร้างบุญ เช่น ตักบาตร ปล่อยสัตว์ ซื้อของให้แม่ ตักน้ำให้แม่ สวดมนต์ นั่งสมาธิ และอื่นๆมากมาย ในขณะที่เรากำลังสร้างบุญ จะเกิดแสงสีขาวสว่างวาบออกมา จะคงสภาพอยู่ประมาณ ๓ วินาที ระหว่างนี้ให้เราคิดทันทีว่า "บุญนี้ให้แก่...(ผู้ที่เราจะให้)........" บุญที่เราทำก็จะไปถึงผู้ที่เราให้ทันทีแล้วบุญที่ให้เขาจะสะท้อนกลับมาสู่ตัวเราอีกทีหนึ่ง
; y- U# A0 q( I$ Z"การเบิกบุญ" คือ การที่เราให้บุญคนอื่นในขณะที่เราไม่ได้สร้างบุญ โดยปกติแล้วบุญที่เราสร้างจะถูกนำไปเก็บ ณ สถานที่หนึ่ง ที่เรียกกันว่าธนาคารบุญ โดยทั่วไปหากเราต้องการเบิกเงินเราต้องไปแจ้งความประสงค์ที่นายธนาคารเพราะนายธนาคารจะมีอำนาจในการเบิกจ่ายเงิน ธนาคารบุญก็เช่นกันเราขะขอเบิกบุญเราก็ต้องแจ้งที่นายธนาคารที่มีอำนาจแทนการเบิกจ่าย นายธนาคารก็จะมีใครละที่จะมีอำนาจ ดัง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  โดยเราอธิฐานว่า "ข้าพเจ้าขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โปรดดลบันดาลให้บุญของข้าพเจ้าลงมาส่งไปยัง...(ผู้ที่เราต้องการให้)....." เท่านี้ก็เสร็จขบวนการ
โดย: ณัฐดนัย    เวลา: 2013-9-5 17:13

อนุโมทนาสาธุครับ สาธุครับ ได้ความรูัอีกแล้วครับ สาธุ
โดย: yuiflukefo    เวลา: 2013-9-6 07:47


โดย: webmaster    เวลา: 2013-9-10 20:20

ในการ "เบิกบุญ" ต้องเข้าใจว่า บุญเราไปอยู่ที่ไหน บุญไปอยู่ที่สังสารวัตหน้า หรือภพหน้า เหมือนชาตินี้ เรากินบุญชาติก่อน แล้วบุญก็ฝังอยู่จิตเจตสิกของเรา และบุญก็ถูกบัญทึกใน สามภพ คือ ยมโลก เทวโลก พรหมโลก เช่น ถ้าเราทำบุญด้านกรรมฐาน ก็จะลิ้งค์ไปที่ พรหมโลก โดยมีท่านท้าวมหาพรหมดูแลอยู่ เป็นต้น เพราะฉะนั้นในการจะเบิกบุญต้องอธิษฐานจิตว่า "ขอบุญที่กระทำ ณ โอกาสนี้ ที่จะส่งไปยังภพหน้า จงมาสำเร็จแก่ข้าพเจ้าในชาติปัจจุบันด้วยเทอน" ด้วยการอธิษบานจิตนี้่บุญก็จะส่งกลับมาทำให้เกิดความคล่องตัวปราถนาอะไรสำเร็จ แต่เราเองก็อย่าเบิกจนเพลินไม่ทำต่อหละ ก็ต้องทำต่อยอดให้มากยิ่งขึ้น ...2 X) J+ E2 ?' [& _! o2 o! J

1 Y& J/ W, E. V4 O+ vส่วนการ "อุทิศบุญ" นั้นเราจะอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรคนอื่นไม่ได้ ตามหลักการคือ เขาไม่รู้จักเรา แล้วจะเอาของที่เราให้ได้อย่างไร เพราะคนที่เขารู้จักคือ แม่เรา เพราะฉะนั้น เราทำบุญต้องบอกให้แม่เรารับรู้ก่อน แล้วให้แม่เราอุทิศต่อ แบบนี้ถึงจะถูก เจ้ากรรมนายเวรของใครของมัน ก็ชดใช้กันไปอุทิศกันไป เหมือนเราเอาเงินให้แม่ แล้วแม่ก็เอาเงินนั้นถือว่าเป็นของแม่ ไปใช้หนี้กับคนที่แม่เป็นหนี้ คือ เจ้ากรรมและนายเวร นั้นเอง ส่วนเจ้ากรรมนายเวรของเรา เราต้องฉลาดหน่อย ต้องอธิษฐานกำหนดจิตบอกว่า "ขอบุญใดที่จะเกิดกับข้าพเจ้ามากน้อยเพียงใด ขอบุญนั้นจงสำเร็จแด่เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าเช่นกัน ขอให้มีความสุข ในทุกๆ ครั้งที่ข้าพเจ้าทำบุญ ถึงแม้จะลืมอุทิศด้วยจิตที่กำหนดในเจตสิกนี้ จงเป็นไปโดยอัตโนมัติ" เมื่อกำหนดแบบนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะลืมอุทิศเพราะเรากำหนดจิตและสั่งจิตล่วงหน้าแล้ว และมั่นดับจิตเจตสิก โดยกำหนดว่า "เนวะสัญญา นาสัญญา ยะตะนะ ข้าพเจ้าไม่ขอมีเวรมีกรรมต่อผู้ใดอีกต่อไป ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป" แบบนี้เรียกว่ากำหนดดับจิตเจตสิก. a: E1 |0 z+ S0 G$ F
) i4 F7 e% V3 ?0 F  U9 ?

* i# J3 {9 I) _3 W, e! Vวิธีการดับจิตเจตสิก: Q2 u, v0 \7 b
เวลาเรานั่งๆ ไปก็นึกถึงเวรกรรมที่ได้ทำ แล้วก็กำหนดลบจิตเจตสิกไปว่า
1 P% X3 Z) P' ~" G9 P"เนวะสัญญา นาสัญญา ยะตะนะ ข้าพเจ้าไม่ขอมีเวรมีกรรมต่อผู้ใดอีกต่อไป ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป" ทำแบบนี้จนมันนึกไม่ออกทำยังไงก็นึกไม่ออกแบบนี้ กรรมที่ติดในเจตสิกของเราก็ได้ หายไปแล้วดับไปแล้ว ทำบ่อยๆ ก็มีแต่กรรมดีเข้าสนอง ก็ทำให้เรามีความสุข

6 `' m- A% k9 c6 C% {6 z3 ?
โดย: yuiflukefo    เวลา: 2013-9-12 07:37

พอดีอ่านในหนังสือเล่มนึึงค่ะเจอศัพท์คำว่า "เชื่อมบุญ"  และ "โอนบุญ"  มีความแตกต่างกับสองอย่างแรกอย่างไรคะ
โดย: ณัฐดนัย    เวลา: 2013-9-12 20:40

อนุโมทนาสาธุครับ ท่าน webmaster ด้วยครับ สาธุครับ
โดย: zero    เวลา: 2013-9-13 01:17

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
4 d! o8 N0 q* cเจ้ากรรมนายเวรหลวงพ่อครับ คำว่าเจ้ากรรมนายเวรนี่หมายถึงใครบ้างครับ...?
' o, L/ L7 _, X# c- a7 E* J( R7 ]* g8 x8 H
เจ้ากรรมนายเวรนี่ตัวตนมันไม่มีหรอก% d( j" |4 ~1 z3 r
มันเป็นเรื่องของกรรมที่เป็นอกุศลกรรม ที่เราทำไว้ " U; z& @" w7 r9 v3 ]
ตัวจริงที่เราเคยทำเขาไม่มายุ่งกับเราหรอก
* L1 J0 X+ x# x  ^, |5 \* L' `5 G, ?; V$ i5 O8 @& `
อย่างเราฆ่าปลาตาย ปลาเขาก็ไม่มายุ่งกับเรา ; @9 U& ^: d" f8 {+ X  n4 l8 j' S- B
แต่ปรากฏของกรรมมันเล่นงานเรา
6 V) v+ R3 [4 N: E; Sถ้าปลานั่งจองเวรคอยลงโทษเราแกก็ไม่ต้องไปเกิดล่ะ
1 w- X/ K% x+ L
  A) b( l7 }! Nคำว่าเจ้ากรรมนายเวรนี่นะ ถ้าพูดตามส่วนตัวจะว่าไม่มีก็ไม่ได้ 4 h) d& h; C: ?

' p0 P& n) K0 I7 j- b) g: z7 mถ้าหากเราฝึกขั้นสุกขวิปัสสโก เราจะบอกว่าไม่มีตัว เพราะไม่เคยเห็น
, z( K3 I2 C4 u# yแต่ว่าตั้งแต่ เตวิชโช ขึ้นไปเขาเห็น
; z0 C& a* G; @0 E/ R( Lต้องพูดตามขั้นนะ ถ้าเราว่ากันตามหนังสือก็คิดว่าจะไม่มี
) Q/ f8 B, W4 d* E2 C. W# e6 v' f7 {/ u$ z3 M: i2 ]/ T
......................; |2 O0 W+ `" {3 c

- J  W  [- z# t$ sแล้วถ้าเราอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเขาจะได้รับไหมคะ...?- L1 I! b# V, B% U2 k0 q" d

3 V: m2 m* K! h( I2 b1 Q( ^" T/ Xคือว่าอุทิศส่งไปให้เขาจะได้รับหรือไม่ได้ก็ตาม
, @$ V, |1 d# G8 z0 Qบุญที่เราทำเป็นผลให้เกิดความสุข ; d  t, ?) V$ V+ v6 F
ไอ้กรรมต่างๆ ที่เป็นอกุศลที่เราทำไปแล้ว เราไปยั้งมันไม่ได้ % p# T' n8 O8 s
แต่ทว่าถ้าเราทำกรรมดีมีกำลังเหนือมันก็กวดไม่ทันเหมือนกัน
: J$ X$ ]& O$ X# ~8 Y3 X4 b( p  ?- m2 Z. {& {' u
สำหรับคำอุทิศส่วนกุศลที่ใช้อยู่เดียวนี้ยาวเหมือนกันแต่ยาวตามที่ท่านบอก- i* q6 m& H+ _
บทอุทิศส่วนกุศลท่อนแรก ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรนั่น หลวงพ่อปู่โต มาบอก, d" I' ?* q) I; }& g: e: W6 {! Y' T+ q
แล้วก็บทอุทิศส่วนกุศลอีก 3 ท่อน พระยายมราช มาบอก! o5 O3 J" E) f4 X

2 R$ Q9 K3 T+ l2 n& h$ D1 Cสำหรับตอนที่สองให้โมทนา
2 m0 U( f$ W! u. Nท่านบอกว่าเวลาอุทิศอุทิศส่วนกุศลน่ะ ขอบอกให้ผมเป็นพยานด้วย
# b( y: J! ?# yท่านบอกว่าลูกหลานของท่าน ก็คือลูกหลานของผม และมันก็ไม่แน่นักหรอก
0 L/ a) A5 _; h8 I( Zบางทีไปอยู่สำนักผมมันอาจจะลืมก็ได้ เขาอาจจะนึกถึงบุญไม่ออก
8 X7 y/ a* s/ C5 r! Lถ้านึกถึงบุญไม่ออก ถ้านึกไม่ออกก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องปล่อยให้ตกนรก; T' }# F8 n( g) ]  d5 N- F, `
หากว่าถาม 3 เที่ยวนึกไม่ออก8 T) i% f! Z) [9 [" D
ผมจะได้ประกาศว่า นี่เขาเคยบอกฉันไว้ เวลาทำบุญเขาบอกให้ฉันเป็นพยาน 2 Y$ h" `) E2 m; H+ q9 ?9 U
แล้วก็ประกาศกุศลนั้น ก็ได้ไปสวรรค์
' D3 n7 N! m' w9 `7 q2 L/ D' |+ Q5 t# O& W
นายเวร
! h! N$ A8 I# U0 o  k3 s: _เรื่องมันมีอยู่ อย่างพระถูกหอกตาย เรื่องนี้มีอยู่ในพระสูตร คือว่ามันมีอยู่ว่า# `$ p8 X, u0 c& }5 U; F$ J, |: J' S) D
พระองค์ ท่านกำลังเย็บจีวร เย็บไปๆ ไอ้ตัวเรือดมันอยู่ในตะเข็บจีวร ท่านไม่เห็น
, v; W+ z0 q* `เข็มก็ไปทิ่มเรือดตาย อย่างนี้ถือว่าเป็นบาปลงนรกไม่ได้ เพราะเจตนาไม่มี ไม่รู้ว่าอยู่ ใช่ไหม( D3 K7 g, F9 o: s1 h$ J+ @3 |5 L

5 P; D  G5 d; V6 Sแต่ก็เป็นบังเอิญเมื่อต่างคนต่างตาย เจ้าเรือดก็ตายไปก่อน พระก็อยู่นานไม่ได้หรอกนะ
5 |  Y) K0 W* v( o5 n& Iไปเกิดชาติหลังเป็นคนด้วยกันทั้งคู่ 4 z' J7 X  K) ^( q4 p
เจ้าเรือดไปเกิดเป็นนายพรานป่าฆ่าเนื้อ พระก็ไปเกิดเป็นคน แต่ว่าบวชพระ
( _% C1 Q! E- w0 h6 Q7 n# [5 m& E& ]! Z* y- ?9 M2 @. r
ต่อมาวันหนึ่ง พระเดินสวนทางมาเจอนายพราน เห็นพรานถือหอกเกาะกะๆ / ?8 w+ |2 C5 A4 x) `
ท่านก็นึกหวาดเสียว ดีไม่ดีแกบ้าๆ บวมๆ จิ้มตาย ใช่ไหม ก็เลยหลบเข้าพุ่มไม้
% q5 l' W. \3 xพรานแกฆ่าสัตว์ก็จริงแต่จิตแกก็ดี ถือว่าพระเป็นพระ แกเดินมาเข้าไปนึก
/ Q; X) b/ k( _* z! T: m3 M5 N. j+ @เอ๊ะ...พระนี่น่าจะสวนกับเราตอนนี้ เวลานี้ท่านไปไหน 9 A& t, o9 {0 y$ g4 L- A8 Q
หรือบางทีท่านเห็นเราถือหอกเดินมาท่านจะกลัวเรามั้ง ไอ้หอกจัญไร
: l; P+ w& [5 G, T% c* tพุ่งไว้ตรงนี้ก่อน เลยพุ่งหอกเข้าไปในพุ่มไม้ แล้วเดินไปมือเปล่าไป
2 d* G: U% s" K5 R7 I5 J  ?ไอ้หอกระยำดันจิ้มมาที่อกพระพอดี
( R+ ]/ W) |& Bนี่ไอ้นี่จะถือว่าเป็นกรรมไม่ได้ ต้องถือว่าเป็นเวร . T7 b) v, |: e7 Y7 v
ถ้ากรรมก็ดึงลงอบายภูมิ นี่เป็นเวรมาสนองกัน
2 W& i1 ~# {# |$ b
6 G9 R6 R5 K1 Wโดย ...หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หนังสืออุทิศส่วนกุศล

โดย: zero    เวลา: 2013-9-13 01:30

การขออโหสิกรรมแค่คิดยังไม่พอ ต้องขออโหสิกรรมซึ่งหน้ากัน
+ j$ V- ~0 }/ ]3 {ถาม : กรณีที่เรา..... คิดให้อภัยทานเขาและขอขมาเขา ถือว่าเราทำผิดไหมครับ ?5 Z0 V  X: C: f5 m2 t. M
) g' {7 B/ l" Q+ e; \
ตอบ : ผิดตั้งแต่แรกแล้ว ถึงคุณจะตั้งใจอย่างไร ถ้ากรรมนั้นก็ยังไม่หมด แรงกรรมก็ยังส่งไปเรื่อย มีอยู่ทางเดียวคือวางอุเบกขา สงเคราะห์ได้ก็สงเคราะห์ สงเคราะห์ไม่ได้ก็ปล่อยไป ยกเว้นว่าคุณจะไปทำพิธีขออโหสิกรรมซึ่งหน้ากัน ถ้าเขาเอ่ยปากอโหสิแล้วกรรมถึงจะขาดลง ถ้ากระแสกรรมยังไม่ขาด กรรมนั้นก็ตามส่งผลไปเรื่อย
: X: ~2 I6 q, `$ |9 A2 g8 i! W. V) Sสนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)" @- g# E: z+ x2 e5 E9 o
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๕; V7 l; H. r$ b9 c; J, ]' s4 w
4 M2 Y' ~; }/ _7 M2 X4 [
7 W' K; t4 Y2 T" P$ K

โดย: zero    เวลา: 2013-9-13 01:34


6 s( t8 @0 |- T" @( b% S9 W2 K2 l: u) g, ?
[size=150%]โอวาทธรรม
9 X+ S( D" k! j$ @
ของ * t' ]' l3 x: T; b+ c) X
[size=150%]พระราชพรหมยาน
& _- n; t( Y, O; F* d, T/ {6 s$ I(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

5 R" z/ B! Y3 F9 }  w
วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) จ.อุทัยธานี
: A; F. z' w5 c; i
5 C6 x! D  M0 I# q" W/ P, e* }1 q

  e3 u0 O0 N5 l* g8 T4 y7 @/ i; `% o6 ~) }1 U, i/ A# k
การอุทิศส่วนกุศล
1 J0 n  s: O/ _3 V
7 _9 E4 c7 o3 U"หลวงพ่อคะ...ลูกทำสังฆทานให้สัมภเวสี ถ้ากลับไปแล้ว6 Y) g1 b; r$ A2 ]: z( m
จะกรวดน้ำได้ไหมคะ...?"
# ~5 H" o% [- @+ N

" x# Y. O3 z( _+ v6 [( C2 J( Pการอุทิศส่วนกุศลในพระพุทธศาสนานี่ไม่มีน้ำ( B0 \% N! w1 ~/ l
แต่ที่พระเจ้าพิมพิสารทำเป็นองค์แรก
2 O' u9 ?$ X& M' Rเพราะว่าศาสนาพราหมณ์เขาถือว่า ถ้าจะให้อะไรกับใคร " ?' i, Q0 W: a2 R- B
ต้องให้คนนั้นแบมือแล้วเอาน้ำราดลงไป

: C2 I1 b- D! m8 G2 K
, b0 j. }( G# i( C0 Jและตอนที่พระเจ้าพิมพิสารทำ พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้ห้าม. V% |7 i1 F" u
เวลาที่พระเจ้าพิมพิสารอุทิศส่วนกุศลต้องใช้น้ำ
- o1 _6 v( R$ _/ p6 g: C7 Pเพราะว่าท่านเพิ่งพบพระพุทธเจ้า ! `* W3 K& H) u
ประเพณีของพราหมณ์ยังชินอยู่ แต่ว่าใจท่านตั้งตรง
! Y# H: E" L0 O1 f" L' \+ M9 a, S( j! \
เวลาอุทิศส่วนกุศลจริงๆในพระพุทธศาสนาไม่ต้องใ้ช้น้ำ5 t3 i* }- Z1 L2 R( k" o
ผีกับเปรตต้องรีบวิ่งกลับเพราะไม่ได้กินแน่ เพราะฉันเคยพบมาแล้ว0 D7 ~7 M6 L5 v6 u9 k- I; w
แต่ไม่มีน้ำนะ ว่า "อิมินาฯ" เพลินไป
  _1 c8 _) y( Nยังไม่ถึงครึ่งก็มีคน ๒ คนถือโซ่คล้องคอปั๊บลากไปเลย
% y! p" O/ S: W1 y' e) t% W$ H
$ w( f& [4 f; Z( k7 P

3 T+ q9 J' S8 u- U3 W
0 d2 i# ?5 d1 Y2 K* }กรวดน้ำแบบแห้ง3 F1 @" }. e* o* _

  v% U3 R: ^4 b. B, y* K& z"มีบางคนเขาบอกว่า กรวดน้ำแบบแห้ง
: L: e3 t% I; _. T$ \ตายไปชาติหน้าจะแห้งแล้งเพราะไม่มีน้ำ; T$ j4 _; q& g, S3 ?7 `8 W6 h
โบราณพูดอย่างนี้จะจริงหรือเปล่าคะ...?"

# Q9 P* \$ K  D2 e8 |% w
8 l( @, X$ G& _& _- r1 Z% v2 k% b: Oเขาพูดได้ยินหรือเปล่า? คนที่พูดมาได้ยินหรือเปล่า? 0 H% a: N. P. K5 h" B$ L
คนโบราณพูดอย่างนี้ คนโบราณพูดหรือเปล่า?" Q7 q6 W/ G8 i. r; s) V* q
ถ้าได้ยินแสดงว่า เขาพูดจริงแต่ก็ไม่ได้แห้งแล้งจริง
6 N. j& Y( D: q3 c% f) S, t3 O
) W% h: L' p) I1 \3 S6 }การอุทิศส่วนกุศล พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ใช้น้ำ8 X+ t9 u. M% O
ฉันใช้น้ำวันเดียว วันบวช ว่าไม่ถูกเลย : \, d5 E7 o! m5 q
ต้องระวังน้ำหยดอีก ผีไม่ได้กินน้ำ
2 o$ h8 ]+ F# a9 r! |ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ฉันไม่เคยใช้น้ำเลยก็เห็นผีได้รับ* ?- M9 c% t& l* b* ?7 F
แต่ชาติหน้าถ้าจะทำอย่างนั้น ถ้าฉันยังไม่ตายก็ไม่ได้เหมือนกัน
/ [4 P# I( V( D  Z$ z$ Wแต่ไม่เป็นไรนะ กินน้ำเกลือเผื่ออยู่แล้ว เผื่อชาติหน้าจะอด8 D+ x; j- o/ _& Y5 p

$ p& x" F" n4 h- m3 f# i) t6 ~9 E"อ๋อ...มิน่าล่ะ...หลวงพ่อถึงให้น้ำเกลือบ่อยๆ"' j2 p/ {  m& P
ใช่..มีทั้งน้ำสะอาด น้ำเกลือ น้ำหวาน เผื่อไว้ตลอด/ b4 M/ J. {8 C# v! r) [8 [( Z5 q8 x

4 v9 X; _6 J" @. R* ^3 k* g5 A- u7 e" Wรวมความว่า เวลาจะอุทิศส่วนกุศล ให้ใช้ภาษาไทยสั้นๆ
& Q3 \0 m2 ?) M  T: j- {# pอย่างทำบุญสังฆทาน เราก็ตั้งใจว่า
" r+ O) n$ ?% P+ u- Q3 m"การบำเพ็ญกุศลในวันนี้ ผลจะมีแก่ข้าพเจ้าเพียงใด
; O. q1 {/ K# m9 vขออุทิศส่วนกุศลให้แก่...(บอกชื่อ)
' u# l0 S, \8 p- c; I5 D- K8 gขอให้มาโมทนารับผลเช่นเดียวกับข้าพเจ้า"
' Q) U2 m& ]$ @) t3 \# A
4 i! @5 C1 }  n# b9 n# `: {
และตอนที่พระสงฆ์ให้พรนี้ ! A0 L( U( i% o# m5 `5 S' e' A) Q
ก็ขอเจ้าภาพและทุกท่านที่บำเพ็ญกุศลแล้ว
# q+ J6 K" {6 V! hตั้งจิตปรารถนาเอาตามประสงค์ : c7 P9 g( `2 ^" P# c4 P

! X/ ?3 L4 O% _! R( B) Pสมมติว่า ท่านทั้งหลายตั้งใจเพื่อ "พระนิพพาน" 5 o5 l& _* r' J/ X8 }5 @8 `
อันนี้ก็ต้องเผื่อด้วยว่า หากสมมติว่าเราตายจากชาตินี้แล้ว
1 S- y. [3 u5 L3 Q9 Z9 Kยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงไร / q: |( X9 E/ a& J4 S6 M4 Z2 F
สมมติว่าเราตาย...ถ้าไม่เผื่อไว้ละก็มันจะขลุกขลัก! o- X. s0 r; h

0 P) u' [% K& B( zฉะนั้น การอธิษฐานจิต คือ ตั้งอธิษฐานเขาเรีัยกว่า อธิษฐานบารมี3 j% _  K; y) R) T
เจริญพระกรรมฐานก็ดี ถวายสังฆทานก็ดี อธิษฐานว่า . g$ }+ N7 J+ x
"ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าถึพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้+ \/ {( ]; \  s) K. F) k4 A, D
แต่ทว่าถ้าหากข้าพเจ้าไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด
. |2 L8 b- l7 `9 iจะเกิดใหม่ไปในชาติใดก็ตาม ขอคำว่าไม่มี...จงอย่าปรากฏแก่ข้าพเจ้า"
1 [  N" B4 b8 i

+ ^1 g8 n$ c* @7 Y5 S% m3 Lถ้าเราต้องการอะไรให้มันมีทุกอย่าง
, w6 E3 G7 w# x3 t( T& uจะไม่รวยมากก็ช่าง เท่านี้ก็พอแล้ว
7 l) k5 |- W# N
5 S& {  g) ]: Y4 \; h+ {  i

! B7 A1 A) t" U- G
7 |; k! n5 F  m7 G) F, g. f& ?ลืมอุทิศส่วนกุศล
0 k+ s9 B9 R5 \+ ]( |& L( s, d% q3 R9 Q) y% u1 p; Z5 K
"เมื่อทำบุญแล้ว ถ้าจะอุทิศส่วนกุศลภายหลังจะได้ไหมคะ...?"6 I- C6 g8 }0 q8 `. R
การทำบุญไปแล้วครั้งหนึ่งสักกี่ปีๆ บุญก็ยังอยู่
& h" x, w2 |! rถ้าทำไปแล้วสัก ๓๐ ปีก็ยังอุทิศส่วนกุศลได้ บุญมันไม่หาย0 y1 s1 v: n$ ]' Z- G
ไม่ใช่เราทำบุญแล้วเดี๋ยวเดียวมันก็หาย ไม่ใช่อย่างนั้นนะ
' r/ P5 W) q  q

  j; E; E# b* Q1 Q2 e5 U6 x+ ]+ _  G. ^"แล้วถ้าเผื่อทำบุญแล้ว ไม่ได้อุทิศส่วนกุศลจะได้บุญเต็มที่ไหมคะ?"
$ |9 [8 q, L' n0 O' Uก็ได้เต็มที่อยู่แล้ว เราเป็นผู้ได้สมบูรณ์แบบ  Y8 M" [$ l4 m' l) T6 ]- m4 f

* @; Y; D' c" Tแต่อยู่ที่ว่า เราจะให้เขาหรือไม่ให้
5 q8 p5 H2 n1 W6 K( b: O6 g" ~$ Gการอุทิศส่วนกุศลนี่ถ้าเราไม่ให้เราก็กินคนเดียว ใช่ไหม! T: c/ ?3 z' C+ {8 c
ทีนี้ถ้าเราให้เขา ของเราก็ไม่หมด/ i! C' h( F6 @8 _  _" E' D8 I
อีกส่วนที่เราให้ไปไม่ได้ยุบไปจากของเดิม
2 F* I6 W$ X! A8 M
6 T1 C9 r( M" o/ \อย่างเรื่องของ พระอนุรุทธ ; }. |% P' c- q0 q
สมัยที่ท่านเกิดเป็นคนเกี่ยวหญ้าให้ช้างของมหาเศรษฐี
5 r- c' F  o9 Vเวลาที่ทำบุญแล้ว เจ้านายขอแบ่งบุญ ' ]3 L2 [0 x% f  g3 S* |
ท่านก็สงสัยว่า การแบ่งบุญน่ะจะแบ่งได้ไหม
$ J( s) {& A! i! ~" `; O, ^จึงไปถามพระปัจเจกพุทธเจ้าที่ท่านรับบาตรนะ
, i) n' V0 c% d4 W4 L' k
1 @1 H/ p! z) G9 u& V- Y" ]$ E! Aท่านก็เปรียบเทียบให้ฟังว่า
; @; K0 [. s' l& Y3 U' M6 ?สมมติว่าโยมมีคบ แล้วก็มีไฟด้วย
' V, t8 e# W% Lคนอื่นเขามีแต่คบ ไม่มีไฟ ทุกคนต้องการแสงสว่าง
/ U. Q- l- ^$ `6 ~1 c* tก็มาขอต่อไฟที่คบของโยม แล้วคบทุกคนก็สว่างไสวหมด
$ j7 y7 |5 Z0 E, d. Aอยากทราบว่า ไฟของคุณโยมจะยุบไปไหม?
4 `# T6 S8 n9 c( v, H( @ท่านอนุรุทธก็บอกว่า ไม่ยุบ9 F. D2 k6 {3 q2 Z% v  \. i' @

) U/ F; F+ L; M( Rแล้วท่านก็บอกว่า การอุทิศส่วนกุศลก็เหมือนกัน
: ^: `: S; ^7 T3 j* hให้เขาอนุโมทนา แต่บุญของเราเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
* l& c. _! p% S0 y( B  z
& \: G& D: u; T

& X5 H6 c) w! l* Y, @" x6 {7 j* e6 U/ Q
การแผ่ส่วนกุศล( B0 X( p* B8 y7 z$ I6 i8 ?% k

6 u1 G8 Q: K, S# B# K. |$ K* ]9 @"การแผ่ส่วนกุศลไปให้แก่บิดามารดา ท่านจะได้รับผลไหมคะ...?"
0 m( V/ |; ~( }, i, i3 J. w$ T+ H( M! I* a
การได้รับส่วนกุศลนี่ ถ้าหากท่านมีโอกาสโมทนา ท่านก็ได้รับ7 V7 U9 ]- [4 t* I
ถ้าท่านไม่มีโอกาสโมทนาก็ไม่ได้รับ

7 z2 c1 s% ~4 A* q: E2 N+ [' Y9 a; R' C& b" a$ ?9 N
เหมือนเราเอาสิ่งของไปให้แก่ผู้รับเขาไม่รับ เขาจะได้ไหม
/ E' ]& D& v: f7 g. h5 c2 M4 B9 ]- Fถ้าพวกเขาอยู่ในนรก ไฟไหม้ทั้งวัน ถูกสรรพาวุธสับฟันทั้งวัน
( E, S+ o( R% E6 n5 `+ V9 Jถ้าเราเอาขนมไปให้กิน เขากินได้ไหม?
! b2 O4 I; j5 f+ w& J$ R! B"ไม่ได้ค่ะ"
6 i: C( o7 H+ {( `- K- o0 Eอยู่ในแดนเปรต ๑๑ จำพวก ไมไ่ด้รับ3 `8 L' n0 T( G6 l
แต่ถ้าเป็นพวกที่ ๑๒ คือ ปรทัตตูปชีวีเปรต พวกนี้มีโอกาสโมทนา
& s0 B5 m8 M8 W2 e& S
& x+ b# K# d" W2 p% T"แล้วผู้สร้างจะได้ไหมคะ...?"0 s" a8 ~: l# @9 q+ N% K
ไม่แน่..ถ้าสร้างดีก็ได้บุญ ถ้าสร้างไม่ดีก็ได้บาป5 d1 O0 R- q  p
"เป็นไงคะ...?" 9 u- n6 I& d, v3 V( w
คือ ก่อนจะทำบุญ ก็กินเหล้ากันก่อน พอพระไปก็กินเหล้ากันแล้ว
$ V- }  J5 w+ t; D- xถ้าหากมีเจตนาบริสุทธิ์ ไม่มีบาป มีแต่บุญ ผู้สร้างได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์3 e1 N# ]; k7 H) a* A- Y$ [0 Z& c
คือ บุญนี่จะได้แก่ผู้สร้างก่อน แล้วผู้สร้างอุทิศส่วนกุศลให้ผู้อื่น/ L* \" k9 t0 y
ถ้าเขามีโอกาสโมทนาก็ได้รับ

5 P9 F: _! D3 [  q0 K) {4 w9 `9 f7 k2 |% c

/ c6 Q  s7 |, g2 ^$ N8 A3 m" M2 S. n8 i
อุทิศเจาะจง" }5 ]# Y9 a* m/ x; }
4 ]4 x/ e  _6 m, U4 ^9 h; l& B; ~
"ทีนี้การอุทิศส่วนกุศลแก่บุคคลต่างๆที่ตายไปแล้ว
( ~# W7 ]5 X# o! Fจำเป็นไหมครับว่าะต้องออกชื่อ รู้สึกว่า มีมากเหลือเกิน"
; h1 y* h$ d* P! v" ~& b( G
1 l7 X0 }5 f! h+ U$ Q1 D; a
ถ้านึกได้ก็ออกชื่อเขาก็ได้ ถ้าออกชื่อน่ะดีอยู่อย่าง
3 H% h0 y+ t  Wถ้ากรรมหนาอยู่นิด ถ้าออกชื่อเจาะจงเขาได้เลยนะ  ]1 q9 d# i  o6 h. C" u
ถ้านึกไม่ออกก็ว่ารวมๆ ญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี
! G3 P0 P: c$ |5 K3 b5 K2 zเอายังงี้ดีกว่า ถ้าขืนไล่ชื่อไปน่ากลัวจะไม่จบ

- A2 D5 T7 ]. S4 N6 Z4 u, F. F( {9 @" E+ Y- a4 ?4 u7 Q
มันมีอยู่คราวหนึ่ง ไปเทศน์กัน ๓ องค์
( C9 a, v& |. }4 |+ m+ Xบังเอิญที่ไปก็มีอารมณ์จิตคล้ายคลึงกัน 7 u7 `4 G+ V  J* u9 T7 `) L. T
เวลาเพลเขาก็ถวายอาหาร ก็มีพระอื่นด้วยรวมแล้ว ๕ องค์
& p/ b' @8 h% U6 [6 ~8 W7 w4 t" `! k# c+ ~9 y) \
ทีนี้ตาทายกเขานำอุทิศส่วนกุศลในวันนั้น แกก็ออกชื่อคนตาย! K( P2 m/ e7 f! J, L6 p, [' L
แล้วก็บรรดาญาติทั้งหลายที่ตายไปแล้ว บอกเท่านั้นแหละ
  o: i( F$ n# u% D& D; O- Cพวกผีก็เข้ามาเป็นหมื่นล้อมรอบศาลาอยู่ - [. [+ g' \% b' \
ไอ้คนที่เป็นญาติรับโมทนาแล้วผิวพรรณดีขึ้น
, e. f4 u& C3 F8 v5 ^! Oไอ้พวกที่ไม่ใช่ญาติก็เดินร้องไห้กลับ8 p' w; j( S- e' M7 Q5 u/ C
2 J. ~7 u8 ]; y6 s( X  [3 P4 [( [
พอเขานิมนต์ขึ้นไปเทศน์
1 `, F- k/ e  s% ~; pตอนลงท้ายเขาถามกันว่า การอุทิศส่วนกุศลทำยังไง
/ |- J/ v( K: z/ Iองค์ที่มีปากร้ายอยู่สักหน่อยบอกว่า
0 L9 h3 W# v/ M; n9 n1 v4 yญาติโยมที่นำอุทิศส่วนกุศล อย่าให้ใจแคบเกินไปนักสิ
! I1 f% H* x( k- }
) A9 C0 F: N8 B; aอย่าลืมว่า การทำบุญแต่ละคราว
% J: A- E- F1 `3 \, lพวกปรทัตตูปชีวีเปรต ก็ดี พวก สัมภเวสี ก็ดี จะมายืนล้อมรอบ
9 V1 v, ?. T" w( v/ {
8 N9 I8 G" t$ |1 A: E3 D9 gอย่างสวดบท อยัญจะโขฯ น่ะ
8 G3 _, M& r9 [8 jพวกบรรดาผีทั้งหลายทั่วบริเวณจะคอยโมทนา
2 c4 n- H6 Z3 Z( B6 ?แต่ถ้าเราให้แต่ญาติๆก็จะได้# C  v9 X6 V8 S9 D" m, Q6 b
แต่บุคคลอื่นไม่ใช่ญาติจะไม่ได้$ y2 M/ b2 b/ F1 v* \3 X# b

3 B' m( M  d& v4 nฉะนั้นก็ควรจะให้ต่อๆกันไป * a9 i; H2 a( G, A
คือว่า ให้ทั้งหมด ทั้งญาติและไม่ใช่ญาติ
6 o  |$ y* R/ [4 y

9 L6 N# k4 \# T6 _; t2 D6 ^
0 O$ \# z9 I% p  C0 D$ u& d, [: o% D  H" |( h0 y7 x3 g; b
พุทธานุสติ
* n# I6 ?2 E4 A2 ]: V& m: y2 v9 H
$ A4 x2 b7 d. {$ h& b5 j9 y9 s3 C: P"คนไปนิพพานแล้วอุทิศให้ได้หรือไม่...?"0 P: G8 ~; o$ }& z: h5 G7 I
ได้...แม้แต่พระพุทธเจ้าเราก็ควรอุทิศให้ได้8 |2 `/ G; O" E/ s& }
เพราะเป็นการสนองคุณ แสดงความกตัญญูกตเวที
! @, A/ n% n# l1 ~
! k3 L& n( S; @& T! e% D
ความจริงท่านไม่ต้องการหรอก ของท่านมีจนล้นแล้ว
: l( ]8 e2 Q- q1 x4 Dถึงแม้ท่านจะไม่รับ แต่อย่าลืม อย่างเราเป็นพ่อแม่เขาน่ะ
; ]! a1 r# T/ g. \8 d  }ถ้าไอ้ลูกมันอยู่บ้านไกล นานๆ มาหาที
6 G8 ~& l9 j! ^9 V- I3 q3 \& dเอาของอะไรมาให้ ถึงแม้ของนั้นไม่มีค่าอะไร เราก็ยังดีใจใช่ไหม6 F  m/ E+ I! T1 U
เห็นว่า ลูกน่ะมีน้ำใจ มีกตัญญูรู้คุณ 2 |* z3 O' N; R! B3 j% ?1 e1 r. o
$ S$ Y1 A3 d! ~1 ]0 S6 O9 _
อันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าหากว่า เราอุทิศส่วนกุศลให้พระพุทธเจ้า( c+ X2 Y* m4 J+ D0 H5 k! D
ก็แสดงว่า เรากตัญญูรู้คุณของพระพุทธเจ้า. H2 v$ V( ~4 R( M/ |
. y9 Y& A; ]# I
การบูชาคุณของพระพุทธเจ้าด้วยความกตัญญูรู้คุณนี่
# X$ X" p/ m5 l1 A* bเป็นเหตุให้เราไม่ลงนรก
5 M% A; b) w+ _5 p0 T# ~ท่านจะรับหรือไม่รับนี่ไม่สำคัญ + m8 ]5 k0 a4 b/ x
สำคัญที่ว่า ให้ใจของเราตามระลึกถึงอยู่เสมอก็แล้วกัน

5 C( {. u2 f- k7 h( m$ {* L2 j; g2 ^; ~5 p

/ u* A" B* D' x9 f2 y4 ^1 X  G8 l  b" F8 l4 O
6 {! O+ z% a6 g5 N7 n/ F6 N" J
คัดลอกเนื้อหาจาก6 d1 V6 M5 @+ i! A2 T! ]8 o% B+ h  {
หนังสือเรื่อง การอุทิศส่วนกุศล หน้าที่ ๓-๙
1 K; Y6 u6 a5 W( ^/ e# F. A3 q0 @โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร

โดย: yuiflukefo    เวลา: 2013-9-13 10:05


โดย: ณัฐดนัย    เวลา: 2013-9-14 18:03

อนุโมทนาสาธุครับ คือว่าถ้าเราอุทิศบุญให้ใคร ถ้าเขามีชีวิตอยู่เขาไม่รู้ว่าเราให้ เขาไม่ได้อนุโมทนาบุญก็เท่ากับว่าไม่ได้ใช่ไหมครับ แต่ถ้าเขาไม่มีชีวิตหรือจากไปแล้วก็ได้รับใช่ไหมครับ หรืออยู่ที่ว่าเขาจะรับหรือไม่รับ และสาเหตุอะไรครับที่เปรต ๑๑ จำพวกถึงรับไม่ได้ครับ เขาบาปหนักจนบุญไปไม่ถึงหรือครับ อนุโมทนาสาธุครับ สาธุ
โดย: มารน้อย    เวลา: 2013-9-15 08:55

ตอบกระทู้ ณัฐดนัย ตั้งกระทู้
0 g4 D0 V7 ?3 H2 A9 R- a; e* X/ m5 e% b4 k! P
ขอโมทนาด้วยครับ  ตอบคุณณัฐดนัย จากประสบการณ์ตรงที่ผ่านมาจากการพิสูจน์ทราบ ผมขอตอบแบบใช้คำไทยกันตรงๆไม่ต้องมีภาษาบาลีกันหละ ผมพบว่าจริงๆแล้วการที่ตัวเราจะอุทิศบุญให้กับผู้ที่มีชีวิตเขาก็รับได้เหมือนกันแต่ เขาไม่สามารถใช้ได้ทันทีบุญที่ได้จะไปรอเขาอยู่ตรงไหนไม่รู้ละ แต่เขายังใช้ไม่ได้โดยทันที แต่หากเป็นการแผ่เมตตาเขาจะรับกระแสเมตตาได้ เช่นภาวนาว่า "จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด" เขาจะรับกระแสนั้นได้ แต่หากเป็นวิญญาณ เขาจะรับและใช้ได้ในทันที โดยการโมทนา ของเขา มีเหมือนกันที่เขาไม่รับบุญจากการอุทิศของเรา  ส่วนเรื่องเปรต๑๑ จำพวก เขาไม่สามารถรับบุญไม่ได้เพราะเขาได้รับความทุกข์ทรามานมาก เหมือนดังช่างตีเหล็กที่ไม่สามารถรอให้เหล็กนั้นเย็นได้ในเวลาตี ต้องทำใหเหล็กร้อนอยู่ตลอกเวลา เหมือนกันกับเปรตที่ได้รับความทุกข์จนจิตของเขาไม่สามารถนึกถึงบุญได้ ไม่มีเวลาโมทนาบุญจากใคร เขาจึงไม่ไดรับบุญ
โดย: zero    เวลา: 2013-9-15 09:41

ตอบกระทู้ ณัฐดนัย ตั้งกระทู้
  ~8 C+ O) {0 K2 O) ~6 J$ Y0 s
แล้วถ้าเราอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเขาจะได้รับไหมคะ...?+ ?! J/ i& Y" N8 z* K) R
# T$ j& a, Z* C8 H$ F6 g
คือว่าอุทิศส่งไปให้เขาจะได้รับหรือไม่ได้ก็ตาม ( p' `$ I9 e" V6 ^7 M% d& R
บุญที่เราทำเป็นผลให้เกิดความสุข ไอ้กรรมต่างๆ ที่เป็นอกุศลที่เราทำไปแล้ว เราไปยั้งมันไม่ได้ - e8 C# P9 ]7 b# d4 k/ j& O( ^
แต่ทว่าถ้าเราทำกรรมดีมีกำลังเหนือมันก็กวดไม่ทันเหมือนกัน
4 x3 l$ `$ Z; K( _
(หลวงพ่อน่าจะสอนให้รุ้จัก  วางอุเบกขา  ทุกคนย่อมตกอยู่ใต้กฎของกรรม  เราทำบุญย่อมได้บุญแล้ว ถ้าฟุ้งซ่านมากไปกำลังบุญจะลดตัว หลวงพ่อของเรา มีบุญมากมาย  ก็ยังต้องตกอยู่ใต้ กฎของกรรม คือป่วยเป็นปรกติ)  e' ^9 F2 q1 n5 I+ n1 b8 K
9 o+ h, \# l& t, O2 G+ j' B

' ]# Q' u5 d0 K6 L+ b
สำหรับตอนที่สองให้โมทนา
, P" u# I2 b. Tท่านบอกว่าเวลาอุทิศอุทิศส่วนกุศลน่ะ
ขอบอกให้ผมเป็นพยานด้วย
4 ^! d+ j% I. p% D2 q" }ท่านบอกว่าลูกหลานของท่าน ก็คือลูกหลานของผม และมันก็ไม่แน่นักหรอก 1 C% w0 w9 n  M) ], z
บางทีไปอยู่สำนักผมมันอาจจะลืมก็ได้ เขาอาจจะนึกถึงบุญไม่ออก
% m. L, z2 a5 N; a. B. Mถ้านึกถึงบุญไม่ออก ถ้านึกไม่ออกก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องปล่อยให้ตกนรก6 F$ ]. G  w' p, L2 W
หากว่าถาม 3 เที่ยวนึกไม่ออก
1 w& `8 t6 [! ?1 O+ F- tผมจะได้ประกาศว่า นี่เขาเคยบอกฉันไว้ เวลาทำบุญเขาบอกให้ฉันเป็นพยาน
: H; q4 U1 b" X5 Y! Yแล้วก็ประกาศกุศลนั้น ก็ได้ไปสวรรค์
) v1 l6 S( I+ @7 ]& C
9 G; \. a+ T$ n
( ทีนี้ถ้าคนอุทิศบุญกุศล ฉลาดซักหน่อย  ก็ให้ฝาก ท่านลุงพยายามราชไว้ ถ้าบังเอิญ เขาตาย จะต้องผ่านสำนักพยายม ท่านพยายมราชจะได้เป็นพยานบุญให้ แล้วก็อย่าลืมให้ท่านพยายมราช เป็นพยานบุญของตัวเอง ด้วยนะ ครับ ดูตัวอย่างพระเทวทัต ได้ อภิญญา5  ยังลงอเวจีได้เลย ถ้ายังไม่ได้เป็นพระอริยะเจ้า ก็อย่าประมาท ครับ )( ]% m! b/ @+ A$ l" O
; U/ q9 }" O! X8 G% B1 I
( g. [* Q% H" f5 m" h
การแผ่ส่วนกุศล
2 |2 _2 u6 E# k+ m8 y
2 _% L" M8 i; @! s% f$ P: m
"การแผ่ส่วนกุศลไปให้แก่บิดามารดา ท่านจะได้รับผลไหมคะ...?"
! q" I4 p2 u' u, i
2 S, L; d7 d7 @  d& [
การได้รับส่วนกุศลนี่ ถ้าหากท่านมีโอกาสโมทนา ท่านก็ได้รับ$ R. N  O; Q& r# T0 x
ถ้าท่านไม่มีโอกาสโมทนาก็ไม่ได้รับ

: T% ^$ Z4 _/ T' Y2 k* Z. G. l  G9 w) J8 a! f- }3 ^( a- {6 S' F
เหมือนเราเอาสิ่งของไปให้แก่ผู้รับเขาไม่รับ เขาจะได้ไหม9 `) R9 D0 W. w0 G. a8 y1 s8 N
ถ้าพวกเขาอยู่ในนรก ไฟไหม้ทั้งวัน ถูกสรรพาวุธสับฟันทั้งวัน6 N" w: s: p; {+ z: w! T
ถ้าเราเอาขนมไปให้กิน เขากินได้ไหม?
8 B: @; z& I, a2 I4 F% I"ไม่ได้ค่ะ"

5 {! s" l4 _) ]% P- T9 M
(เปรต  11 จำพวก ยังถูกไฟนรก เผาอยู่  ถ้าเราเอาไฟมาเผาตัวเรา   แล้วมีคนเอา ขนมมาให้เรา กิน เราจะกินได้ ไหม ...)) Z4 ~# x# |) ^! r, \

: Q0 l' z9 r; G7 h4 Z0 T- p  N- r
หมายเหตุ  คัดลอกมาเป็น บางส่วน จาก ข้อมูลที่ลงไว้ ข้างบน  ควรย้อนกลับไปอ่าน ข้อมูล ช้าๆ ให้ละเอียด  จะได้ รับ ข้อมูล ที่ครบถ้วน  คัดลอกมาเพื่อ ตอบ คำถามเป็น ข้อๆๆ ครับ - Z3 I( Y! d. a
& f' Q& e1 a/ x  M+ G5 z# z, F; [

% s2 @+ {: U8 X. t  t5 P9 [3 Q

3 x& p+ p% V' l4 ~+ S3 ^3 V! L

! P" m" Z3 V, ~1 l+ M' G+ n4 g$ t
' F/ g9 C. G' f/ w. F% \
โดย: ณัฐดนัย    เวลา: 2013-9-15 16:38

อนุโมทนาสาธุครับอาจารย์ และอนุโมทนาสาธุท่าน zero ด้วยนะครับ อนุโมทนาสาธุครับ สาธุ
โดย: ธานินทร์    เวลา: 2013-10-6 15:41

ขอถามหน่อยนะคับถ้าเรามีร้านค้านี่เราจะทำการเบิกบุญยังไงให้ได้ผลที่ดีที่สุดคับควรจะกล่าวว่ายังไงดีคับขอคุณมารน้อยช่วยแนะนำหน่อยคับ ขอบพระคุณล่วงหน้าคับ
โดย: มารน้อย    เวลา: 2013-10-6 23:05

ตอบกระทู้ ธานินทร์ ตั้งกระทู้4 a& O. u( Z; N) P# G! M
6 V: h' M& {  z% c. H
สวัสดีครับ คุณธานินทร์ ขอบคุณสำหรับคำถามที่ถามมาครับ เรื่องที่ถามมาเกี่ยวกับร้านค้า หรือการค้าขาย เป็นคำถามที่ผมตอบปํญหาไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพย์ โดยทางส่วนตัว หรือเป็นเรื่องของกระทู้ และถูกเชิญไปดูสถานที่มากเป็นอันดับต้นๆก็ว่าได้ เรื่องทำการค้า ทำธุรกิจ ผมเคยลงบทความไว้ที่เวปเวปหนึ่ง ซึ่งพูดถึงการอุทิศบุญว่าเราจะอุทิศบุญให้ใครบ้างเพื่อช่วยในเรื่องการทำการค้าให้เจริญรุ่งเรือง จริงๆแล้วมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก และมีองค์ประกอบหลายๆอย่าง เช่น วัสดุสิ่งของที่ขาย สถานที่ตั้งร้านค้า อื่นๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเห็นสถานที่จริงถึงจะตอบได้อย่างมั่นใจ   ผมขอตอบแบบรวมก็แล้วกัน ว่าเราจะอุทิศบุญให้ใครบ้างเพื่อทำให้ธุรกิจเราเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป; w6 B% E: v: B2 d! A4 C
๑. ผู้ที่มีหน้าที่ช่วยเราขายของ คือ ผู้ที่มีหน้าที่โดยตรงในการขายของของเรา เช่น นางกวัก กุมารรักยม ปู่ย่า ตายาย บรรพบุรุษที่ร่วงรับไปแล้ว แล้วกลับมาคอยดูแล้วเรา หรือท่านอื่นๆที่มาช่วยเรา5 p5 N4 `% A0 K. P
๒.ผู้คุ้มครองดูแลเรา คือผู้ที่คอยปกป้องคุ้มภัยเรา เช่น เทวดาประจำบ้าน ผู้รักษาตัวเรา0 y$ e6 T! y  N, a& o3 |' E- Y$ A
๓.ผู้คุ้มครองผู้ที่มาซื้อสินค้าจากเรา  สาเหตุเพราะคนทุกคนจะมีผู้ปกป้องคุมภัยแต่เขาไปที่แหล่งอื่น แล้วเขาไม่ได้บุญจากที่อื่นเลย เมื่อเขามาที่นี่แล้วได้บุญ เขาก็ดลใจให้คนคนที่เขาดูแลมาซื้อสินค้าจากเราอีก
( A0 A% G% x$ w๔.ผู้ที่ขัดขวางการค้าขายของเรา ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นนายเวร เพราะเขาอยากให้เราเป็นทุกข์มากกว่าสุขอยู่แล้ว7 i% a" y/ r- E' V6 V) @
๕.ผู้ที่พาคนมาซื้อสินค้าจากเรา สาเหตุเมื่อเขาเคยได้เขาก็ต้องพาคนมาอีก: u! |5 t6 u2 L$ u( x
๖.ผู้ที่ตามสิ้นค้านั้นมา(หากสินค้านั้นมีส่วนประกอบของสิ่งมีชีวิต)
' b# ]! B8 a( ]3 Q) dโดยปกติแล้วส่วนใหญ่เราไหวพระแล้วจะขอมากกว่า เช่นวันนี้ขอให้ขายของดีๆ รวยๆ แต่เราไม่เคยเป็นผู้ให้เลย เปรียบไปก็เหมือนเราจ้างพนักงานขายเป็นเงินเดือน เขาก็ขายตามหน้าที่ แต่หากเราให้ค่าคอมฯ พิเศษพนักงานขายเขาอยากขายได้มากๆใช่ไหม  "ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก"
โดย: ธานินทร์    เวลา: 2013-10-7 16:25

งั้นอธิฐานในใจเบิกบุญว่าอย่างไรดีคับถึงจะครอบคุมหรือว่าให้เบิกบุญให้ทีละอย่างคับ
โดย: มารน้อย    เวลา: 2013-10-7 18:14

ตอบกระทู้ ธานินทร์ ตั้งกระทู้
! b$ ~$ e, f  o: N) z& }; E
/ N; @5 `6 ]5 ~' \; p* I- nเบิกที่ละอย่างจะเหมาะกว่าครับ เพราะแต่ละอย่างก็มีจำนวนไม่น้อยแล้วครับ
โดย: หนึ่งสอง    เวลา: 2018-1-5 20:45

ขออนุโมทนาค่ะได้รับความรู้ขึ้นมาก




ยินดีต้อนรับสู่ แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน" (http://dannipparn.com/) Powered by Discuz! X1.5