แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"
ชื่อกระทู้:
เที่ยวชม ถ้ำหลวงเชียงดาว จ.เชียงใหม่16-01-49(ต่อ)
[สั่งพิมพ์]
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 08:58
ชื่อกระทู้:
เที่ยวชม ถ้ำหลวงเชียงดาว จ.เชียงใหม่16-01-49(ต่อ)
2010-12-5 08:58 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(23.74 KB)
ปูนปั้นพระพุทธรูปนั่งบริเวณปล่องแจ้งในถ้ำ ที่ก่อปั้นโดยหม่องโส่ง ชาวมันดาเล (พม่า)โบราณ ซึ่งท่านหม่องโส่งได้เคยมาปั้นไว้ในสมัยหนุ่ม ซึ่งตอนนั้นท่านเป็นช่างปั้นพระหล่อพระ เมื่อเสร็จการจากปั้นพระในถ้ำเชียงดาว แล้วก็เดินทางกลับมาย่างกุ้งมันดาเล เมื่อย่างเข้าถึงวัยชราจึงได้ออกบวชเป็นฤาษี.. แล้วได้กลับมาอยู่ที่ถ้ำเชียงดาวอีกเป็นครั้งที่ ๒ เพื่อบำเพ็ญบารมีต่อ
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_164829[1].jpg
(2010-12-5 08:58, 23.74 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 28
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4NTJ8NzkzZDkwZDZ8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 08:59
2010-12-5 08:59 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(31.03 KB)
หินเจ็ดชั้นในถ้ำพระนอน...
ประวัติถ้ำหลวงเชียงดาว
คนโบราณท่านเรียกกันว่า "ดอยเพียงดาว" เนื่องจากว่า เมื่อแหงนดูยอดของมันเห็นว่ามันสูงเสียดฟ้า เหมือนกับว่ามันสูงเทียมดาว คำว่า "เพียง" ก็เท่ากับคำว่าเสมอหรือเทียมเท่านั้นเอง สมัยต่อมาจึงเรียกเพี้ยนไปว่า "ดอยเชียงดาว"
โดยรอบทุกด้านของถ้ำหลวงเชียงดาวจะมีถ้ำเล็กถ้ำใหญ่มากมายหลายสิบถ้ำ แต่ว่ามันอยู่นอกเขตของถ้ำหลวงเชียงดาวออกไป และก็เป็นถ้ำที่ไม่มีประวัติกล่าวถึงความสำคัญอันใดเลย
ตามประวัติเดิมของถ้ำหลวงเชียงดาว ในสมัยแรกนั้นมีฤาษีรูปหนึ่งนามว่าพรหมฤาษี เป็นผู้วิเศษด้วยฌาณแก่กล้า ได้ประชุมเทวดา อินทร์ พรหม ยักษา อสูร และนาคราช ฯลฯ แล้วพากันเนรมิต สิ่งต่างๆขึ้นไว้หลายอย่าง เช่น
๑. พระพุทธรูปทองคำ
๒. พระเจดีย์ทองคำ
๓. ต้นโพธิ์ทองคำ
๔. ช้างวิเศษ
๕. ดาบวิเศษ
๖. ผ้าทิพย์
๗. อาหารทิพย์
๘. ม้าวิเศษ ฯลฯ
สำหรับม้าวิเศษนั้น นัยว่าได้เอาไว้ที่ถ้ำแผง แต่ไม่ทราบว่าถ้ำใดแน่ เคยออกมา ๓ - ๔ ครั้งแล้วสิ่งวิเศษเหล่านี้ นัยว่ามีไว้สำหรับพระเจ้าทรงธรรม(ธรรมมิกราช) อันจะลงมาปราบอธรรมในภายหน้า ฉะนั้นของวิเศษที่ถูกเก็บรักษาไว้ในถ้ำเชียงดาวจึงมีเพียงแค่ ๗ อย่าง
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_165139[1].jpg
(2010-12-5 08:59, 31.03 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 26
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4NTN8YzQzMDFiZmN8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 08:59
2010-12-5 08:59 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(21.72 KB)
หินม่านไทรย้อยในถ้ำม้า...
ถ้ำหลวงเชียงดาวนี้ ตำนานกล่าวไว้ว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ประกาสิตให้เทวยักษ์ตนหนึ่งมีนามว่า "เจ้าหลวงคำแดง" กับบริวาร ๑๐,๐๐๐ มารักษาของวิเศษดังกล่าว นามเดิมของเจ้าหลวงคำแดงคือ "สุวรรณ คำแดง" ได้มาเฝ้ารักษาดอยหลวงเชียงดาวอยู่นานถึง ๖๐๐ ปีกว่าแล้ว เทวธิดาซึ่งเป็นชายาของเจ้าหลวงคำแดงมีนามว่าจอมเทวี เธอสถิตย์ อยู่ที่ดอยนางเฉียงเหนือของดอยหลวงเชียงดาวอันมีอาณาเขตติดต่อกัน ต่างฝ่ายก็รักษาศีล ๘ จึงแยกกันอยู่คนละแห่ง ไม่ได้อยู่ปกครองที่เดียวกัน
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_165304[1].jpg
(2010-12-5 08:59, 21.72 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 29
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4NTR8N2Y2OTZkMGV8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:00
2010-12-5 09:00 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(14.13 KB)
พระพุทธรูปปางไสยาสน์ (พระนอน) ที่อยู่ในถ้ำพระนอน ที่ก่อปั้นโดยหม่องโส่ง ชาวมันดาเล (พม่า)โบราณ
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_165551[1].jpg
(2010-12-5 09:00, 14.13 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 26
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4NTV8MmZiZjk4Y2J8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:01
2010-12-5 09:01 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(12.5 KB)
พระพุทธรูปที่อยู่บริเวณไม่ไกลจากทางออก ทุกคนที่เข้าถ้ำจะต้องมาไหว้จุดนี้ทุกคน เพราะเป็นทางที่จะแยกไปยังถ้ำย่อยต่างๆ เพื่อทำการขมา และแสดงความบริสุทธิ์ใจ ในการที่จะเข้าไปขอดูและชมถ้ำ....
ได้มีตำนานกล่าวไว้ว่า ถ้าใครอยากพบสิ่งวิเศษดังกล่าว ขอให้ได้ทราบข้อมูลปฏิบัติเสียก่อน ดังนี้ หาก ฆราวาส หรือนักบวชผู้ใดปรารถนาจะเข้าไป ให้ชำระร่างกายให้สะอาดเรียบร้อย ให้ตั้งมั่นอยู่ในศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือศีล ๒๒๗ จริงๆ เตรียมหาเทียนเงิน ๓๐๐ เล่ม เทียนดำ ๓๐๐ เล่ม ต้นดอก ๔ ต้น ช่อดำ ๘ ผืน ช่อแดง ๘ ผืน ช่อเหลือง ๘ ผืน ช่อขาว ๘ ผืน ประทีปพันดวงให้กระทำการสักการะบูชาที่หน้าถ้ำเสียก่อน แล้วจึงค่อยเดินเข้าไปและให้ตั้งใจเข้าถ้ำด้วยความบริสุทธิ์ใจ อย่าคิดเหลวไหลหรือกลัวตาย หรืออยากได้อะไรในถ้ำเป็นอันขาด ให้ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเข้าไปนมัสการพระพุทธรูปและพระธาตุเจดีย์อย่างแท้จริง มิฉะนั้นอาจมิได้ออกมาดูโลกภายนอกได้อีก ถ้าพลาดพลั้งลงไปก็คางเหลืองหรือเหม็นเน่าเต็มถ้ำกันอีก เช่นเด็กหนุ่ม ๒ คน เข้าไปแต่เพียงถ้ำม้าเมื่อนานปีล่วงมาแล้ว ก็ตายคาถ้ำคนหนึ่ง ตาฤาษีหม่องโส่งช่างปั้นพระดังกล่าวเข้าไปพบจึงพาคนที่รอดออกมาได้ เด็กหนุ่มทั้ง ๒ เดินหลงวนเวียนถึงกับต้องคลาน ๔ เท้า อดข้าวอดน้ำอยู่เกือบ ๔ อาทิตย์ แม้หมู่ญาติพี่น้องจะเข้าไปค้นหาสักเท่าใดก็ไม่พบ
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_165911[1].jpg
(2010-12-5 09:01, 12.5 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 23
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4NTZ8MmYxZGNhZTZ8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:01
2010-12-5 09:01 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(10.49 KB)
หินรูปหัวของพญานาคที่โพล่หัวชูคอขึ้นมาจากพื้นดิน...
พิธีการและระยะทางตามตำนานกล่าวไว้ว่าถ้าจะเข้าไปพบสิ่งของต่างๆ ตำนานท่านกล่าวไว้ดังนี้คือ เมื่อเดินเข้าไปประมาณ ๓๐๐ วาและมีทางแยกไปอีก ๙๐ วาจะพบแม่น้ำหลายแควๆ หนึ่งจะไหลมาทางใต้แท่นพระพุทธรูปทองคำเรียกว่า "แม่น้ำอโนตะนที" ในที่นั้นจะเป็นบ้านลับแล ๖ หลัง พรอ้มด้วยสวนผลหมากรากไม้ของชาวลับแลอย่างร่มเย็นเป็นสุข และจะพบเสื้อผ้าอันเป็นทิพย์ ถาพบแล้วเอามานุ่งห่มได้ ในตอนนั้นให้เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเสียก่อน เมื่อแต่งตัวเป็นชาวลับแลแล้ว ให้เดินต่อไปอีกประมาณ ๗๐๐ วา ก็จะพบสระน้ำด้านหนึ่งกว้างใหญ่ด้านละ ๘๐ วา น้ำในสระใสสะอาดและเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง ที่มุมสะทางทิศเหนือจะมีโพรงนาค กว้างแค่เพียงตัวคนเข้าไปได้พอดี ให้สักการะบูชาที่ปากปล่องนั้นด้วย แกงส้ม แกงหวาน ขนมนมเนย มะพร้าวอ่อน ๑ ผล เทียน ๔ เล่ม ดอกไม้ ๔ ดอก บูชาทั้ง ๔ ทิศ แล้วให้ลอดปล่องนั้นเข้าไปมีระยะประมาณ ๒ วา ก็จะพบบริเวณเมืองพญานาค แห่งตระกูลวิรูปักขะ อันสมบูรณ์ไปด้วยสมบัติทิพย์ ตลอดจนผ้าสบงจีวรนิมนต์ห่มผ้าประหลานนั้นเสียก่อน เมื่อพระคุณเจ้านุ่งห่มผ้าสงจีวรเหล่านั้นจะกลายเป็นนักบวชชาวลับแลทันทีสามารถเสพอาหารทิพย์ของชาวลับแลได้ แต่จะไม่สามารถกลับออกไปภายนอกได้อีก จะหลงลืมวัดวาอารามเก่า ซึ่งอู่ในโลกภายนอกทั้งหมดส่วนถ้าเป็นฆราวาสก็จะลืมทรัพย์สมบัติตลอดจนบุตรภรรยาญาติมิตรทั้งสิ้น(ให้ระวังข้อนี้ให้ดีด้วย)
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_170232[1].jpg
(2010-12-5 09:01, 10.49 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 24
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4NTd8MmVjNzI0MDR8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:02
2010-12-5 09:02 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(11.2 KB)
หินดอกบัวบานภานในบริเวณถ้ำม้า....
ส่วนถ้าจะไปขอชมพระพุทธรูปทองคำเมื่อเดินเข้าไปต่ออีกก็จะพบพระพุทธรูปทองคำสถิตย์อยู่บนแท่นแก้ว ๗ ประการ อย่างสว่างไสว พร้อมด้วยบันไดเงิน บันไดทองและหาดทรายเงิน หาดทรายทอง เกลี่อนกลาดดาษดาไปทั้งหมด เมื่อแล้วให้บูชาด้วย แกงส้ม แกงหวาน ขนมนมเนย เทียน ๑๐๐ เล่ม ช่อแดง ๑๗ ผืน ช่อขาว ๑๗ ผืน เมื่อเข้าไปทางด้านหลังพระพุทธรูปนั้นก็จะพบแท่นสถิตย์ของฤาษีวิเศษ นั่งภาวนาตลอดกาล ให้บูชาด้วยดอกไม้ ๗ อย่าง ต่อจากนั้นให้เดินเข้าไปก็จะพบแท่นสถิตย์ของเจ้าหลวงคำแดง ให้บูชาด้วเทียน ๔ เล่ม ดอกไม้ ๔ ดอก น้ำนมวัว ๒ ถ้วย น้ำตาล ๙ ก้อน ต่อเทวยักษ์เจ้าหลวงคำแดง ผู้มีร่างกายแดงกล่ำสูง ๖ ศอก ถัดเข้าไปอีก ๓๐๐ วา จะพบแม่น้ำอันหนึ่งลึกเพียงอก จะพบโพรงช้างวิเศษ ให้บูชาด้วยหญ้า ๙ กำ อ้อย ๑๐ ท้อน ช้างนี้ไม่ใช่ช้างเผือกหรือช้างดำ แต่เป็นช้างทิพย์ นอกจากสิ่งที่ตำนานกล่าวไว้แล้วนอกจากนี้ ตำนานยังระบุไว้อีกว่าภายในถ้ำเชียงดาว มีพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าและของพระสาวกบรรจุไว้เป็นอันมาก...
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_170607[1].jpg
(2010-12-5 09:02, 11.2 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 22
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4NTh8NmEzY2I5MDN8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:03
2010-12-5 09:02 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(10.15 KB)
หินรูปพญาไก่....
ประวัติคนหายเข้าไปในถ้ำ
ประวัติที่จะกล่าวดังต่อไปนี้ ไม่ใช่เรื่องอิงนิยาย หากเป็นเรื่องจริงและน่าอัศจรรย์อยู่ไม่น้อยตามที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังหลายต่อหลายคน เรื่องมีอยู่ว่าคนที่หายเข้าไปในถ้ำไม่ใช่หลงถ้ำอย่างแท้จริงที่เข้าใจกันไม่ คือเมื่อประมาณ ๕๐ - ๖๐ ปีมาแล้ว มีชายชาวเขมรวัยกลางคนคนหนึ่ง มีนามว่าลุงเสด มาจากหลวงพระบางมาอาศัยเลี้ยงช้าง ที่เรียกกันว่าควาญช้าง ร่วมกับเพื่อน ๒ - ๓ คน อยู่ที่ป่าสบหนอง ตำบลเชียงดาว ห่างจากถ้ำเชียงดาวไปทางตะวันออกประมาณ ๗ ก.ม. (ปัจจุบันแถวนี้กลายเป็นหมู่บ้านไปหมดแล้ว) เวลาใกล้รุ่งของคืนวันหนึ่งลุงเสดหายจากที่พักไป เพื่อลุงเสด ๒ - ๓คนได้ออกติดตามหาแต่ไม่พบตัว พบแต่รอยเท้าเข้ามาทางถ้ำเชียงดาว ช่วงนั้นฤดูฝนด้วย พวกเขาก็ได้พบรอยเท้าและขี้เถ้าจากถ่านคบเพลิง ที่ลุงเสดนำไปส่องทางในถ้ำพวกเขาหมดหนทางที่จะตามเข้าไป เพราะฟืนไฟมิได้เตรียมเอามาจึงพากันทยอยกลับไปสู่ที่แคมป์พัก แล้วได้นำเรื่องไปเล่าให้เจ้านายฟัง คือเจ้าของช้าง แลัวพากันไปถามเจ้าทรง โดยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เจ้าทรงบ่งชี้ให้ว่า ในคืนเดือนเพ็ญของวันวิสาขะปีหน้า เขาจะออกมาหน้าประตูถ้ำถ้าผู้ใดไปรอจะได้พบเขาและเมื่อถึงวันกำหนดที่เจ้าทรงบอกไว้มิได้ผิด ลุงเสดโผล่หน้าออกมาที่หน้าประตูถ้ำ ทุกคนที่ไปคอยดูก็ได้เห็น คนๆหนึ่งในกลุ่มเขา เข้าไปจะไต่ถามด้วยความอยากจะชวนลุงเสดออกจากถ้ำกลับสู่บ้าน แต่ลุงเสดโบกมือและบอกพวกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วง "ไม่ออกไปไหนแล้ว" ว่าแล้วก็หันหลังให้ไปเลยไม่ยอมโผล่หน้าออกมาอีก และนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ทุกคนได้พบกับลุงเสด
ส่วคนที่หลงเข้าไปได้ ๔ - ๕ วัน นั้นก็มีอยู่บ่อยครั้งซึ่งเคยเดือดร้อนไปถึงชาวบ้านเสียการงานเข้าไปเสาะหามาได้ บางรายยกมือไหว้ท่วมหัวกลัวชาวบ้านแช่งด่าว่าเข้าไปหาที่ตาย...
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_173506[1].jpg
(2010-12-5 09:02, 10.15 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 21
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4NTl8OGRkN2M4YzN8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:04
.
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:04
2010-12-5 09:04 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(8.08 KB)
เสาหลักกำหนดอาณาเขตทางเข้าเมืองลับแล...
ครั้งหลังจากที่ลุงเสดคนก่อนหายตัวไปไม่นานนักก็เกิดเร่องคนหายอีกครั้ง เป็นชายวัยกลางคนชื่อ"เส็ด" เป็นพรานล่าเนื้อ ชายคนนี้มีถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ที่แม่ก๊ะ อำเภอเชียงดาว ได้หายไปในถ้ำทำนองเดียวกันอีก ๓ - ๔ เดือนถึงแม้ลูกเมียจะช่วยกันค้นหาลูกเมียสักเท่าใดก็ไม่พบ จนถึงกับต้องไปหาหมอไสยศาสตร์ทำพิธีร้องเรียกให้กลับมา เมื่อเทพเจ้าภายในถ้ำเชียงดาวทราบว่าพ่อแม่ ญาติพี่น้องและลูกเมียของชายผู้นี้ได้ทำพิธีเรียกร้องให้กลับบ้าน เทพเจ้าจึงปล่อยให้เขากลับบ้านแต่ว่ามีข้อแม้ว่าต้องทำงานหนึ่งให้ท่านก่อนจึงค่อยกลับบ้านได้ คือให้ไปเชิญเทพเจ้าทั้งหลายที่สถิตณะที่ดอยจอมหด ร่วมมากินเลี้ยงกับเทพเจ้าที่ดอยหลวงเชียงดาวและดอยนาง
ขณะที่ลุงเส็ดกำลังเดินทางไปทำธุระให้กับเทพเจ้าที่ดอยจอมหดนั้น เมื่อถึงกลางทางตรงแม่น้ำปิงระหว่างท่าวังขอน พอดีลุงเส็ดได้เดินไปพบกับลุงสันผู้เป็นน้องชายโดยบังเอิญกับเพื่อนบ้านอีก ๒ - ๓ คน เมื่อลุงสันได้พบกับพี่ชายดังนั้น จึงพากันร้องทักและวิ่งไล่สกัดจับตัวลุงเส็ดไว้ไม่ให้เดินต่อไป แต่ลุงเส็ดขอร้องและพูดกับน้องชายว่า "ปล่อยให้ข้าไปทำธุระให้กับเทพเจ้าของข้าให้เสร็จก่อน แล้วข้าจะกลับไปบ้าน" แต่ลุงสันผู้เป็นน้องชายกับเพื่อนบ้านไม่ยอม เกรงว่าจะเป็นดังเช่นลุงเสดคนก่อน จึงพากันจับตัวลุงเส็ดนำกลับบ้าน เมื่อไปถึงบ้านลุงเส็ดได้เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้กับเพื่อนบ้านและน้องชาวของตนฟังว่า "ขณะที่เดินทางไปถึงหน้าถ้ำ แล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าประตูถ้ำ มีความคิดอยากที่จะเข้าไปดูในถ้ำ แต่ไม่มีสิ่งใดที่จะใช้เป็นแสงสว่างส่องเข้าไปได้ พลางนึกถึงอยู่เช่นนั้นขณะหนึ่ง พลันเท้าของเขาก็เดินย่างก้าวเข้าไปในถ้ำโดยทีไม่รู้ตัว ยิ่งเดินเข้าไปาทงก็ยิ่งสว่างเหมือนกันที่เราอยู่ข้างนอกที่มีแสงพระอาทิตย์ ยิ่งเดินยิ่งเพลิน และลืมไปหมดทุกอย่างแม้กระทั้งความหิว ตลอดถึงพ่อแม่ญาติพี่น้องและลูกเมีย" แล้วลุงเส็ดก็ได้เล่าต่อไปอีกว่าหลังจากหยุดพักเหนื่อยและดื่มน้ำเข้าไป ๑ ขัน เมื่อเดินเข้าไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งคล้ายวังของพระเจ้าแผ่นดิน และมีเทพเจ้ามากมายได้พูดกับเขาว่า "ให้เจ้าอยู่กับเราที่นี่นะ เราจะให้ความสุขแก่เจ้าทุกอย่าง ตลอดจนการอยู่การกิน เราจะมิให้เจ้าต้องได้รับความเดือนร้อน" หลังจากที่ลุงเส็ดได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้ พ่อแม่พี่น้อง ลูกเมีย และเพื่อนบ้านฟังแล้วไม่นานต่อมาเขาก็อพยพโยกย้ายครอบครัวพร้อมทั้งพ่อแม่พี่น้องของเขาไปอยู่ที่บ้านถ้ำ(หมู่บ้านใกล้บริเวณหน้าถ้ำเชียงดาวในปัจจุบัน) และสิ้นชีวิตในหมู่บ้านถ้ำนั่นเอง...
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_180115[1].jpg
(2010-12-5 09:04, 8.08 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 23
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4NjF8YzJkODcxY2F8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:05
2010-12-5 09:05 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(14.53 KB)
หินไทรย้อยสวยงาม ก่อนจะถึง เหวลึกใต้ถ้ำข้างหน้า!
ดอยหลวงเชียงดาวเป็นดอยสำคัญที่เต็มไปด้วยเทพเจ้า ๑๔๐ ล้านองค์เศษในปัจจุบัน(ตามหลักฐานได้มีผู้รู้กล่าไว้เมื่อปี ๒๔๙๕) โดยมาจาก พม่า อินเดีย ชานสเตตและอินโดจีน เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๑ นายอุยอด ชาวบ้านป่ามานในเชียงตุงมาเล่าและและบอกว่า เจ้าหลวงคำแดงไปเข้าสิง คนเชียงตุงว่าเทพารักษ์ต่างศาลต่างๆทั่วไปได้มาประชุมกันที่ดอยหลวงเชียงดาวหมดแล้ว และเข้าใจว่าดอยหลวงเชียงดาวแห่งนี้จะเป็นสถานที่ชุมนุมของเทพเจ้าในอนาคต
การค้นพบในถ้ำเชียงดาวครั้งแรกในราว พ.ศ. ๒๒๐๐ หรือในราว ๓๐๐ กว่าปีที่ผ่านมาผู้ค้นพบได้สร้างระฆังไว้ใบหนึ่ง ซึ่งแขวนไว้ใต้ปล่องสว่างมีน้ำหนักประมาณ ๒๐๐ กิโล ตัวระฆังทั้งหมดคงจะเป็นทองสัมฤทธิ์ แล้วสลักชื่อไว้ข้างระฆังว่า "พ่อแสน ปีระตำนาน กับพระประธรรมะปัญโญ ๑ องค์ร่วมกันสร้างไว้เป็นสมบัต้ของถ้ำเชียงดาว" นอกจากสลักชื่อของท่านทั้งสองไว้แล้ว ยังมีข้อความอยางอื่นอีกด้วย แต่ก็อ่านยากเต็มทีเพราะมีรอยตีระฆังด้วยเหล็กและฆ้อนมานานหลายปีแล้วตัวอักษรที่สลักไว้บนระฆังเป็นตัวหนังสือภาษาไทยเหนือปนไทยเขินโบราณ แต่ก็ดูเลือนลางลงไปมาก ทำให้ไม่ทราบว่าผู้ที่มาสร้างระฆังไว้นั้นเป็นคนชนชาติใดที่ไหน แต่เข้าใจว่าคงจะเป็นชาวบ้านแถวหน้าถ้ำไปทางตะวักออกประมาณ ๒ กิโลเมตรกว่า เพราะมีเห็นเป็นรากฐานการค้นพบ เห็นเป็นซากอิฐไว้หลายแห่งมันเป็นซากวัดและซากโบสถ์ของคนโบราณ และบางแห่งชาวไร่ก็ขุดพบวัตถุของใช้หลายอย่างอันเช่น ถ้วย โถ โอ ชามและกล้องยาสูบเป็นต้น ซึ่งของเหล่านั้นมีอายุผ่านมากว่า ๑๐๐ ปี
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_180443[1].jpg
(2010-12-5 09:05, 14.53 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 17
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4NjJ8MTJhNDIyZjV8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:06
2010-12-5 09:05 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(6.64 KB)
เจดีย์ปริศนา ๔ หลังที่ปั้นขึ้นโดยชาวพม่า...
อนึ่งเรื่องของคนที่หายเข้าไปในถ้ำแห่งนี้มีอีกเรื่องหนึ่งที่พอจะนำมาเล่าให้ฟังกันได้
เมื่อปี ๒๕๑๕ มีชาวบ้านอำเภอแจ้ห่ม เป็นคนจังหวัดลำปางอายุประมาณ ๖๐ ปีเศษ ชื่อลุงจ๋อม(ไม่ทราบนามสกุล) ได้มาเที่ยวชมถ้ำเชียงดาว และเข้าไปนมัสการพระพุทธรูปที่บริเวณปล่องแจ้ง(ใกล้ประตูถ้ำ) โดยได้ซื้อดอกไม้ธูปเทียน ติดมือเข้าไปด้วย พรอ้มกับเทียนไขชนิดยาวหนึ่งห่อมี ๘ เล่ม และได้นำร่มไปฝากกับแม่ค้าดอกไม้ไว้ที่ศาลาหน้าถ้ำ เวลาบ่ายประมาณ ๑๖ นาฬิกาซึ่งขณะนั้นผู้คนที่มาเที่ยวได้ทยอยออกจากปากถ้ำกันเกือบหมดแล้วรวมทั้งลุงจ๋อมก็ได้เดินออกมาด้วย แล้วจึงได้เดินกลับเข้าถ้ำไปอีกแต่เพียงผู้เดียว เป็นเวลานานใกล้มืดแม่ค้าขายดอกไม้ธูปเทียนจึงได้พากันกลับเพราะคิดว่าลุงจ๋อมคงจะเข้าไปนั่งภาวนาในถ้ำอีกไม่นานคงจะออกมา ครั้นวันรุ่งขึ้นบรรดาแม่ค้าดอกไม้มาเปิดร้านขายของอีก ก็ยังพบห่อผ้าและร่มที่ลุงจ๋อมฝากไว้อยู่ที่เดิม จึงพากันเข้าใจว่าลุงจ๋อมต้องหลงถ้ำอย่างแน่นอน จึงพากันไปกราบเรียนหลวงพ่อทองดำ เจ้าอาวาสวัดเชียงดาว พร้อมกับเล่าเรื่องของลุงจ๋อมให้ท่านเจ้าอาวาสฟัง และพร้อมกันนั้นท่านจึงให้คนไปตามผู้ใหญ่บ้านมา แล้วสั่งให้ผู้ใหญ่บ้านจุดตะเกียงเจ้าพายุนำชาวบ้าน ๗ - ๗ คนเข้าถ้ำไปค้นหาคณะของผู้ใหญ่บ้านเข้าไปยังถ้ำๆ หนึ่งชื่อถ้ำม้า แล้วพากันแยกย้ายดูตามซอกถ้ำต่างๆตะโกนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ ชาวบ้านจึงยังค้นหาต่อไปอีกประมาณ ๕๐๐ เมตร(วัดจากปล่องแจ้งเข้ามาด้านใน) จึงพบตัว ลุงจ๋อมนอนหายใจแขม่วๆ ตรงซอกถ้ำแห่งหนึ่ง เสื้อผ้าที่สวมใสเปียกชุ่มไปหมด ร่างกายเย็นเฉียบ ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันประคองตัวออกมา เมื่อพาตัวออกมาแล้วจึงพากันปฐมพยาบาลหาน้ำและอาหารมาให้ พอหายจากอาการอ่อนเพลียผู้ใหญ่บ้านจึงสอบถามถึงสาเหตุที่เข้าไปหลงอยู่ในถ้ำม้า ลุงจ๋อมให้เล่าให้ทุกคนฟังว่า "ลุงทราบข่าวจากอำเภอเชียงดาวว่ามีถ้ำเป็นถ้ำที่สวยงามมาก พร้อมกับมีของโบราณเก่าแก่มากมาย อยากจะเห็นและมานมัสการกราบไหว้บูชา จึงตัดสินใจบอกลูกหลานออกจากบ้าน ตีตั๋วรถไฟมาลงเชียงใหม่ แล้วต่อรถยนต์จากเชียงใหม่มาลงปากทางเข้าถ้ำ เวลาประมาณบ่าย ๒ โมง แวะซื้อดอกไม้ธูปเทียนที่หน้าถ้ำ พร้อมกับฝากผ้าห่มและร่มที่จะนำไปเป็นของฝาก แล้วก็เข้าไปกราบไหว้พระที่ปล่องแจ้ง หลังจากเดินลงบันไดมา ลุงก็พบกับทางแยกที่จะเข้าไปในถ้ำที่หลง ซึ่งเวลานั้นลุงเหลือเทียนเพียง ๖ เล่ม คิดว่าจะจะเข้าไปได้และกลับออกไปได้ก่อนที่เทียนจะหมด เมื่อคิดดังนั้นแล้วจึงเดินเข้าไป ยิ่งเดินก็ยิ่งมีทางเข้าไปเรื่อยๆ และเป็นทางที่ไปอย่างสะดวกสบายไม่ขรุขระ หรือลำบากดังเช่นขากลับ! ที่ลูกหลานเข้าไปนำตัวลุงออกมา ขณะที่เดินไปถึงที่แห่งหนึ่ง จำได้ว่าเป็นเสียงน้ำไหลอยู่ข้างล่าง และลุงคิดจะกลับเหลือเทียนไขในมืออยู่แค่ ๒ เล่ม จึงเดินกลับออกมา เมื่อถึงกลางทางลุงเห็นมีสองทางข้างหน้า จึงทำให้ลุงสงสัยว่าทางไหนหนอที่จะเป็นทางออกไปข้างนอกได้จึงพวหกลับออกมาทางเดิม พอเดินมาถึงครึ่งทางเทียนไขก็ดับลง เมื่อเทียนไขดับหมดก็คลำทางหาทางออก พยายามเท่าไหร่ก็หาไม่พบทางที่จะออกมาได้ เพราะมันมืดไปหมด จนกระทั่งรู้สึกหิวและอ่อนเพลียมาก เมื่อกระหายน้ำลุงก็เอาลิ้นไปเลียกินน้ำตามที่มันหยดลงมาจากหินย้อย เมื่อหมดแรงลุงก็นอนอยู่ตรงนั้นและนอนรอความตายหรือเผื่อจะมีคนเดินเข้าไปทางนั้นบ้าง เพื่อจะได้นำลุงออกมา จนกระทั่งเผลอหลับไปด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง รู้สึกตัวอีกทีได้ยินเสียงลูกหลานพูดกัน พร้อมกับเห็นแสงสว่างของตะเกียงเจ้าพายุ ๓ - ๔ ดวงที่ลูกหลานทั้งหลายตามไปนำตัวลุงออกมาได้..สาธุ" แกพูดพร้อมกับยกมือไว้ท่วมหัว.. หลังจากแกเล่าจบแล้ว แกก็ขอตัวไปกราบนมัสการหลวงพ่อทองคำยังกุฏิของท่าน และหลวงพ่อท่านก็นำมาฝากกับเจ้าของรถยนต์ที่นำคณะทัศนาจรไปเที่ยวถ้ำ เพื่อให้ไปลงยังลานจอดรถในเมืองเชียงใหม่ให้แกได้กลับบ้าน....
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_183849[1].jpg
(2010-12-5 09:05, 6.64 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 16
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4NjN8ODZkODhhODJ8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:06
2010-12-5 09:06 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(8.75 KB)
บริเวณ ปล่องเหวลึก...คนสามารถโรยตัวด้วยเชือก ลงไปได้เพียง ๓๐๐ เมตรเท่านั้น ต่อจากนั้นเป็นน้ำลึกมาก ที่คนธรรมดาไม่สามารถจะลงไปต่อได้...เหมือนดังเป็นปะตูเข้าออกปริศนาที่ไม่มีใครสามารถคาดได้ว่าเมื่อเข้าไปแล้วจะไปทะลุถึงที่ไหน...
บุคคลใดที่คิดโดยมีจิตอกุศลในสิ่งไม่ดีและคิดอยากจะได้นั่นได้นี่ในถ้ำ บางคนขณะเดินภายในถ้ำแสดงอาการไม่สำรวม เช่น หยอกล้อเกี๊ยวพากันกับเพศตรงข้าม ไม่มีความเกรงใจต่อเจ้าของสถานที่ หรือบางคนมาเที่ยวแล้วยังไปทำลายของ เช่นเอาหินไปทุบตีเอาหินงอก หินย้อยที่อยู่ในถ้ำ แต่ละรายที่นำออกไปก็ไม่แคล้วที่จะต้องมีอันเป็นไปต่างๆนาๆ ตามที่ทราบและเห็นมาหลายรายที่นำเอาสิ่งของในถ้ำนี้ออกไป แล้วเกิดอาการ ปวดหัว ปวดท้อง เป็นไข้ แม้จะให้แพทย์มารักษาเท่าใด้ก็ไม่หาย จนถึงกับต้องเหมารถยนต์จากบ้านมาที่ถ้ำ เพื่อนนำสิ่งของที่ติดมือไปมาคืน และขอขมายังที่อยู่เดิมของสิ่งของเหล่านั้น อาการต่างๆจึงจะหาย ความศักดิ์สิทธิของถ้ำย่อยต่างๆ ภายในภ้ำเชียงดาว ในสมัยก่อนมีความศักดิ์สิทธิ๋อย่างไร ปัจจุบันก็มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่เช่นเดิม....
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_185211[1].jpg
(2010-12-5 09:06, 8.75 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 16
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4NjR8MWVkNTQ3NjV8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:07
2010-12-5 09:07 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(20.18 KB)
รูปปั้น "ฤาษีอุคันธะ" เป็นที่เคารพสักการะภายในถ้ำลึก ก่อนที่จะถึงปล่องเหวลึกด้านหลัง...
พระฤาษีอุคันธะ ได้เคยทำนายก่อนที่จะออกไปจากถ้ำเชียงดาวว่า " ต่อไปข้างหน้าจะมีผู้ทรงธรรมมายังถ้ำหลวงเชียงดาว เพื่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ซึ่งกิ่วคอด เหมือนคอสาก(ยังไม่เจริญ) ให้เจริญรุ่งเรืองสืบไปต่อ ฤาษีอุคันธะได้ทำนายไว้กับบรรดาศิษย์ของท่าน และบอกว่าบรรดาศิษย์ปฏิบัติศีลธรรมให้จงดี อย่ามีความประมาท จะได้พบกับผู้ทรงธรรมหลังจากคำทำนายนี้ล่วงไปแล้วหลายสิบปี.."
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_190343[1].jpg
(2010-12-5 09:07, 20.18 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 16
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4NjV8NzFhYTdhOGF8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:07
2010-12-5 09:07 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(10.27 KB)
พระพุทธรูปที่สลักด้วยไม้ ไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้นำเข้ามาภายในถ้ำ เพราะได้พบตั้งแต่มีคนมาสำรวจถ้ำอยู่ก่อนแล้ว...
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_190745[1].jpg
(2010-12-5 09:07, 10.27 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 16
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4NjZ8MmU4ZTBmZGF8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:08
2010-12-5 09:07 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(5.97 KB)
อันนี้เป็นถ้ำน้ำ เพราะเป็นถ้ำเดียวที่ลึกที่สุด อากาศหายใจน้อยมาก.. ปกติถ้ำนี้แทบจะไม่ค่อยมีคณะท่องเที่ยวใด เดินเข้ามาบ่อยนัก สัปดานึงจะมีนักท่องเที่ยวกล้าเดินเข้ามาสักคณะก็หายาก เพราะอากาศน้อย และเป็นทางเดินที่ขรุขระพอสมควร และส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกันหลายๆคน..
บริเวณถ้ำน้ำจะเดินไปลึกพอสมควรที่เรียกว่าถ้ำน้ำก็เพราะว่าเดินไปเจอน้ำพอดี ถ้าจะเดินต่อก็ต้องเดินลุยน้ำเข้าไปต่ออีก ซึ่งสามารถเดินลุยน้ำเข้าได้ต่ออีกประมาณไม่ถึง ๑๐๐ เมตร ก็จะพบทางตัน แต่ว่าถ้าก้มดูจากใต้น้ำจะพบทางเล็กๆ เป็นทางน้ำไหลผ่านออกไปยังที่ต่างๆได้ แต่ทว่าขนาดความกว้างนั้น เล็กพอสมควร คนทั่วไปไม่สามารถจะเข้าต่อไปได้...
บรรยากาศโดยรวมภายในถ้ำหลวงเชียงดาวนี้ค่อนข้างจะอบอุ่นมาก ถ้าเทียบกับอากาศภายนอก ไม่พบอุจจาระค้างคาวให้เห็นบ่อยนัก มีกลิ่นสะอาดชื่นสด พอสมควร มีหินย้อยสวยงามหลายแห่ง เพียงแต่บางแห่งไม่สามารถบันทึกรูปได้ เพราะแสงไม่พอ การเดินชมถ้ำต้องอาศัยตะเกียงเจ้าพาเท่านั้น...
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_191747[1].jpg
(2010-12-5 09:07, 5.97 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 17
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4Njd8NDkyM2Y2NjF8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:08
2010-12-5 09:08 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(10.09 KB)
บริเวณภายในถ้ำน้ำ....
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_191838[1].jpg
(2010-12-5 09:08, 10.09 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 17
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4Njh8OTYxNWE3MmF8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:09
2010-12-5 09:08 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(8.44 KB)
ตามพื้นที่เดินจะพบหินงอกที่กำลังต่อตัวขึ้นหลายแห่ง เรียกกันว่า ไข่ดาว
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_192121[1].jpg
(2010-12-5 09:08, 8.44 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 16
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4Njl8NjdjODU2NmF8MTczMjM5MjA1OXww
โดย:
tanavisut
เวลา:
2010-12-5 09:09
2010-12-5 09:09 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(30.31 KB)
ทางเข้าสู่ถ้ำม้า.........
รวมระยะทางที่เดินสำรวจภายในถ้ำหลวงเชียงดาวโดยประมาณ ๒.๓ กิโลเมตร
***มีอีกหลายแห่งที่ไม่สามารถบันทึกภาพมาได้ เพราะmemory กล้องไม่พอ และทั้งแสงแฟลตน้อยเกินไป...ทำให้ต้องลบบางภาพทิ้งไป จึงต้องนำรูปจากหนังสือมาสแกนเสริมประกอบให้ทีหลัง (แต่ภาพก็ยังน้อยอยู่ดี)...จบครับ _/|\_
รูปภาพที่แนบมา:
20060122_192626[1].jpg
(2010-12-5 09:09, 30.31 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 17
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY4NzB8NzdlODNjYmR8MTczMjM5MjA1OXww
ยินดีต้อนรับสู่ แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน" (http://dannipparn.com/)
Powered by Discuz! X1.5