แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

ชื่อกระทู้: เที่ยวชม เขื่อนภูมิพล(ยันฮี)อ.สามเงา จ.ตาก 18-01-49 [สั่งพิมพ์]

โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 09:49     ชื่อกระทู้: เที่ยวชม เขื่อนภูมิพล(ยันฮี)อ.สามเงา จ.ตาก 18-01-49

20060127_225826[1].gif
เขื่อนภูมิพล(ยันฮี) จ.ตาก

บันทึกเดินทาง 18-01-49

"ข้าพเจ้าเห็น พ้องกับรัฐบาลว่า โครงการอเนกประสงค์ โครงการแรกของประเทศนี้ เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาเศรษฐกิจก้าวใหม่ให้ไพศาลออกไป ปัจจุบันนี้น้ำเป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงชีวิต และน้ำกับไฟส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าของชีวิต เมื่อพลเมืองเพิ่มมากขึ้นและเร็ว ก็ต้องเพิ่มน้ำและไฟฟ้าให้ทันความต้องการของพลเมือง"

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อนภูมิพล





รูปภาพที่แนบมา: 20060127_225826[1].gif (2010-12-5 09:49, 57.1 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 6
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY5MDl8NDk5ZGJmMjB8MTcxNTA2OTkzNXww


โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 09:50

20060127_230058[1].gif
พระพุทธรูปทันใจ ที่ประดิษฐานอยู่ริมสันเขื่อน ........



รูปภาพที่แนบมา: 20060127_230058[1].gif (2010-12-5 09:50, 39.13 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 6
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY5MTB8NDY4YWY2NWF8MTcxNTA2OTkzNXww


โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 09:50

20060127_232106[1].gif
พระพุทธฉาย....เวลาที่ต้องการมาบูชารูปพระฉาย ควรจะมาเวลาเช้าที่แดดยังส่องมาไม่ถึงผา หรือมาตอนกลางคืน จะพอสังเกตุได้ชัด ....อันนี้เจ้าหน้าที่ที่นั่นเขาแนะนำมานะครับ ผมเองก็เพ่งจะรู้ว่าต้องมาไหว้ตอนกลางคืนวันที่พระจันทร์พอส่องได้จะเห็นได้ชัดพอสมควร....

(แต่ผมมาตอนเกือบจะเที่ยงแล้วครับแดดแรงพอสมควร ทำให้มองลำบากเนื่องจากแสงแดดสะท้อนกับผา)

ที่นี่หลวงพ่อได้เคยเล่าตำนานเอาไว้ว่า ภาพ(พระพุทธฉาย)เกิดขึ้นมาได้อย่างไร...ก็เพราะอาศัย พระเจ้าปทุมมหาราช(พระอินทร์องค์ปัจจุบัน) ท่านมีความเคารพในพระพุทธกัสสป การเสด็จมาองพระพุทธกัสสปก็นานๆ ครั้ง แต่เสด็จประทับครั้งหนึ่งไม่น้อยกว่า ๑ เดือน

บรรดาประชาชนทั้งหลายก็พากันมีความเคารพ เพราะว่าพระราชาบูชานี่ ประชาชนเขาก็เคารพด้วย ทีนี้มีครั้งที่ ๓ ที่ท่านเสด็จมา คือปีหนึ่งมาครั้ง เพราะนานวัน พระเจ้าปทุมหามราชจึงได้ขอให้พระองค์ทรงแสดงอะไรซักอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอนุสรณ์...เป็นที่ระลึก

ท่านจึงแสดงเป็นพระรูปฉายเข้าไว้พร้อมไปด้วยพระอัครสาวก แล้วก็สาวกหลายท่านด้วยกัน แต่ว่าสมัยนี้มันเลยมาแล้วนะ...จึงเลือนไป ถ้าสมัยก่อนโน้นก็ยังมีภาพคล้ายๆ พระฉายเพียงแค่เดินผ่านมาก็จะเห็นเป็นรูปพระพุทธเจ้า คล้ายกับใครเขียน แต่นูนๆ ขึ้นมาหน่อยแต่ปรากฏชัดแล้วนอกจากนั้นก็แสดงรอยพระบาทไว้ด้วย แต่รอยพระบาทถูกหินทับไปหมดแล้ว เพราะว่าคนละสมัย

ที่ท่านแสดงภาพพระไว้ใกล้แม่น้ำก็เป็นเพราะว่า เป็นความต้องการของพระเจ้าปทุมมหาราช ว่าในที่น้ำไหล...มีความเย็น เวลาว่างในตอนเย็นๆ หรือในตอนเช้าๆ ก็พากันมาไหว้พระพุทธเจ้าเป็นที่ระลึก เป็นอันว่า คนสมัยนั้นมีความเคารพมากแล้วก็เป็นนักบุญมาก แล้วนักบุญในสมัยนั้นก็มาเกิดในสมัยนี้ที่เดินๆมาเป็นแถวๆ นี่ล่ะ แล้วยังมีมากกว่านี้นะ ที่ยังมาไม่ครบ!...........





รูปภาพที่แนบมา: 20060127_232106[1].gif (2010-12-5 09:50, 59.08 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 7
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY5MTF8OGJjNGRjNDh8MTcxNTA2OTkzNXww


โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 09:51

20060127_232449[1].gif
ทางขึ้นภูเขา เพื่อขึ้นไปมนัสการพระพุทธสิริสัตตราช หรือหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์(จำลอง)



รูปภาพที่แนบมา: 20060127_232449[1].gif (2010-12-5 09:51, 67.16 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 6
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY5MTJ8YWQ4MmNhYjl8MTcxNTA2OTkzNXww


โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 09:51

20060127_232553[1].gif
ทางขึ้นภูเขา เพื่อขึ้นไปมนัสการพระพุทธสิริสัตตราช หรือหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์(จำลอง)



รูปภาพที่แนบมา: 20060127_232553[1].gif (2010-12-5 09:51, 71.51 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 1
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY5MTN8MTIzYjg4MzZ8MTcxNTA2OTkzNXww


โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 09:52

20060127_232633[1].gif
พระพุทธสิริสัตตราช หรือหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์(จำลอง)

อันป็นพระเถระ นามว่า "พันธุละ" ผู้ปรารภความเพียรได้มาแล้วซึ่งนิมิต ซึ่งเกิดจากการนั่งสมาธิ.....

ที่ประดิษฐานเบื้องบนเขาลูกนี้ เป็นพระพุทธประติมาปางสมาธิ หน้าตักนิ้ว ๓๙ นิ้ว ประทับนั่งอยู่บนพระยางูใหญ่แผ่พังพอนเป็นเจ็ดหัว ขดตัวรองรับเป็นบัลลังก์ให้กับองค์พระ

หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ เป็นพระพุทธรูปสักดิ์สิทธิ์เชื่อกันว่า มีพุทธานุภาพสามารถบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ยังความชุ่มฉ่ำเย็นแก่พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล โดยเฉพาะแต่ประชาชน ซึ่งความห่วงใยในความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้เล็งเห็นว่า ณ ทะเลสาปเขื่อนภูมิพลอันเป็น แหล่งน้ำนี้เหมาะสมและควรมีหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์มาประดิษฐานไว้จึงขอพระราชทานจัดสร้างขึ้น เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเททองหล่อหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ เมื่อวันเสาร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๔๒ และอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ เขื่อภูมิพล เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๔๒ เวลา ๐๙.๐๙ น.




รูปภาพที่แนบมา: 20060127_232633[1].gif (2010-12-5 09:52, 60.52 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 5
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY5MTR8OWY1Mzg5YmF8MTcxNTA2OTkzNXww


โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 09:53

20060127_232839[1].gif
หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน



รูปภาพที่แนบมา: 20060127_232839[1].gif (2010-12-5 09:52, 45.65 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 3
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY5MTV8OTkxODI2NTl8MTcxNTA2OTkzNXww


โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 09:53

20060127_233036[1].gif
บริเวณสันเขื่อน...



รูปภาพที่แนบมา: 20060127_233036[1].gif (2010-12-5 09:53, 66.71 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 4
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY5MTZ8ZmI0YWFmYjJ8MTcxNTA2OTkzNXww


โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 09:54

20060127_233206[1].gif
บริเวณสันเขื่อน...

อานุภาพแห่งพระพุทธฉายเขื่อนภูมิพล(ยันฮี) จ.ตาก

ในตอนนี้จะขอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบันนี้ว่าทำไมครั้งแรกมีคนไปด้วยเพียง ๕๐ คน แต่ต่อมาในครั้งที่ ๒ จึงมีคนไปด้วยถึง ๓๐๐ กว่าคน จึงจะขอเล่าว่าเป็นไปด้วยพุทธบารมีแห่งพระฉาย เพื่อจะสงเคราะห์บรรดาลูกหลานของหลวงพ่อ ให้มีศรัทธสมั่นคงในพระพุทธศาสนานั่นเอง

เนื่องจากการเดินทางไปครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๐ นั้น เป็นจังหวะที่ตรงกับวันขึ้น ๑๐ ค่ำ ในตอนหัวค่ำ ขณะที่ทำพิธีบวงสรวงอยู่นั้น พระจันทร์ได้ขึ้นมาอยู่ตรงกับหน้าผาพอดี ครั้นเจ้าหน้าที่ของเขื่อนได้ดับไฟสปอร์ตไลท์แล้ว ทุกคนที่อยู่บริวเณนั้นจึงได้แหงนหน้าขึ้น

เมื่อมองผ่านความมืดขึ้นไปบนหน้าผาเห็นแสงจันทร์สาดเข้าหน้าผาสะท้อนให้เห็นเงาของพระฉายตรงกลางหน้าผาในพุทธลักษณะต่างๆ กันแล้วแล้วแต่ตั้งสัจจะอธิษฐาน และอานุภาพที่ท่านจะแสดงให้ปรากฏ บ้างก็เห็นเป็นประทับนั่ง บ้างก็เห็นประทับยืนเป็นต้น

แต่ขณะที่ทุกคนกำลังชื่นชมเพลิดเพลินอยู่นั้น แทบไม่เชื่อสายตาของตนเอง เพราะมีสิ่งหนึ่งปรากฏส่วนบนหน้าผา คือมีลำแสงพุ่งขึ้นเป็น ๓ ลำ โผล่ออกมาจากยอดหน้าผาอย่างช้าๆ แต่แสงนั่นไม่สว่างจ้ามากนัก

พวกเราต่างมองกันด้วยความพิศวงเพราะนึกไม่ถึงว่าท่านจะแสดงให้เห็นกับตาเนื้อต่อหน้าคนประมาณ ๕๐ คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่เขื่อนอีกหลายคน ไม่มีใครสงสัย มีแต่ความมั่นใจในพุทธานุภาพ ทุกคนจึงพนมมือสาธุกันตลอดเวลา ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้านั้น ลำแสงตรงกลางได้พุ่งสูงขึ้นไปเบื้องบนท้องฟ้า พุ่งขึ้นเรื่อยๆ ผ่านความมืดในยามค่ำคืน ส่วนลำแสงซ้ายและขวานั้น ได้แยกออกจากกันแล้วพุ่งช้าๆ ไปหาพระจันทร์ โอบล้อมพระจันทร์ทั้งสองด้าน พร้อมกัน กลายเป็นวงรัศมีรอบวงพระจันทร์พอดี มองแล้วเหมือนพระจันทร์ทรงกลด แต่ที่น่าแปลกใจก็คือว่า พระจันทร์ทรงกลดในลักษณะที่ไม่เต็มดวง จะเรียกว่าพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวทรงกลดก็ว่าได้

เมื่อทุกคนได้เห็นเป็นประจักษ์พยานเช่นนั้นต่างก้มลงกราบกับพื้นด้วยความปลื้มปิติเป็นที่สุด... บางคนมีหยาดน้ำตาไหลรินออกมาด้วยความปลื้มใจในคุณพระรัตนตรัยที่หวังที่จะประกอบคุณงามความดีเบื้องสูงต่อไป แน่ละ... พวกเรามีความมั่นใจในพระนิพพานมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้เอง ผู้เขียนจึงต้องมีหน้าที่นำคณะญาติโยมเดินทางไปอีกครั้งเปนครั้งที่ ๒ ซึ่งมีคนเป็นจำนวน ๓๐๐ คน เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ เป็นการบอกเหตุไว้หลายครั้งแล้วว่า ถ้าหากมีปรากฏการณ์ที่ไหน... แสดงว่าสถานที่นั้น จะต้องไปชวนคนกลับมาสักการะอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับการเดินทางไปครั้งนั้น นอกจากที่เขื่อนยันฮี(ภูมิพล จ.ตาก) แล้วท่านยังได้แสดงปาฏิหาริย์เกือบทุกแห่งคือที่ เจดีย์ยุทธหัตถีพ่อขุนราม และที่พระบาทดอยโล้น จังหวัดตาก ซึ่งจะเล่าในโอกาสต่อไป




รูปภาพที่แนบมา: 20060127_233206[1].gif (2010-12-5 09:53, 34.41 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 3
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY5MTd8OTVjZWFhNWJ8MTcxNTA2OTkzNXww


โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 09:54

20060127_233846[1].gif
เมืองโบราณใต้น้ำเขื่อนภูมิพล

หลวงพ่อเล่าเมื่อ วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๒๓
"เปี๊ยก...เคยมาเกิดที่นี่หรือป่าว? เอาล่ะๆ หา...เออ..ไอ้นกล่ะ...เคยสร้างรึ เออ..อยากรู้ไหม อยากจะรู้ก็ดำน้ำลงไปถามคนโบราณถ้าอยากจะรู้ก็ดำน้ำไป กระดูกคนโบราณเขาฝังที่ไหน เราก็ไปถามกระดูก ถามสิว่าฉันเคยเกิดที่ไหนหรือเปล่า ถ้าเขาไม่ปฏิเสธแสดงว่าเราเคยเกิด

โอโฮ้ แถวนี้ทองแดงเถือก! แม่น้ำนี่...เพราะเคยเป็นเมืองเก่านะ เคยเป็นเมือง...ไม่ใช่หมายถึงจังหวัด...เป็นประเทศ! เข้ามาเที่ยวก่อนเขาทำภาพพื้นให้ดู มันเป็นบริวเณเมืองนะ นี่ถือว่าเป็นเมืองโบราณ

และคนที่มีความรู้สึกว่ามีสภาพเป็นคน...ไอ้จริยาคนเก่าๆน่ะท่านดี ดีเพราะอะไร...เพราะว่าไอ้คนเก่ามันมีระเบียบ คนเก่าเขามีระเบียบ เขามีวินัย เป็นการรักษาประเพณี เพราะประเพณีเขาถือเป็นใหญ่ ฉะนั้นคนโบราณเขาจึงมีรเบียบและประเพณีดี และก็อีกอย่างหนึ่ง...จริยาเขาดีมาก

การแต่งตัวก็..ไอ้คนไทยเรานี่มันแต่งตัวเป็นผ้าพื้นปกติ ปกติของคนไทย เอ๊ะ! คนไทยหรือเปล่าไม่รู้ แต่ไอ้ประเภทที่นุ่งผ้าถุงยาวๆใกล้ๆตาตุ่มนี่ และใส่เสื้อแขนกระบอก แขนยาวแขนสั้นนี่มันเรื่อยๆมาแต่โบราณ เขาคงจะตามๆกันมา

คืนนั้นมานอนอยู่ที่นี่ คืนแรก..อีตาอะไร ตาปาน..ที่อยู่กับคุณหญิง..ใช่ไม่ใช่..ชื่อ "ปาน" ที่อยู่จังหวัดสมุทรสาคร แกนอนอยู่ด้วยคืนเดียวคนหลังแกไม่มานอนด้วยเลย แกนอนไม่หลับไอ้เราคุยกับเขานี่...เสียงมันไม่ออกจากปากตานั่นมันได้ยิน คืนหลังเลยไม่นอนด้วยเลย พอเริ่มนอนปั๊บ! มาล่ะ..ยามมาแล้ว..ยืน ๒ คน ถามมาทำไมล่ะ..เขาบอกว่าเขาใช้ให้ผมมาอยู่ยาม และต่อมาก็มีพระบ้าง มีพวกคนเก่าๆ เทวดาบ้าง พรหมบ้าง ก็มาชี้ชัดตามแม่น้ำมันท่วมแล้วบอกว่า บริเวณนั้นมันเป็นเมืองที่มีความสวยสดงดงามมาก แล้วภาพเมืองก็เกิดขึ้น ดูคนเดินไปเดินมาความอุ่นหน้าฝาคั้งของคนนะ

การเดินเหินก็เต็มไปด้วยความสุภาพคือรักษาจารีตประเพณีดี แล้วบ้านเมืองก็สวยคนแต่งตัวก็สวย อยู่ในความสงบ คำว่าอยู่ในความสงบยังไม่มีใครมารบ ยังไม่ต้องรบกับเขานะ แต่ว่าเจ้าของบ้านของเมืองก็ต้องซ้อมรบกันเป็นปกติ ผัวกับเมีย เพื่อนกับเพื่อน พี่กับน้อง ทะเลาะกันอยู่เรื่อย เรียกว่าซ้อมรบใช่ไหม...เปี๊ยก! อย่างนี้เขาถือว่าซ้อมรบ เผื่อคนอื่นเขามารบ จะได้รู้ลีลาของการรบ

แล้วก็คุยกันไปคุยกันมา...ก็สมัยหลังถอยไปนาน มันถอยไปนาน แล้วสมควรเราไปเที่ยวเรือ เจ้าหน้าที่เขาก็บอก ว่าก่อนที่จะทำเขื่อน(เขื่อนภูมิพล)รอบมันมีคูเมือง มันมีกำแพงเมืองเก่า อันนี้เราหลงไป ไม่ยักหลงแฮะ เราก็ไม่ได้ไป เขาบอกนะ




รูปภาพที่แนบมา: 20060127_233846[1].gif (2010-12-5 09:54, 41.43 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 0
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY5MTh8ZmM3NTQxYTh8MTcxNTA2OTkzNXww


โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 09:55

20060127_234040[1].gif
ลักษณะการแต่งกาย
หลวงพ่อท่านเล่าพรอ้มกับชี้หน้าพวกเราที่นั่งรับฟังอยู่ด้วย พร้อมกับอธิบายต่อไปว่า..."เราก็ไม่อะไร...แต่งตัวเหมอนกัน เมื่อเวลาข้าศึกประชิดนคร ผู้หญิงผู้ชายแต่งตัวเหมือนกันหมด แต่ในยามปกติผู้หญิงจะนุ่งผ้าถุงยาวขลิบหน้า ใส่เสื้อแขนกระบอก พวกเราฉลาดในการสร้างผ้า โดยมากมีแพรกับไหม ในสมัยพระพุทธเจาองค์ปัจจุบันเขาถือวาผ้าแคว้นกาสี เป็นผ้าทีมีเนื้อดีราคาแพงที่สุด ในสมัยพระพุทธกัสสป ผ้าของเราเป็นที่มีราคาแพงที่สุดเป็นผ้าที่นิยมของโลก และนอกจากนั้นเราก็ฉลาดในการหาทองกับหาเงินใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดินแดนแห่งนี้มีทั้งทองทั้งเงิน เวลานี้น้ำทับไปเสียเยอะแล้ว ใครอยากได้ทองก็วิดน้ำขึ้นมาฉันะชี้ให้ดู ใครอยากจะเป็นพ่อค้าเพชร ไว้ถามท่านครูบาธรรมชัยเมื่อกี้ท่านย่องไปดู...องค์นี้ไม่มีเรื่องอะไร ไปไหนหาแต่เพชรแต่พลอย ถ้าจะให้ดีต้องเจ้ากรมสื่อสารทหาร (ท่านเจ้ากรมเสริม) ไปด้วยก็จะเหมาะ...ไม่มาเสียด้วย..!"

สมัยพระพุทธกัสสปตอนต้น
เราก็ครองเมืองๆหนึ่ง ในเขตด้านเชียงใหม่ แล้วก็หางแถวคงจะมาถึงนี่บ้าง แต่ว่าตอนปลาย..หลัง เวลานั้นทรงมีพระชนมายุหมื่นปี หลังที่ทรงปรินิพพานไปแล้ว แล้วก็ศาสนากำลังห้อยท้ายอันนี้เราเป็นจักรพรรดิ เป็นจักรพรรดิครองโลก (เรื่องนี้หลวงพ่อเคยบอกชื่อว่า "พระเจ้าศรีทรงธรรม" ท่านจึงได้จารึกชื่อนี้ไว้ที่ฐานของพระประธานในวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร) ความจริงเมืองต่าๆเขาก็มีอยู่ เขาขอขึ้นด้วยตำแหน่งจักรพรรดินี่ โอ๊ะ! ลำบากนะ ลำบากไหม ตำแหน่งจักรพรรดิน่ะ..ใครว่าดี โถ..เป็นนายก! เอ้า...เป็นนายกดีแฮะ นี่เขาเป็น "รวยใช่ไหม" นักการเมืองนั่งยองๆ กินข้าวต้มอยู่ข้างถนน พอเข้าไปบริหารเรื่องการเมืองอยู่วันสองวัน ตึกเบ่อเร่อ..ราคาเป็นร้อยล้าน..




รูปภาพที่แนบมา: 20060127_234040[1].gif (2010-12-5 09:55, 39.33 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 0
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY5MTl8NDdkOGJkZDZ8MTcxNTA2OTkzNXww


โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 09:55

20060127_234609[1].gif
ที่พักค้างคืน....คืนละ๑๒๐๐บาท( T - T ) ห้องสวยดีครับ แต่ราคาแพงเว่อดี... คราวหน้าถ้าไปอีก คงหาวัดแถวนั้นนอนดีกว่า

ถอยหลังไปสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "กกุสันโธ" สมัยโน้น...ต้นกัปนะ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "กกุสันโธ" ทรงอุบัติขึ้นเป็นองค์แรก แต่ก่อนที่จะมีพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "กกุสันโธ" นี่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า"พระสมณโคดม" นี่เคยเป็นจักรพรรดิมาก่อน โดยมากพวกจักรพรรดินี่จะมาปูพื้นพระพุทธศาสนาก่อน คนที่จะเป็นจักรพรรดิได้นี่ต้องทรงคุณธรรมดีมาก แล้วก็ในเมื่อครองโลกจักรพรรดินี่ครองโลกโดยธรรม เป็นการปูพื้นฐานให้คนเข้าใจเรื่องศีลเรื่องทาน เรื่องเมตตา นี่เป็นการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันใช่ไหม ปูพื้นฐานไว้ ท่านบอกว่าไกลนะ เกือบสองหมื่ปีแน่ะห่างกัน พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้น

นี่สมเด็จฯ ท่านบอกเลยนะ ว่าท่านเป็นจักรพรรดิตอนนั้นแล้วอยู่เกือบสองหมื่นปีพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "กกุสันโธ" จึงได้ทรงอุบัติขึ้น เมื่อสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "กกุสันโธ" ทรงอุบัติขึ้น ท่านบอกว่าพวกเรานี่ยังไม่ลงมาตอนต้น ท่านบอกว่าพวกเรานี่ลงมาตอนท้าย ที่ท่านใกล้จะนิพพานแล้วอายุของท่านเหลือเวลาอีกประมาณ ๒,๕๐๐ ปี ท่านจะนิพพานเราจึงลงมา แหมใช้เวลานิดหน่อยเองนะ ลงมาปลายแถวเลยนี่เรา..ฮึ!

คนสมัยนั้นอายุสองหมื่นปี พระองค์ทรงเป็นพระพุทธเจ้าประกาศพระศาสนา ที่ท่านบอกเวลานี่น่ะอยู่ ๒ หมื่นปี ฉะนั้นเราลงมาได้เท่าไหร่ล่ะ ๑ ใน ๘ มั้ง! ทันท่านนะ นี่ท่านทรงตรัสว่าไง...ก็ว่าตามนั้นนะ ทรงตรัสว่าที่ต้องลงมาทันก็เพราะว่าปรารถนาพุทธภูมิ ถ้ายังไม่ได้รับคำพยากรณ์ คนที่ปรารถนา พุทธภูมิ เพราะพวกพุทธภูมินี่ ต้องลงมาให้อันเพื่อรับพยากรณ์ คนที่ปรารถนาพุทธภูมิ ถ้ายังไม่ได้รับคำพยากรณ์ยังไม่ถือว่าเข้าเขตพุทธภูมิจริง แล้วท่านก็ชี้ให้ดู





รูปภาพที่แนบมา: 20060127_234609[1].gif (2010-12-5 09:55, 58.19 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 0
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY5MjB8ZmVlZGQzMDR8MTcxNTA2OTkzNXww


โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 09:56

20060128_000447[1].gif
ท่าเรือที่จะขึ้นเดินทางไปต่อ ซึ่งมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่นพระบาทเขาหนาม-เกาะวาเลนไทน์-เขาคันเบ็ด-แก่งอาบนาง-พระธาตุแก่งสร้อย-ถ้ำพระเจ้าตาก-วนอุทยานน้ำตกก้อ-แก่งปัดตา-ผาออม-พระธาตุดอยเกิ้ง-ดอยเต่า -พระพุทธบาทดอยโล้น-เจดีย์ยุทธหัตถี-วัดพระบรมธาตุ-ฟอสซิลแปดพันปี ฯลฯ ซึ่งสถานที่เหล่านี้ไม่สามารถจะเดินทางได้ด้วยรถยนต์ ต้องอาศัยล่องแพลงมาทางแม่น้ำทางเดียว ซึ่งท่าขึ้นแพจะอยู่ที่ดอยเต่า แล้วล่องเรือลงตามน้ำมาเรื่อยๆ สิ้นสุดที่เขื่อนภูมิพล ระยะรวมนับจากดอยเต่าล่องตามน้ำลงมาถึงเขื่อนภูมิพลประมาณ ๑๔๐ ก.ม.ซึ่งถ้าต้องการจะเที่ยวล่องลงมาจะเสียค่าเดินทาง(เรือ+นอนพัก)ลำละ ๑๐,๐๐๐ บาท (เรือ ๑ ลำ สามารถรับคนได้ ๑๐ คน ถ้าในคณะนั้นมีมากกว่า ๑๐ คนให้เสียเพิ่มคนที่เกินมาคนละ ๕๐ บาท) ผมถือว่าคุ้มครับสำหรับคนชอบเดินทาง เพราะการจะเดินทางแบบนี้ สามารถไปได้โดยเรือเท่านั้น....ไม่สามารถไปโดยรถยนต์บ้าง เขามีบริการเรือหลายแบบ

ถ้าเราลงเรือที่ดอยเต่า แล้วล่องเรือลงมาจนถึง เขื่อนภูมิพลต้องใชเวลาเดินทางประมาณ ๒ วัน ๑ คืน

แบบเรือหางยาว หนึ่งลำจุได้ประมาณ ๑๐ - ๒๐ คนสำหรับการท่องเที่ยวแบบระยะทางสั้นๆ

เรือแพลากจุง ความจุ ๔๐ - ๗๐ คน มีบริการทั้งแบบแยกพักเป็นห้องๆ และแบบพักรวมห้องเดียว มีหลายราคาให้เลือก ถ้าไปกันเยอะๆ มีเคร่องนอน อาหาร เครื่องดื่มพร้อม

เรือขนาดใหญ่ เป็นเรือสำราญ ความจุ ๑๕๐ - ๒๐๐ คน มีห้องพักแบ่งเป็นห้องๆ มีดาดฟ้าชมวิว - ห้องนั่งเล่น-และห้องอาหาร แต่จะมีบริการแค่ ๒ ลำ เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล(จากดอยเต่าถึงเขื่อน)





รูปภาพที่แนบมา: 20060128_000447[1].gif (2010-12-5 09:56, 53.89 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 0
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY5MjF8MzgxYTRhMjR8MTcxNTA2OTkzNXww


โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 09:57

20060130_231631[1].jpg
สาธุ



รูปภาพที่แนบมา: 20060130_231631[1].jpg (2010-12-5 09:56, 48.49 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 1
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTY5MjJ8YTg1MTM2M2Z8MTcxNTA2OTkzNXww


โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 10:22

วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ที่จะถึง ผมจะไปงานปิดทองลูกมินิตที่พุทธอุทยานพระร่วงผดุงธรรม บ.นาร้อง ต.ศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย

อาจจะได้แวะไปที่เขื่อนภูมิพลอีกครั้ง ตั้งใจว่าจะขึ้นเรือไปพระพุทธบาทเขาหนาม ระยะทาง(โดยเรือ)๑๖ ก.ม. ซึ่งเป็นเรือเหมาหางยาวลำละ ๕๐๐บาท นั่งได้ประมาณ ๑๐ คน ยังไงจะไปถ่ายรูปสวยๆมาให้ได้ชมในเวปกันอีกนะครับ

***สำหรับการเดินการ จากดอยเต่าถึงเขื่อนภูมิพล ระยะทางรวม ๑๔๐ ก.ม. รวม ๒ วัน ๑ คืน อันนั้นผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องไปให้ได้ (ถ้ามีโอกาส)


โดย: tanavisut    เวลา: 2010-12-5 10:22



แผนที่เส้นการเดินทาง ดอยเต่า-เขื่อนภูมิพล

อันนี้ไม่ได้จัดทัวร์นะครับ เพราะไม่มีปัญญาจะจัด เป็นคนงบน้อย -*- แค่เอามาให้ดูเฉยๆ สำหรับคนที่ดูแล้วสนใจต้องการจะเดินทางไปเอง...  





ยินดีต้อนรับสู่ แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน" (http://dannipparn.com/) Powered by Discuz! X1.5