แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"
ชื่อกระทู้:
วัดพระเกิด บ.แม่เลียบ ต.ทุ่งฮั้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง
[สั่งพิมพ์]
โดย:
NOOKFUFU2
เวลา:
2010-12-29 00:29
ชื่อกระทู้:
วัดพระเกิด บ.แม่เลียบ ต.ทุ่งฮั้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง
2010-12-29 00:26 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(123.08 KB)
วัดพระเกิด บ.แม่เลียบ ต.ทุ่งฮั้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง
ประวัติวัดพระเกิดที่โลกลืม
ณ ดินแดนเหนือสุดของจังหวัดลำปาง ออกจากตัวจังหวัดไปตามถนนสายลำปาง-แจ้ห่ม ไปทางทิศเหนือประมาณ 108 กิโลเมตร จะพบอำเภอหนึ่งของจังหวัดลำปาง คือ อำเภอวังเหนือ เดิมชื่อเมืองวัง
วัดพระเกิด ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 บ้านแม่เลียบ ตำบลทุ่งฮั้ว อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง เป็นวัดโบราณและมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน แต่ก่อนเป็นวัดเอกและเป็นวัดประจำของชาวเมืองวัง เป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
วัดพระเกิดมีโบราณสถานที่สำคัญ คือ พระเจดีย์ ซึ่งมีความสูง 36 เมตร ฐานกว้าง 18 เมตร มองพระเจดีย์ใกล้ ๆ แล้วจะเกิดความศรัทธาเลื่อมใสยิ่งนัก องค์เจดีย์เป็นศิลปะที่สวยงาม ละเอียดยากที่จะหาพระเจดีย์ที่อื่นเสมอพระเจดีย์วัดพระเกิดได้ โดยเฉพาะส่วนบนสุดของเจดีย์ที่ต่อจากฉัตร ก็จะมีแม่กาทองเด่นเป็นสง่าเป็นสัญลักษณ์ของเจดีย์วัดพระเกิดที่ไม่มีเจดีย์ที่อื่นมี บริเวณพระเจดีย์มีขนาดกว้างขวางมีกำแพงอยู่สองชั้น คือกำแพงชั้นในเรียกว่ากำแพงแก้ว มีกำแพงชั้นนอกทำด้วยศิลาแลงบริเวณลานพระเจดีย์ปูด้วยหินอ่อน พุทธศาสนิกชนนิยมมาปฏิบัติธรรมและเวียนเทียนในวันสำคัญทางพระศาสนาโดยเฉพาะวันขึ้น 15 ค่ำ พระจันทร์เต็มดวงจะเห็นพระเจดีย์เด่นสง่า เกิดความรู้สึกภายในจิตใจยากที่จะพรรณาได้เหมือนกับได้อยู่บนสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่งก็ไม่ปาน นี่คือความรู้สึกจากผู้ที่มาร่วมใจปฏิบัติเวียนเทียนและมากราบไหว้พระเจดีย์วัดพระเกิด ซึ่งเป็นเจดีย์ประดับด้วยแก้วทั้งองค์ มีฉัตรข้างบน และฉัตรข้างล่างอีก 4 ฉัตร แต่ละฉัตรก็จะมีกาทองอยู่ทุก ๆ ฉัตร
2010-12-29 00:26 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(109.25 KB)
ประวัติพระเจดีย์วัดพระเกิด โดยสังเขป
/
สมัยสองพันกว่าปีมาแล้ว เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ยังไม่เสด็จดับขันธปรินิพพาน ยังมีนายพานิช 2 คน ได้เดินทางจากดินแดนสุวรรณภูมิง (เมืองวัง) ไปค้าขายยังดินแดนประเทศอินเดีย ได้มีโอกาสเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนเกิดความเลื่อมใสองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงตรัสถามนายพานิชทั้งสองคนถึงที่อยู่ของนายพานิช นายพานิชก็ได้ทูลตามความจริง องค์สมเด็กพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทานพระเกศา (เส้นผม) ของพระองค์ให้แก่นายพานิชทั้งสองคน ๆ ละ 4 เส้น พระพุทธองค์ได้ตรัสให้นายพานิชทั้งสองคนนำพระเกศาบรรจุไว้ที่ดอยสังกุตตะระ ในเมืองที่พ่อค้าอยู่ เพราะว่าดอยสังกุตตะระแห่งนี้เป็นที่บรรจุพระสารีริกธาตุ เส้นพระเกศา (เส้นผม) ของพระพุทธเจ้ามาแล้ว 3 พระองค์ คือ พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ แล้วพระพุทธองค์ได้ตรัสเล่าว่า สถานที่นั้นเป็นที่เกิดของแม่กาขาวและกำเนิดพระโพธิสัตว์ทั้ง 5 พระองค์ พระพุทธองค์ยังได้ประทานเล่าเรื่องให้แก่นายพานิช 2 คนได้รู้ดังนี้
ย้อนหลังเริ่มตั้งแต่ปฐมกัปป์ คือกัปป์แรกของโลก ยังมีแม่กาขาวทำรังอยู่ที่ต้นมะเดื่อใกล้กับแม่น้ำ ต่อมาแม่กาขาวได้ออกไข่ 5 ฟอง แม่กาก็รักและทะนุถนอมไข่ทั้ง 5 ฟอง ไม่ให้ได้รับอันตรายจากศัตรูหรือสัตว์อื่นที่จะมาทำร้ายไข่ทั้ง 5 ฟอง อยู่มาวันหนึ่งแม่กาขาวก็ไปเที่ยวแสวงหาอาหาร ทางด้านทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารหลายอย่าง เผอิญวันนั้นได้มีพายุและฝนพัดกิ่งไม้ล้มระเนระนาดอากาศมืดครึ้มทำให้แม่กาจำทิศทางไม่ได้ เพราะดูเหมือนกันหมด แม่กาขาวก็หลง สถานที่แม่กาขาวไปหลงเดี๋ยวนี้เรียกว่าเวียงกาหลง ซึ่งอยู่ในอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย เมื่อสิ้นพายุและฝนแล้วอากาศแจ่มใส แม่กาก็หาทางบินกลับที่อยู่ คือ ต้นมะเดื่อใกล้กับแม่น้ำ กลับมาหาลูกที่เป็นไข่ทั้ง 5 ฟอง ไม่เจอ แม่กาก็เลียบไปทางด้านทิศตะวันตก เดี๋ยวนี้เรียกว่าหมู่บ้านแม่เลียบ ก็ไม่เจอ แม่กาก็ตามหาตามน้ำบริเวณนั้นก็ไม่เจอ เขาก็เรียกว่าวังแม่กา เมื่อแม่กาตามหาลูกไม่เจอแม่กาขาวก็ร้องไห้ เดี๋ยวนี้เขาเรียกว่าหมู่บ้านฮ่องไฮ แม่กาก็ตามหาลูกบินวนไปมาเดี๋ยวนี้เขาเรียกว่าหมู่บ้านวังมน เมื่อแม่กาบินวนไปมาไม่เจอลูกก็เกิดความเศร้า ในเดี๋ยวนี้เขาเรียกว่าหมู่บ้านทัพป่าเส้า แม่กาตามหาลูกเป็นเวลา 7 ปี ก็เกิดความท้อใจไม่อยากกินอาหารจนร่างกายซูบผม แต่ด้วยเหตุที่แม่กาเคยเป็นพรหมมาก่อน แม่กาก็ได้ทำใจให้สงบแล้วแม่กาก็สิ้นใจ สถานที่แม่กาสิ้นใจก็คือวัดอักโขชัยคีรี อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เมื่อแม่กาสิ้นใจแล้ว ก็ไปเกิดเป็นมฏิกามหาพรหม อยู่ชั้นสุทธาวาส
จะกล่าวถึงไข่ทั้ง 5 ฟองของแม่กาขาว วันที่แม่กาขาวไปหาอาหารวันนั้น ก็ได้เกิดพายุและฝนเหมือนกัน พายุได้พัดกิ่งไม้และรังไข่ของแม่กาขาวตกลงมาสู่แม่น้ำ ไข่ทั้ง 5 ฟองก็ลอยไปตามกระแสน้ำ ไข่ฟองที่ 1 ลอยไปมีแม่ไก่เห็นแล้วก็เก็บเอามาเลี้ยงไว้ ไข่ฟองที่ 2 ลอยไปมีแม่นาคเห็นแล้วก็เก็บเอามาเลี้ยงไว้ ไข่ฟองที่ 3 ก็ลอยไปมีแม่เต่าเห็นก็ได้เก็บเอามาเลี้ยงไว้ ไข่ฟองที่ 4 ลอยไปก็มีแม่วัวเก็บมาเลี้ยงไว้ ไข่ฟองที่ 5 มีแม่ราชสีห์ (สิง) เห็นแล้วก็เก็บเอามาเลี้ยงไว้ ต่อมาไม่นานไข่ทั้ง 5 ฟอง ก็แตกออกมา แทนที่จะเป็นอย่างอื่นกลับเป็นคนซึ่งเหมือนกันหมดทั้ง 5 แม่เลี้ยงก็เกิดความยินดีรักเหมือนกับลูกของตัวเอง แม่เลี้ยงทั้ง 5 ก็ได้เลี้ยงไว้เหมือนแม่ที่แท้จริงของกุมาร เวลาผ่านไปเมื่อกุมารทั้ง 5 เป็นหนุ่ม ได้ถามแม่เลี้ยงของแต่ละคนว่า แม่ที่แท้จริงอยู่ที่ไหน แม่เลี้ยงก็ไม่สามารถตอบคำถามได้ เพราะว่าลูกได้ลอยมาตามกระแสน้ำ แม่เลยเก็บเอามาเลี้ยงไว้ กุมารทั้ง 5 คิดถึงแม่ที่แท้จริงก็อยากจะตามหาแม่ ได้กราบลาแม่เลี้ยง ส่วนแม่เลี้ยงทั้ง 5 ก็มีความอาลัยหาลูกแต่ถ้าเป็นความต้องการของลูกก็อนุญาต แต่แม่ขออะไรสักอย่าง คือ ถ้าลูกได้เจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ขอฝากชื่อแม่เลี้ยงไว้
ถัดจากนั้นมากุมารทั้ง 5 ก็ได้เข้าป่าบำเพ็ญเป็นฤาษี จนได้ฌาณ มีวันหนึ่งฤาบีทั้ง 5 ได้มาเจอกันโดยบังเอิญโดยลักษณะหน้าตาก็คลายกัน อายุก็เท่ากัน ฤาษีทั้ง 5 ได้พร้อมใจกันตั้งสัจจะอธิษฐานกันว่าด้วยแรงบุญแรงกุศล แรงอธิษฐานบารมีของลูกทั้ง 5 นี้ ขอได้พบเจอแม่ที่แท้จริง ด้วยแรงอธิษฐานของฤาษีทั้ง 5 ซึ่งมีพลังอันยิ่งใหญ่และเป็นอธิษฐานที่ลูกส่งถึงแม่ด้วยความบริสุทธิ์ แรงอธิษฐานนั้นไปถึงฆฏิกามหาพรหม ซึ่งเดิมทีเป็นแม่กาก็ได้ลงมาในสภาพของแม่กา ได้มาให้ฤาษีทั้ง 5 ได้มารู้และเห็น และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลูกทั้ง 5 ฟัง ตั้งแต่ต้นจนจบสิ้น ชีวิตมีความรักของแม่ยากที่จะทดแทนบุญคุณของแม่ที่มีต่อลูก ฆฏิกามหาพรหมในสภาพของแม่กาขาว ได้แนะนำลูกทั้ง 5 ที่เป็นฤาษีว่า ให้ลูกนำดินมาทำประทีป และนำฝ้ายมาทำเป็นรูปตีนซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนแม่กาขาว เมื่อแม่กาขาวได้แนะนำฤาษีทั้ง 5 แล้วก็ได้ขึ้นไปสู่ที่อยู่ คือ พรหมโลก วันที่แม่กามาพบฤาษีทั้ง 5 นั้น ตรงกับวันเพ็ญ เดือน12 เพ็ญหรือวันเดือนยี่เป็ง ของชาวล้านนาไทย นิยมจุดประทีปตีนกาบูชาแม่กาเผือก (ขาว) ตลอดมา ก็มาจากเรื่องของแม่กาขาวพระเจ้า 5 พระองค์ซึ่งวันนี้เป็นวันตรงกับวันลอยกระทงเมื่อแม่กาขาวไปสู่พรหมโลกแล้ว ฤาษีทั้ง 5 องค์ ก็ได้ทำตามคำที่แม่แนะนำคือการจุดประทีปนำฝ้ายมาเป็นตีนกา แล้วหาน้ำมันมาใส่จุดบูชาทุกวันพระ 8 ค่ำ 15 ค่ำ แล้วฤาษีทั้ง 5 องค์ได้บำเพ็ญเพียรจนสิ้นอายุขัยของแต่ละองค์ ต่อมาฤาษีทั้ง 5 องค์ก็ได้มาเกิดในเมืองมนุษย์บำเพ็ญเพียรบารมีอีกหลายชาติ หลายกัปป์ จนมาถึงยุคภัทกัปป์นี้ซึ่งกัปป์ที่โชคดีที่สุดมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก 5 พระองค์ คือ พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคตมะ (สิทธัตถะ) องค์ปัจจุบัน
และจะอุบัติขึ้นในอนาคต คือ พระศรีอารยเมตไตรย ซึ่งก็เป็นองค์สุดท้ายในภัทกัปป์นี้ ซึ่งพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์นี้ แต่ก่อนก็เป็นลูกของแม่กาขาวและที่ได้ชื่อต่าง ๆ ก็ได้เอาชื่อแม่เลี้ยงตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับแม่เลี้ยง เมื่อพระพุทธเจ้าได้เล่าเรื่องของแม่กาขาว พระเจ้า 5 พระองค์แล้ว นายพานิชทั้งสองคนได้กราบลาพระพุทธเจ้าแล้วเดินทางมาที่บ้านเกิด คือ ดินแดนสุวรรณภูมิง แล้วนำพระเกศาทั้ง 8 เส้น บรรจุไว้ ณ ดินแดนดอยสังกุตตะระ คือ พระเจดีย์วัดพระเกิด ตราบเท่าทุกวันนี้
ตามคัมภีร์มูลศาสนาญาณคัมภีร์ ฉบับล้านนาไทย ในปีพุทธศักราช 1995 ว่ามีพระเถระผู้มีชื่อเสียงรูปหนึ่ง ท่านชื่อว่าพระญาณคัมภีร์ เดิมท่านบวชอยู่ที่วัดนันทราม จังหวัดเชียงใหม่ ท่านได้เดินทางไปสุโขทัย อยุธยา และไปที่ประเทศลังกา แล้วไปทิโรหณชนบทแล้วท่านได้ไปเลื่อมใสพระเถระรูปหนึ่งชื่อว่า พระมหาสุทัสสนะ พระญาณคัมภีร์ก็ได้บวชใหม่ที่นั้นได้อยู่กับอุปัชฌาย์ 5 ปี ได้ลาอุปัชฌาย์กลับเมืองไทย แล้วท่านพระญาณคัมภีร์ก็เป็นที่เคารพ และนับถือจากกษัตริย์ เช่น สุโขทัย อยุธยา และมีกุลบุตรมาบวชมากมาย ท่านได้เดินทางมาเชียงใหม่ และได้เผยแพร่พระศาสนาไปแพร่หลายถึงเชียงแสน เชียงตุง ต่อมาในลำปางมีเหตุคือคนไม่สบาย คือ โรคภัยไข้เจ็บ ได้นิมนต์ท่านมาโปรด ท่านได้เดินทางมาโปรดที่เมืองลำปาง ในช่วงเวลานั้นพระธาตุแจ้ห่ม พระธาตุเมืองวัง สถาปนาขึ้นมาท่านก็ได้รับนิมนต์แล้วในพรรษาสุดท้าย ท่านก็ได้จำพรรษาพระธาตุเมืองวัง (วัดพระเกิด) เพราะได้หลักฐานจากการเล่าสืบกันมาว่า วัดพระเกิดเคยมีพระจำนวนร้อย เณรจำนวนพัน สะบัดผ้าจีวรพร้อมกันจะดังเหมือนฟ้าร้อง เข้าใจว่าคงจะเป็นยุคที่ท่านพระญาณคัมภีร์มาอยู่จำพรรษาที่วัดพระเกิด เพราะว่ามีกุลบุตรจากที่ต่าง ๆ มาบวชกัน เพราะท่านเป็นพระที่นำศาสนาคำสอนมาจากประเทศลังกา และตอนนั้นเมืองวังมีความเป็นอยู่ที่ดี มีศิลปะถ้วยเครื่องปั้นดินเผาต่าง ๆ ส่งออกขายไปตามหัวเมืองต่าง ๆ และเจ้าเมืองก็ได้อุปภัมภ์พระภิกษุ-สามเณรจำนวนร้อยจำนวนพัน ได้ต่อจากนั้นมาท่านพระญาณคัมภีร์ก็ได้เดินทางไปเชียงใหม่ตามคำนิมนต์ของเจ้าเมือง แต่ท่านเดินทางไปไม่ถึงเชียงใหม่ก็ได้มรณภาพระหว่างทาง พุทธศาสนิกชนได้ทำพระเจดีย์เป็นอนุสรณ์แก่ท่านพระญาณคัมภีร์ ผู้นำพุทธศาสนามาสู่ล้านนาไทย
/
2010-12-29 00:26 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(106.79 KB)
ปีพุทธศักราช 2469
/
ครูบาศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนาไทย เดิมท่านบวชอยู่ที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นที่เคารพนับถือของพระภิกษุ สามเณร พุทธศาสนิกชนทั้งหลายทั่วแคว้นล้านนาไทย ยกย่องท่านครูบาศรีวิชัยว่าครูบาศีลธรรม ท่านมีความเสียสละประโยชน์ตนเพื่อประโยชน์ผู้อื่น พระศาสนาตลอดสาธารณประโยชน์ทั่วไป ท่านได้มาเห็นสภาพเจดีย์วัดพระเกิดมีสภาพทรุดโทรม แทบจะไม่มีสภาพของเจดีย์ มีหญ้าปกคลุมอยู่พระเจดีย์คงจะขาดการเอาใจใส่ดูแลมานาน บางสมัยก็อาจจะเกิดศึกสงครามทำให้วัดพระเกิดต้องได้รับผลกระทบด้วย ท่านครูบาศรีวิชัยพร้อมด้วยภิกษุ-สามเณร ตลอดจนญาติโยมที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาในเขตอำเภอวังเหนือ เวียงป่าเป้า แจ้ห่ม และทางลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่-เชียงแสน ในแคว้นล้านนาไทยช่วยกันบริจาคทรัพย์สินเงินทองตลอดการปั้นอิฐ การใช้แรงงานต่างๆ เท่าที่ผู้มีศรัทธาจะทำได้ ท่านครูบาศรีวิชัยได้วางผังของพระเจดีย์ตั้งแต่ใต้ดินจนจะเสร็จการทำพระเจดีย์ที่โบราณเขากล่าวว่า การวางผังเริ่มแรกจะยากมากเสมือนทำเจดีย์สององค์คือใต้ดินก็มีรูปเป็นเจดีย์ ผู้เฒ่าผู้แก่เขาเล่าว่า ท่านครูบาศรีวิชัย ท่านมีความตั้งใจทำพระเจดีย์พระเกิดให้ถูกต้องที่สุดตามพิธีโบราณ เช่น มีเรือเงิน เรือทอง เป็นต้น ท่านบูรณะพระเจดีย์ได้ประมาณจนจะเสร็จ ก็ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ญาติโยมที่อื่นก็ได้นิมนต์ท่านครูบาศรีวิชัยไปเป็นประธาน ท่านก็รับนิมนต์แล้วก็เดินทางไป ท่านครูบาศรีวิชัยคิดว่าเมื่อสร้างที่นิมนต์แล้วจะกลับมาบูรณะเจดีย์วัดพระเกิดต่อ ในระยะนั้นจังหวัดลำปางมีพระผู้มีชื่อเสียง เป็ฯที่เคารพนับถือของชาวลำปาง คือ ครูบานันดา แห่งวัดทุ่งม่านใต้ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ญาติโยมเลยนิมมนต์ครูบานันดา บูรณะพระเจดีย์วัดพระเกิด ต่อจากครูบาศรีวิชัยจนเสร็จสมบูรณ์ในปีพุทธศักราช 2472 ได้ทำการฉลองเรียกว่างานปอยหลวงของภาคเหนือล้านนาไทย นับตั้งแต่นั้นมาวัดพระเกิดก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ คือ เป็นอนิจจังไม่แน่นอน บางคราวก็มีพระมาอยู่ 1 พรรษา 2 พรรษา และไปอยู่ที่อื่น บางคราวก็เป็นวัดร้าง มีพระขาวแก้วซึ่งเป็นที่นับถือของคนทั่วไปอยู่บ้าง มีพระจากที่อื่นเช่น หลวงพ่อบุญชู มาจากแม่สาย เป็นพระหมอรักษาคนที่ไม่สบาย ท่านก็อยู่ไม่นานได้เดินทางไปอยู่ที่แม่สาย จนมาถึงสมัยของพระอธิการดวงติ๊บ อสโม ซึ่งท่านก็เป็นคนแม่เลียบได้มาบวชภายหลังได้เป็นเจ้าอาวาสวัดพระเกิด
/
2010-12-29 00:26 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(137.88 KB)
ปีพุทธศักราช 2535
/
พระอาจารย์ธรรมสาธิต (สนั่น) กนฺตธมฺโม แห่งสำนักปฏิบัติธรรมเวียงกาหลง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย พร้อมกับญาติโยมทางกรุงเทพฯ-สมุทรปราการ-เวียงป่าเป้า-เวียงเหนือ-แม่ขะจาน ได้มีความเห็นว่าพระเจดีย์วัดพระเกิดมีสภาพที่จะได้รับการบูรณะใหม่ซึ่งสภาพพระเจดีย์มีไม้โพธิ (สหลิ) อยู่บนเจดีย์ ออกรากเจาะเข้าไปสู่ในใจกลางพระเจดีย์และดูสภาพปูนก็จะหมดอายุ ท่านได้ประชุมปรึกษากับคณะสงฆ์ ซึ่งมีเจ้าคณะอำเภอวังเหนือและประชาชนวังเหนือ และหมู่บ้านแม่เลียบ ก่อนจะได้บูรณะพระเจดีย์ก็ประชุมกันหลายครั้ง ในที่สุดการบูรณะพระเจดีย์ก็เริ่มขึ้น ได้รับปัจจัยจากญาติโยมผู้ใจบุญทั่วประเทศ มีคุณคิด ศิริกาญจนวงค์ เป็นเจ้าภาพ ที่เสียสละทรัพย์ส่วนตัวเป็นจำนวนเงินถึง 1,000,000 บาท เพื่อจะบูรณะพระเจดีย์วัดพระเกิดให้เป็นสมบัติของพระศาสนาสืบต่อไป ได้ติดกระจกพระเจดีย์ทั้งองค์และซื้อที่นาทำถนนเข้าสู่วัดพระเกิด สร้างห้องน้ำ ฯลฯ ในที่สุดงานบูรณะพระเจดีย์ก็ได้สำเร็จสมความตั้งใจของพุทธศาสนิกชน ได้มีการปฏิบัติธรรม 9 วัน 9 คืน
วันที่ 22 พฤษภาคม 2537 เป็นวันผูกพัทธสีมา วัดพระเกิด
วันที่ 24 พฤษภาคม 2537 ตรงกับวันวิสาขบูชา ได้บวชพระภิกษุ 59 รูป ปีนี้เกิดแผ่นดินไหว จึงเรียกพระภิกษุที่บวชรุ่นนี้ว่า “รุ่นแผ่นดินไหว” ปีนี้มีฝนตกมากรัฐบาลประกาศว่าจะเกิดฝนแล้ง แต่เมื่อพระเจดีย์วัดพระเกิดบูรณะเสร็จเรียบร้อยก็ทำให้ฝนตกมามากจนทำให้น้ำมากมายเป็นอัศจรรย์อย่างหนึ่ง
ในพระอุโบสถของวัดพระเกิด ยังมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ 2 องค์เรียกว่า พระแสนแซ่ (สลัก) เป็นที่เคารพและนับถือของพุทธศาสนิกชนทั่วไป ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสืบกันมาว่า พระแสนแซ่ ท่านไปสรงน้ำแล้วกลับมาที่เดิมได้ ชาวบ้านจึงเลื่อมใสศรัทธา และเล่าสืบต่อกันมาแลว่าถ้าได้กราบพระแสนแซ่ ทองสัมฤทธิ์ จะมีคนสรรเสริญ พบแต่ความสุข ความเจริญ
นอกจากนี้ วัดพระเกิดยังมีซากปรักหักพังของอิฐ บริเวณพระอุโบสถหลังเดิม ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดในปัจจุบัน
ครั้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2545 วัดพระเกิดได้ดำเนินการหล่อพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ และพระแม่กาขาว เพื่อเป็นอนุสรณ์ดินแดนพระแม่กาขาว พระเจ้า 5 พระองค์
/
คำไหว้พระเจดีย์วัดพระเกิด
/
นะโม ตัสสะ ฯลฯ (3จบ)
กาสัจจิ กุสัจจัง โกระหัง กัสสะปัง โคตะมัง ไตรยะกุ อะหัง วันทามิ สิระสา ฯ
อะหัง วันทามิ สัพพะทา ฯ อะหัง วันทามิ สาธุโย ฯ
2010-12-29 00:26 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(146.76 KB)
2010-12-29 00:26 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(145.09 KB)
2010-12-29 00:26 อัปโหลด
ดาวน์โหลด
(162.5 KB)
ข้อมูลโดย : udomkedsee / หนุ่ม วังมน
Photographer : มงคล ใจยา (โต้ง)
Copyright©2009 by My space
http://viewfinderspace.multiply.com
/
รูปภาพที่แนบมา:
24191_10362021634.jpg
(2010-12-29 00:26, 123.08 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 32
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTczMDN8NDg3NDE5MTB8MTczMDgwMzMyMXww
รูปภาพที่แนบมา:
24191_1036201996812.jpg
(2010-12-29 00:26, 162.5 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 21
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTczMDR8MjMzZDE3Y2N8MTczMDgwMzMyMXww
รูปภาพที่แนบมา:
24191_10362020634790.jpg
(2010-12-29 00:26, 145.09 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 32
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTczMDV8YThiNTMwODR8MTczMDgwMzMyMXww
รูปภาพที่แนบมา:
24191_103620209681241.jpg
(2010-12-29 00:26, 109.25 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 71
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTczMDZ8ZjM5YjA1M2N8MTczMDgwMzMyMXww
รูปภาพที่แนบมา:
28973_1160.jpg
(2010-12-29 00:26, 146.76 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 22
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTczMDd8ZjQwMzUyYTB8MTczMDgwMzMyMXww
รูปภาพที่แนบมา:
28973_116026628440599.jpg
(2010-12-29 00:26, 106.79 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 31
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTczMDh8OWM0MjBlZWZ8MTczMDgwMzMyMXww
รูปภาพที่แนบมา:
28973_116027715107157.jpg
(2010-12-29 00:26, 137.88 KB) / ดาวน์โหลดแล้ว 31
http://dannipparn.com/forum.php?mod=attachment&aid=MTczMDl8NTUyYTZhYzJ8MTczMDgwMzMyMXww
โดย:
วิไลวรรณ
เวลา:
2012-9-3 16:33
วัดพระเกิดมีองค์พระธาตุที่สวยงามเป็นสง่าใครเห็นเป๊นต้องสักการะนับถือ
ยินดีต้อนรับสู่ แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน" (http://dannipparn.com/)
Powered by Discuz! X1.5