แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"
ชื่อกระทู้:
พระพุทธรูปปางปาลิไลยกะ
[สั่งพิมพ์]
โดย:
webmaster
เวลา:
2011-6-11 19:55
ชื่อกระทู้:
พระพุทธรูปปางปาลิไลยกะ
พระพุทธรูปปางปาลิไลยกะ
วันที่:
วันจันทร์ 16 กรกฎาคม 2007 @ 17:35:57
หัวข้อ:
บทความคำสอนปกิณกะ
[attach]18139[/attach]
พระพุทธรูปปางปาลิไลยกะ
พระพุทธรูปปางปาลิไลยกะ ข้างหน้าพระพุทธรูปมีลิงข้างหนึ่ง กับช้างข้างหนึ่ง มีประวัติตามนี้นะ พระพุทธเจ้าทราบว่าพระภิกษุชาวโกสัมพีทะเลาะกัน พระพุทธเจ้าห้ามไม่ฟัง ท่านก็แยกตัวไปอยู่ปาลิไลยกะ ไปอยู่ป่าส่วนนั้น ป่าส่วนนั้นมีช้างเชือกหนึ่งชื่อ
"ลิไลยกะ"
ช้างเชือกนี้เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์มีบารมีเกือบจะเต็มอัตรา จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าหลีกมาแล้ว ก็มาอยู่ป่านั้น ช้างปาลิไลยกะก็เข้าปฏิบัติหาผลไม้มาให้ต้มน้ำถวาย เขาต้มน้ำได้นะ เอาไม้มาสีไปสีมาเกิดเป็นไฟเอากระบอกตั้งเข้า ต้มน้ำถวายพระพุทธเจ้า ทีนี้มีลิงอยู่ตัวหนึ่งเขาเห็นช้างทำได้ เขาตั้งใจถวายพระพุทธเจ้าบ้าง
ช้างหาผลไม้มา ลิงก็ไปหารังผึ้งมา แล้วก็ส่งให้พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงคว่ำมือไม่ยอมรับ ที่ไม่ยอมรับเพราะรังผึ้งมียังตัวอ่อนอยู่ ลิงก็เสียใจคิดว่าช้างตัวใหญ่ ลิงตัวเล็ก ช้างตัวใหญ่หาผลไม้มาให้พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงรับ แต่ว่าเราเป็นลิงตัวเล็กเอารังผึ้งมาให้ พระพุทธเจ้าไม่รับก็เสียใจ
นิสัยของลิงก็ส่องไปส่องมาก็เห็นตัวอ่อนก็ดึงตัวอ่อนออกหมด พระพุทธเจ้าก็รับ ทีนี้แบมือรับ เมื่อพระพุทธเจ้ารับเขาก็ดีใจว่าเขาเป็นลิงตัวเล็กเราก็มีสิทธิ์ถวายพระพุทธเจ้าได้เหมือนกัน ด้วยความดีใจของลิง ก็กระโดดโลดเต้นข้างล่าง แล้วขึ้นไปกระโดดบนยอดไม้ โดดไปโดดมาเลยตกลงมาตายเลย พอตายจากความเป็นลิง ก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงเทวโลก เรื่องของลิงจบเท่านี้นะ
เล่าถึงช้าง ช้างก็ตายเหมือนกัน ในเมื่อพระพุทธเจ้าออกพรรษาแล้ว พระพุทธเจ้าจะกลับ ก็ทรงเรียกพระอานนท์เข้าไปเฝ้า พระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าให้ไปเรียกพระสงฆ์ก็มาพร้อมกัน ในเมื่อพระสงฆ์มาพร้อมกันก็ประชุมสงฆ์ที่วัด (ถ้าไปวัดป่าเลไลย์(จ.สุพรรณบุรี)จะเห็นมีวัดประชุมสงฆ์ มีเจดีย์อยู่องค์ นั่นเขาเรียกว่าวัดประชุมสงฆ์) สงฆ์ประชุมกันที่นั่น เมื่อสงฆ์ประชุมกันเสร็จ ก็อาราธนาพระพุทธเจ้ากลับ เมื่อถึงกาลควรจะกลับ เมื่อเวลากลับพระพุทธเจ้าก็ลาช้าง ช้างก็เสียดายพระพุทธเจ้า ขณะที่พระพุทธเจ้าเดินไป พอเดินจะออกจากป่า พระพุทธเจ้าบอกว่า ปาลิไลยกะ แดนมนุษย์ที่อยู่มนุษย์ไม่ควรแก่เธอ จะมีอันตราย เธอจงอย่าไปเลย อยู่ป่าเถอะ
พระพุทธเจ้าไปลับตา ช้างเสียใจเลยเอาปลายงวงสอดเข้าปากแล้วขาดใจตาย จายก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิต อยู่เวลานี้นะ ก็รอเวลาเพียงแค่จะลงมาบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ สรุปแล้วทั้งช้างทั้งลิงดีกว่าเรา ใช่ไหม ลิงไม่ได้ปรารถนาพระโพธิญาณ
อย่าลืมว่า คนที่ทำบุญกับพระพุทธเจ้าด้วยศรัทธาแท้ จะเป็นคนหรือว่าเป็นสัตว์ก็ตามมีผลแน่นอน ถ้าไม่ปรารถนาเป็นพุทธภูมิ ก็มีหวังความเป็นพระอริยเจ้า ก็เลยสงสัยว่าลิงในสมัยพระศรีอาริย์เป็นอรหันต์แน่ ก็รวมความว่าดีกว่าเรา
ช้างปาลิไลยกะ
ตอนสาย(กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕) เขาถวายสังฆทานเข้าสมาบัติไปหน่อยหนึ่ง ก็มานึกถึงพระพุทธเจ้ามีพระนามว่า
อโนมทัสสี
ท่านก็บอกว่าช้างปาลิไลยกะนี่ท่านเป็นองค์ทรมานองค์แรก ตอนนั้นช้างปาลิไลยกะไม่ใช่ชื่อนี้นะ เป็นนายฝูงดุร้ายมาก กำลังตกมัน ลูกน้องทำผิดระเบียบ แทงเขาบ้าง ตีเขาบ้าง ถึงกับบอบช้ำ ท่านคิดว่าสัตว์ตัวนี้ต่อไปจะเป็นพระพุทธเจ้า ต้องไปทรมาน
ทีนี้ลีลาการทรมานของท่าน ท่านบอกว่า ตามปกติท่านต้องใช้สมาบัติเป็นพื้นฐาน เพื่อเป็นการเร่งรัด ก่อนจะรับทานเข้าสมาบัติก่อน เรื่องนี้ขอยืนยันว่าไม่มีทั้งในตำนานและพระสูตร เพราะพบเมื่อกี้นี้เองนะ
เป็นอันว่าท่านบอกช้างปาลิไลยกะดุร้ายมาก คือว่าช้างตัวนี้ต่อไปจะเป็นพระโพธิสัตว์ คือตั้งใจไปทรมาน ท่ากน็ไปกับสาวกจำนวนมาก ก่อนจะเข้าไปถึงเข้าสมาบัติก่อน เป็นลีลาของท่าน เข้าไปถึงก็แนะนำถามว่า
พระญาช้างสารทำไมดุร้ายแบบนี้ ในเมื่อเราเป็นนายฝูงควรจะมีทั้งสองอย่าง คือ ขนม สอง ไม้เรียว คือมีทั้งอำนาจและเมตตา ไม่ใช่ไม้เรียวอย่างเดียว ช้างกำลังตกมันก็ยืนหูผึ่ง ทำท่านึกว่าใครหว่า
ท่านก็เลยบอกว่า ตถาคตชื่อ อโนมทัสสี คือพระพุทธเจ้าก็มีสาวก มีลูกศิษย์อย่างเธอเหมือนกัน ตถาคตเองก็ลงโทษลูกศิษย์เหมือนกัน ถ้าทำความผิด แต่ไม่ลงโทษขนาดนี้ นี่แทงช้างล้มไปสองตัว ลงโทษเพียงให้รู้ว่าทำอย่างนี้เป็นความผิด
ช้างปาลิไลยกะ ก็ถามว่าจะลงโทษอย่างไร ถ้าตัวไหนผิดระเบียบก็ให้กักบริเวณกินหญ้าเฉพาะเขตหนึ่ง แต่อิ่มแต่เลือกไม่ได้
ในที่สุดท่านก็บอกว่า ต่อไปเธอจะได้เป็นพระพุทธเจ้า มีนามว่า ปาลิไลยกะ ช้างก็ลดพยศ หูผึ่งหายไป หูตก ก็เดินตามพระพุทธเจ้าไป พระพุทธเจ้าก็ทรงสอนแนะนำทุกอย่าง ท่านก็เลยบอกว่า กลับไปเดินไปดูช้างสองตัวที่นอน ไปลูบไล้ให้เธอมีกำลังใจ ดูตถาคตมีสาวกมากกว่าเธอ ยังไม่ลงโทษเท่าเธอ เพราะเธอดุร้ายเกินไป ไม่ควรที่จะเป็นพระโพธิสัตว์ แต่นี่จะเป็นอยู่แล้ว ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาช้างปาลิไลยกะก็เลิกพยศ
คือตอนเข้าสมาบัติไปที่นิพพาน ไปนึกถึงพระอโนมทัสสี พอนึกถึงท่านก็บอก ฉันนั่งอยู่นี่แล้ว ฉันรู้ว่าเธอจะมา ท่านก็เลยนั่งข้างสมด็จองค์ปฐมนะ ท่านก็เลยเล่าประวัติให้ฟัง
ท่านบอก เธอก็เหมือนกัน สมัยนั้นฉันก็ทรมาน ถามผมเป็นอะไรครับ เป็นพรหม ไม่ได้ปรามาส แค่สงสัยว่าองค์นี้จะเป็นพระพุทธเจ้าจริงหรือเปล่า เคยโดนแล้วขึ้นไปเลย
ท่านถามว่า สัมพเกษีเธอสงสัยหรือ บอกท่านว่าสงสัยพระพุทธเจ้าข้า ท่านถามว่า พระพุทธเจ้าลักษณะเป็นอย่างไร เธอทราบไหม บอก ไม่ทราบ เอายังงี้ก็แล้วกัน พระพุทธเจ้าไม่ใช่มีสีเดียว เอาสักกี่สีล่ะ เธอเป็นพรหมมีกี่สี บอกมีสีเดียว แสงสว่างใช่ไหม ท่านบอก ของฉันมี ๖ สีนะออกทีละสีก็ได้ ออกทั้งหมดหกสีก็ได้ แล้วท่านก็ทำให้ดู
ช้างปาลิไลยกะไม่ใช่ก้อยนะ โอ้โฮตัวสำคัญเลย มองดูภาพ ผึ่งผายดุร้ายมาก คือมีระเบียบ ใครไม่ปฏิบัติตามระเบียบก็เอาจริงเอาจัง พระพุทธเจ้ามีตั้งหลายแสนองค์ ชื่อต้องซ้ำกัน แต่มีเรื่องแปลกอยู่ว่า เมื่อเข้าเขตนิพพาน เราจะไม่รู้องค์ไหนเป็นองค์ไหน ต้องเข้าไปถาม เหมือนกันหมด ทีนี้เวลาที่เป็นมนุษย์ก็เหมือนกัน ท่านสวยเหมือนกันหมด
พระอโนมทัสสีนี่ท่านทีหลังพระพุทธทีปังกรนะ เคยเกิดเป็นลูกท่าน ยังนึกถึงช้างปาลิไลยกะ เขาปรารถนาทีหลัง แต่ไปก่อนเรา ของเราอีกเยอะแยะถ้าจะไปตามนั้นบ้างนะ ต่อจากพระศรีอาริย์ไปอีก ๒๒ องค์ เราขยันเกินไป จะเอาให้ดี
อย่างพระศรีอาริย์ก็เหมือนกัน ตั้ง ๑๖ อสงไขย ก็เอาให้ดีที่สุด ในเมื่อเป็นสมัยของเราแล้วคนจนต้องไม่มี นี่เห็นไหม คนไม่สวยต้องไม่มี ก็ต้องโกยนานแบบนี้...
จากหนังสือธรรมปฏิบัติเล่ม ๑๓
ยินดีต้อนรับสู่ แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน" (http://dannipparn.com/)
Powered by Discuz! X1.5