แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 9118|ตอบ: 1
go

หลักสูตรปริบัติที่นักเรียนพลังจิต และนักเรียนอภิญญาทุกคนต้องศึกษา [คัดลอกลิงค์]

Rank: 1

1#
มารน้อย โพสต์เมื่อ 2013-7-30 09:38 |แสดงโพสต์ทั้งหมด
ต้นฉบับโพสต์โดย NOOKFUFU2 เมื่อ 2013-5-17 00:59 : y/ C: }5 c: F- n
หลักสูตรปริบัติที่นักเรียนพลังจิต และนักเรียนอภิญญ ...

3 e3 X# ^5 _0 ]
, P+ u0 J! }0 ^4 u+ {ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นครับ(จากคนปัญญาน้อยนิด ปฏิบัติก็ยังไม่ถึงไหนอภิญญาก็ยังไม่ได้) จากบทความที่ได้อ่านมีความน่าสนใจมากครับ แต่ผมอาจจะเข้าใจคลาดเคลือนอยู่  จากบทความในคำกล่าวที่ว่า "เพื่อในการปฏิบัติกัมมัฏฐานเป็นไปอย่างก้าวหน้า นักเรียนอภิญญาทุกคนจะต้องศึกษาหลักสูตรปริยัติให้เข้าใจเสียก่อน นักปฏิบัติที่เน้นแต่ปฏิบัติกรรมฐานอย่างเดียว จะเจริญก้าวหน้าในสมาธิได้ช้ากว่า นักปฏิบัติที่ศึกษาปริยัติมาจนเข้าใจแล้ว ค่อยมาเน้นการปฏิบัติกรรมฐานทีหลัง เหตุที่เป็นแบบนี้เพราะ การศึกษาปริยัติเปรียบเสมือนเป็นการศึกษาแผนที่นำทาง ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติ นักปฏิบัติควรทำความเข้าใจกับเส้นทางที่จะมุ่งไปเสียก่อน ควรรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องพบเจอกับสิ่งใดข้างทางบ้าง สิ่งใดที่จะเป็นอุสรรคขัดขวางการเดินทาง และจะต้องผ่านด่านทดสอบจิตใจอะไรบ้าง แผนที่ปริยัติถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้นักปฏิบัติรู้เส้นทางที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางที่ตนมุ่งหวัง และรู้ถึงสิ่งที่ตนจะต้องประสบล่วงหน้า รู้ที่จะเตรียมใจที่จะต้องฝ่าฟันไปให้ได้ เพื่อให้ได้สำเร็จอภิญญา 5 และ 6 และบรรลุมรรคผลนิพพานในที่สุด (เป็นจุดหมายปลายทางสุดท้าย หรือเส้นชัยของนักเรียนอภิญญาทุกคน)" " q( H7 Y$ X3 J$ `3 ^: p! }8 e2 C/ n
       จากบทความดังกล่าวมาข้างต้น ผมก็ยังงงอยู่ ขออธิบายความสงสัยผมอย่างนี้ครับ ผมก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่า  หลักของการศึกษา จะมีอยู่สามระดับ คือ ปริยัติ ปฎิบัติ ปฏิเวธ   ทั้งนี้จากบทความบอกว่า ให้ศึกษาเรื่องของปริยัติ ก่อน เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 118  ๕. เรื่องพระโปฐิลเถระ [๒๐๘] 5 N0 [- v6 b- v" y- [
ข้อความเบื้องต้น
. d% s8 D" {- tพระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระ
. f5 @" o9 q: }% rนามว่าโปฐิละ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " โยคา เว " เป็นต้น.- g/ o6 c- ~! S) [
รู้มากแต่เอาตัวไม่รอด
0 u. o* s5 L2 Y3 y! ~3 l! f& r5 j) zดังได้สดับมา พระโปฐิละนั้นเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎกในศาสนาของ
' d1 |- C# R7 |' n) mพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ บอกธรรมแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป. พระศาสดา, M7 K+ u0 E2 I1 T8 E. n. U
ทรงดำริว่า " ภิกษุนี้ ย่อมไม่มีแม้ความคิดว่า ' เราจักทำการสลัดออก, q4 g) q% o1 `& ]( R: W: k0 [
จากทุกข์แก่ตน; เราจักยังเธอให้สังเวช."
  ^3 b/ N0 x' G; jจำเดิมแต่นั้นมา พระองค์ย่อมตรัสกะพระเถระนั้น ในเวลาที่พระ-
  y! I& I& V2 Z4 r, O( U/ u2 Zเถระมาสู่ที่บำรุงของพระองค์ว่า " มาเถิด คุณใบลานเปล่า, นั่งเถิด คุณ9 ~0 l2 L! w* |' o2 [4 ^
ใบลานเปล่า, ไปเถิด คุณใบลานเปล่า, แม้ในเวลาที่พระเถระลุกไป ก็
3 @/ j% z5 w8 H' k6 j/ {; u9 mตรัสว่า " คุณใบลานเปล่า ไปแล้ว." พระโปฐิละนั้นคิดว่า " เราย่อม
& q) C* K; o  [+ O/ w$ P7 A, Q! oทรงไว้ซึ่งพระไตรปิฎกพร้อมทั้งอรรถกถา, บอกธรรมแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป$ M& J; @0 U8 C! E" {) X; u: X
ถึง ๑๘ คณะใหญ่, ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น พระศาสดายังตรัสเรียกเราเนือง ๆ
8 X; j- s1 s- x& y5 V9 fว่า ' คุณใบลานเปล่า ' พระศาสดาตรัสเรียกเราอย่างนี้ เพราะความไม่มี0 U9 |- V: M& ]$ V0 ]  s
คุณวิเศษ มีฌานเป็นต้นแน่แท้." ท่านมีความสังเวชเกิดขึ้นแล้ว จึงคิดว่า: \" K2 i8 P- C" c
" บัดนี้ เราจักเข้าไปสู่ป่าแล้วทำสมณธรรม" จัดแจงบาตรและจีวรเอง
7 U& H9 o  v" J2 f5 z4 @3 ^ทีเดียว ได้ออกไปพร้อมด้วยภิกษุผู้เรียนธรรม แล้วออกไปภายหลังภิกษุ
' o& }, h7 ]( `8 sทั้งหมดในเวลาใกล้รุ่ง. พวกภิกษุนั่งสาธยายอยู่ในบริเวณ ไม่ได้กำหนด
  z  I2 k' c8 x. `) x! wท่านว่า " อาจารย์." พระเถระไปสิ้นสองพันโยชน์แล้ว, เข้าไปหาภิกษุ
: R, X: C; h: Y9 e" Y& j๓๐ รูป ผู้อยู่ในอาวาสราวป่าแห่งหนึ่ง ไหว้พระสังฆเถระแล้ว
- u4 i( ~+ G9 {7 b* ^กล่าวว่า " ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของกระผม."
. A% u7 i& y/ Z9 q9 i0 z! mพระสังฆเถระ. " ผู้มีอายุ ท่านเป็นพระธรรมกถึก, สิ่งอะไรชื่อว่า) i1 u6 G+ t. w
อันพวกเราพึงทราบได้ ก็เพราะอาศัยท่าน, เหตุไฉนท่านจึงพูดอย่างนี้ ?"; }) a* c  H. H" z
พระโปฐิละ. ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงอย่าทำอย่างนี้,4 h% g0 v! d, o# J  K. D: Z
ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของกระผม.3 ?' ]; j$ N* E8 ?7 {, R$ \2 `( W
วิธีขจัดมานะของพระโปฐิละ % W: A2 W& x- ~. R
ก็พระเถระเหล่านั้นทั้งหมด ล้วนเป็นพระขีณาสพทั้งนั้น. ลำดับนั้น+ R$ A5 }: \! ~* l- p; q  }9 Y
พระมหาเถระ ส่งพระโปฐิละนั้นไปสู่สำนักพระอนุเถระ ด้วยคิดว่า" |8 A5 f0 L1 O5 E
" ภิกษุนี้มีมานะ เพราะอาศัยการเรียนแท้." แม้พระอนุเถระนั้นก็กล่าว' Y* V" E  A9 S; `" T
กะพระโปฐิละนั้น อย่างนั้นเหมือนกัน. ถึงพระเถระทั้งหมด เมื่อส่ง
* G+ n3 p+ l& q; S2 K9 G- B" sท่านไปโดยทำนองนี้ ก็ส่งไปสู่สำนักของสามเณรผู้มีอายุ ๗ ขวบ ผู้ใหม่0 E9 v/ `; s' s. S8 ?
กว่าสามเณรทั้งหมด ซึ่งนั่งทำกรรมคือการเย็บผ้าอยู่ในที่พักกลางวัน.
9 |' c- c$ }2 f1 c2 a1 Rพระเถระทั้งหลายนำมานะของท่านออกได้ ด้วยอุบายอย่างนี้.) E, b0 v! s" k+ Y$ s
พระโปฐิละหมดมานะ* n' [/ _/ P  ~3 I4 Q$ {$ o
พระโปฐิละนั้น มีมานะอันพระเถระทั้งหลายนำออกแล้ว
+ B) C* p5 f! j1 p4 qจึงประคองอัญชลีในสำนักของสามเณรแล้วกล่าวว่า * v( h7 C3 l9 H- S1 y) t# Z0 @
" ท่านสัตบุรุษ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของผม."
% t. B) I, J! {# d! k% `. O& G$ {  a3 jสามเณร. ตายจริง ท่านอาจารย์ ท่านพูดอะไรนั่น, ท่านเป็น9 u, T& F( A% |! U; @
คนแก่ เป็นพหูสูต, เหตุอะไร ๆ พึงเป็นกิจอันผมควรรู้ในสำนักของท่าน/ F9 `/ L3 ?/ R/ F( }+ b9 M2 I  r" N2 T
พระโปฐิละ. ท่านสัตบุรุษ ท่านอย่าทำอย่างนี้, ! |0 O, H6 Y; i- j6 C
ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของผมให้ได้." E' H- k& s- S* a# m9 i
สามเณร. ท่านขอรับ หากท่านจักเป็นผู้อดทนต่อโอวาทได้ไซร้, ผมจักเป็นที่พึ่งของท่าน.
; `' V# y1 E1 w$ g9 Mพระโปฐิละ. ผมเป็นได้ ท่านสัตบุรุษ, เมื่อท่านกล่าวว่า ' จงเข้า
' F/ o7 i: T& [& |  i- b, Wไปสู่ไฟ,' ผมจักเข้าไปแม้สู่ไฟได้ทีเดียว.
) c/ M8 X. _' T: m/ pพระโปฐิละปฏิบัติตามคำสั่งสอนของสามเณร ; d) S3 B# r& z0 U( a" l+ k* Q
ลำดับนั้น สามเณรจึงแสดงสระ ๆ หนึ่งในที่ไม่ไกล แล้วกล่าวกะ
  c8 [+ y* _0 C4 y0 a# Uท่านว่า " ท่านขอรับ ท่านนุ่งห่มตามเดิมนั่นแหละ จงลงไปสู่สระนี้."7 }+ o7 |* f) o8 l4 J
จริงอยู่ สามเณรนั้น แม้รู้ความที่จีวรสองชั้นซึ่งมีราคามาก อันพระเถระ. }  c/ k4 m7 ]4 m  P# y
นั้นนุ่งห่มแล้ว เมื่อจะทดลองว่า " พระเถระจักเป็นผู้อดทนต่อโอวาทได้
3 p" B9 U" W2 @8 A/ ]หรือไม่" จึงกล่าวอย่างนั้น. แม้พระเถระก็ลงไปด้วยคำ ๆ เดียวเท่านั้น.
) f1 s  i: q& y: Nลำดับนั้น ในเวลาที่ชายจีวรเปียก สามเณรจึงกล่าวกะท่านว่า " มาเถิด& N; }+ [7 h% _, a2 e
ท่านขอรับ" แล้วกล่าวกะท่านผู้มายืนอยู่ด้วยคำๆ เดียวเท่านั้นว่า " ท่าน  c3 ?+ ~( B7 f' j/ N* M& L
ผู้เจริญ ในจอมปลวกแห่งหนึ่ง มีช่องอยู่ ๖ ช่อง, ในช่องเหล่านั้น เหี้ย $ G# Z6 }# l" A
เข้าไปภายในโดยช่อง ๆ หนึ่ง บุคคลประสงค์จะจับมัน จึงอุดช่องทั้ง ๕
& B/ U- `$ `. T/ U" n3 xนอกนี้ ทำลายช่องที่ ๖ แล้ว จึงจับเอาโดยช่องที่มันเข้าไปนั่นเอง; บรรดา
% o# T" B" m4 Q8 u- {$ }! Kทวารทั้งหก แม้ท่านจงปิดทวารทั้ง ๕ อย่างนั้นแล้ว จงเริ่มตั้งกรรมนี้ไว้' S% B" n  h' M. T1 Y
ในมโนทวาร." ด้วยนัยมีประมาณเท่านี้ ความแจ่มแจ้งได้มีแก่ภิกษุผู้ ( r8 r* c2 p8 b" }
เป็นพหูสูต ดุจการลุกโพลงขึ้นแห่งดวงประทีปฉะนั้น. พระโปฐิละนั้น& n" R+ }) M! \5 ~6 n% H0 ]
กล่าวว่า " ท่านสัตบุรุษ คำมีประมาณเท่านี้แหละพอละ" แล้วจึงหยั่งลง" ~9 {7 p# E5 U$ Y$ y5 [: T
ในกรชกาย๒ ปรารภสมณะธรรม.
2 o& p' v; P( U; r+ e7 }9 S5 xทางเจริญและทางเสื่อมแห่งปัญญา
* D: D7 {% a. V9 }9 `* p: wพระศาสดาประทับนั่งในที่สุดประมาณ ๑๒๐ โยชน์เทียว ทอด
/ j. R: b4 o. b3 V: b) t7 sพระเนตรดูภิกษุนั้นแล้วดำริว่า " ภิกษุนั้นเป็นผู้มีปัญญา (กว้างขวาง)
6 i2 }1 n* g: \" _5 @+ X# Dดุจแผ่นดิน ด้วยประการใดแล; การที่เธอตั้งตนไว้ด้วยประการนั้นนั่นแล0 X' H4 U$ u3 J& k( E
ย่อมสมควร." แล้วทรงเปล่งพระรัศมีไป ประหนึ่งตรัสอยู่กับภิกษุนั้น9 N, i& g2 A5 J' y0 m  @
ตรัสพระคาถานี้ว่า :-9 Z2 N% |) r+ M/ o6 Q9 n
๕. โยคา เว ชายตี ภูริ อโยคา ภูริสงฺขโย เอตํ เทฺวธา ปถํ ญตฺวา ภวาย วิภวาย จตถตฺตานํ นิเวเสยฺย ยถา ภูริ ปวฑฺฒติ.
" z( Z7 u! l. ]( D6 j4 s( i" ปัญญาย่อมเกิดเพราะการประกอบแล, ความสิ้นไปแห่งปัญญาเพราะการไม่ประกอบ, บัณฑิตรู้7 l! j% R4 o3 f6 }6 G. A
ทาง ๒ แพร่ง แห่งความเจริญและความเสื่อมนั่นแล้ว พึงตั้งตนไว้โดยประการที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้."* j$ ~& ^4 Z8 I9 _9 f
จากเรื่องนี้ ทำให้ผมคิดว่าผมเข้าใจคลาดเคลื่อนหรือเปล่า  แม้แต่ครั้งพุทธกาล พระพุทธองค์ ท่านจะโปรดใคร ท่านก็จะเลือกบุคคลที่ปฎิบัติอยู่แล้ว ส่วนปริยัต ปฎิเวธ ท่านจะมาแนะนำภายหลัง ผมก็เลยงง แม้แต่ครูบาอาจารย์ เก่าๆท่านก็จะเน้นปฏิบัติ ก่อน แทบทั้งสิ้น ต่อมาท่านก็จะมาให้เรียน ปริยัติ ปฏิเวธ ภายหลัง  แม้แต่ปู่ฤาษึลิงดำที่ก้เน้นปฎิบัติ ในความคิดผม ถ้าหากเราเรียนปริยัติก่อนเราก็จะได้แต่สัญญา (ความจำได้หมายรู้) แต่ไม่เข้าใจ  ผมอาจมีความรู้น้อยเกินไปด้วยครับ

Rank: 1

2#
มารน้อย โพสต์เมื่อ 2013-8-6 00:26 |แสดงโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับที่ให้ความกระจ่างขึ้นมากเลย ผมเข้าใจมากถึงเจตนาดี ที่อาจารย์มีต่อมนุษยชาติ ผมขอโมทนาบุญด้วยครับ ผมจะจำในสิ่งที่ อาจารย์มีเจตนาที่ดี จะตั้งใจ ใน ทาน ศีล ภาวนา สมาธิ ให้เจริญต่อไป  ขอบคุณในความเมตตาครับ
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2025-5-23 20:19 , Processed in 0.068572 second(s), 14 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.