นักสมาธิแล้วเห็นพระ เห็นพระพิฆเนศ

อยากถามหลวงพ่อ หรือผู้รู้ค่ะ ในวันนี้ ดิฉันได้ไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิแล้วเห็นพระพิฆเนศปางเดวกันยืนเรียงกัน 5 องค์ จากนั้น ก็เห็นพระนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ ร่างกายซูบผอมมาก หนังติดกระดูก เห็นแต่ด้านข้าง ต่อมาก็เห็นเจ้าแม่กวนอิม อยากทราบว่า ที่เห็นทั้งหมดนี้ หมายความว่าอย่างไรหรอคะ รบกวนช่วยตอบทีนะคะ ^^

อนุโมทนาสาธุครับ สาธุ

ตอบกระทู้ ณัฐดนัย ตั้งกระทู้8 W0 K3 A% x2 D' k+ y

7 J* q7 O! K. T9 R) `, g3 E) Bผมไม่เก่งขนาดนั้นครับ แต่จะขอตอบจากประสบการณ์ ก็แล้วกันครับ  จากเรื่องนี้ผมว่าน่าจะเกิดจากสัญญาเก่า และ นิวรณ์ 5 ซึ่งหมายถึง สิ่งที่ขวางกั้นจิตทำให้สมาธิไม่อาจเกิดขึ้นได้ มี 5 อย่างคือ  
4 p! i! t+ U0 [, X* c; K3 b- w
/ T1 Y" J$ ]8 Y* K" ^1.กามฉันทะ คือ ความยินดี พอใจ เพลิดเพลินในกามคุณอารมณ์ ได้แก่ ความยินดี พอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ(สิ่งสัมผัสทางกาย) อันน่ายินดี น่ารักใคร่พอใจ รวมทั้งความคิดอันเกี่ยวเนื่องด้วยรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะนั้น (คำว่ากามในทางธรรมนั้น ไม่ได้หมายถึงเรื่องเพศเท่านั้น)
+ {; |; `2 r6 v+ f6 e/ F
1 `; i# E7 L* K, P+ w' S* E% c, J2. พยาบาท คือ ความโกรธ ความพยาบาท ความไม่พอใจ ขัดเคืองใจ
6 [. g2 q7 T* m9 H! J( N/ f' u9 Z
. o6 P8 H( r5 C( j3. ถีนมิทธะ แยกเป็นถีนะ คือ ความหดหู่ท้อถอย และมิทธะ คือ ความง่วงเหงาหาวนอน ถีนะและมิทธะนั้นมีอาการแสดงออกที่คล้ายกันมาก คือทำให้เกิดอาการเซื่องซึมเหมือนกัน แต่มีสาเหตุที่ต่างกันคือ
- y0 \/ Z+ P0 B$ [! `# Jถีนะเป็นกิเลสชนิดหนึ่ง เกิดจากการปรุงแต่งของจิต ทำให้เกิดความย่อท้อ เบื่อหน่าย ไม่มีกำลังที่จะทำความเพียรต่อไป  
) D' {+ ^3 H- b/ Q0 xส่วนมิทธะนั้นเกิดจากความเมื่อยล้าอ่อนเพลียของร่างกาย หรือจิตใจจริง ๆ เนื่องจากตรากตรำมามาก หรือขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ หรือการรับประทานอาหารที่มากเกินไป มิทธะนี้ไม่จัดเป็นกิเลส (พระอรหันต์ไม่มีถีนะแล้ว แต่ยังมีมิทธะได้เป็นบางครั้ง)
3 T; Y; k2 K' T! m/ t6 P! r
: j! Z: `9 b$ i4. อุทธัจจกุกกุจจะ แยกเป็นอุทธัจจะคือความฟุ้งซ่านของจิต และกุกกุจจะคือความรำคาญใจ
- u$ G( d0 Q( P! X3 \. Iอุทธัจจะนั้นคือการที่จิตไม่สามารถยึดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นเวลานาน จึงเกิดอาการฟุ้งซ่าน เลื่อนลอยไปเรื่องนั้นที เรื่องนี้ที 1 B6 Y1 X+ }$ q# `
ส่วนกุกกุจจะนั้นเกิดจากความกังวลใจ หรือไม่สบายใจถึงอกุศลที่ได้ทำไปแล้วในอดีต ว่าไม่น่าทำไปอย่างนั้นเลย หรือบุญกุศลต่างๆ ที่ควรทำแต่ยังไม่ได้ทำ ว่าน่าจะได้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ 9 N2 p; ]! u4 w5 d5 g4 \) L# a. }6 E
4 X8 ]  R. a% ?4 h' B0 `* X( [
5. วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัย ไม่แน่ใจ หรือไม่ปักใจเชื่อว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด หรือควรทำแบบไหนดี จิตจึงไม่อาจมุ่งมั่นในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งได้อย่างเต็มที่ สมาธิจึงไม่เกิดขึ้น
7 a5 \( K5 p1 y* t1 _, x" m- e) G 3 w. s% A6 A; q0 p; d/ G; q
นิวรณ์ทั้ง 5 ตัวนี้ มีเฉพาะอุทธัจจะเท่านั้นที่เกิดขึ้นตัวเดียวได้ ส่วนนิวรณ์ตัวอื่น ๆ นอกนั้น เมื่อเกิดจะเกิดขึ้นร่วมกับอุทธัจจะเสมอ
) a8 n/ Z% n# t* ]2 i* W$ B ; n/ J5 n, [4 I2 |0 M- t/ L
นิวรณ์ทั้ง 5 เป็นอุปสรรคสำคัญในการทำสมาธิ ถ้านิวรณ์ตัวใดตัวหนึ่ง หรือหลายตัวเกิดขึ้น สมาธิก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย แต่นิวรณ์ทั้ง 5 นี้ไม่เป็นตัวขวางกั้นวิปัสสนาเลย ทั้งยังเป็นประโยชน์แก่วิปัสสนาอีกด้วย เพราะวิปัสสนานั้นเป็นการเรียนรู้ธรรมชาติของสรรพสิ่ง ไม่ว่าขณะนั้นอะไรจะเกิดขึ้น ก็เป็นประโยชน์ให้เรียนรู้ได้เสมอ นิวรณ์ทั้ง 5 นี้ก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ๆ ของจิตที่เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ ให้เห็นถึงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่อยู่ในอำนาจ ของจิตเช่นกัน (ได้จากเวปพลังจิตคับลอกมาบางส่วน)  ผมอาจจะผิดก็ได้ครับ ลองถามผู้รู้ อีกท่านหนึ่ง ดู คุณธนา ก็ได้ . A& j4 L- Q6 h: |/ c1 L* z$ z# p

สาธุครับ คงต้องรอคุณมารน้อยแล้วละครับ