/ u+ X$ `% G6 m, W
- ?+ p( `. ~8 s) C( u1 F$ w
คำว่ากุมารทอง หากพูดออกไปน้อยคนนักที่ไม่รู้จักหลายคนคงนึกถึงรูปปั้นของเด็กหน้าตาน่ารักไว้ผมจุก มีหลากหลายไม่ว่าจะเป็น รักยมกุมารทอง ตามร้านค้า ร้านขาย ก็มีให้พบเห็นอยู่บ่อยๆในปัจจุบันนี้เองก็มีเกจิอาจารย์หลายๆท่านก็สร้างกุมารทองออกมาให้เช่าบูชากันอย่างมากมาย ขนาดเล็กใหญ่ ก็ขึ้นอยู่กับอาจารย์แต่ละท่าน ส่วนสูตรในการสร้างก็มีมากมายหลายหลากตำราในสูตรที่ผมรู้ ก็จะใช้คาถาเรียกธาตุทั้ง 4 ให้เกิดกำเนิดเป็นกายขึ้นมาต่อจากนั้นก็จะใช้คาถาเรียกดวงจิตให้มาสถิตยังรูปที่ได้ใช้คาถาเรียกเนื้อไว้แล้วประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ใช้คาถาเรียกดวงจิตให้เข้ามาสถิตนี้แหละเพราะดวงจิตไม่สามารถใช้คาถาสร้างให้เป็นดวงจิตขึ้นมาได้ต้องใช้ดวงจิตของวิญญาณที่อยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียงกับจุดทำพิธี เมื่อผู้สร้างท่องคาถาเพื่อทำการเรียกดวงจิตให้มาประจำยังรูปปั้นกุมารทอง วิญญาณต่างๆไม่ว่าเป็นแมลง สัตว์ หรือบางที่ก็จะเป็นมนุษย์ จะถูกดึงด้วยพลังของคาถาให้มาสถิตอยู่ณ รูปปั้นกุมารนั้นๆดวงจิตของผู้ที่ถูกดึงออกมาจากสภาพเดิมก็กลับกลายเป็นเด็กที่มีรูปร่างเหมือนกุมารทองดวงจิตนั้นก็จะถูกผูกติดรูปกุมารทองนั้นตลอดไปบางองค์ที่ผมเคยพบก็มีอายุเป็นร้อยปีเหมือนกันดวงจิตที่อยู่ในรูปของกุมารก็จะอยู่อย่างนั้นไม่สามารถไปไหนได้จนกว่ารูปนั้นจะสลายหรือถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ บางท่านจะสังเกตว่า เมื่อได้กุมารทองมาเลี้ยงดูเหมือนมีคนวิ่งเล่นแต่เมื่อเข้าไปดูก็ไม่พบอะไรผิดแปลกไป เท่าที่ผมกล่าวมาบางท่านคงคิดว่าเอ๊ะ! เกี่ยวกันตรงไหนที่จะผิดหรือมีกรรมตรงไหน เดี๋ยวผมจะเล่าเรื่องให้ฟัง เรื่องมีอยู่ว่า ประมาณกลางเดือนตุลาคม 2555ที่ผ่านมานี่เองผมนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงาน บรรยากาศก็ดีเงียบๆ กว่าปกติลมก็ดูสงบอย่างไรชอบกล ผมเองก็ไม่คิดอะไรมากเพราะผมคิดว่า “เป็นเรื่องปกติน่าคงไม่มีอะไรพิเศษละมั๊ง” แต่ความรู้สึกของผมเหมือนเวลาเดินช้าจังแต่เมื่อผมหันไปดูนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนังที่ดังติ๊กต๊อกอยู่ตลอดเวลาเข็มเวลาเข็มสั้นชี้ไปที่เลข 3 และเข็มยาวเกือบชี้ไปที่เลข 6บ่งบอกว่าตอนนี้เวลาบ่าย 3 โมงครึ่งมันก็คงเหมือนกันกับวันที่ผ่านๆมาคือคงไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ผิดปกติจากเดิม แต่ที่ไหนได้ ลมที่สงบเสียงที่เงียบจนได้ยินเสียงเดินติ๊กต๊อก ของนาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาผนัง ก็มีเสียงลมพัดจนใบไม้กระทบกันพร้อมกันกับเสียงนกพิราบกระพือปีกอย่างตกใจแทบกระจายไปคนละทิศละทางจนทำลายความเงียบในทันใด“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง” ผมคิดแต่ที่ไหนได้ผมรู้สึกถึงการเข้ามากระทบในดวงจิตของใครบางคนจนทำให้ผมต้องรู้สึกขนลุกไปทั้งแขน อย่างนี้ต้องมีอะไรไม่ธรรมดาแน่ก็จริงดังคิดเสียด้วยมีเสียง เสียงหนึ่งดังมาจากข้างๆตัวผม ว่า “ช่วยด้วย”ผมได้ยินชัดมาก ผมกำหนดจิตอย่างเป็นอัตโนมัติพร้อมกันนั้นสิ่งที่ลืมไม่ได้ ก็คือการอุทิศบุญ “ข้าพเจ้าขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โปรดดลบัลดาลให้บุญของข้าพเจ้าส่งมายังผู้ที่มาขอความช่วยเหลือด้วยเทอญ” สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาในดวงจิตของผมก็คือชายแก่อายุประมาณ80 ปี แต่ดูท่าทางแข็งแรง แต่งกายด้วยชุดสีขาวแต่ชุดสีขาวกลับดูไม่ขาวมากนักดูขาวหม่นๆ มองดูก็รู้ว่าเป็นเทพ ผมจึงกำหนดจิตเพื่อพูดคุยสอบถามถึงความเป็นที่มาที่ไป ผม : สวัสดีครับ ตาทอง : สวัสดีเช่นกัน ผม : ท่านเป็นเทพใช่ หรือ ไม่ ตาทอง : ใช่ ฉันเป็นเทพที่กำลังศึกษาธรรม และปฏิบัติธรรม ผม : แล้วเมื่อสักครู่ท่านใช่ไหมที่ติดต่อผม ขอให้ผมช่วย ตาทอง : ใช่ฉันเองที่เป็นคนติดต่อ ที่ขอให้เธอช่วย ผม : ก็ท่านเป็นเทพ เท่าที่ดูผมก็ว่าท่านก็ดูสบายดีไม่น่ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรที่ต้องให้ผมช่วยเลย ตาทอง : ฉันมีเรื่องเดือดร้อนที่ต้องขอความช่วยเหลือจากเธอ ผม : ถ้าเช่นนั้นเล่าให้ผมฟังได้ไหม ตาทอง : ฉันชื่อเดิมว่าทองใบเป็นคนที่วิหารแดง จังหวัดสระบุรี ผม : ก็ไม่เห็นแปลกอะไร ตาทอง : เธอฟังก่อนฉันเป็นคนมีวิชาอาคมอยู่พอตัว ร่ำเรียนมาจากครูบาอาจารย์ ทางปลุกเสก ดูหมอจนอายุ 79 ปี ก็ตายตามอายุเมื่อตายลงก็ไม่ได้ไปไหนยังวนเวียนตามวัด ตามบ้านทั่วไป ผม : เป็นสัมภเวสี ใช่ไหม ตาทอง : ใช่วนเวียนอยู่นานนับเกือบ 50 ปี ผม : เอ้า! แล้วเจ้าหน้าที่ในนรกเขาไม่มารับตัวรึ ตาทอง : เขาคงเห็นว่าไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครมั้ง อีกอย่างเขาคงเห็นว่าความดีและความชั่วก็ไม่มากเลยปล่อยให้รับกรรมบนโลกมนุษย์นี่ ผม : เท่าที่ฟังผมก็ว่าไม่เห็นเดือดร้อนอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือจากผมเลยตอนนี้ก็ปฏิบัติธรรมอยู่ไม่ใช่หรือ ตาทอง : มีสิ ส่วนการปฏิบัติธรรมฉันก็เพิ่มเริ่มปฏิบัติมาไม่นาน ผม : งั้นก็ว่ามา ตาทอง : เธอคงจำได้ว่าฉันมีอาคมสามารถปลุกเสกกุมารทองได้ ผม : จำได้ แล้วยังไงต่อครับ ตาทอง : ตรงนี้แหละไอ้ที่ฉันเสกกุมารทอง ฉันก็เสกตามประสาของฉันที่ได้ร่ำเรียนมาตามตำราของครูบาอาจารย์ พอฉันเสก ดวงจิตที่อยู่ใกล้ๆ มันวิ่งเข้ามาในรูปปั้นกุมาร ผม : แล้วไงต่อ ตาทอง : ฉันทำบาปตรงนี้แหละคือ ฉันขังวิญญาณ ของคนอื่นไว้ในกุมารที่ฉันเสก ทำให้เขาไปไหนไม่ได้ ผม : จึงให้ผมช่วยปล่อยพวกเขาหรือ ตาทอง : ไม่ใช่ พวกนั้นน่ะพอเขาปฏิบัติธรรมเขาก็หลุดของเขา ผม : แล้วจะให้ผมช่วยอะไร ตาทอง : ฉันกลัวว่าฉันจะถูกจับมาทำกุมารบ้างนะสิแล้วถูกขังไปไหนก็ไม่ได้ ผม : แล้วจะให้ช่วยอะไรหรือ ตาทอง : ฉันกลัวว่ากรรมที่ฉันทำไว้กับคนอื่นโดยการเอาเขามาขังไว้จะทำให้ฉันต้องมาถูกขังบ้าง ผม : ผมก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเหมือนกันถ้าอย่างไรผมถามอาจารย์ผมก่อนดีกว่า ตาทอง : ก็ดีเหมือนกัน ผมกับตาทองคุยกันก็หาข้อสรุปยังไม่ได้จึงต้องปรึกษาผู้รู้กว่าผมคิดได้ดังนั้น ผมจึงโทรไปปรึกษาคนธรรมดา พร้อมกับเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังคนธรรมดาได้ให้การแนะนำว่า กรรมของตาทองคือการทำให้คนอื่นถูกขังไว้ แต่แกไม่รู้ว่าเป็นกรรม เพราะแกเรียนมาจากตำราของครูบาอาจารย์ เก่าๆ แต่ก็มีความผิดเหมือนกันหากแกกลัวว่าจะถูกจับขังก็ให้ตาทองมาอยู่กับผมแล้วมาช่วยงานโดยอยู่ในรูปของเด็กกุมาร ถ้าอยู่กับผมตาทองจะมีความสุขมากกว่าอยู่กับคนอื่น ผมจึงถามความคิดเห็นของตาทองว่าแกเห็นด้วยไหม แกยินดีที่จะอยู่กับผมมากกว่าจะไปอยู่กับคนอื่น เมื่อได้ข้อสรุปผมจึงตั้งจิตอธิษฐานต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถึงเจตนา ของผมที่มีต่อตาทองก็ให้ผลปรากฏ ตาทองกลายเป็นเด็กอายุประมาณ 9 ขวบแต่งตัวเป็นกุมารที่เราเห็นกันตามสถานที่ที่มีการจำหน่ายกุมารทองมีเครื่องประดับสวยงาม มองดูก็รู้ทันทีว่าสุขสบายแล้ว ผมได้คุยกับตาทองใบที่อยู่ในรูปของกุมารทองต่อ ผม : ชอบแบบนี้ไหม ตาทอง : ชอบสิดูสบายกว่าเดิมอีก ดูเด็กลงด้วย ผม : ต่อไปนี้ก็ช่วยเหลืองานที่ผมทำด้วยกันนะ ตาทอง : ต่อไปนี้จะให้ผมใช้ชื่อว่าอะไร ผม : ผมนึกว่ามีชื่อเลย แล้วจะให้ใช้ชื่ออะไรดีล่ะ ตาทอง : แล้วแต่ท่านเลย ผม : เอ้! คำพูดก็เปลี่ยนไปเหมือนจำอดีตไม่ได้แปลกดี ถ้าอย่างนั้นผมเรียกว่า ต้นทอง ก็แล้วกันส่วนจะอยู่ด้วยกันนานขนาดไหนนั้นก็แล้วแต่ตาทองเลยนะผมอนุญาตให้ไปได้โดยไม่ผูกมัดให้อยู่กันไปตลอดหรอกนะ ก็แล้วแต่ความสมัครใจตอนนี้ก็อยู่ด้วยกันก่อนนะ ต้นทอง : ครับ
' L& _8 d" i) u$ v& ] |