แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 3955|ตอบ: 4
go

ขอเชิญร่วมสร้างศาลาผู้ปฏิบัติธรรมและห้องน้ำ ณ สถานปฏิบัติธรรม นางเขียวค่อม จ.หนองคาย [คัดลอกลิงค์]

Rank: 1

"ขอเชิญร่วมสร้างศาลาที่พักผู้ปฏิบัติธรม ห้องน้ำคนปกติ และห้องน้ำผู้พิการ ณ สถานปฏิบัติธรรมนางเขียวค่อม อ.ท่าบ่อ และ สวนปฏิบัติธรรมชมวิว บ้านนางิ้ว อ.สังคม จ.หนองคาย"


**สถานปฏิบัติธรรมนางเขียวค่อม อ.ท่าบ่อ จ. หนองคาย**


ตรงจุดนี้เดิมเคยเป็นวัดมาก่อนแล้วเมื่อสมัยพันปี คุณแม่ชีเกณฑ์ท่านมองเห็นถึงความเหมาะสมที่จะสร้างเป็นสถานปฏิบัติธรรม จึงขออนุญาติหลวงพ่อวัดป่านางิ้ว ผู้ดูแลสถานที่จัดสร้างที่พักและห้องน้ำเพื่อผู้ปฏิบัติธรรมขึ้นมา และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพระธุดงค์ที่ท่านแวะมาพักหรือมาภาวนาที่นี่ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่สัญจรผ่านมาชมวิวเมืองเวียงจันทน์โดยไม่ต้องข้ามไปฝั่งประเทศลาว และเป็นที่พักระหว่างทางสำหรับผู้ที่สนใจจะขึ้นไปดู สวนปฏิบัติธรรมชมวิว ในระหว่างที่ข้างบนโน้นกำลังก่อสร้างและปลูกต้นไม้


1. ศาลาที่พักผู้ปฏิบัติธรรม ณ สถานปฏิบัติธรรมขางเขียวค่อม เป็นศาลารวมชั้นเดียว ก่ออิฐ มีขนาดประมาณ 6 × 9 เมตร ปูกระเบื้อง ก่ออิฐบล็อคสูง 5 ก้อนแล้วติดมุ้งลวดรอบเลย หลังคามุงด้วยสรรไท งบประมาณในการก่อสร้าง 300,000 บาท


2. ห้องน้ำคนปกติ 1 ห้อง ห้องน้ำผู้พิการ 1 ห้อง และห้องอาบน้ำ 1 ห้อง พร้อมทั้งปรับปรุงห้องน้ำเก่า 2 ห้อง งบประมาณในการก่อสร้าง ห้องละ 30,000 บาท


**สวนปฏิบัติธรรมชมวิว บ้านนางิ้ว อ.สังคม จ.หนองคาย**



ณ สถานที่นี้อยู่บนเขาสูง ห่างจากบ้านนางิ้ว 4 กม. เป็นบรรยากาศธรรมชาติอย่างแท้จริง สงบ อากาศดี หนาวเย็นทั้งปี คุณแม่ท่านจะจัดที่นี่ให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เพื่อให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้ไกล้ชิดกับธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์อยู่ในช่วงหน้าหนาวและหน้าร้อน โดยจะจัดสร้างง่ายๆ ดังนี้


1. ศาลาที่พักผู้ปฏิบัติธรรมแบบไม้ งบประมาณ 60,000 บาท


2. ห้องน้ำ 2 ห้อง ห้องละ 30,000 บาท


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คุณแม่ชีเกณฑ์ 086 8540049 , 086 1009373 และสามารถโอนเงินร่วมสร้างศาลาที่พักผู้ปฏิบัติธรรมและห้องน้ำ ทั้ง 2 แห่ง ได้ที่ธ.กสิกรไทย สาขาร้อยเอ็ด หมายเลขบัญชี 329-2-34000-0 ชื่อบัญชี น.ส. เกณฑ์ นิลพันธ์


แจ้งการทำบุญได้ที่คุณแม่ชีเกณฑ์โดยตรง หรือแจ้งการโอนเงินทางข้อความเฟสบุค แม่ชีเกณฑ์ วัดป่าเจดีย์เทวธรรม จ.ร้อยเอ็ด

https://www.facebook.com/profile.php?id=100006281232950&ref=tn_tnmn


กราบขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความเมตตาต่อผู้ใฝ่ในการปฏิบัติธรรม


หมายเหตุ: ศาลาที่พักและห้องน้ำที่สร้างนี้ สามารถเข้ามาใช้ได้ทุกกลุ่ม ทุกคน หรือสำหรับผู้ที่สัญจรผ่านแวะมาชมวิวเฉยๆ ก็สามารถเข้ามาใช้โดยไม่แบ่งแยกค่ะ


ชมภาพของสถานที่ได้ที่

http://pantip.com/topic/31970512/comment4






Rank: 1

"เจ้านางเขียวข่อมเทวี และตำนานท้าวศรีโคตรบองสาปเวียงฯ"

ตำนานท้าวศรีโคตรพระตบองเพชรสาปแช่งเวียงจันทน์บ่ให้ฮุ่งเฮือง เป็นตำนานที่ถืกเล่าขานกันมาเป็นเวลาช้านาน สาเหตุที่ทำให้ท้าวศรีโคตรสาปแช่งเวียงจันทน์นั้นมีเรื่องเล่าสืบมาดังนี้

กาลครั้งหนึ่ง เมืองเวียงจันทน์เกิดเดือดฮ้อน มีช้างป่ามาบุกรุกทำลายไฮ่นาฮั้วสวน เครืองปลูกของฝัง ตลอดบ้านเฮือนของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน เจ้าเมืองเวียงจันท์จึงประกาศหาคนดีมาผาบช้าง ใผผาบได้จะได้ฮับพระราชทานพระราชธิดาแห่งเวียงจันทน์เป็นคู่ครอง

ท้าวศรีโคตรผู้มีอาวุธวิเศษเป็นพระตะบองเพชร ผู้มีวิชาเก่งกล้าหาใผเปลียบเทียบบ่ได้ ก็รับอาสาผาบช้าง และก็ผาบช้างได้สำเร็จอี่หลี พระเจ้าแผ่นดินจึงพระราชทาน “เจ้านางเขียวข่อมเทวี” พระราชธิดาให้แก่ท้าวศรีโคตร แล้วสร้างเรือนหิน (ปราสาท) ให้อยู่

ต่อมาพระเจ้าเวียงจันท์อย้านว่าท้าวศรีโคตรจะแย่งราชบัลลังก์ จึงใช้อุบายต่างๆ เพื่อที่จะกำจัดท้าวศรีโคตร แต่บ่สำเร็จ เพราะท้าวศรีโคตร ฟัน แทงบ่เข้า จึ่งฆ่าบ่ตาย  
พระเจ้าเวียงจันทน์จึงคิดอุบายขึ้นโดยหลอกถามจากธิดาของตนว่า “ด้วยเหตุใดหนอท้าวศรีโคตรจึงเป็นคนเก่งและฆ่าบ่ตาย” พระธิดาบ่ฮู้เล่กลของพระราชบิดา ในวันหนึ่งจึงถามท้าวศรีโคตรว่า “เจ้าอ้ายเป็นคนเก่ง ใผฆ่าก็บ่ตาย น้องอยากฮู้ว่าเจ้าอ้ายมีดีอันใดหนอ?”

ท้าวศรีศรีโคตรบ่ฮู้ถึงภัยจะเกิดกับตนเพราะความฮักเมีย จึงเล่าเรื่องสมัยบวชเป็นสามเณรให้เมียฟังว่า ที่ตนมีพลังสามารถผาบช้างได้นั้น ก็เพราะครั้งหนึ่งได้หุงข้าวถวายหลวงตา
ได้หักเอาไม้ดิบมาคนหม้อ พาให้ข้าวนั้นกลับกลายเป็นสีดำ หลวงตาใจฮ้ายจึงสั่งให้เณรศรีโคตรฉันข้าวหม้อนั้นเพียงผู้เดียว ภายลุนมาจึงทำให้เณรศรีโครตมีพลังช้างศาล อีกทั้งแทงบ่เข้าจึงฆ่าบ่ตายด้วยหอก ดาบ

เมียก็ถามต่อไปว่ามีทางใดบ่ที่คนอื่นจะฆ่าเจ้าอ้ายให้ตายได้  ท้าวศรีโคตรบ่คิดว่าเมียจะสามารถฆ่าตนได้ลงคอจึงตอบไปว่า “เข้าทางฮูเก่า(ทวาร)เท่านั้นก็ตายดอก”  พระธิดาจึงนำความไปเล่าให้พระบิดาฟัง พระบิดาทราบจึงหาอุบายที่จะฆ่าท้าวศรีโคตร โดยเชิญท้าวศรีโคตรไปรฮ่วมเสวยอาหารที่ท้องพระโรง และใกล้ ๆ บริเวณท้องพระโรงได้ทำห้องบังคลหนัก(ส้วมถ่าย) โดยได้วางยนต์หอกในส้วมถ่ายนั้น

พอเสวยเสร็จและท้าวศรีโคตรเข้าห้องบังคลหนัก ยนต์หอกก็ทำงาน คือหอกก็แล่นขึ้นทางฮูเก่า เป็นไปตามแผนการที่วางไว้ แต่ท้าวศรีโคตรบ่ตายทันที และท้าวศรีโคตรได้ทราบว่าเสียฮู้ผู้หญิงแล้ว จึงเหาะกลับเมือตายที่เมืองศรีโคตรพระตะบอง ก่อนตายได้สาบแช่งเมืองเวียงจันทน์ว่า "ให้ฮุ่งเพียงช้างพับหู เพียงงูแลบลิ้น"

คัดลอกบางตอนจาก http://topicstock.pantip.com/lib ... 78269/K9578269.html

ภาพศิลปะสีน้ำมันของสาวลาวในวังเก่า เมืองหลวงพระบาง


Rank: 1

"สวนปฏิบัติธรรมชมวิว"

สวนปฏิบัติธรรมชมวิว อยู่ใน อ.สังคม จ.หนองคาย ห่างจากบ้านนางิ้ว 4 กม. แต่ต้องขับรถขึ้นไปบนดอยสูงชันประมาณครึ่งชม. รถที่ขึ้นไปได้ต้องเป็นโฟว์วิล รถอีแต๋นที่ชาวบ้านดัดแปลง เพื่อขนพืชผลทางการเกษตรลงมา เขารับจ้างรับ-ส่ง 100 บาท ที่บนดอยนี้ดินดี อากาศเย็น สามารถปลูกพืชเมืองหนาวได้ทุกชนิด มีเนื้อที่ทั้งหมด 9 ไร่ คุณแม่ท่านตั้งใจจะสร้างสถานปฏิบัติธรรมที่นี่ มีศาลาไม้เล็กๆ กุฏิเล็กๆ  ห้องน้ำ 2 ห้อง โดยมีน้ำปะปาภูเขาให้ใช้ ใข้ไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซล และปลูกพืชผลไม้ต่างๆ ไม้ใหญ่ที่มีกลิ่นหอมและให้ร่มเงา และต้นยางพารา 1,000 ต้น เพื่อให้พื้นที่ได้มีคนมาดูแล อากาศด้านบนหนาวเย็นตลอดทั้งปี ในหน้าแล้งรถธรรมดาขึ้นได้ หากน้ำในลำธารไม่สูงมากนัก เพราะขามาต้องข้ามลำธารถึง 2 จุดด้วยกัน

Rank: 1


Rank: 1

"สถานปฏิบัติธรรมนางเขียวค่อม"

สถานที่แห่งนี้เป็นวัดร้างที่นางเขียวค่อม ธิดาของกษัตริย์ ประเทศลาวสร้างไว้ เมื่อพันกว่าปี นางเป็นเมียของท้าวสีโคตรบอง ผู้ปราบฝูงช้างป่าที่มาถล่มเมือง มีคาถาอาคมฆ่าไม่ตาย พ่อของนางกลัวจะถูกแย่งราชบัลลังก์ จึงหลอกให้ลูกสาวไปถามความลับว่าจะตายด้วยวิธีไหน ด้วยความเชื่อใจเมียจึงบอกความลับทั้งหมด เมื่อโดนแผนพระราชาท้าวสีโคตรก็จบชีวิตลง ก่อนจะตายท้าวสีโคตรได้สาปเมืองเวียงจันทน์ไว้ ให้เจริญได้แค่ชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น นางเสียใจมาก นางไม่รู้เลยว่าพ่อจะวางแผนฆ่าสามีของตัวเอง นางไถ่โทษด้วยการสร้างวัดเรื่อยมา ตามลำน้ำโขงทั้ง 2 ฝั่ง วัดนี้ก็เป็นอีกแห่งที่นางสร้างเพื่ออุทิศและระลึกถึงท้าวสีโคตร  ใกล้ๆกับที่นี่ก็มีป้ายจารึกประวัติของนางไว้ หลวงพ่อแห่งวัดป่านางิ้ว เป็นผู้เล่าประวัติของที่นี่ให้ฟัง ท่านเป็นผู้ถูกเชิญให้มาดูแลที่นี่ ที่นี่ไม่มีพระอยู่ประจำ มีแต่พระธุดงค์ผ่านมา ทำไมที่นี่จึงดูสะอาดสะอ้าน ไม่รก เพราะมีคุณลุงคนหนึ่งที่บ้านอยู่ใกล้ๆ วัด เป็นผู้ดูแลคอยปัดกวาด จะมีคนหรือไม่มีคนมาอยู่ คุณลุงท่านก็ทำอย่างนี้มานานแล้ว และไฟฟ้าที่ใช้ก็ต่อมาจากบ้านของลุงคนนี้

ภาพนี้ถ่ายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวเมืองเวียงจันทน์ได้พอดี ขนาดไม่ได้ใช้กล้องส่องทางไกล คุณแม่ท่านบอกว่าเห็นผู้หญิงลาวถีบรถ เห็นหลังคาบ้านเขา เห็นธงชาติ และมองเห็นหมาด้วย พื้นที่ตรงนี้จะสูงสักนิด ห่างจากแม่น้ำโขง 100 เมตร พื้นที่ด้านล่างถูกชาวบ้านยึดครองไปทำการเกษตร ในวัดมีต้นไม้ 2 ต้นที่ใหญ่มาก คือต้นมะเดื่อยักษ์ และต้นมะม่วงป่ายักษ์ ที่อายุน่าจะเป็นพันปี มีกุฏิ 3 หลัง ห้องน้ำที่สภาพไม่ค่อยดี 2 ห้อง หลวงพ่อวัดป่านางิ้ว ท่านทำแคร่และศาลาเล็กๆ ไว้สำหรับผู้ที่มาปฏิบัติธรรมที่นี่ หรือเข้ามากางเต้นท์ก็ได้

บรรยากาศที่นี่สงบร่มเย็นมาก มีลมพัดโชยมาจากแม่น้ำโขง เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง หลวงพ่อท่านบอกว่ามีคนจะมาอยู่หลายคนแล้ว แต่อยู่ไม่ได้ ต้องเจ็บป่วยออกไป แม้ชาวบ้านแถวนี้ก็ไม่กล้ามาขูดหวยจากต้นไม้ เพราะเทวดาที่ดูแลที่นี่ ท่านปฏิบัติธรรม ใครที่มาแล้วไม่ปฏิบัติก็มักจะอยู่ไม่ได้นาน หรือใครมาขุดหาของเก่าก็จะโดนอย่างหนักกลับไป แต่ใครที่มาปฏิบัติก็จะได้รับการต้อนรับ อากาศที่สงบเย็นช่วยให้เข้าสมาธิสงบได้ง่ายขึ้น  คุณแม่ชีเกณฑ์เห็นว่าที่นี่เหมาะแก่การสร้างเป็นสถานปฏิบัติธรรม ด้วยบรรยากาศและเป็นการรักษาพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ ท่านจึงขออนุญาติหลวงพ่อที่ดูแล ตั้งเป็นสถานปฏิบัติธรรมนางเขียวค่อม ขึ้นมา

สถานที่ตั้งของจุดนี้ อยู่ใน อ. ท่าบ่อ จ.หนองคาย ติดริมถนน  เป็นเส้น ท่าบ่อ มุ่งสู่ ศรีเชียงใหม่ ให้สังเกตเป็นช่วงที่มีต้นไม้ตัดเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ด้านหน้ายังไม่มีป้ายอะไร แต่จะสังเกตเห็นต้นไม้ใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 3 งาน สอบถามเรื่องราวของที่นี่ และตำแหน่งได้ที่คุณแม่ชีเกณฑ์ 0861009373 , 0868540049


‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-28 05:43 , Processed in 0.057099 second(s), 14 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.