แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 9866|ตอบ: 8
go

วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) ม.๑๑ ต.ทุ่งหัวช้าง อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

IMG_9000.1.JPG



วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)

ม.๑๑ ต.ทุ่งหัวช้าง อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน

[รอยเท้าแม่กาเผือก , รอยเท้าพญาหงส์โพธิสัตว์ , พระบรมธาตุเจดีย์]

----------------------


(แก้ไขข้อมูลล่าสุด : 3 พฤศจิกายน 2566)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_9046.JPG



IMG_9030.JPG



IMG_9032.JPG



ศาลาศรีวิชัยยาธรรมานุสรณ์ วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)



IMG_9039.JPG



IMG_9036.JPG



IMG_9138.JPG



IMG_9044.JPG



ศาลาหอฉันรัตนสารพิพัฒน์ วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) ยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง พ.ศ.๒๕๕๗



IMG_8905.JPG



กุฏิสงฆ์หลังเก่า วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)


IMG_8896.JPG



กุฏิสงฆ์ (โฮงหลวงพัฒนาเลิศสิริ) วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)


IMG_9026.JPG



IMG_8922.JPG



IMG_9040.JPG



IMG_8861.JPG



การเดินทางมาวัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) ขอจบการเดินทางด้วยภาพบรรยากาศยามฝนตกภายในและโดยรอบวัด สวัสดีค่ะ

------------------


ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับข้อมูลจาก :
        • วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน
        • เอกสารประวัติ
วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) ได้รับความอนุเคราะห์เอกสารจาก พระวิเชียร พระภิกษุประจำวัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) และคุณลุงสอน ศรัทธาวัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)

**หมายเหตุ :


ท่านใดประสงค์จะนำรูปภาพหรือเนื้อหาบทความไปใช้ประโยชน์ที่อื่น สามารถนำไปใช้ได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาตจากข้าพเจ้าก่อน


และได้โปรดกรุณาให้เครดิตอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่มา : เว็บแดนนิพพาน และกรุณาอย่าลบหรือครอบตัดเครดิตแหล่งที่มาบนรูปภาพ “Photo by Dannipparn.com”


(ป.ล. หากว่ากระทู้บทความนี้ มีข้อผิดพลาดประการใด ข้าพเจ้าต้องขออภัยในความผิดพลาดต่างๆ ในฐานะปุถุชนที่ย่อมทำผิดและถูกสลับกันไปไว้ ณ ที่นี้ด้วย และจะนำไปปรับปรุงแก้ไขในครั้งต่อไป)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_9024.JPG



ศาลาครอบรอยมือ-รอยเท้าพระอรหันต์ วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)



IMG_8982.JPG



ก้อนหินประทับรอยมือ-รอยเท้าพระอรหันต์ วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)


IMG_8934.JPG



ก้อนหินประทับรอยมือพระอรหันต์ วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)


IMG_8961.JPG



ก้อนหินประทับรอยเท้าพระอรหันต์ วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)


2.JPG



รอยมือ-รอยเท้าพระอรหันต์
วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)

ประทับอยู่บนก้อนหินสองก้อนที่ละแห่ง เป็นรอยมือข้างขวาและรอยเท้าข้างขวา มีขนาดเท่าของจริง ปรากฏเห็นรอยนิ้วทั้ง ๕ นิ้ว อย่างชัดเจน ซึ่งทางวัดได้ไปอัญเชิญมาจากวัดไม้สลี อำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน


IMG_8937.JPG



IMG_8940.JPG



IMG_8935.JPG



รอยมือพระอรหันต์ วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)


IMG_8974.JPG



IMG_8960.JPG



รอยเท้าพระอรหันต์ วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)


IMG_8967.JPG



คำนมัสการรอยพระบาทพระอรหันต์
(ว่านะโม ๓ จบ) สาธุ สาธุ สาธุ อะหังนะมามิ พระอะระหันต๋าเถระ บาทะ วะรัง สิระสา นะมามิ



IMG_8986.JPG



เสื้อวัด วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)


4.JPG



รูปท้าวมหาราชทั้ง ๔ (ท้าวจตุโลกบาล ได้แก่ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ ท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสวัณ, ท้าวเวสสุวรรณ) (เรียงจากซ้าย-ขวา) วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_9000.JPG



IMG_8942.JPG



IMG_8910.JPG



IMG_8930.JPG



พระบรมธาตุเจดีย์ วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)

โดย หลวงปู่ครูบาแก้ว (วัดทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน) เป็นประธานในการก่อสร้าง พร้อมคณะศิษยานุศิษย์และชาวบ้าน ได้ร่วมกันสร้างพระเจดีย์ครอบองค์เก่า เริ่มสร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๔๒


IMG_8926.JPG



คำนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์

(ว่านะโม ๓ จบ) วันทามิ เจติยัง สัพพัง สัพพัฏฐาเนสุ ปะติฏฐิตา สะรีระธาตุโย เกศาธาตุโย อะระหันตา ธาตุโย เจติยัง คันทะกุฏิง จะตุละสี ติสสะหัสเส ธัมมักขันเธ สัพเพสัง ปาทะเจติยัง อะหังวันทามิ ธาตุโย อะหังวันทามิ ทุระโส อะหังวันทามิ สัพพะทา อะหังวันทามิ สิระสาฯ


IMG_8915.JPG



อนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)


IMG_9007.JPG



IMG_9002.JPG



รูปภาพและรูปเหมือนพระครูบาเจ้าศรีวิชัย (นักบุญแห่งล้านนาไทย) วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)


IMG_9016.1.JPG


คำนมัสการพระครูบาเจ้าศรีวิชัย
(ตั้งนะโม ๓ จบ) อะยังวุจจะติ สิริวิชะยะจะนะ จะ มหาเถโร อุตตะมัง สีลัง นะระเทเวหิ ปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ มหาลาภา ภะวันตุเม อะหัง วันทามิ สัพพะทา อะหัง วันทามิ สิระสา อะหัง วันทามิ สัพพะโส สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ

...คำแปล...(ดังข้าพเจ้าจะกล่าวต่อไปนี้ พระมหาเถระเจ้ารูปใด ผู้มีนามว่าศรีวิชัย ผู้มีศีลอันอุดม ผู้อันนรชนและเหล่าทวยเทพทั้งหลายบูชาแล้ว ผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลทั้งปวง ด้วยการนอบน้อมนั้นเป็นปัจจัย ขอลาภอันใหญ่จงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขออภิวาทซึ่งพระมหาเถระเจ้ารูปนั้นตลอดกาลทั้งปวง ข้าพเจ้าขออภิวาทซึ่งพระมหาเถระเจ้ารูปนั้นด้วยเศียรเกล้า ข้าพเจ้าขออภิวาทซึ่งพระมหาเถระเจ้ารูปนั้นโดยประการทั้งปวง สาธุ สาธุ สาธุ (ดีละ ดีละ ดีละ) ข้าพเจ้าขออนุโมทนาฯ)


(เสร็จแล้วให้ตั้งจิตระลึกถึงพระครูบาเจ้าศรีวิชัย แล้วอธิษฐานตามกุศลเจตนา)



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_9092.jpg



IMG_9087.JPG



IMG_9091.JPG



IMG_9073.JPG



IMG_9071.JPG



รอยเท้าแม่กาเผือก
วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)

เป็นรอยเท้าของแม่กาเผือก (พระมารดาของพระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ พระองค์) เหยียบประทับไว้บนก้อนหินขนาดใหญ่ที่เชิงดอยวัด จำนวน ๒ รอย มีลักษณะของรอยเท้าขนาดใกล้เคียงกัน

ค้นพบโดย หลวงปู่ครูบาแก้ว (วัดทุ่งหัวช้าง อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน) เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๐ ปัจจุบันทางวัดได้ทาสีทองทับรอยเดิมแล้ว และได้มีงานประเพณีสรงน้ำรอยพระบาทในวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙ เหนือ เป็นประจำทุกปี


IMG_9096.JPG



IMG_9069.jpg



รูปปั้นนก อยู่บริเวณก้อนหินประทับรอยเท้าแม่กาเผือก วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)



IMG_9093.jpg



ประวัติวัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)



วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) สันนิษฐานว่าคงจะสร้างขึ้นในสมัยยุคของพระนางเจ้าจามรี กษัติยนารีของเมืองลี้ เพราะในอดีตทุ่งหัวช้างกับลี้เป็นอำเภอเดียวกัน และในอดีตของชุมชนลุ่มน้ำลี้ เป็นชุมชนเมืองที่เก่าแก่ ซึ่งมีความเจริญรุ่งเรืองด้านพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ซึ่งพบเห็นได้จากร่องรอยศาสนสถานโบราณในอดีตที่ได้สำรวจในบริเวณรอบๆ ดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) มีวัดร้างอยู่รอบๆ ถึง ๖ วัด  

ในสมัยก่อนคงจะเป็นแหล่งอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองด้านพระพุทธศาสนามาก เพราะจากหลักฐานที่ปรากฏ มีซากเจดีย์เก่า พระพุทธรูปมากมาย สันนิษฐานว่าเป็นชุมชนของพวกชาวลัวะ ซึ่งในสมัยก่อนถือว่าเป็นชนเผ่าที่นับถือพระพุทธศาสนาแต่ดั้งเดิม

ยุคนั้นจะนิยมสร้างเจดีย์ พระพุทธรูป และสร้างวัดในบริเวณใกล้ๆ กัน อาศัยอยู่กันอย่างสงบสุขตามธรรมชาติ และสมัยก่อนมักเกิดโรคระบาดและสงครามสู้รบกัน จึงเป็นเหตุให้ชุมชนชาวลัวะแถบลุ่มน้ำลี้ต่างอพยพหนีตายย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น ศาสนสถานต่างๆ ก็ถูกทิ้งร้างไปหลายร้อยปี หลังจากนั้นชนเผ่ากะเหรี่ยงและคนพื้นเมืองก็เข้ามาอาศัยอยู่

จนมาถึงยุคสมัยของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญอมตะแห่งล้านนาไทย ได้มีชื่อเสียงและปารมีธรรมมาก จึงเป็นที่เคารพนับถือของศรัทธาสาธุชนทั่วไป โดยเฉพาะชนเผ่ากะเหรี่ยงได้พากันไปทำบุญและช่วยงานก่อสร้างพัฒนาวัดวาอารามต่างๆ ในปีไหนฤดูฝน ถ้าเกิดความแห้งแล้งขึ้น ฟ้าฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ชาวบ้านก็จะพากันไปทำพิธีขอฝนกับครูบาเจ้าศรีวิชัยตลอด  

ในประมาณปี พ.ศ.๒๔๕๐ พระครูบาเจ้าศรีวิชัยได้จาริกมาสร้างเจดีย์ให้คณะศรัทธาชาวกะเหรี่ยงและคนพื้นเมืองในเขตอำเภอทุ่งหัวช้าง ตรงวัดร้างทิศตะวันตกของหมู่บ้านหัวขัว คือวัดพระธาตุหัวขัวในปัจจุบัน ได้มีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย ท่านเคยปรารภพูดถึงรอยพระบาทของนกเหมือนกัน   

วัดพระธาตุหัวขัวได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาหลายยุคสมัย และในยุคของพระครูบาเจ้าอภิชัยขาวปีนั้นเอง ท่านได้มาจาริกแสวงบุญบูรณะวัดวาอารามต่างๆ ในทุ่งหัวช้าง ในราวประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๔ ท่านได้มาเป็นประธานสร้างวิหารวัดพระธาตุหัวขัว

ในเย็นวันหนึ่ง เมื่อท่านทำวัตรสวดมนต์เสร็จ ท่านนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันตก แล้วก็พูดขึ้นว่า ดอยลูกที่ตั้งอยู่ทิศตะวันตกนี้ มีรอยพระบาทตีนนกอยู่ และในวันหนึ่งชาวบ้านได้นิมนต์ท่านนั่งเสลี่ยงคานหามเพื่อเดินทางไปบ้านปวง พอขบวนเลียบเลาะที่เชิงดอย ท่านก็ปรารภว่า บนเขาลูกนี้มีรอยพระบาทตีนนกอยู่

ตอนนั้นชาวบ้านที่ได้ยิน และหลวงปู่ครูบาแก้วแห่งวัดทุ่งหัวช้าง ก็กราบนิมนต์หลวงปู่ครูบาเจ้าอภิชัยขาวปีสร้าง แต่ท่านกลับปฏิเสธว่า สถานที่ตรงนี้ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน ยังจะมีเจ้าของมาสร้างเอง

ต่อมาในประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๐ หลวงปู่ครูบาเจ้าขาวคำปัน ธมฺมเสน พร้อมด้วยลูกศิษย์ ได้ขึ้นมาบนยอดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) เพื่อดูศาสนสถานโบราณซึ่งหลงเหลือแค่เศษอิฐตกอยู่รอบๆ บริเวณยอดเขา เมื่อท่านอธิษฐานจิตขอสร้างวัดบูรณะใหม่ และแล้วท่านก็บอกว่า สถานที่ตรงนี้ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน จึงได้เดินทางกลับไปที่วัดพระธาตุหัวขัว

หลังจากนั้นมาในช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๐ หลวงปู่ครูบาแก้ว วัดทุ่งหัวช้าง พร้อมด้วยพระภิกษุสามเณรและชาวบ้าน ได้พากันค้นหาดอยพระบาทตีนนก ก็ได้พบกับรอยเท้าของนกปรากฏบนก้อนหินใหญ่ที่เชิงดอย ท่านได้อธิษฐานจิตดูว่าเป็นรอยของนกอะไร ในที่สุดด้วยแรงอธิษฐานก็ได้รู้ว่า เป็นรอยเท้าของแม่กาเผือก ซึ่งเป็นแม่ของพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญเพียรบารมีธรรมปรารถนาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในภัทรกัปของเรานี้เอง

ซึ่งมีประวัติเล่าว่า ในกาลครั้งหนึ่งก่อนสมัยพุทธกาล ได้มีแม่กาเผือก ลักษณะตัวสีขาว ได้ทำรังบนต้นไม้ใกล้ๆ ฝั่งแม่น้ำ ได้ออกไข่ ๕ ฟอง ในวันหนึ่ง แม่กาเผือกได้บินออกไปหากินไกลรังมากนัก ตอนนั้นพายุฝนก็ตกลงมา ลมพายุก็มาพัดเอารังของแม่กาเผือกตกลงไปในน้ำ ไข่ได้ไหลไปกับกระแสแม่น้ำ

พอถึงเวลาก็บินกลับมาหารังของตน แต่ไม่เห็นรังและไข่ของตนแล้ว แม่กาเผือกก็โศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก ก็เที่ยวบินตามหาไข่ทั้ง ๕ ฟอง ตามแม่น้ำ ซอกหินผา และป่าไม้หลายแห่งก็ไม่พบ แม่กาเผือกก็บินตามหาถึงในป่าใหญ่ก็ไม่พบ และบินวนไปวนมาหลายรอบ จนผ่านมาเข้าบ้านเมืองต่างๆ ก็ไม่เจอ

คนโบราณได้เล่าสืบกันมาว่า แม่กาเผือกได้บินตามหาไข่ของตน จนหลงเข้าไปในเมืองหนึ่งและก็บินไปเรื่อยๆ ซึ่งเมืองนั้นปัจจุบันก็มีชื่อเรียกว่า เวียงกาหลง และแม่กาก็บินมาถึงดอยลูกหนึ่ง ด้วยความเหนื่อยและหิวน้ำ แม่กาเผือกก็บินลงจับบนก้อนหินก้อนหนึ่ง

และก็บินลงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของหินก้อนนั้น จะมีน้ำไหลออกมาจากซอกเขา แม่กาเผือกก็ได้ก้มดูดกินน้ำ พอหายกระหายน้ำแล้ว เวลานั้นเป็นเวลาใกล้ค่ำ แม่กาก็บินขึ้นไปสู่ยอดเขาทิศตะวันตก ก็ไปพักนอนอยู่บนเขาลูกนั้น ซึ่งปัจจุบันนี้ บ่อน้ำที่ไหลออกมาจากซอกเขาก็ยังมีน้ำอยู่ ชาวบ้านก็ใช้ดื่มกินกันทุกวันนี้

และเขาที่แม่กาเผือกพักนอนอยู่นั้น ในปัจจุบันนี้ก็มีนกอีกาจำนวนมากได้มานอนอยู่บริเวณดอยลูกนี้ พอตอนเช้าก็บินออกหากิน พอถึงเวลาตอนเย็น พวกนกอีกาก็จะบินวนส่งเสียงร้องอยู่บนยอดดอย บางวันก่อนหากินก็จะบินวนยอดเขาเสียก่อน แล้วค่อยออกหากิน ดูแล้วเหมือนว่าพวกมันจะบินประทักษิณรอบบนยอดดอย เพื่อเป็นการระลึกถึงแม่กาเผือก

บางครั้งชาวบ้านก็จะเห็นดวงพระธาตุแสงสีทองลอยขึ้นกลางอากาศในเวลากลางคืนตรงกับยอดดอยลูกนี้

การดำเนินการก่อตั้งวัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) โดยการนำของหลวงปู่ครูบาแก้ว วัดทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน พร้อมคณะศิษยานุศิษย์และชาวบ้าน ได้ช่วยกันแผ้วถาง ประมาณปี พ.ศ.๒๕๔๒ จึงได้จัดงานประเพณีสรงน้ำรอยพระบาทในวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙ เหนือของทุกปี และท่านได้เริ่มสร้างศาลา กุฏิ พระธาตุเจดีย์ และห้องน้ำขึ้นจนเสร็จ

ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๕๓ สวาตุ๊เจ้าหล้า (พระพัฒนกรณ์ กิตติปัญโญภิกขุ) พร้อมด้วยพระภิกษุสามเณร ได้มาอยู่จำพรรษาปฏิบัติพัฒนาสานงานต่อหลวงปู่ครูบาแก้ว ในปีนั้นเองสวาตุ๊เจ้าหล้าก็ได้นิมิตว่ายังมีรอยพระบาทตีนนกอีกรอยหนึ่ง ซึ่งถูกฝังอยู่ในดิน สวาตุ๊เจ้าหล้าก็ได้พาพระภิกษุสามเณรและชาวบ้านออกค้นหาตามนิมิต

ประมาณปลายปี พ.ศ.๒๕๕๓ ก็ได้ค้นพบรอยพระบาทตีนนกรอยใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากรอยเดิมประมาณ ๑๐๐ เมตร สวาตุ๊เจ้าหล้าก็ได้อธิษฐานดูว่าเป็นรอยนกอะไร ปรากฏว่าเป็นรอยของพญาหงส์คำ เป็นพระชาติในอดีตของพระพุทธเจ้าของเราที่เคยเสวยชาติเป็นพญาหงส์คำที่อาศัยอยู่บนเขาลูกนี้

และเมื่อได้ไปกราบเรียนถามพระครูบาเจ้าเทือง นาถสีโล วัดบ้านเด่น (วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน) จังหวัดเชียงใหม่ ท่านก็ได้เล่าว่า ชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้าเคยเสวยชาติเป็นพญาหงส์คำอาศัยอยู่แถวนี้ เพื่อบำเพ็ญเพียรบารมีธรรม ดังมีประวัติตำนานเล่าไว้คือ

ในครั้งก่อนโน้น มีพญาหงส์คำตัวหนึ่งชื่อว่า ธตรฐ มีหงส์ ๙๖,๐๐๐ ตัว เป็นบริวาร อาศัยอยู่ที่ถ้ำทองคำป่าหิมพานต์ ก็มีหงส์เสนาบดีตัวหนึ่งชื่อว่า สุมุขะ อยู่มาคราวหนึ่ง มีหงส์คำที่เป็นบริวารไปพบสระบัวใกล้เมืองสาครนคร จึงมาแจ้งแก่พญาหงส์ธตรฐ

พญาหงส์ธตรฐจึงห้ามว่า ขึ้นชื่อว่าถิ่นของมนุษย์ย่อมมีภัยมาก พวกท่านอย่าพอใจไปเลย แต่พวกบริวารได้อ้อนวอนหลายหน พญาหงส์ธตรฐก็ทนอ้อนวอนไม่ได้ จึงนำบริวารบินลงไปที่สระนั้น แต่เผอิญพญาหงส์ธตรฐได้ไปติดบ่วงของนายพราน พวกหงส์บริวารทั้งหลายได้พากันแตกหนีเสีย มีแต่หงส์สุมุขะเสนาบดียอมสละชีวิตอยู่เป็นเพื่อน

เมื่อนายพรานไปถึง จึงถามหงส์ที่ไม่ได้ติดบ่วงขึ้นว่า เหตุไรเจ้าจึงไม่ได้บินหนี ฝ่ายหงส์สุมุขะเสนาบดีจึงตอบว่า เพราะหงส์ที่ติดบ่วงอยู่นี้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้า นายพรานจึงว่า ธรรมดาผู้เป็นเจ้านายย่อมมีความรอบคอบ เหตุไรนายของเจ้าจึงไม่มีความรอบคอบมาติดบ่วงของเรา

หงส์เสนาบดีตอบว่า จะมีความวิบัติในคราวใด คราวนั้นถึงมีปัญญาก็เหมือนกับไม่มีปัญญา ถึงจะเข้าใกล้ข่ายใกล้บ่วงก็ไม่รู้ได้ นายพรานได้ฟังก็ใจอ่อนลง หงส์สุมุขะเสนาบดีจึงขอชีวิตนายไว้ นายพรานก็แก้บ่วงออกจากเท้าพญาหงส์ พญาหงส์จึงให้นายพรานพาไปถวายพระเจ้าแผ่นดิน เพื่อจะให้พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานรางวัลแก่นายพราน

นายพรานจึงนำพญาหงส์ไปถวายพระเจ้าแผ่นดิน เมืองสาคระ คือเมืองสาคร และทูลเล่าเหตุการณ์ถวาย พญาหงส์คำได้แสดงธรรมถวายแก่พระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงโปรดปรานมาก ได้พระราชทานรางวัลเป็นอันมากแก่นายพราน แล้วปล่อยพญาหงส์กับหงส์เสนาบดีกลับไป

มาชาติสุดท้าย นายพราน ได้มาเกิดเป็นนายฉันนะอำมาตย์ หงส์สุมุขะเสนาบดี ได้มาเกิดเป็นพระอานนท์ และพญาหงส์ธตรฐ ก็ได้มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า

--------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : เอกสารประวัติวัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ))


IMG_9051.JPG



IMG_8895.JPG



IMG_8904.JPG



หลังจากนั้น เราเดินย้อนกลับทางเดิมไปนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์และรอยมือ-รอยเท้าพระอรหันต์กันต่อเลยนะคะ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_9066-1.jpg



IMG_9055.jpg



IMG_9059.JPG



IMG_9064.JPG



รอยเท้าพญาหงส์โพธิสัตว์ (รอยพระบาทตีนนก) วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)

ป็นรอยเท้าที่พระพุทธเจ้าทรงเหยียบประทับไว้บนก้อนหิน เมื่อครั้งพระพุทธองค์เสวยพระชาติเป็นพญาหงส์โพธิสัตว์ ที่อาศัยอยู่บนเขาลูกนี้ ค้นพบโดย สวาตุ๊เจ้าหล้า (พระพัฒนกรณ์ กิตติปัญโญภิกขุ) เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๓ ปัจจุบันทางวัดได้ทาสีทองทับรอยเดิมแล้ว


IMG_9066k.jpg



ประวัติการค้นพบรอยเท้าพญาหงส์โพธิสัตว์  

วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)



ในปี พ.ศ.๒๕๕๓ สวาตุ๊เจ้าหล้า (พระพัฒนกรณ์ กิตติปัญโญภิกขุ) พร้อมด้วยพระภิกษุสามเณร ได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) และปฏิบัติพัฒนาสานงานต่อจากหลวงปู่ครูบาแก้ว วัดทุ่งหัวช้าง อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน

ในปีนั้นเอง สวาตุ๊เจ้าหล้าก็ได้นิมิตว่ายังมีรอยพระบาทตีนนกอีกรอยหนึ่ง ซึ่งถูกฝังอยู่ในดิน สวาตุ๊เจ้าหล้าจึงได้พาพระภิกษุสามเณรและชาวบ้านออกค้นหาตามนิมิต ประมาณปลายปี พ.ศ.๒๕๕๓ ก็ได้ค้นพบรอยพระบาทตีนนกรอยใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากรอยเดิมประมาณ ๑๐๐ เมตร

สวาตุ๊เจ้าหล้าก็ได้อธิษฐานดูว่ารอยเท้าของนกที่พบเป็นรอยนกอะไร ปรากฏว่าเป็นรอยเท้าของพญาหงส์คำ เป็นพระชาติในอดีตของพระพุทธเจ้าที่เคยเสวยชาติเป็นพญาหงส์คำที่อาศัยอยู่บนเขาลูกนี้

--------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : เอกสารประวัติวัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ))


IMG_9118.JPG



ทางไปนมัสการรอยเท้าแม่กาเผือก วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) อยู่ห่างจากรอยเท้าพญาหงส์โพธิสัตว์ประมาณ ๑๐๐ เมตร


IMG_9104.jpg



IMG_9082.jpg



IMG_9098.jpg



IMG_9085.jpg



ก้อนหินประทับรอยเท้าแม่กาเผือก วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)

ประดิษฐานตั้งอยู่ที่เชิงดอยวัด เป็นก้อนหินขนาดใหญ่ มีสภาพลาดเอียง ด้านหน้าจะมีก้อนหินเล็กกั้นอาณาเขตล้อมไว้


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_8891.JPG



ทางไปนมัสการรอยเท้าแม่กาเผือกและรอยเท้าพญาหงส์โพธิสัตว์ วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) ไปทางศาลาหอฉันรัตนสารพิพัฒน์


IMG_9135.jpg



IMG_9124.JPG



IMG_9049.jpg



เดินไปตามทางอีกประมาณ ๔๐๐ เมตร ถึงก้อนหินประทับรอยเท้าพญาหงส์โพธิสัตว์


IMG_9061.jpg



IMG_9054.jpg



IMG_9064.jpg



ก้อนหินประทับรอยเท้าพญาหงส์โพธิสัตว์ วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_8820.JPG



IMG_8849.JPG



บันไดทางขึ้นนมัสการพระเจ้าทันใจ (บันไดสวรรค์) วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง พ.ศ.๒๕๕๗


IMG_8856.JPG



IMG_8876.JPG



IMG_8873.JPG



IMG_8881.JPG



พระเจ้าทันใจ วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_8801.1.JPG



การเดินทางไปวัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)


ใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๖ (ลำพูน-ลี้) โดยมีเส้นทางแยกเข้าสู่อำเภอทุ่งหัวช้าง ๒ เส้นทาง ดังนี้


๑. เข้าทางแยกแม่เทย ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒๑๙ (บ้านแม่เทย-ทุ่งหัวช้าง)


๒. เข้าทางแยกแม่อาว ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๑๘๔ (บ้านแม่อาว-ทุ่งหัวช้าง) ประมาณ ๖๒ กิโลเมตร ถึงวัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)



IMG_8813.jpg



วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) ตั้งอยู่ที่บ้านสันดอนมูล หมู่ที่ ๑๑ ตำบลทุ่งหัวช้าง อำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน


IMG_8813.4.jpg


ปูชนียสถานปูชนียวัตถุวัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ)

๑. พระบรมธาตุเจดีย์

๒. รอยเท้าแม่กาเผือก

๓. รอยเท้าพญาหงส์โพธิสัตว์ (รอยพระบาทตีนนก)

๔. พระเจ้าทันใจ

๕. รอยมือ-รอยเท้าพระอรหันต์

๖. อนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย

๗. ศาลาศรีวิชัยยาธรรมานุสรณ์
๘. ศาลาหอฉันรัตนสารพิพัฒน์
๙. กุฏิสงฆ์หลังเก่า
๑๐. กุฏิสงฆ์ (โฮงหลวงพัฒนาเลิศสิริ)
๑๑. หอฉันเจ
๑๒. โรงครัว ๒ หลัง

๑๓. ธนาคารข้าวเปลือก
๑๔. ห้องน้ำ ๒๗ ห้อง



IMG_8800.JPG



IMG_8805.JPG



IMG_8817.JPG



ทางเข้า วัดดอยพระบาทตีนนก (หงส์คำ) อยู่ติดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๑๘๔ (บ้านแม่อาว-ทุ่งหัวช้าง) กิโลเมตรที่ ๖๒ ระยะทางประมาณ ๖๐๐ เมตร


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-28 03:36 , Processed in 0.066303 second(s), 16 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.