แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 13887|ตอบ: 23
go

วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ม.๘ ต.นาทราย อ.ลี้ จ.ลำพูน [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

IMG_3959.1.JPG



วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

ม.๘ ต.นาทราย อ.ลี้ จ.ลำพูน

[รอยพระพุทธบาท , พระบรมธาตุเจดีย์ ,

พระบาทกบ , วัดพระครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา]

----------------------


(แก้ไขข้อมูลล่าสุด : 15 กุมภาพันธ์ 2567)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_3805.JPG



กองอำนวยการ (ติดต่อสอบถาม) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


IMG_4444.JPG



สถานที่เช่าบูชาวัตถุมงคลครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาและสหกรณ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


IMG_4435.JPG



IMG_1642.JPG



ข้อกำหนดการอยู่ร่วมกันของชุมชนห้วยต้ม

๑. ห้ามเลี้ยงสัตว์ ห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามนำเนื้อสัตว์มาจำหน่าย จ่ายแจกในหมู่บ้าน วัด และสถานที่ต่างๆ

๒. ห้ามจำหน่าย จ่ายแจก เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และของมึนเมาทุกชนิด


๓. ห้ามจัดเลี้ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และของมึนเมาทุกชนิด ในงานเทศกาลและงานบุญต่างๆ


๔. ต้องรักษาความสงบ ไม่รบกวนเพื่อนบ้าน ไม่ลักขโมย ไม่ทะเลาะวิวาท


๕. ต้องรักและซื่อสัตย์ ต่อคนในครอบครัว


๖. ผู้ที่อยู่ในชุมชนห้วยต้ม ควรเข้าวัด รักษาศีล ภาวนา บำเพ็ญสาธารณประโยชน์สม่ำเสมอ และไม่เป็นปฏิปักษ์ ต่อการเผยแพร่ศาสนา



IMG_4241.jpg



การเดินทางมาวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ขอจบการเดินทางด้วยภาษิตหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา จากหนังสือพระชัยวงศาปูชนียาลัย สวัสดีค่ะ


IMG_3993.5.JPG



ภาษิตพระครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา


อยากไปเร็วให้ไปตามเต่า  อยากไปช้าให้ไปตามอีเก้ง


ความหมาย คือ การที่จะสร้างสมบารมีหรือความดีนั้น ต้องค่อยๆ สร้างไปเรื่อยๆ ค่อยทำค่อยพิจารณาอย่าเร่งรีบ ไปช้าๆ แต่มั่นคงเหมือนกับเต่าเดิน จะต้องถึงจุดหมายปลายทางอย่างแน่นอน


ถ้าทำอย่างรีบร้อน เหมือนกับอีเก้งที่จะไปที่ใดต้องกระโดดไป ไปได้ไม่ไกลนักแรงก็หมด เพราะการสร้างบารมีให้ถึงที่สุดคือพระนิพพานนั้น เป็นระยะทางอันยาวนานไม่สามารถที่จะประมาณได้



จาก…หนังสือพระชัยวงศาปูชนียาลัย


011238niilv2rzt8ciui8u.png




ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับข้อมูลจาก :
        • วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน   
        •
พระอ่อนแก้ว ชัยยะเสโน, พระพงษ์ศักดิ์ คัมภีรธัมโม และคุณธนกร สุริยนต์. (๒๕๔๔, ๑ พฤษภาคม). ชัยวงศาปูชนียาลัย (พิมพ์ครั้งที่ ๑). กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัด ป. สัมพันธ์พาณิชย์.
        • นาคฤทธิ์ รวบรวมชำระสะสาง (๒๕๔๐-๒๕๔๕). (๒๕๔๕, ตุลาคม). พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับชำระสะสาง (พิมพ์ครั้งที่ ๑). เชียงใหม่ : ลานนาการพิมพ์.

**หมายเหตุ :


ท่านใดประสงค์จะนำรูปภาพหรือเนื้อหาบทความไปใช้ประโยชน์ที่อื่น สามารถนำไปใช้ได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาตจากข้าพเจ้าก่อน


และได้โปรดกรุณาให้เครดิตอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่มา : เว็บแดนนิพพาน และกรุณาอย่าลบหรือครอบตัดเครดิตแหล่งที่มาบนรูปภาพ “Photo by Dannipparn.com”


(ป.ล. หากว่ากระทู้บทความนี้ มีข้อผิดพลาดประการใด ข้าพเจ้าต้องขออภัยในความผิดพลาดต่างๆ ในฐานะปุถุชนที่ย่อมทำผิดและถูกสลับกันไปไว้ ณ ที่นี้ด้วย และจะนำไปปรับปรุงแก้ไขในครั้งต่อไป)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_4529.JPG



อนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาและพระฤาษี ประดิษฐานอยู่กลางสระน้ำ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม



IMG_4537.JPG



IMG_4526.JPG



อนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา ประดิษฐานอยู่กลางสระน้ำ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


IMG_4534.JPG



รูปปั้นพระฤาษี อยู่กลางสระน้ำ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม



IMG_4451.JPG



IMG_4453.JPG



IMG_4456.JPG



IMG_4458.JPG



ศาลาทรงไทย วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

เป็นศาลาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุ ๘๐ พรรษา สัญลักษณ์สถานการเสด็จพระราชดำเนินมาทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ที่จังหวัดลำพูน ณ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน


IMG_4524.JPG



IMG_4539.JPG



สระน้ำ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_4333.JPG



IMG_4462.JPG



DSC01341.JPG



IMG_4466.JPG



IMG_4336.JPG



อนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา ประดิษฐานบริเวณพระบาทกบ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


DSC01340.JPG



คำไหว้หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
(นะโม ๓ จบ แล้วว่า) สาธุ อะหัง นะมามิ พระชัยยะวงศาภิกขุ อะริเยนะ อังคะละ วิชัยโย บัณฑิตโต๋ ทะสะปาระมีโย ทะสะอุประปาระมีโย ทะสะ ปะระมัตถะปาระมีโย กะตังปุญญังโน เมนาโถ เมนาถัง สิระสา นะมามิฯ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_4479.JPG


IMG_4507.JPG


IMG_4486.JPG


IMG_4513.JPG


DSC01330.JPG


DSC01331.JPG



พระบาทกบ ประดิษฐานภายในมณฑปพระบาทกบ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม



IMG_4482.JPG



IMG_4484.JPG



IMG_4487.JPG



พระบาทกบ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


เมื่อครั้งก่อนพุทธกาล ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓) ในภัทรกัป (พระพุทธเจ้าองค์ก่อนพระสมณโคดมหรือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)


ในระยะนั้นมีพระมหาเถรเจ้าองค์หนึ่ง ได้ธุดงค์มาถึงสถานที่แห่งนี้ มาหยุดพักอยู่พี่พระบาทกบในปัจจุบัน และได้อธิษฐานเอาเท้าเหยียบไว้บนหลังพญากบโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมี ซึ่งได้ละสังขารลงในขณะที่กำลังฟังธรรมพระมหาเถระสวดอยู่สถานที่นี้ ห้เป็นรอยพระบาทไว้ เพื่อให้เป็นอนุสรณ์ต่อไปเบื้องหน้า (ปัจจุบันคือสถานที่ตั้งของพระบาทกบ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม)



DSC01375.JPG



คำนมัสการรอยพระบาทพระมหาเถระ

(ว่านะโม ๓ จบ) สาธุ สาธุ สาธุ อะหังนะมามิ พระอะระหันต๋าเถระ บาทะ วะรัง สิระสา นะมามิ



IMG_4481.JPG



ประวัติพระบาทกบ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม



ในสมัยอดีตกาลนานโพ้น ในยุคที่ พระพุทธตัณหังกะโร ได้มาตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (ก่อนพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ย้อนไป ๒๘ พระองค์) มีเด็กชายพี่น้อง ๔ คน เป็นคนยากจน กำพร้าพ่อแม่ ตั้งแต่ยังเล็กๆ ด้วยกัน จึงต้องหาอาชีพรับจ้างทั่วไป เพื่อหาเลี้ยงปากท้องไปวันๆ บางวันก็ไม่ค่อยพอ กินไม่ค่อยอิ่ม

เด็กชายพี่น้อง ๔ คน ต่างก็รับจ้างเป็นคนเลี้ยงควาย ให้กับนายบ้าน (ผู้ใหญ่บ้าน) ผู้มีฐานะคนหนึ่งเป็นประจำ พวกเขาจะต้อนควายฝูงใหญ่ให้หากินหญ้าตามประสาที่กลางทุ่งแห่งหนึ่ง ส่วนพวกเขาก็จะไปหลบพักนั่งหลบแดดอยู่ภายใต้ร่มไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง คือ “ต้นทองกวาว” ในขณะที่นั่งพักก็จะเฝ้าดูควายไปด้วย พอตกเย็นก็ช่วยกันต้อนควายเหล่านั้นกลับเข้าคอก จะกระทำเช่นนี้อยู่ทุกวันเป็นประจำ

วันหนึ่งประมาณเที่ยงวัน ขณะที่พวกเขา ๔ พี่น้อง นั่งหลบแดดเฝ้าดูควายอยู่ภายใต้ร่มต้นทองกวาวอยู่นั้น ก็นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย ในที่สุดก็เลยถามกันเองว่า “พวกเรา ๔ พี่น้องนี้ ใครปรารถนาอยากจะเป็น อยากจะได้อะไรบ้าง ใครนึกอยากจะมีอะไร ทำอะไรก็ให้บอกมา”


โดยพวกพี่ทั้ง ๓ คน ได้พูดถามกับน้องคนสุดท้องว่า
“น้องล่า..จะเป็นอะไร อยากได้อะไร อยากจะเป็นเจ้านาย เศรษฐีร่ำรวยมีข้าวของ เงินทอง หรืออยากได้อะไรให้พูดมาเลย”

น้องล่า ก็มานั่งคิดพิจารณาว่าจะเป็นอะไรดี จะเป็นเจ้าบ้านเจ้าเมืองก็มีความทุกข์ ปัญหามาก เป็นคนมั่งมีข้าวของเงินทองก็ทุกข์ ต้องคอยระวังรักษา เป็นเจ้าลูก-เจ้าเมียก็ทุกข์ อันใดก็ทุกข์ทุกอย่าง ไม่เห็นดี ไม่เป็นสุขโดยตลอดเลย สู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าดีกว่า จะได้พ้นทุกข์ มีสุขอย่างแท้จริง จึงได้กล่าวตอบพวกพี่ๆ ไปว่า “พี่ของข้าทั้ง ๓ เอ๋ย! ตัวข้าปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเดียว”

แล้วน้องล่าก็ถามกลับยังพี่ชายคนที่ ๓ ว่า
“แล้วอ้ายล่ะ! ปรารถนาอะไร อยากเป็นอะไร อยากได้อะไร”

พี่คนที่ ๓ ก็ว่า

“ถ้าน้องปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ตัวอ้ายก็ปรารถนาจะเอาขี้บูชา”

น้องล่าก็ว่า
“ดีแล้ว...ถ้าอ้ายปรารถนาอย่างนี้”

หลังจากนั้นน้องล่าก็ถามพี่ชายคนที่ ๒ ว่า
“อ้ายล่ะ! ปรารถนาอยากได้อะไร อยากเป็นอะไร ขอให้บอกแก่น้องด้วย”

พี่คนที่ ๒ ก็ตอบว่า
“ถ้าน้องปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า อ้ายก็ปรารถนาจะถอนขนที่ก้นบูชา”

น้องล่าก็ว่า
“ดีแล้ว! อ้ายปรารถนาอย่างนั้นดีแล้ว”


พี่ชายคนโต เมื่อได้ยินน้องรองทั้งสองกล่าวคำปรารถนาเช่นนั้นต่อน้องสุดท้อง ก็ไม่พอใจ จึงได้กล่าวดุด่าน้องทั้งสองว่า  “พวกสูนี่โง่เง่าหรืออย่างไร น้องปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า แต่สูทั้งสองกลับจะเอาของไม่ดีไปบูชา สูนี่แย่ โง่เง่าเต่าตุ่น ที่ถูก เราควรปรารถนาอย่างน้องล่าดีกว่า” พี่น้องทั้ง ๔ พูดกันแค่นี้แล้วก็เลิกกันไป

เวลาผ่านไป จนพี่คนโตถึงแก่กรรม ก็ได้ไปเกิดเป็น พญากบ เฝ้ากอดอกบัวอยู่ น้องคนที่สอง เมื่อถึงแก่กรรมก็ไปเกิดเป็น พญานกยูง น้องคนที่สาม ถึงแก่กรรมตามอายุขัย ก็ไปเกิดเป็น พญาผึ้ง ส่วนน้องคนสุดท้องปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า เมื่อถึงแก่กรรมก็ไปเกิดเป็นผู้มีศีล มีสัตย์ มีเมตตาและได้เกิดเป็น หน่อพุทธางกูรมาทุกชาติ จนเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน


ส่วนพี่ๆ ทั้ง ๓ คน ก็ได้บำเพ็ญบารมีเพื่อจะได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆ ไป ในอนาคตกาลตามวิถีแห่งความปรารถนาในภายหลัง ผลแห่งการตั้งจิตปรารถนาอะไร อย่างไรไว้ ก็ต้องเป็นไปตามผลแห่งความปรารถนาตามนั้น

น้องคนสุดท้อง ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ก็ต้องมีความอุตสาหะ วิริยะ บำเพ็ญบารมี สร้างสมคุณงามความดี เป็นเวลาถึง ๔ อสงไขยแสนกัป จึงได้เป็นพระพุทธเจ้าตามความปรารถนา

ส่วนพี่คนที่ ๓ ที่ปรารถนาจะเอาขี้บูชา ก็ได้เป็นพญาผึ้ง ซึ่งคนทั้งหลายจะนำเอาขี้ผึ้งมาทำเป็นเทียน เพื่อจุดบูชาพระพุทธรูป หรือพระธาตุเจดีย์วิหาร เป็นปูชนียวัตถุแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ส่วนคนที่ ๒ ที่ปรารถนาจะเอาขนที่ก้นบูชาพระพุทธเจ้า ก็ได้มาเกิดเป็นพญานกยูง ซึ่งพุทธบริษัทได้นำเอาขนหางที่สวยงามมาทำเป็นพัดและเครื่องประดับ เพื่อใช้บูชาในพิธีทางศาสนาต่างๆ

ส่วนผลกรรมของพี่ชายคนโตที่ว่า “น้อง ๒ คน โง่เง่า” ทำให้เกิดมาเป็นพญากบ เฝ้าดอกบัวอยู่ โดยไม่รู้คุณค่าของดอกบัว และยังติดตามมาในชาติต่อๆ มา แม้เมื่อมาเกิดเป็นกษัตริย์ บริวารของท่านก็ใช้คำพูดไม่ดีเป็นอาจิณกรรม คือชอบว่าผู้อื่น “โง่ เซ่อ” เป็นประจำ

ฝ่ายพญานกยูง ซึ่งเป็นน้องคนที่ ๒ เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ บริวารของท่านคือ พม่าและไทใหญ่ ซึ่งมีนิสัยใช้ผ้าโสร่งที่ปกปิดก้นเอามาเช็ดหน้า เอามาหนุนนอน เช่นเดียวกับนกยูงซึ่งถือหางเป็นสำคัญ

ส่วนพญาผึ้ง ซึ่งเป็นน้องคนที่ ๓ เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์อีก บริวารของท่านคือ พวกกะเหรี่ยง พวกละว้า พวกชาวเขาเผ่าต่างๆ พวกนี้มีอาจิณกรรม คือ มีนิสัยนุ่งผ้าแล้วไม่ยอมซัก นุ่งจนผุจนขาด ถ้วยไหตะไลชามของใช้ก็ไม่ยอมล้าง ตัวก็ไม่ใคร่จะอาบน้ำ ขี้ไคลพอกอยู่หนา แทบจะเอามาปั้นเป็นก้อนเหมือนขี้ผึ้งได้ คล้ายๆ กับผึ้งที่สะสมขี้เอาไว้ฉะนั้น

อาจจะกล่าวได้ว่า อุปนิสัยของแต่ละบุคคล แต่ละเชื้อชาติ ย่อมสืบทอดสะสมกันมาเป็นอเนกชาติ ยากที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ในชาติปัจจุบัน แม้แต่พระอัครสาวกก็ไม่เว้น จะมียกเว้นแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น


DSC01333.JPG



ขอย้อนกล่าวถึงพี่ชายคนโต ซึ่งมาเกิดเป็นพญากบ ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระพุทธกัสสป” (พระพุทธเจ้าองค์ก่อนพระสมณโคดม) ในระยะนั้นมีพระมหาเถรเจ้าองค์หนึ่ง ธุดงค์มาที่วัดพระบาทห้วยต้ม มาหยุดพักอยู่พี่พระบาทกบในปัจจุบัน

ท่านได้สวดพระอภิธรรมและมาติกา ณ ที่นั้น ขณะเดียวกันพญากบได้ออกจากฝั่งแม่น้ำระ เข้ามาใกล้พระมหาเถระ พญากบก็ได้ยินเสียงพระมหาเถรเจ้าสวดอยู่ก็ยินดีนั่งฟัง เข้าใจว่าเสียงนี้เป็นเสียงของพระพุทธเจ้า พญากบตั้งสตินั่งฟังอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

DSC01335.JPG



ในขณะที่พระมหาเถรเจ้ายังสวดไม่จบ ก็มีหมอพรานปลาผู้หนึ่ง ซึ่งหากินด้วยการหาปลา นำเอาเหล็กแหลมสำหรับแทงตะพาบน้ำมาด้วย เมื่อเดินมาพบพระมหาเถรเจ้ากำลังสวดอยู่ แต่ไม่เห็นพญากบที่กำลังฟังธรรมอยู่นั้น หมอพรานปลาผู้นั้นก็เอาเหล็กแหลมที่ถือมานั้นทิ้ง (ปัก) ลงไปถูกพญากบโดยไม่ตั้งใจ

ส่วนพญากบนั้นถูกเหล็กแหลมแทงตัวก็ยังไม่รู้สึกตัว เพระฟังพระสวดเพลินอยู่ ส่วนพรานปลาผู้นั้นก็น้อมตัวเข้าไปใกล้พระมหาเถรเจ้า นั่งลงคุกเข่าไหว้ แล้วก็ฟังเทศน์ที่นั่นจนพระมหาเถระเทศน์จบ


เมื่อจบแล้วก็ไหว้พระมหาเถระ แล้วก็กลับหลังออกมาเอาเหล็กแหลมที่ปักไว้ ก็เห็นเหล็กแหลมแทงใส่พญากบก็ถอนออก แล้วร้องว่า “โอ้หนอ...เหล็กนี่แทงถูกกบตายเสียแล้ว”

ส่วนพระมหาเถระได้ยินเสียงหมอพรานร้องอย่างนั้น ก็เข้ามาใกล้ที่หมอพรานแทงพญากบ และบอกว่า “อ้าว...หมอพรานทำไมแทงใส่กบ กบนี้ไม่ใช่กบธรรมดาสามัญ เป็นพญากบตัววิเศษ มันดักนิ่งฟังธรรมอยู่”
        
หมอพรานก็บอกพระมหาเถรเจ้าว่า “ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ากบอยู่ที่นี่ ข้าก็เอาเหล็กแหลมนี่ทิ้งลงไปซ่อนไว้ที่นี่ เพื่อจะไปฟังธรรมที่ท่านเทศน์อยู่ เพราะจะเอาเหล็กแหลมนี่ไปด้วย ก็ไม่สมควรที่จะนำไปฟังเทศน์ ข้าพเจ้าก็เลยเอาทิ้งไว้นี่ เพราะไม่รู้ว่ากบอยู่ที่นี่”

DSC01336.JPG



พระมหาเถระก็สงสารพญากบตัวนั้น จึงตั้งสัจจะอธิษฐานเอาเท้าเหยียบหลังกบ ให้เป็นรอยพระบาทไว้ เพื่อให้เป็นอนุสรณ์ต่อไปเบื้องหน้า

ส่วนพญากบ ขณะที่ถูกแทงก็ไม่รู้ตัวว่าตาย เมื่อรู้ตัวก็กลายเป็นเทพบุตรอยู่ชั้นฟ้าดาวดึงส์ อยู่ปราสาทสูง ๑๒ โยชน์ กว้าง ๑๒ โยชน์ มีเทพยดาทั้งหลายเป็นบริวารอยู่มากมายหลายโกฏิ

เนื่องจากผลบุญกุศลที่พญากบได้ตั้งใจฟังเทศน์อยู่นั้น ทำให้พญากบได้ไปเกิดชั้นดาวดึงส์ เป็นเทพอยู่ชั้นฟ้า ๗ ชาติ ตายจากชั้นฟ้าก็ลงมาเกิดเป็นมหาเศรษฐีอยู่ในมนุษยโลก ได้เป็นใหญ่ในบรรดาเศรษฐีทั่วไป มีนามว่า เมนดะกะมหาเศรษฐี

ต่อจากนั้นมาก็ได้มาเกิดเป็นเจ้าพระยามหากษัตริย์อีกหลายชาติ และท่านเมนดะกะมหาเศรษฐีนี้ ก็จะได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในภายหน้า ในขณะที่ยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้านี้ ก็ยังเป็นหน่อพุทธางกูร บำเพ็ญบารมีอยู่ทุกชาติ จนกว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า

ฉะนั้น พวกเราพุทธบริษัททั้งหลาย จึงควรเอานิสัยพญากบที่ได้ฟังเทศน์อย่างตั้งใจจนได้เป็น เมนดะกะมหาเศรษฐี


ส่วนพญาผึ้งและพญานกยูง ท่านก็เป็นหน่อพุทธางกูร บำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศ ไปทุกชาติ จนกว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลก อีกองค์หนึ่งในภายหน้า

กล่าวกันว่าพี่ชายคนที่สองในอดีตชาติ ได้เกิดเป็นพระภิกษุในประเทศพม่า มีนามว่า พระอนันตยา ซึ่งเป็นพระภิกษุรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพรักของชาวพม่าและมอญ รวมทั้งไทใหญ่โดยทั่วไป

DSC01337.1.JPG



ส่วนพี่ชายคนที่สามนั้น ต่อมาในสมัย พระพุทธเจ้ากกุสันธะ ก็ได้เกิดเป็น พญากวาง


----------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : พระอ่อนแก้ว ชัยยะเสโน, พระพงษ์ศักดิ์ คัมภีรธัมโม และคุณธนกร สุริยนต์. (๒๕๔๔, ๑ พฤษภาคม). ชัยวงศาปูชนียาลัย (พิมพ์ครั้งที่ ๑). กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัด ป. สัมพันธ์พาณิชย์.)

011238niilv2rzt8ciui8u.png


****(หมายเหตุ : สนใจติดตามข้อมูล ตำนานพญากวาง เพิ่มเติมได้ที่ "วัดพระธาตุดอยกวางคำ" เว็บแดนนิพพาน @ http://www.dannipparn.com/thread-1449-1-1.html)

บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_4474.JPG



DSC01327.JPG



มณฑปพระบาทกบ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม



IMG_4520.JPG



IMG_4331.JPG



IMG_4503.JPG



IMG_4518.JPG



ซุ้มพระพุทธรูปทั้ง ๔ ทิศ มณฑปพระบาทกบ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


DSC01338.JPG



IMG_4473.JPG



ศาลาพระบาทกบ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


IMG_4328.JPG



IMG_4325.JPG



เจดีย์องค์เล็ก ประดิษฐานบนศาลาพระบาทกบ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_4339.JPG



DSC01319.JPG



พระพุทธรูปปางประทานพร วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม



IMG_4342.JPG



IMG_4345.JPG



พระพุทธรูปปางมารวิชัย (พระชำระหนี้สงฆ์) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


สร้างถวายโดย พมกพรหม กพรหม พร้อมด้วยบริวาร เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๔


IMG_4319.JPG



รูปปั้นปู่ฤาษีส่างทุมมา (บุญมา) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

ในสมัยพุทธกาลพระฤาษีส่างทุมมา ได้ติดตามพระพุทธเจ้าเสด็จมาถึงสถานที่แห่งนี้ คือวัดพระพุทธบาทห้วยต้มในปัจจุบัน และพระพุทธองค์ก็ได้มอบให้พระฤาษีมีหน้าที่อุปัฏฐากรักษารอยพระบาทของพระพุทธเจ้านี้ไว้เรื่อยๆ


DSC01316.JPG



DSC01317.JPG



ประวัติปู่ฤาษีส่างทุมมา (บุญมา) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม



ปู่ฤาษีส่างทุมมา ท่านเป็นคนเชื้อสายงิ้ว และเป็นหนึ่งในพระฤาษี และชาวบ้านละว้าร่วมกันทูลขอรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาล ตอนเสด็จเมืองลี้

ตามตำนานพระเจ้าเลียบโลก ฤาษีส่างทุมมาท่านเคยมาปฏิบัติธรรม ใต้ต้นมะม่วงป่า ในสถานที่แห่งนี้ ณ วัดพระพุทธบาทห้วยต้มในปัจจุบัน ในสมัยก่อนยังไม่มีวัด ไม่มีกุฏิหรือที่พักอาศัยเลย สถานที่แห่งนี้เป็นป่าอยู่ หลวงปู่ท่านได้ฟังมาจากครูบาอาจารย์ของท่านได้เล่าให้ฟังว่า

มีฤาษีตนหนึ่งได้มาปฏิบัติธรรม ณ สถานที่นี้ เป็นประจำ มีวันหนึ่งฤาษีตนนั้น ได้นอนพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ มีชาวละว้าคนหนึ่งได้มาพบฤาษีนอนอยู่ เลยเกิดความศรัทธาต่อฤาษี อยากจะเอาครัวทานมาถวาย แต่กลัวฤาษีจะหนีเลยเอามีดผ่าสะบ้าเข่าออก แล้วก็กลับไปเอาครัวทานมาเพื่อถวายฤาษี

เมื่อเอาครัวทานมาถึงแล้ว จะเอาครัวทานถวาย แต่ฤาษีตายเสียก่อน ฤาษีตนนั้น เล่ากันว่าคือฤาษีส่างทุมมา เมื่อท่านฤาษีตายแล้ว ก็อยู่รักษารอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า

หมายเหตุ : สาเหตุที่ฤาษียอมตาย เพราะฤาษีได้เห็นถึงจิตอันบริสุทธิ์ ของชาวละว้าคนนั้นที่จะเอาครัวทานมาถวาย แต่ด้วยวิบากกรรมที่เคยทำกรรมต่อชาวละว้าคนนั้นในชาติปางก่อน ฤาษีเลยยอมตายด้วยอาการที่สงบ

-------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : ป้ายประวัติปู่ฤาษีส่างทุมมา (บุญมา)
วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม)


IMG_4340.JPG



IMG_4323.JPG



DSC01324.JPG



DSC01322.JPG



เสื้อวัด (ศาลเจ้าวัดคุ้มบ้านคุ้มเมือง) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_3965.JPG



IMG_4283.JPG



สวนพุทธธรรม วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม



IMG_4285.JPG



พระพุทธรูปปางประทานพรหงายพระหัตถ์ ประดิษฐาน ณ สวนพุทธธรรม วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

สร้างถวายโดย คุณอธิชา ประทุมมินทร์


IMG_4287.JPG



พระคาถาข่ายเพ็ชรพระพุทธเจ้า
ตั้งนะโม ๓ จบ
     ชาโล มหาชาโล ชาลัง มหาชาลัง ชาลิเต มหาชาลิเต ชาลิตัง มหาชาลิตัง
     มุตเต มุตเต สัมปัตเต มุตตัง มุตตัง สัมปัตตัง สุคัง คะมิติ สุตัง คะมิติ มัคคะยีติ
     ทิฏฐิลา ทัณฑะลา โรคิลา กะระลา ทุพพะลา ริตติ ริตติ กิตติ กิตติ
     มิตติ มิตติ จิตติ จิตติ มุตติ มุตติ จุตติ จุตติ ธาระณี ธาระณีติ อิทัง ธาระณะ ปะริตตังฯ



IMG_4302.JPG



IMG_4299.JPG



พระพุทธรูปปางมารวิชัยสีขาว ๒ องค์ ประดิษฐาน ณ สวนพุทธธรรม วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


IMG_4310.JPG



พระพุทธรูปปางนาคปรก ประดิษฐาน ณ สวนพุทธธรรม วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


IMG_4269.JPG



IMG_4273.JPG



IMG_4296.JPG



IMG_4290.JPG



รอยพระพุทธบาทจำลองต่างๆ ประดิษฐาน ณ สวนพุทธธรรม วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


IMG_3970.JPG



ต้นโพธิ์ ณ สวนพุทธธรรม วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


IMG_4280.JPG



รูปปั้นพระฤาษี ผู้ดูแลปกปักรักษาวัด ณ สวนพุทธธรรม วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


IMG_4279.JPG



ศาลเจ้าที่ ณ สวนพุทธธรรม วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


IMG_4306.JPG



ต้นไม้โบราณมีผ้าหลายสีพันรอบต้นไม้ ณ สวนพุทธธรรม วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


IMG_4294.JPG


ทางเดินจงกรม ณ สวนพุทธธรรม วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_4198.JPG



IMG_4205.JPG



ทางไปบ่อน้ำทิพย์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม  



IMG_4238.JPG



DSC01363.JPG



รูปปั้นยักษ์กุมภัณฑ์ ๒ ตน ประดับซุ้มประตูและบันไดทางไปบ่อน้ำทิพย์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม  


IMG_4213.JPG



IMG_4210.JPG



รูปปั้นพญานาค ประดับประตูทางเข้าบ่อน้ำทิพย์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


IMG_4263.JPG



IMG_4224.JPG



บ่อน้ำทิพย์ (น้ำบ่อทิพย์) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม  

อยู่ห่างจากรอยพระพุทธบาท ๑๐ วา เกิดจากเมื่อครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าเอาไม้แทงลงที่พื้น ให้เป็นน้ำบ่อทิพย์ น้ำก็ออกมาเรื่อยๆ ไม่มากไม่น้อย เพื่อให้ฤาษีอุปัฏฐากรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าได้ดื่มกิน


DSC01365.JPG


IMG_4234.JPG



ประวัติบ่อน้ำทิพย์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม  



เมื่อพระพุทธองค์ทรงเทศนาแก่พวกละว้าเสร็จ มีพญาละว้าได้ทูลขอรอยพระพุทธบาท พระพุทธองค์ทรงตรัสให้พวกละว้าไปเอาก้อนหินมาเพื่อที่จะประทับรอยพระพุทธบาทบนก้อนหินนั้น พระพุทธองค์ให้ไปหาน้ำมาล้างก้อนหิน พญาละว้าได้ทูลว่า น้ำไม่มีล้างก้อนหิน

พระพุทธองค์เลยเอาไม้ทิ่มลงพื้นดินมีน้ำออกมา จึงได้เอาน้ำนั้นมาล้างก้อนหิน เพื่อจะประทับรอยพระพุทธบาท พระพุทธองค์ทรงตรัสให้พวกละว้าไปตักน้ำมาล้างก้อนหิน เพื่อจะประทับรอยพระพุทธบาท สถานที่นี้จึงเป็นบ่อน้ำทิพย์ในปัจจุบัน


-------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : ป้ายประวัติบ่อน้ำทิพย์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม)



IMG_4223.JPG


ป้ายขอเชิญดื่มน้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม  

ทางวัดจะต่อน้ำในบ่อน้ำทิพย์มาไว้อำนวยความสะดวกให้ศรัทธาญาติโยมผู้มาเยือนได้ดื่มและประพรมเพื่อความเป็นสิริมงคล และศรัทธาญาติโยมสามารถนำขวดพลาสติกเปล่าเพื่อใส่น้ำมนต์กลับบ้านได้ด้วย



IMG_4236.JPG



หลังจากนั้นเราจะเดินย้อนกลับทางเดิมไปสำรวจภายในวัดพระพุทธบาทห้วยต้มกันต่อนะคะ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_4258.JPG



วิหารพระพุทธไสยาสน์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


จัดสร้างโดย พระครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา (พระครูพัฒนกิจจานุรักษ์) และคณะศิษย์ สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๗



IMG_4246.jpg



IMG_4254.JPG



พระแก้วมรกตจำลอง เครื่องทรงฤดูหนาว ประดิษฐานบริเวณประตูทางเข้าด้านหน้าวิหารพระพุทธไสยาสน์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม



IMG_4096.JPG



หอระฆัง วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


จัดสร้างโดย พระครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา (พระครูพัฒนกิจจานุรักษ์) และคณะศิษย์ สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๘


IMG_4052.JPG



IMG_4353.JPG



เสาล่อฟ้า วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม



IMG_4195.JPG



IMG_4245.1.JPG



IMG_4196.JPG



เรือนาวา หรือเรือสำเภา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม


IMG_4186.JPG



IMG_4202.JPG



ประวัติเรือนาวา หรือเรือสำเภา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม



เรือสำเภา เป็นเรือที่ใช้สำหรับขนส่งสินค้าและส่งผู้คน ไปถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการ สามารถนำพาผู้คนไปถึงฝั่งตามความต้องการ หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา จึงได้สร้างเรือสำเภาลำนี้ขึ้นมา ใช้ในงานทำบุญใหญ่ เช่น งานพิธีชำระหนี้สงฆ์ งานทอดกฐินสามัคคีประจำปี

ในการทำบุญแต่ละครั้ง ชาวบ้านจากทั่วทุกสารทิศ จะมาร่วมทำบุญและนำข้าวสารอาหารแห้ง พืชผักสวนครัวต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน ของใช้ส่วนตัว ยารักษาโรค และปัจจัย ๔ มาใส่ในเรือสำเภาลำนี้

เรือสำเภานี้หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา ท่านได้กล่าวว่า เรือสำเภานี้ เป็นเรือที่นำทาง และส่งให้ผู้คนข้ามไปถึงฝั่งพระนิพพาน ส่งให้เราพบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ ในชีวิต ในปัจจุบันนี้ เรือลำนี้เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ในการทำบุญอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า มหาทานบารมี

----------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : ป้ายประวัติเรือนาวา หรือเรือสำเภา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม)

บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-28 04:49 , Processed in 0.084331 second(s), 16 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.