แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: UMP
go

ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ ณ สวนปฏิบัติธรรมจิตต์ประภัสสร อ.หนองแค จ.สระบุรี [คัดลอกลิงค์]

Rank: 1

"นั่งสมาธิแล้วความจำหาย บางทีพุทธโธก็หาย แต่ก็จะดึงกลับมา จะเดินนั่งนอนยืนมีแต่พุทธโธ ฟังธรรมได้ทั้งคืน จิตของลูกเป็นอะไร แก้ไขอย่างไรค่ะ"

ขณะที่นั่ง พอหายใจเข้าพุท พอหายใจออกโธปุบ ให้ใช้สติสำรวจอาการ 32 ของตัวเอง จากปลายเท้าจรดหัว จากหัวจรดปลายเท้าว่า ยังนั่งตัวตรง ตัวเอน คอก้ม คอหักมั้ย ให้มีสติเห็นสมบูรณ์เหมือนลืมตาอยู่ทุกขณะ แล้วจะไม่มีอาการอย่างนั้น ที่มันวูบหายไปเพราะสมาธิลงลึก แล้วจิตดิ่งลงในสมาธิ สติอ่อนมันเลยวูบหายไปแว่บเดียว เหมือนตัวเองไม่มีตัวไม่มีตน

อย่านั่งนาน ให้นั่งแค่ 10 นาที เดิน 10 นาที ไปจนครบชม. พอสติแก่กล้าขึ้น มีสติสมบูรณ์เมื่อไหร่ นั่งนานก็จะไม่เป็นอาการนั้น ทำถูกแล้ว ไม่ว่าอะไรเกิดขี้น ก็ให้มีสติรู้อยู่กับพุทกับโธ แต่อย่าลืมสำรวจตัวเองอยู่ทุกขณะ รู้ตัวเองทุกขณะ ว่าครบถ้วนบริบูรณ์อยู่ นั่งอยู่ท่าอะไร จิตก็จะไม่ลงลึก เพราะมีสติสมบูรณ์

ที่ฟังธรรมได้ทั้งคืน เพราะจิตมีศรัทธา มีความเลื่อมใสในธรรม จิตมันจดจ่อ ถ้าจิตมาอยู่กับกายก็ให้หยุดฟัง ให้ฟังจิต เอาจิตกับสติมาตั้งอยู่กับตัวเอง จิตจะไม่คล้อยไปกับเสียงธรรม ปฏิบัติให้มากแล้วจะเข้าใจสิ่งที่ฟัง ฟังแค่ 5 นาที แต่เข้าถึงและเข้าใจ ก็มีอานิสงส์มากกว่าฟังทั้งคืน


Rank: 1

"วางเพื่อรู้จักตัวเอง"

บอกกับคุณแม่ว่า....พอเดินจงกรมมากๆ บริกรรมพุทโธในใจไปด้วย นานไปกลับรู้สึกหนวกหูคำว่าพุทโธ ทั้งๆ ที่บริกรรมมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ จะบาปไหม ใจมันรู้แล้วตรงไหนพุธ ตรงไหนโธ มันก็อันเดียวกัน มันอยากรู้เฉยๆ ไม่อยากบริกรรมแล้ว

คุณแม่ท่านบอกว่า...ก็ใจมันไม่เอาแล้ว ก็วางเสีย ให้จับจุดที่เคยพุทโธแทน เรารู้ว่าจังหวะไหน จุดไหนที่เป็นจุดที่เราบริกรรมพุท , โธ ก็ใช้การรับรู้ตำแหน่งนั้นแทนคำว่าพุธ โธ

ทำตามที่คุณแม่แนะนำ คือรับรู้จุดที่เคยพุท โธ เฉยๆ ไม่มีคำบริกรรม แต่พอออกจากทางจงกรม ในชีวิตประจำวันเราก็ยังพุทโธ จะทำอะไรก็คอยพุทโธ คุณแม่ท่านแนะให้ปล่อยในชีวิตประจำวันด้วย เราไม่กล้ากลัวใจไม่สงบ พอมีอารมณ์โกรธขึ้นมา ก็พุทโธทันทีจนติดเป็นนิสัย

คุณแม่ท่านว่า.....บริกรรมมาตั้งนาน แต่ยังไม่ทันอารมณ์ตัวเอง เราต้องแก้ปัญหาให้ถูกจุด แก้กันที่เหตุ บริกรรมแบบนกแก้วนกขุนทอง ไม่มีสติตามรู้ตามเห็นมันจริงๆ ไม่มีปัญญากำกับเห็นโทษเห็นภัยมันจริงๆ มันก็โกรธอยู่อย่างนั้น ถ้ามัวแต่หลบ จะเห็นตัวเองได้ยังไง

2 วันแรกพยายามไม่พุทโธ ตาเห็น หูได้ยิน คิดทันที รู้สึกทันที วุ่นวายไปหมดจนแทบจะทนไม่ได้ เลยรู้ว่าตัวเองยังถูกปรุงแต่งได้ง่าย อะไรเข้ามาก็เอาไม่อยู่ วันที่ 3 จึงค่อยดีขึ้นและก็ดีขึ้นเรื่อยๆ หลายวันผ่านไปใจเริ่มสงบโดยไม่ต้องพุทโธก็ได้ คุณแม่ท่านให้วิ่งเข้าหาอารมณ์ที่เกิดตรงหน้า วิ่งเข้าหาเวทนาที่เกิดขณะนั้น วิ่งเข้าใจที่มันรู้สึกจริงๆ เพื่อจะได้เห็นเหตุจริงๆ ที่ทำให้ใจสับสนวุ่นวาย

พอโกรธต้องทนเห็นมันไหม้ มันเดือด มันร้อนรน มันมอดไหม้จนสุดจะทน อดทนดูเฉยๆ จนมันดับลงเอง เรารู้แล้วว่าถ้าไม่ไปยุ่งกับมัน แต่งโน่น เติมนี่ ทนเอาหน่อย ไม่ถึงนาทีเดี๋ยวมันก็ดับ

เมื่อเห็นอาการตัวเองที่กำลังมอดไหม้อย่างเต็มที่ เราขยาดกลัวอารมณ์เหล่านี้มาก คุณแม่ท่านว่าถ้าไม่เห็นว่ามันเป็นของร้อน เราจะไปรู้โทษของมันจริงๆ ได้อย่างไร พยายามฝึกสติและใช้ปัญญา พาตัวเองอยู่เหนืออารมณ์เหล่านี้ให้ได้แล้วจะไม่ร้อน


Rank: 1


"มีความคิดเกิดขึ้นมากขณะเดินและนั่ง"

ถามคุณแม่ว่า...มีความคิดเกิดขึ้นมากขณะเดินและนั่ง บางทีคิดไปข้างหน้า บางทีคิดไปข้างหลัง ควรทำอย่างไรดี

คุณแม่ท่านบอกว่า...พอมีความคิดเกิดขึ้นก็ให้หยุด เช่นกำลังจะก้าวเท้าลง หากเห็นมันก็หยุดคาอยู่อย่างนั้นเลย พอมันดับเราก็ค่อยไปต่อ

ทำตามที่ท่านบอก เราเห็นสิ่งที่คิดดับลงไป เดี๋ยวมันก็มาอีก เราก็หยุดอีก มันก็ดับลงไปอีก ไปๆมาๆอยู่อย่างนี้ สู้กันหลายยก ผ่านวันที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 มันก็แทบจะไม่โผล่ขึ้นมา

อีกวิธีที่ท่านแนะนำเวลาที่ฟุ้งมากๆ ให้กำหนด คิดหนอ คิดหนอ หลายๆ ครั้ง เอาจนมันหายไปเลย หรืออยากหนอ อยากหนอ ถ้ามันอยากขึ้นมา วิธีนี้จะช่วยให้หายฟุ้งได้ เพราะจิตมาสนใจคำที่เราพูดออกมา และมารับรู้การเคลื่อนไหวที่ปากอย่างต่อเนื่อง การปรุงแต่งสิ่งที่คิดขาดตอน จนเลิกปรุงแต่งไป ความคิดจึงดับลง

ทุกวิธีต้องใช้ความตั้งใจและความเพียรพยายาม แม้ขณะนี้จะไม่ดีเลิศมากนักแต่ก็เบาบางจากความฟุ้งซ่าน เสียงข้างในเงียบขึ้นมากเหลือเพียงแต่เสียงภายนอก คุณแม่ท่านบอกว่าผู้ใดที่ไปร่วมปฏิบัติธรรมกับท่านไม่ได้ หากมีปัญหาอารมณ์ใจท่านยินดีให้คำแนะนำผ่านทางโทรศัพท์ พูดคุยเกี่ยวกับการปฏิบัติกับคุณแม่ชีเกณฑ์ ได้ที่ 0621270465(12call) , 0868540049 (dtac) 4.00-5.30,10.00-22.00 น.

Rank: 1

"จมแช่อยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง"

เมื่อผ่านอาการโงกง่วงมาแล้ว หากนั่งนานเกินไปจะมีการจมแช่อยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง ระยะหลังคุณแม่ท่านให้นั่ง 5 นาที เดิน 5 นาที เพื่อไม่ให้จมแช่ทั้งขณะเดินและขณะนั่ง

นั่ง 5 นาทียังไม่ทันง่วงและไม่จมในความคิด เดิน 5 นาทีก็ยังไม่ทันออกนอกวัด ทำแบบนี้แล้วทำให้มีความรู้สึกตัวต่อเนื่องไม่ขาดตอน กว่าจะแก้ได้ไม่ใช่แค่วันเดียว เราใช้เวลาร่วม 3 เดือนกว่าจะแก้ได้ เมื่อดีขึ้นแล้วคุณแม่ท่านก็ให้เพิ่มเวลาขึ้นตามความเหมาะสม แต่หากกลับมาเป็นอีกเพราะสติอ่อนกำลังลง ท่านก็ให้กลับไปทำแบบเดิมอีก

ถามคุณแม่ว่านั่งสมาธิลืมตาได้หรือไม่ เพราะหลับตาแล้วมันจะพาหลับ คุณแม่บอกว่าจะลืมตาก็ได้ขอให้มีสติรู้ตัวอยู่ เราก็เลยนั่งหลังตรงและลืมตา หากวันไหนง่วงทั้งเดินและนั่งจนเอาไม่อยู่ จะด้วยสภาพร่างกายหรือสภาพอากาศ เราแก้ด้วยการจับไม้กวาดกวาดใบไม้ไปจนหมดชม. ดีกว่าทนนั่งง่วงเดินง่วงอยู่อย่างนั้น


Rank: 1

"นั่งสมาธิแล้วเงียบหาย ตัวหาย สถานที่ก็หาย"

เริ่มแรกของการปฏิบัติเมื่อผ่านเรื่องการเดินจงกรมมาได้แล้ว เหลือเพียงเรื่องการนั่งสมาธิที่ยังไม่ดีนัก เริ่มแรกนั่งแล้วเงียบหาย ตัวหาย สถานที่ก็หาย ตอนแรกคิดว่าดีเพราะไม่ฟุ้งซ่าน แต่รู้สึกไม่มั่นใจ ถามคุณแม่ชีเกณฑ์ท่านว่านั่งแบบนี้ถูกไหม

ท่านบอกว่า....ไม่ได้แล้ว หายเงียบไปแบบนั้นหาใช่ดีไม่ การนั่งสมาธิที่ดีต้องมีสติรู้กายรู้ใจอยู่ครบถ้วน ต้องตื่นอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่หายไปไหน ท่านบอกว่าขณะกำลังเกิดภาวะเช่นนั้น ให้แก้ด้วยการลุกเดิน อย่าปล่อยให้ดิ่งหายไปแบบนี้

เมื่อไม่หายไปไหนมาเจออีกภาวะหนึ่งคือ โงกง่วงโยกไปโยกมา น่าอายมากถ้าใครมาเห็น คุณแม่บอกว่า.....เพราะสติมันอ่อนเลยทำให้เสียการทรงตัว สติไม่พอที่จะประคองตัวเองให้หลังตั้งตรงไว้ได้ ให้สำรวจว่าร่างกายของเราเหนื่อยอ่อนเพลียไหม หรือมันจะเป็นนิวรณ์ ไม่เหนื่อยไม่เพลียพอเริ่มนั่งก็เริ่มง่วง อันนี้เป็นนิวรณ์แล้ว

กลับมาดูตัวเองอาจจะใช่ ปกติบ่าย 2 ของทุกวันเราจะงีบหลับ แต่นี่ไม่ได้นอนเลยและพบว่าหลังอาหารเที่ยงจะรู้สึกง่วงอย่างหนัก เมื่อเห็นจุดที่จะแก้การโงกง่วงของตัวเองได้ จึงเปลี่ยนเวลาการกินอาหารให้เสร็จก่อนเที่ยง บ่ายโมงเขาจะง่วงพอดี นอนเสียครึ่งชม.ก่อนไปปฏิบัติธรรม ทำให้อาการโงกง่วงหายไป คุณแม่ยังบอกอีกว่าอย่าปล่อยให้เป็นอย่างนั้นมันจะติดเป็นนิสัย เราต้องขัดมัน ถ้ามันโงกง่วงให้เราลุกเดินทันที อย่านั่งต่อต้องฝืนลุกขึ้นมา


Rank: 1

"ลูกเดินจงกรมยังไง"

คุณแม่ชีเกณฑ์ : ลูกเดินจงกรมยังไง
ผู้ปฏิบัติธรรม: เดินไปเรื่อยๆ บริกรรมพุทโธไปด้วย แต่ใจรู้สึกว่าเดินแบบธรรมดาใจมันร้อน บางทีก็เบื่อ ดูแต่นาฬิกา พอเดินช้าๆ กะว่าเพื่อฆ่าเวลาใจมันกลับเย็น เดินจงกรมแบบไหนที่เหมาะกับหนู หนูจะเดินช้าๆ ได้ไหม

คุณแม่ชีเกณฑ์ : การเดินช้าๆ ช่วยขัดจิต ขัดกิเลส ลูกเดินอย่างนี้นะ พอพุท ยกเท้าขึ้น ให้คำว่าพุทที่เอ่ยออกมา กับเท้าที่ยกขึ้น เกิดขึ้นพร้อมๆกัน แล้วหยุดไว้อย่าเพิ่งเอาลง ลูกจะเห็นคำว่าโธผุดขึ้นในใจ ให้คำว่าโธในใจดับไปก่อน แล้วเอ่ยออกมาใหม่ พร้อมกับขาที่เหยียบลงไป

ถ้ามันแว่บไปคิดให้หยุดค้างไว้ พอมันหยุดคิดก็เอาขาลง มันคิดอีกก็หยุดอีก มันหยุดคิดเราก็ไปต่อ ถ้ามันปวดขาก็หยุดค้างไว้ มันหายปวดเราก็ไปต่อ มันปวดอีกก็หยุดอีก มันหายเราก็ค่อยไป

......ทดลองทำตามที่คุณแม่บอก พยายามให้การรับรู้เท้าที่ยกขึ้นและคำว่าพุทเกิดขึ้นพร้อมๆกัน แล้วหยุดค้างไว้ เราเห็นคำว่าโธผุดขึ้นในใจจริงๆ ทั้งๆที่เท้ายังไม่ได้เอาลง พอคำว่าโธดับเราจึงเอ่ยออกมาใหม่พร้อมกับเอาเท้าลง

มันคิดขึ้นมาก็หยุดทันที บางทีค้างขาไว้จนปวดมันจึงกลับมา มากี่รอบก็หยุดเท่านั้น สิ่งหนึ่งที่เห็นคือความคิดมันดับเองได้โดยที่เราไม่ต้องไปยุ่งกับมัน มันเกิดขึ้นมากี่ครั้ง มันก็ดับของมันเอง เพิ่งรู้ว่า เออ หนอ ความคิดมันดับเองได้ มันเกิดของมันเอง มันก็ดับมันไปเอง เราโง่แท้ๆเลยหนอ ไปนั่งหาวิธีหยุดมัน

หยุดขาค้างไว้บ่อยๆ มันก็เริ่มตึงเริ่มปวด เจ็บขึ้นมาก็หยุดค้างไว้ทันที วินาทีที่หยุดความเจ็บหายไป เดินไปอีกขึ้นมาอีกก็หยุดอีก พอหยุดมันก็หายไป เกิดๆดับๆจนสุดท้ายมันก็หายไป เราจึงรู้ว่าความเจ็บก็มีช่องว่างของมันอยู่เหมือนกัน มันไม่ได้อยู่กับเราตลอด

ความเบื่อหน่ายในการเดินจงกรมหายไป ใจเริ่มเบิกบานและกระตือรือร้นต่อการปฏิบัติธรรม คุณแม่ท่านว่าการเห็นการเกิดดับนี่แหละคือต้นทางของการวิปัสสนา


Rank: 1

"บรรยากาศใน วัดป่าเจดีย์เทวธรรม บ.โคกสูง ต.ดงลาน อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด"

ในช่วงเวลาปกติที่คุณแม่ไม่ได้รับนิมนต์ไปเปิดปฏิบัติธรรมที่ไหน ท่านจะอยู่ดูแลผู้ปฏิบัติธรรมมที่ วัดป่าเจดีย์เทวธรรม อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ในช่วงวันหยุดยาวสิ้นปีนี้ ขอเชิญทุกท่านมาร่วมปฏิบัติธรรมกับคุณแม่ชีเกณฑ์ ได้ที่ วัดป่าเจดีย์เทวธรรม แจ้งชื่อและสอบถามเส้นทางได้ที่ คุณแม่ชีเกณฑ์ 0621270465,0868540049



Rank: 1

"คุณแม่สอนปฏิบัติแนวไหนค่ะ"

แม่สอนวิปัสสนาในสติปัฏฐาน 4 มีสติรู้เท่าทันอารมณ์ ดับอารมณ์ได้ทันปัจจุบัน ถามว่าแนวไหนก็แนวมรรคมีองค์ 8 คุณจะเอาแนวไหนก็ได้ แต่ให้คุณเอาแนวเจริญสติปัฏฐาน 4 สติปัฏฐาน 4 ไม่ใช่เฉพาะหนอ แม่เปิดกว้าง อะไรก็ได้ จะมีคำบริกรรมหรือไม่มีก็ได้ 

มีผู้ปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง เขาเล่นสมถะ จิตนิ่งเข้าฌานอยู่เป็นสิบปี แต่เขาไม่เจริญสติเลยทำให้เขาติดอยู่ตรงนั้น มีแต่ความสงบแต่ไม่มีปัญญาที่จะดับทุกข์ในใจตน เขาบริกรรมพุทโธ แม่ก็เลยบอกว่าเพราะเธอขาดสติและปัญญา เธอจงเจริญสติโดยเอาพุทโธนั่นแหละเป็นกรรมฐาน

สติปัฏฐาน 4 กว้าง จะเอาวิธีกรรมใดก็ได้ จะเอา 84,000 พระธรรมขันธ์มากำหนด จะเพ่งอะไรก็ได้ แต่เมื่อจิตสงบแล้วคุณต้องเจริญสติ ให้รู้เท่าทันอารมณ์ที่มากระทบทางตาหูลิ้นจมูกกายใจ ในผู้ที่ไม่มีคำบริกรรมอะไรเลย ก็ให้รู้เท่าทันอารมณ์เช่นกัน ให้มีสติรู้เท่าทันว่าโกรธ ว่าเกลียด มีโทสะมีโมโหมั้ย ให้รู้เท่าทันอารมณ์ที่คิด ที่ปรุงแต่ง 

ถ้าให้เอาหนอเข้าไป เขาฝืน เขาเคือง เขาอึดอัด ก็เอาอะไรก็ได้ แม่จะบอกจุดให้เขาไปสังเกตเพื่อให้เกิดสติและปัญญา ทำไมต้องให้รู้เท่าทันอารมณ์เพราะจะได้รู้จักตัวเองเห็นตัวเอง ว่ากำลังเกาะกำลังยึดอะไรอยู่ ทุกข์กับมันมากมั้ย เมื่อเห็นตัวเองจะได้เห็นโทษเห็นภัยอารมณ์ที่เราไปเกาะไปยึดอยู่ 

เมื่อรู้จักตัวเอง เห็นว่ามันทันมั่งไม่ทันมั่ง เอาอยู่มั่งเอาไม่อยู่มั่ง ถ้าอยากออกจากทุกข์ อยากแก้ตัวเอง แม่ก็จะสอนให้เขาเกิดสติเกิดปัญญา ที่จะสอนตัวเองเตือนตัวเองได้ หัวใจของการปฏิบัติอยู่ตรงนี้ ให้เรารู้เท่าทันอารมณ์และดับอารมณ์ปัจจุบันได้ทัน ดับทันมันก็ไม่ทุกข์ ดับไม่ทันมันก็เป็นภพเป็นชาติ


Rank: 1

"คุณแม่บวชมานานหรือยังค่ะ"

เคยมีผู้ปฏิบัติธรรมถามแม่ว่า...คุณแม่บวชมากี่ปีแล้วค่ะ แม่ก็บอกว่า แม่บวชมาตั้งแต่แม่อายุ 18 ปี ปีนี้แม่ก็อายุ 59 ปีแล้ว ไปบวกลบกันเองนะ ปีเกิดในบัตรแม่เกินมาปีนึง เมื่อนั่งคำนวณแล้ว เขาก็บอกว่าคุณแม่บวชตั้งแต่หนูยังไม่เกิดเสียอีก 

แม่บวชที่ วัดบูรพาภิราม อ.เมือง จ. ร้อยเอ็ด ในปี 2518 หลังจากบวชได้ 7 วัน แม่ก็เดินทางไปเข้ากรรมฐานที่ วัดบุญศรีมุณีกรณ์ ในกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงสำนักบุญศรีมุณีกรณ์ สอนวิปัสสนากรรมฐานสายยุบหนอ พองหนอ แม่เข้ากรรมฐานอยู่ที่นั่นเกือบ 4 เดือน แล้วจึงเดินทางกลับร้อยเอ็ด หลังจากนั้นแม่ก็ไปอยู่ที่เชียงใหม่หลายปี บางปีก็ไปอยู่แม่ฮ่องสอน ลำพูน ชลบุรีแล้วก็กลับมาที่ร้อยเอ็ด ตั้งแต่ปี 2535 

หลวงพ่อที่วัดบูรพาภิราม เป็นผู้ออกบัตรนี้ให้แม่ หลังจากที่บวชได้ 6 วัน เพราะแม่ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ บัตรนี้แม่ก็รักษาให้มันอยู่ในสภาพดีที่สุด นับตั้งแต่วันที่ได้มา 

อ่านประวัติการปฏิบัติของคุณแม่ชีเกณฑ์ได้ที่    http://pantip.com/topic/32013264


Rank: 1

"สถานที่กางเต้นท์หรือมุ้งและห้องน้ำ"


‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-15 13:26 , Processed in 0.069120 second(s), 14 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.