แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: UMP
go

ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ ณ วัดป่าเจดีย์เทวธรรม  จ.ร้อยเอ็ด 25 ธ.ค. 58 - 5 ม.ค. 59 [คัดลอกลิงค์]

Rank: 1

"รู้เท่าทันจิต"

ผู้ปฏิบัติธรรม : คุณแม่ค่ะ ปฏิบัติธรรมยังไงให้ถึงธรรมค่ะ
คุณแม่ชีเกณฑ์ : ก็วางสิ วางทุกอย่างมันก็ถึงเท่านั้นเอง ถ้าจิตไม่ว่างมันจะไปถึงได้ยังไง มัวแต่วุ่นนั่นวุ่นนี่ คิดโน่นคิดนี่ กังวลนั้นกังวลนี้...วาง ทำจิตให้ว่าง ทำจิตให้เป็นกลางๆ มีหน้าที่รู้เท่าทันจิต จิตมันมีหน้าที่คิด แต่เราทำใจเป็นกลางๆ เราพยายามว่า...เราจะปล่อยวางทุกอย่าง แต่มันก็ปล่อยไม่ได้ พอทำใจเป็นกลางๆ มีหน้าที่รู้เท่าทันจิต เราจะปล่อยมัน รู้เท่าทันทุกอย่าง มันก็พ้นทุกข์ ถ้าไม่รู้เท่าทัน ก็หลงใช่มั้ย

ผู้ปฏิบัติธรรม : แล้วทำอย่างไรถึงจะเข้าถึง มรรคมีองค์ 8 ค่ะ
คุณแม่ชีเกณฑ์ : จะเข้าสู่มรรคมีองค์ 8 ก็ต้องเดินอย่างนี้เสียก่อน รู้เท่าทันจิตเสียก่อน ถ้าไม่รู้เท่าทันจิต มันจะไปได้อย่างไรเล่า เริ่มต้นมันก็ต้องไปรู้เท่าทันจิตก่อน มันถึงจะเข้าถึงมรรคมีองค์ 8

จะให้มันเข้าสู่มรรคมีองค์ 8 มันไม่ไป ไม่มีทางหรอกคนเรา กิเลสไม่ยอมหรอก ใช่ไหม เหมือนที่แม่บอกให้เราปฏิบัตินั่นนะ อันน้นมันตายตัวอยู่แล้ว มันจะไปของมันเอง

การตามรู้จิตนี่แหละมรรคมีองค์ 8 จิตจะผิดศีลมันก็รู้ใช่มั้ย มรรคมีองค์ 8 ให้เว้นจากการฆ่าก่อนใช่มั้ย แล้วก็ห้ามคิดชั่วคิดร้ายต่อผู้อื่นใช่มั้ย ลงวาระสุดท้าย ให้รู้กายในกาย ให้รู้จิตในจิต รู้เวทนาในเวทนาใช่มั้ย ถึงจะไปได้ ให้ตั้งสติมั่น ตามรู้จิต ถ้าไม่ตามรู้จิต ไม่ตั้งสติมั่น มรรคมีองค์ 8 จะเกิดไหมนั่น

ต้องบอกให้เขาตามรู้จิตก่อน มรรคมีองค์ 8 ถึงจะสมบูรณ์ ถึงจะเกิดขึ้น เขาจะรู้ของเขาเอง ทำจิตให้ว่างให้บริสุทธิ์ มรรคมีองค์ 8 อยู่ในนั้น เขาจะเข้าใจเอง บอกไปก็มีแต่ไปท่องมรรคมีองค์ 8 แต่ไม่เข้าใจ มันต้องเดินก่อน ทำจิตให้เป็นกลางๆ ว่างๆ มรรคมีองค์ 8 ก็จะเกิดเอง ปฏิบัติแล้วมีสติเดี๋ยวก็เข้าใจเอง

มรรคมีองค์ 8 มันมีหลาย มีสติรู้เท่าทันจิตก่อนก็แล้วกัน ทันคิดชั่วคิดดีก็ให้รู้ รู้ไปก่อนมันจะไปเอง ทำใจเป็นกลางๆ ปล่อยวาง ว่างทุกอย่าง ทำจิตให้สะอาดหมดจด ผ่องแผ้ว ก็ศีล 5 ศีล 8 บอกอยู่แล้ว เดี๋ยวมันปฏิบัติ ถ้ามันไปเจอทุกข์ เจอเวทนา ทำไมเราถึงทุกข์ เพราะเราทำกรรม เออ อันนี้ท่านจึงให้เว้นจากการฆ่า

เพราะความบริสุทธิ์ หมดจด มันจะเป็นศีล มีสมาธิ มันจะรู้ของมันเอง แม่รู้ของแม่เอง นี่ละ ลงมรรคมีองค์ 8 แจ้งเลย อ่านจนหูแตก แม่ก็เคยอ่าน หนังสืออ่านกันมานานแล้วไม่ใช่หรือ แล้วเข้าใจมั้ย มันเข้าใจลึกซึ้งมั้ย

ต้องบอกให้มันตามรู้จิต จิตคิดชั่ว จิตคิดดี ให้รู้จิตพยาบาท อาฆาต จิตคิดฆ่าอะไร จิตมันโกรธ มันเกลียด ให้มันรู้ มันจะรู้เอง ไปอ่านมรรคมีองค์ 8 มันไปท่อง อ่านแล้วมันไม่ซึ้งในธรรมะ มันไม่เห็น ต้องให้มันเห็นด้วยฐานแท้ นั่นละ มรรคมีองค์ 8 อยู่ตรงนี้ ถึงจะเข้าใจ

ถ้าไม่มีสติ แล้วไม่รู้เท่าทันจิต มรรคมีองค์ 8 จะเกิดมั้ย มันก็ไม่เกิดใช่มั้ย ให้มีสติตามรู้เท่าทันจิตเสียก่อน มรรคมีองค์ 8 ถึงจะเกิดขึ้น ปัญญาถึงจะเข้าใจ ปัญญาถึงจะถ่องแท้ รู้แล้วก็วาง ดีก็วาง ชั่วก็วาง ติดสุขติดดีก็วาง รู้แล้วไม่วาง มันก็ไม่ใช่มรรคมีองค์ 8


Rank: 1

  " เรื่องเล่าจากแม่ชีนัน...ผู้ตามหาสถานที่ ที่ใช่เพื่อการออกบวช"

 แม่ชีนันเดินทางมาจากจังหวัดชลบุรี เข้ามาปฏิบัติธรรมที่วัดเมื่อประมาณครึ่งเดือนที่ผ่านมา ( พ.ศ. 2556) และได้ตัดสินใจออกบวชที่นี่ นี่เป็นเรื่องราวจากการเล่าของแม่ชีนัน 

  เคยไปปฏิบัติที่อื่นมาประมาณ 3 เดือนแล้วและเพิ่งเข้ามาอยู่ที่ร้อยเอ็ดนี้ได้ประมาณครึ่งเดือน ที่ผ่านมาไม่ได้เน้นตลอดเวลาที่อยู่วัด วันพระจะไปสักอาทิตย์นึงแล้วกลับ สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร แม่ชีคนหนึ่งแนะนำให้มาที่นี่ วันแรกที่มาทำใจไม่ได้เลยเพราะไม่เคยอยู่ลำบากแบบนี้ เคยเป็นเด็กอยู่ในตลาดชลบุรี ขี้วัว ขี้ควาย ขี้ไก่รับไม่ได้ ในวัดมีทั้งนั้น เวลาไปบินฑบาตต้องเจอกับขี้วัว ขี้ควายบนถนน ต้องเหยียบโดนอยู่แล้ว แต่มาอยู่ที่นี่สามารถผ่านไปได้โดยที่เราไม่รังเกียจ ตัดทิ้งได้ วางได้ ซึ่งไม่ใช่คนอย่างนี้ และมีความรู้สึกว่าการมาฝึกที่นี่ทำให้จิตใจมีสมาธิสงบเงียบ ทำให้ได้ศึกษาธรรมะที่แท้จริง

ท่านแม่ชีมาสอบอารมณ์ทุกวัน เคยไปปฏิบัติที่อื่น เราจะต้องรู้เองว่าเราต้องเดินเข้าหาครูบาอาจารย์ซึ่งบางครั้งเราก็ไม่กล้า แต่ท่านแม่ชีเป็นกันเองมาก สอนแม้กระทั่งการกราบ ซึ่งที่อื่นถ้าไม่ใฝ่รู้ก็จะไม่ได้อะไร คุณแม่ท่านจะสอนตัวต่อตัวและมาสอบอารมณ์ทุกวัน ตรงไหนที่ยังไม่ผ่านท่านจะช่วยแก้ให้ 

รู้สึกว่าตัวเองมาเจอธรรมะที่นี่ มาฝึกจนมีสติ สมาธิและ ปัญญาได้ก็จากที่นี่ ซึ่งแต่ก่อนไปสวดมนต์ก็สวดตามเขาไปแบบนกแก้วนกขุนทอง จิตใจไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่มาที่นี่คุณแม่ท่านสอนให้รู้ทุกอย่าง และเวลาเดินวิปัสสนา ท่านสอนให้ทำถูกต้องทุกอย่าง ตั้งแต่ระยะที่ 1 ไปจนถึงระยะที่ 6 ท่านแนะนำเราจนผ่านแต่ละขั้นมาได้

 ตอนนี้มีจิตใจดีขึ้น มีสติ ทิฐิหายไป แต่ก่อนเป็นคนที่มีทิฐิแรงมาก ไม่ว่ากับพี่กับน้อง แต่พอได้มาสอบอารมณ์ มานั่งปฏิบัติ มันมีสติ ให้สติเตือนเราว่ารู้แล้วหนอ สิ่งที่รู้เราก็ปล่อยวาง มีปัญญาเกิดขึ้น รู้แล้วว่าการไปทะเลาะกัน การเข่นฆ่า ไปตีกัน มันมีแต่โทษ ทำให้จิตใจเราต่ำลง เมื่อระลึกได้ก็ปล่อยวางได้จากสติตัวนี้ 
                     
ใช่เราจับอารมณ์ตรงนี้ได้ มีสติห้ามได้ ก็เกิดปัญญาขึ้นมา ตรงนี้สมควรทำ ตรงนี้ไม่สมควรทำ และอีกอย่างหนึ่งสิ่งที่เคยผิดพลาดมา แม้เรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่นเคยตีและเอาไฟเผาตะขาบตัวใหญ่ เขามาให้เห็นขณะเดินจงกรม มาเพื่อบอกและมาเตือนว่าเราเป็นคนทำเขา มีสติทันรีบแผ่เมตตาออกไปเขาก็หายไป 

เวลานั่งสมาธิระลึกถึงว่าเมื่อก่อนเราเคยทำไม่ดี เคยทำอย่างโน้น เคยทำอย่างนี้ ตอนนี้เรามีสติที่จะพิจารณา เราเคยทำไม่ดีกับพ่อกับแม่เราไว้ เราทำได้อย่างไร ก็มีสติขึ้นคือมองเห็น รู้จักมองเห็นโทษ รู้ว่าเราทำให้ท่านเสียใจ 

ชีวิตเปลี่ยนไปจากคนที่ร้ายและไม่ยอมใคร มีทิฐิมานะ เคยเป็นใหญ่อยู่ในบ้านรู้สึกว่าตัวเองจะต้องใหญ่มาอยู่ที่นี่ทำให้เปลี่ยนไปทุกอย่าง สามารถถอดรองเท้าเดินอยู่ในวัดได้ แม้จะต้องเหยียบขี้ไก่ ก็บอกตัวเองได้ว่าเดี๋ยวมันก็หายไป มันไม่ได้มาติดขาเราอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยต้องมากวาดอะไรก็ทำได้ ในระหว่างที่กวาดก็กำหนดไป เวลากินก็กำหนดได้ นี่เคี้ยวนะ นี่เรากลืนนะ 

มาใหม่ๆทานอะไรไม่ได้เลย เป็นคนภาคกลางอยู่ดีทานดีมาตลอด ทุกวันนี้อาหารอะไรที่ไม่เคยทานก็ทานได้ แม้น้ำพริกปลาร้าก็ทานได้ เราทานให้มันอิ่มให้มันอยู่ได้ ทานอะไรเข้าไปมันก็อิ่มทั้งนั้น อยู่ชลบุรีเคยกินหอยจ้อ อยู่ที่นี่กินผัดเต้าหู้ก็อยู่ได้
                
เข้ามาเถอะค่ะ เข้ามาอยู่ในธรรมะดีกว่า เข้ามาปฏิบัติเอาธรรมะเข้ามาอยู่ในจิตใจของเรา เข้ามาปฏิบัติแล้วจะทำให้เราละเลิกได้หลายอย่าง เคยยึดไว้ทุกอย่างแต่เดี๋ยวนี้สามารถปล่อยได้เพราะมันไม่ได้เป็นของเรา


Rank: 1

"ที่นี่เป็นมากกว่า...ผู้มาปฏิบัติธรรม"               

คุณแม่ท่านเล่าว่า เมื่อก่อนห้องน้ำในวัดเก่ามาก สร้างมากว่า 20 ปีแล้ว พอส้วมเต็มท่านจะให้ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมในขณะนั้นช่วยกันตักไปรดต้นไผ่ เป็นการทดสอบไปในตัวว่า ยังยินดียินร้ายแค่ไหน ไอ้ที่ว่าได้กันนะ ได้จริงหรือได้ปลอม ก็เห็นใจตัวเองกันคราวนี้ ปัจจุบันห้องน้ำวัดได้สร้างขึ้นใหม่แล้ว

พื้นที่ของวัดเกือบ 10 ไร่ เต็มไปด้วยป่าไผ่และพืชสมุนไพรหายาก ทางเดินในวัดเป็นพื้นทราย ท่านไม่ยอมให้เขาเทถนน ท่านต้องการรักษาสภาพที่เป็นดินเป็นทรายไว้ เหมือนที่มันเคยเป็นมา ท่านบอกว่า การเดินบนพื้นดินด้วยเท้าเปล่าเป็นการปรับธาตุในร่างกาย พื้นดินจะดูดสารพิษออกจากกาย ทำให้ร่างกายปรับตัวสมดุลขึ้น เป็นการบำบัดรักษาโดยธรรมชาติ          

ถามท่านว่าท่านให้ผู้ปฏิบัติธรรมทำอะไรบ้าง ท่านบอกว่าท่านจะให้ตื่นตั้งแต่ตีสาม ไม่มีการสวดมนต์ ตื่นแล้วให้ปฏิบัติเลย เช้าขึ้นมาท่านก็จะให้ผู้ปฏิบัติธรรมแม้จะเป็นผู้หญิงก็ตาม สะพายบาตรออกบินฑบาตเข้าไปในหมู่บ้านตามหลังหลวงพ่อไป  เราจะได้สัมผัสกับคุณค่าแห่งการให้ ช่วยกล่อมเกลาจิตใจเราให้อ่อนโยนขึ้น และรู้ค่าในอาหารที่เขาใส่บาตรมา         

กลับมาทานอาหาร 8 โมงเช้า ถ้าใครจะทาน 2 มื้อก็ให้เก็บไว้เอง จะทานในบาตรหรือนอกบาตรก็ได้ จะใช้ช้อนหรือใช้มือก็ได้ ถ้ามาน้อยวันท่านจะไม่ให้ทำอะไรเลย ให้ปฏิบัติอย่างเดียว จะในห้องหรือตามมุมใดมุมหนึ่งของป่าไผ่แล้วแต่จะเลือกเอา ท่านจะสอบอารมณ์ให้ทุกวัน เวลาไหนก็ได้ที่สะดวก    

ชีวิตที่นี่เป็นมากกว่าแค่..ผู้มาปฏิบัติธรรม คุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติแบบดั้งเดิมที่หาได้ยากแล้วในสมัยนี้ และได้สัมผัสกับคำว่าให้ที่มาจากคนที่เราไม่เคยรู้จัก ซึ่งโอกาสเช่นนี้หาได้ยากในเมืองใหญ่ สัมผัสกับความประทับใจสักครั้งหนึ่งในชีวิตได้ที่นี่ วัดป่าเจดีย์เทวธรรม อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด


Rank: 1

"รู้แล้วให้ดับ ให้วาง"

ผู้ปฏิบัติธรรม : คุณแม่ค่ะ หนูก็รู้ทันทุกครั้งที่คิด รู้ทันทุกครั้งที่อยาก แต่ทำไมถึงยังหลงอยู่ ยังยึดอยู่ละค่ะ

คุณแม่ชีเกณฑ์ : รู้เท่าทันว่าตัวเองกำลังหลงอะไรก็ต้องวางสิ ตัวเองกำลังยึดอะไรอยู่ แม้แต่ยึดความสุขที่เสพสุขที่ไปสัมผัสนั้นสัมผัสนี้ ก็ต้องวาง ถ้าไม่วางก็ไปเตลิดเปิดเปิง มันทันนะ แล้วปัญญามันทันรึเปล่า มันเห็นทางสว่าง มันเห็นทางนิพพานหรือมันไปหลงโลกีย์ คำว่ารู้เท่าทันจิตมันต่างจากคำว่าทัน

ครูบาอาจารย์ท่านให้รู้เท่าทันจิต ไม่ให้ปรุงแต่ง ให้วาง รู้ดับรู้วาง...รู้เท่าทันจิตแล้ว รู้ให้ดับ ให้เห็นอาการเกิดดับเสียก่อน ใหม่ๆ ก็ต้องฝึกสติให้ทันจิต ให้เห็นอาการเกิดดับ ไม่ใช่ไปต่อกับมัน ที่ยังหลงอยู่อันนั้นรู้แล้วไม่ดับ

เห็นเท่าทันจิตก็คือให้ดับ รู้เท่าทันจิตแล้วให้ดับ ให้วาง ไม่ให้ไปยึด ไม่ให้เอา ดีก็ไม่เอา ชั่วก็ไม่ให้เอา แล้วพากันไปเอาอยู่ใช่มั้ย เดี๋ยวก็เอาโสดาบัน เดี๋ยวก็เอาสกิทาคา เดี๋ยวก็เอานั้นเอานี้ ถ้ายังเอาอยู่แล้วจะไปได้อะไร นี่เราสอนให้ละให้วาง ถึงจะรู้ว่ามรรคมีองค์ 8 เป็นอย่างนี้เอง

เห็นชอบ เห็นว่าตัวเองกำลังหลงโลกีย์ ตัวเองก็ต้องวาง ถ้าเห็นอยู่ว่าตัวเองหลงอันนี้ แล้วไม่วาง อันนั้นตัวเองเห็นไม่ชอบ เป็นมิจฉาทิฎฐิไม่ใช่เห็นสัมมาทิฎฐิ

เห็นสัมมาทิฎฐิก็คือ เออ อันนี้เราหลงนี่ เราติดดีนี่นา เรามาติดสุขที่เราสัมผัสได้ แปลว่าเรายังพอใจอยู่ นิวรณ์ 5 ไง นิวรณ์ 5 เป็นทางขวางกั้นแก่ผู้ปฏิบัติ ไปหลงติด ชอบใจไม่ชอบใจใช่มั้ย คำว่า...ยินดีในทางดี มันก็ชอบใจทั้งนั้นใช่มั้ย


Rank: 1

"หนูรู้เท่าทันอารมณ์ หนูเอาจิตตามรู้ หนูไม่กำหนดอะไร ได้ไหมค่ะ"

ได้ แต่ให้เธอรู้เท่าทันว่า จิตโกรธ จิตเกลียด นานกี่นาที มันวิ่งออกไปแล้วเราออกไปกับมันมั้ย หรือว่าเราพยายามที่จะระงับมัน มีสติยับยั้งหรือคิดตามไปเลย

ถ้าคิดตาม อันนั้นมันไม่เป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะเราไปปรุงแต่งด้วย จะเป็นสัมมาทิฏฐิเมื่อรู้ว่าตัวเองปรุงแต่ง ฟุ้งซ่าน คิดตามอารมณ์ตัวเองแล้ว อันนั้นมีสติยับยั้งตัวเอง...โอ อันนี้ไม่ใช่ มันจะทำให้ตัวเองฟุ้งซ่าน มันจะทำให้ตัวเองจิตเป็นอกุศล...อย่างนี้ถือว่า รู้เท่าทันอารมณ์ว่ามันเป็นกุศลหรืออกุศล

ถ้าเป็นเรื่องไม่ใช่อกุศลก็คิดเพลิน อยากมีรถให้มันสำเร็จ อยากมีบ้านอย่างนั้นอย่างนี้ คิดปรุงแต่ง มันไม่ใช่อกุศลเพราะไม่ได้ไปอิจฉาใคร ทีนี้ถ้าเราไปหลงกับมัน แปลว่าตามใจกิเลสเรา ตามใจความอยาก แต่เราไม่มีสติคุม มันก็หลงอารมณ์ ก็เพลิดเพลิน อันนั้นก็ไม่ใช่เป็นสัมมาทิฏฐิเป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะมันคิดหลงไปกับอารมณ์

แต่ถ้าคิดมาก วกวนไปวกวนมา ไม่ได้ดั่งใจเรา มันก็ทุกข์ มันชอบอยากให้เป็นไปตามนั้น ถ้าไม่เป็นไปตามนั้นมันก็ไม่ชอบ มันก็เลยน้อยอก น้อยใจ เสียใจ เศร้าโศกไปก็เป็นทุกข์ นี่มันเป็นสมุทัย เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ก็เลยไม่อยากให้คิดตาม ให้เอาปัจจุบันถึงจะเป็นสัมมาทิฏฐิ



Rank: 1

"คุณแม่ฝึกผู้ปฏิบัติธรรมให้รู้เท่าทันจิตอย่างไรค่ะ"

ก็ให้เขามีสติก่อนที่จิตจะทำงาน จะคิด จะพูด จะย่าง จะเหยียบ ก็ให้มีสติรู้เสียก่อน ให้สติกับจิตไปพร้อมกัน แม่ก็ให้กำหนดไปตามอาการทั้งที่กายและใจ จะหนอหรือพุทโธแล้วแต่เขา ให้กายที่เคลื่อนไหว จิตที่รับรู้ และคำบริกรรมตรงกัน

คนที่เอาพุทโธ แม่ก็บอกให้มีสติให้รู้เท่าทัน พอบริกรรมว่าพุท จิตจะทำงานก็ให้สติรู้ก่อน พุทโธก็ให้ตรงเหมือนกัน สัมผัสให้รู้เหมือนกัน แต่เขาบริกรรมว่าพุท มีสติรู้ว่าตัวเองยกขาขึ้น จิตรับรู้ว่าเท้ายกขึ้น หน่วงมั้ย หนักมั้ย เวลาเอาขาลง โธก็ให้ถึงพื้น จิตกับสติก็พร้อมกัน

คนที่ไม่มีคำบริกรรม ก็ให้เขารู้เท่าทันอารมณ์ที่จะเข้ามากระทบ ให้รู้เท่าทันว่า จิตโกรธ จิตเกลียด นานกี่นาที มันวิ่งออกไป เราออกไปกับมันมั้ย หรือว่าพยายามที่จะระงับ มีสติยับยั้งหรือคิดตามไปเลย ถ้าคิดตาม มันก็ไม่เป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะเราไปปรุงแต่งด้วย

จะเป็นสัมมาทิฏฐิเมื่อรู้ว่าตัวเองปรุงแต่ง ฟุ้งซ่าน คิดตามอารมณ์ตัวเองแล้ว อันนั้นมีสติยับยั้งตัวเอง...โอ อันนี้ไม่ใช่ มันจะทำให้ตัวเองฟุ้งซ่าน มันจะทำให้ตัวเองจิตเป็นอกุศล...อย่างนี้ถือว่า รู้เท่าทันอารมณ์ว่ามันเป็นกุศลหรืออกุศล


Rank: 1

"จิตเราพร้อมแล้วหรือยัง"

คุณแม่ชีเกณฑ์ ท่านบวชตั้งแต่อายุ 18 ปี บวชมาแล้ว 42 พรรษา ปีนี้ท่าน 60 ปีแล้ว ท่านอบรมดูแลและสอบอารมณ์ผู้ปฏิบัติธรรมมาโดยตลอด ปัจจุบันนี้ท่านอยู่ที่วัดป่าเจดีย์เทวธรรม ซึ่งเดิมเป็นสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐานที่ท่านตั้งขึ้นมา ที่อยู่ของวัดคือ บ้านโคกสูง ต.ดงลาน อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด

ท่านยินดีคุยธรรมมะและสอบอารมณ์ผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่าน คุยกับท่านได้ตั้งแต่ 4.00-5.00,10.00-22.00 น. 0868540049(dtac) , 0621270465(12call) หรือจะไปปฏิบัติธรรมกับท่านที่วัดได้ทุกเมื่อ แต่ช่วง 3-7 ธ.ค. 58 ท่านเดินทางไปเปิดปฏิบัติธรรมที่ จ.สระบุรี หลังจากนั้นไปจนถึงต้นปีหน้าท่านจะอยู่ที่วัดแทบตลอด แต่ให้ดีกรุณาแจ้งท่านล่วงหน้าก่อนเดินทาง

ต้นอาทิตย์ที่ผ่านมา คุณแม่ท่านพาพี่ผู้หญิง 2 คนมาดูสวนปฏิบัติธรรมชมวิว ทั้งคู่ทำร้านอาหาร รายได้ดีแต่เหนื่อยมาก หนึ่งในนั้นบอกว่า แทบจะไม่มีเวลานั่งสมาธิเลย ก่อนจะตายเขาอยากฝึกจิตให้ดีกว่านี้ ถ้ามัวแต่หาเงินเขาเกรงว่ามันจะสายเกินไป

คุณแม่ท่านเคยบอกว่า...จะเอาอะไรกับชีวิต มันมีแต่ความไม่เที่ยง ไม่มีสิ่งไหนอยู่กับเราได้นาน แม้แต่คนก็ตายจาก แม้แต่ตัวเองก็ต้องตาย ความตายอยู่แนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกับเรา เหมือนเงาตามตัว ไม่ป่วยก็ตายได้ สักวันแม่ก็ต้องไป บุญก็หยุดความตายไม่ได้ ไปยึดเกาะก็กลับมาอีก อยากกลับมาอีกหรือ กิเลสมันเยอะเกิดมาก็หลงอีก อยากเกิดมาทุกข์อีกหรือ...ให้ทำปัจจุบัน เอาปัจจุบัน เริ่มปัจจุบัน ทำอยู่ทุกขณะ รู้อยู่ทุกขณะ ทันอยู่ทุกขณะ วางอยู่ทุกขณะ สอนอยู่ทุกขณะ แก้ไขอยู่ทุกขณะ จิตเกาะสิ่งใดนั่นคือภพชาติ

ขอทุกท่านอย่าได้ประมาทกับชีวิต เวลาไม่เคยรอ สังขารก็ไม่เคยรอเรา การปฏิบัติเพื่อหมดภพหมดชาติ เริ่มได้ทุกขณะ ไม่เลือกกาล สถานที่ อย่าได้ปรามาทตนเอง ภพชาติจบได้ด้วยตัวเรา ด้วยความเพียร ความอดทน ความตั้งใจจริง และความต่อเนื่อง


Rank: 1

"ตารางการปฏิบัติธรรมและกิจกรรมของผู้ปฏิบัติธรรม"

เริ่มตื่นนอนตั้งแต่ตีสาม  จัดการธุระส่วนตัว และเริ่มปฏิบัติ ช่วงเช้าจะมีการสวดมนต์ แต่สำหรับท่านใดที่ต้องการปฏิบัติอย่างเดียวไม่ต้องมาสวดมนต์ก็ได้ ตีห้าครึ่งคุณแม่ท่านเปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหญิงและชาย ถือบาตรร่วมเดินบิณฑบาตไปกับพระในวัด ยกเว้นท่านที่สุขภาพไม่แข็งแรงพอ เน้นการปฏิบัติ ไม่เน้นการสวดมนต์ งดกาแฟ งดโทรศัพท์  เลือกที่จะปิดวาจาได้ มีการสอบอารมณ์ตัวต่อตัวช่วงบ่ายทุกวัน  การปฏิบัติจะเริ่มต้นตั้งแต่ตีสามไปจนถึงสี่ทุ่ม สำหรับท่านที่ต้องการเข้มข้นกับตัวเอง คุณแม่จะให้ปฏิบัติอยู่แต่ในห้องหรือสถานที่ ที่ต้องการ ท่านจะนำอาหารมาให้ เมื่อถึงเวลาท่านก็จะเดินมาสอบอารมณ์

Rank: 1

"แผนที่ วัดป่าเจดีย์เทวธรรม"

Rank: 1

"บรรยากาศใน วัดป่าเจดีย์เทวธรรม อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด"

‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-5-17 18:06 , Processed in 0.156380 second(s), 14 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.