วัดโลกโมฬี ถ.มณีนพรัตน์ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

	2009-4-19 16:06 อัปโหลด ดาวน์โหลด (61.41 KB) รูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรพันหัสต์พันเนตร วัดโลกโมฬี ประดิษฐานด้านหน้าข้างซ้าย กุฏิคุ้มพญาเกศฯค่ะ

	2009-4-19 16:05 อัปโหลด ดาวน์โหลด (65.14 KB) กุฏิคุ้มพญาเกศฯ วัดโลกโมฬี ใช้เป็นที่ตานขันข้าว ถวายสังฆทาน ถวายโลงศพ ซื้อที่ดินถวายวัด ทำบุญวันเกิด ติดต่อสอบถามค่ะ 2009-6-23 15:35 อัปโหลด ดาวน์โหลด (70.99 KB) 2009-6-23 15:35 อัปโหลด ดาวน์โหลด (58.34 KB) ภายใน กุฏิคุ้มพญาเกศฯ วัดโลกโมฬี ค่ะ

	2009-4-19 16:03 อัปโหลด ดาวน์โหลด (68.13 KB) รูปปั้นสิงห์ ประดับด้านหน้าข้างขวา ศาลาอนุสาวรีย์พระนางมหาเทวีจิรประภา วัดโลกโมฬี ค่ะ

	2009-4-19 16:00 อัปโหลด ดาวน์โหลด (52.45 KB) รูปพระแม่กวนอิม มหาโพธิสัตว์ (อวโลกิเตศวร) วัดโลกโมฬี ประดิษฐานด้านหน้าข้างซ้าย ศาลาอนุสาวรีย์พระนางมหาเทวีจิรประภาค่ะ

	2009-4-19 15:58 อัปโหลด ดาวน์โหลด (63.3 KB) เรามากราบนมัสการพระแม่จิรประภามหาเทวีพร้อมกันนะคะ (มหาเทวีจิรประภา วันทามิ สิระสา สะทาโสทถี ภะวันตุ เมฯ ข้าพเจ้าขอไหว้พระแม่จิรประภาด้วยความนอบน้อม ขอความสวัสดีจงมีแก่ข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อเทอญ)

	2009-4-19 15:56 อัปโหลด ดาวน์โหลด (58.03 KB) ประวัติพระแม่จิรประภามหาเทวี หรือพวกเราลูกหลานหลวงพ่อพระราชพรหมยาน คงรู้จักพระนามของพระแม่จิรประภามหาเทวีว่า ท่านแม่เล็ก พระแม่จิรประภามหาเทวี (มหาเทวี เป็นคำเรียกผู้ที่เป็นพระมเหสีของกษัตริย์รัชกาลก่อน และเป็นพระมารดาของกษัตริย์รัชกาลต่อมา) เป็นมเหสีของพญาเกศ หรือพญาเกศเชษฐราช กษัตริย์ราชวงศ์มังรายลำดับที่ ๑๒ และ ลำดับที่ ๑๔ (เพราะครองราชย์ ๒ ครั้ง ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๐๖๘-๒๐๘๑ และครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๐๘๖-๒๐๘๘) มีโอรส ๒ องค์ คือ ท้าวชาย หรือชายคำ และเจ้าจอมเมือง เมื่อพญาเกศครองราชย์ครั้งแรกนั้น พระองค์มีนโยบายที่จะรวบอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง ทำให้ขุนนางกลุ่มหนึ่งซึ่งมีหมื่นสามล้านเป็นผู้นำไม่พอใจ ขุนนางกลุ่มนี้จึงคิดก่อการกบฏ แต่พญาเกศทรงทราบเสียก่อน หมื่นสามล้านถูกประหารชีวิต จึงยิ่งเพิ่มความขัดแย้งมากขึ้น กระทั่ง พ.ศ. ๒๐๘๑ พญาเกศก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งกษัตริย์และถูกส่งไปครองเมืองน้อย ส่วนเมืองเชียงใหม่นั้นขุนนางได้ตั้งท้าวชายขึ้นเป็นกษัตริย์แทน แต่พระองค์ครองราชย์ได้เพียง ๖ ปี ก็ถูกปลงพระชนม์ เมื่อ พ.ศ. ๒๐๘๖ แล้วขุนนางก็ไปเชิญเสด็จพญาเกศมาปกครองเมืองเชียงใหม่ อีกครั้งหนึ่ง แต่อีก ๒ ปีต่อมา คือ พ.ศ. ๒๐๘๘ พญาเกศก็ถูกขุนนาง ซึ่งมีแสนคราวเป็นผู้นำปลงพระชนม์ในช่วงที่แผ่นดินล้านนาว่างกษัตริย์นี้ บ้านเมืองมีแต่ความวุ่นวาย ขุนนางแตกแยกเป็นหลายกลุ่ม และต่างก็แย่งชิงอำนาจกัน โดยพยายามสนับสนุนคนของตนขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่ในที่สุดกลุ่มเชียงแสน ซึ่งประกอบด้วย เจ้าเมืองเชียงแสน เจ้าเมืองเชียงราย เจ้าเมืองลำปาง และเจ้าเมืองพาน สามารถกำจัดกลุ่มแสนคราวได้ จึงได้ไปเชิญเสด็จพระไชยเชษฐาธิราช แห่งอาณาจักรล้านช้าง มาเป็นกษัตริย์เชียงใหม่ ต่อมา พ.ศ. ๒๐๘๘ ระหว่างรอการเสด็จมาของพระไชยเชษฐาอยู่นี้ บรรดาขุนนางได้เชิญมหาเทวีจิรประภาขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองเชียงใหม่ สันนิษฐานว่าขณะนั้นมหาเทวีจิรประภาคงมีพระชนมายุราว ๔๕ ชันษา พ.ศ. ๒๐๘๘ พระไชยราชาธิราชแห่งกรุงศรีอยุธยายกทัพมาตีเชียงใหม่ มหาเทวีเห็นว่าจะสู้ไม่ได้ จึงใช้ยุทธวิธีแต่งบรรณาการไปถวายและต้อนรับด้วยสัมพันธไมตรี โดยเชิญเสด็จพระไชยราชาประทับที่เวียงเจ็ดลิน ทำให้เชียงใหม่รอดพ้นจากภัยสงครามไปได้ต่อมา ในปลายปีนั้นเอง กองทัพจากเมืองนายและเมืองยองห้วยยกมาตีเชียงใหม่ มหาเทวีสั่งให้กองทัพเชียงใหม่สู้ศึกเต็มที่ ข้าศึกล้อมเชียงใหม่นานเดือนเศษจึงล่าถอยไป เนื่องจากในช่วงปีนี้มีข้าศึกยกทัพมาประชิดถึง ๒ ครั้ง ทำให้มหาเทวีต้องขอกำลังจากล้านช้างให้มาช่วย ซึ่งกองทัพล้านช้างก็ได้ช่วยทำศึกอย่างเต็มความสามารถ โดยใน พ.ศ. ๒๐๘๙ พระไชยราชาได้ยกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่และลำพูนอีก มหาเทวีพยายามเจรจาขอเป็นไมตรี แต่ไม่สำเร็จ เมืองลำพูนถูกตีแตก ในขณะที่เมืองเชียงใหม่สามารถต้านทัพอยุธยาไว้ได้ กองทัพอยุธยาจึงล่าถอยไป ปลายปี พ.ศ. ๒๐๘๙ หลังศึกสงครามกับอยุธยา เมื่อพระไชยเชษฐาธิราชเสด็จมาถึงเชียงใหม่ มหาเทวีจิรประภาในฐานะผู้รั้งเมือง จึงทรงสละราชสมบัติทันที และเมื่อพระไชยเชษฐาเสด็จกลับเพื่อไปครองล้านช้าง ในปี พ.ศ. ๒๐๙๐ พระองค์หวังจะให้มหาเทวีรักษาเมืองอีกครั้ง แต่มหาเทวีปฏิเสธ ไม่ปรากฏในหลักฐานใดๆ ว่ามหาเทวีจิรประภาสิ้นพระชนม์เมื่อใด อย่างไรก็ตาม อาจกล่าวได้ว่า แม้จะเป็นเวลาเพียงปีเศษ ที่มหาเทวีจิรประภาได้ปกครองเมืองเชียงใหม่ แต่มหาเทวีก็สามารถรักษาเมืองให้รอดพ้นจากภัยพิบัติได้ ทั้งนี้ก็เพราะความรู้ความสามารถของมหาเทวีจิรประภานั่นเองค่ะ

	2009-4-19 15:54 อัปโหลด ดาวน์โหลด (58.54 KB) รูปพระแม่จิรประภามหาเทวี ประดิษฐานภายใน ศาลาอนุสาวรีย์พระนางมหาเทวีจิรประภา วัดโลกโมฬี ค่ะ

	2009-4-19 15:52 อัปโหลด ดาวน์โหลด (56 KB) ศาลาอนุสาวรีย์พระนางมหาเทวีจิรประภา กษัตริยาล้านนา (พ.ศ. ๒๐๘๘-๒๐๘๙) วัดโลกโมฬี ค่ะ

	2009-4-19 15:50 อัปโหลด ดาวน์โหลด (72.38 KB) ฐานอาคาร ภายใน วัดโลกโมฬี อยู่ด้านข้าง พระบรมธาตุเจดีย์ค่ะ

	2009-4-19 15:47 อัปโหลด ดาวน์โหลด (80.38 KB) ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง ข้าพเจ้าขอกราบนอบน้อม บูชาพระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงเสียสละสั่งสมบารมีนับชาติมิถ้วน ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ประกาศธรรมนำเวไนยสัตว์ออกจากสังสารวัฏ พร้อมกราบพระธรรม  และพระอริยสงฆ์ ขอตั้งสัจจะอธิษฐานด้วยอานิสงส์ผลแห่งบุญนี้ จงเป็นปัจจัยให้ได้ถึงซึ่งพระนิพพานแม้ต้องเกิดในทิพย์จุติใดๆ ขอเกิดภายใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนา ได้พบสัตบุรุษผู้รู้ธรรมอันประเสริฐมีกรรมสัมพันธ์ที่ดี ได้เกิดท่ามกลางกัลยาณมิตร ห่างไกลจากพาล มีโอกาสฟังธรรมประพฤติธรรม จนเป็นปัจจัยให้เจริญด้วยสติและปัญญาญาณ ตามส่งชาตินี้และชาติต่อๆไป จนถึงพระนิพพานในกาลอันควรเทอญ กรรมใดๆที่ล่วงเกินต่อพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ และสรรพสัตว์ทั้งหลายในอดีตชาติก็ตามปัจจุบันชาติก็ตาม กราบขออโหสิกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น ขออุทิศกุศลผลบุญให้แต่ท่านผู้มีพระคุณ ญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร ตลอดจนท่านที่ขวนขวายในกิจที่ชอบในการดำรงรักษาไว้ซึ่งประเทศชาติ  พระพุทธศาสนา และองค์พระมหากษัตริย์ทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ ขอให้ท่านทั้งหลายดังกล่าวนามมานั้นจงมีแต่ความสุขฯ ทั่วกันทุกท่านเทอญ