แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: Mr_Romeo
go

วัดพระธาตุสุนันทา (ดอยแม่หม้าย) ต.แม่หอพระ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ (พระเกศาธาตุ) [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

DSC03633.jpg




ประวัติพระธาตุสุนันทา วัดพระธาตุสุนันทา (ดอยแม่หม้าย) (ต่อ)

......ในส่วน ตำนานเมืองเกศคันธนคร (เมืองแกน) พระมหาหมื่น วุฑฒิญาโน คัดเมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๗๐ แปลโดย คุณสงวน โชติสุขรัตน์ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๓ มาจากต้นฉบับเดิมเป็นอักษรธรรม ซึ่งคัดลอกมาจากหนังสือตามรอยพระพุทธบาท ฉบับรวมเล่ม ๒ โดย พระชัยวัฒน์ อชิโต หน้า ๑๗๔-๑๗๖ และข้าพเจ้าค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม เรียบเรียงใหม่ ว่า...

“สมัยหนึ่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดาพร้อมด้วยพระสาวกได้เสด็จมาถึง บ้านธัมมิละ พอชาวบ้านทั้งหลายรู้ว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาถึง จึงได้ตกแต่งอารามในร่มไม้ยาง แล้วจึงนิมนต์พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่นั้น ๓ วัน เพื่อได้ถวายไทยทานและอาหาร พร้อมกับทำอาสนะถวาย

เมื่อพระพุทธองค์สถิตสำราญอยู่บนอาสนะนั้นแล้ว จึงผินพระพักตร์ไปทางทิศอุดรทอดพระเนตรเห็น เขาวิบูลม่อนจอมหด (คือม่อนหินไหล) ท่านครูบาขาวปี คงจะทราบประวัติดี ถึงได้ขึ้นไปสร้างพระธาตุไว้บนยอดเขาที่สูงที่สุดเป็นอันดับ ๓ ของประเทศ) และ แม่น้ำสงัด (ปัจจุบันเรียกว่า “แม่น้ำงัด”) เพราะที่แห่งนั้นราบเตียนดี

ในขณะนั้น พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์ พระอานนท์จึงกราบทูลถามถึงเหตุนั้น องค์สมเด็จพระภควันต์จึงตรัสตอบว่า ในสถานที่นี้ควรไว้ศาสนา แล้วจึงได้ประทานพระเกศา ๑ เส้น ให้บรรจุไว้จะมีชื่อว่า อุโมงคอาราม ต่อไปข้างหน้าเรียกว่า ศรีคมคำแสนทอง

ต่อมาพระองค์เสด็จไปถึงเขาแห่งหนึ่งบ้านธัมมิละ ได้ประทับอยู่ใต้ร่มไม้ชมพู่ต้นหนึ่งที่อยู่ริมห้วย เวลานั้น พระยาธัมมิละ, ขุนอ้ายบ่อทอง, กับ ขุนอุตระกาจแก้ว ได้เข้าไปถวายภัตตาหารกับน้ำเมี่ยง (น้ำชา) และผลมะตูม

ในขณะนั้น พระองค์จึงตรัสแก่พระอานนท์ว่า ในที่นี้ควรไว้ที่ศาสนา แล้วจึงได้ประทานพระเกศา ๑ เส้น บรรจุไว้ที่นั้นให้ชื่อว่า เจรุวรรณอาราม เรียกนามตามที่มีผู้เอาน้ำเมี่ยงและมะตูมเข้าไปถวาย และทำมณฑปด้วยเด็ดไม้แลใบไม้ กาลข้างหน้าจะเรียกชื่อว่า เมืองเกศคันธนคร ต่อไปจึงเรียกว่า เมืองแกน (ปัจจุบันนี้อยู่ที่ ต.ช่อแล อ.แม่แตง)

ส่วนที่ลำห้วยนั้น เรียกว่า “แม่หอเด็ด” ต่อไปข้างหน้าจะเรียกว่า “แม่หอพระ” “(บ้านแม่หอพระ ต.แม่หอพระ อ.แม่แตง) ขณะนั้นขุนอ้ายและขุนตระพร้อมด้วยคนทั้งหลายจึงกราบทูลขอบรรจุพระเกศาไว้ที่นั้น

พระองค์จึงทรงตรัสว่า ต่อไปข้างหน้าถ้าพระองค์นิพพานไปล่วงแล้วได้สองพันปลาย ท้าวพระยาทั้งหลายจึงจะคิดสร้างได้ และบ้านเมืองก็จะเจริญรุ่งเรืองไปด้วยบุญบารมีของพระองค์ที่ได้ตรัสโปรดธัมมิละและขุนทั้งหลายที่ไปตักน้ำห้วยฝ้ายมาให้พระองค์สรง

ขณะนั้นพระองค์ทรงทอดพระเนตรไปเห็นต้นไม้ยังแลต้นหนึ่งอยู่ริมแม่น้ำระมิงค์ดูพุ่มพวงสวยงาม สถานที่นั้นก็ราบเตียนดียิ่งสมควรจะได้ตั้งศาสนา พระอานนท์จึงกราบทูลถามว่า พระองค์จะเสด็จไปสู่ที่ต้นไม้ยังแลหรือพระพุทธเจ้าข้า?

พระพุทธองค์จึงตรัสตอบว่า เธอจงพาพระสงฆ์ทั้งหลายไปเถิด แล้วพระองค์จึงเอาน้ำสระเกศเกล้ากับฝ่าพระบาทแก้ว ให้พระอานนท์และภิกษุทั้งหลายนำมาไว้ริมต้นไม้ยังแลนั้น

ฝ่ายขุนจอมใจเด็ดกับภรรยาที่มีชื่อว่า สุนันทา เข้ามากราบนมัสการพระอานนท์กับพระภิกษุทั้งหลาย แล้วได้ทำอาสนะที่ประทับและเอาน้ำเย็นมาถวาย แล้วขุนจอมใจเด็ดกับผู้คนทั้งหลายช่วยกันขุดเป็นหลุมกว้าง ๕ ศอก ลึก ๕ วา

พอเสร็จแล้วก็เอา ธาตุน้ำพระเกศ กับ ฝ่าพระบาท ลงบรรจุไว้แล้วปิดด้วยหินและอิฐแล้วให้ชื่อว่า “อุปางาม” ขณะนั้น ขุนจอมใจเด็ด, ขุนอ้าย, ขุนอุตระกาจแก้ว ประณมหัตถ์ขึ้นนมัสการว่า จะขอสร้างและก่อพระธาตุให้เป็นฐานขึ้น

พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ต่อไปในกาลข้างหน้า ถ้าตถาคตปรินิพพานไปแล้วได้สองพันปลาย ท่านทั้งหลายจึงควรสร้างพระธาตุนี้ แล้วพระพุทธองค์ก็เสด็จไปซ้อนรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าที่ล่วงไปแล้ว ๓ พระองค์ ณ “ดงปาย” (สถานที่นี้น่าจะเป็นพระพุทธบาทสี่รอย)

ขุนจอมใจเด็ด, ขุนอ้าย, ขุนอุตระกาจแก้ว พอได้บรรจุพระธาตุไว้แล้ว ต่างก็มีความชื่นชมยินดียิ่งนัก ชวนกันสักการบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียนทุกวันคืนมิได้ขาด คนเหล่านี้เมื่อตายไปแล้ว ก็ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อหมดบุญแล้วก็ได้มาเกิดในเมืองเกศคันธนคร เมื่อพุทธศักราช ๒๐๕๐ จะได้สร้างพระธาตุ บางคนก็ได้บวชเป็นพระภิกษุ บางคนจะได้เป็นอุปราช บางคนจะได้เป็นอุบาสกอุบาสิกา

แล้วจะได้ประชุมสงฆ์สร้างพระธาตุความเจริญรุ่งเรืองจะเกิดขึ้นในเมืองนี้ เมืองเกศคันธนครนี้ ให้ชื่อตามเหตุที่พระองค์ได้ฉันภัตตาหารกับไว้เกศาฝ่าพระบาท และน้ำสระพระเกศเกล้าของพระองค์ ตามที่พระยาธัมมิละได้ถวายน้ำเมี่ยงกับผลมะตูม

เมืองจึงได้ชื่อว่า เมืองคั่งแค้น (ชาวเหนือเรียกว่า เมืองกั่งแก้น แล้วต่อมาก็เรียกว่า เมืองแกน) กับพระยาธัมมิละทำอาสนะและที่ประทับให้แก่พระอรหันต์ด้วยใบไม้แลเด็ดไม้นั้น ได้ชื่อว่า แม่หอพระ ส่วนกุศลเมื่อผู้ใดได้สร้าง พระธาตุจอมหด, พระธาตุม่อนจอมหิน และฝ่าพระบาทแก้ว ผู้นั้นจะได้เกิดร่วมกับพระรัตนตรัย จะได้ถึงพระอรหันต์แลนิพพานในที่สุด...”

ตามตำนานเล่าไว้เพียงเท่านี้ พอสรุปได้ว่า สถานที่พระพุทธเจ้าประทานพระเกศาธาตุบรรจุไว้มีชื่อว่า อุโมงคอาราม และ จารุวรรณอาราม ส่วนน้ำที่สระพระเศียรและฝ่าพระบาทของพระองค์ คงจะกลายเป็นพระธาตุ แล้วให้บรรจุไว้มีชื่อว่า อุปางาม รวม ๓ แห่งด้วยกัน

ต่อมาครั้นมาถึงสมัยเจ้าเมืองอังวะ รู้ว่าบ้านเมืองเชียงใหม่และเมืองหริภุญชัยอุดมสมบูรณ์ด้วยข้าวน้ำและทรัพย์สิน จึงยกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่และเมืองหริภุญชัยไว้เป็นเมืองขึ้นของตน ส่วนพระยารามเหียรเจ้าเมืองอโยธยารู้ข่าวว่าเจ้าเมืองอังวะจะมาตีเมืองเชียงใหม่และเมืองหริภุญชัย  จึงรีบนำทหารม้าเร็วมารับพระนางจามเทวีและข้าทาสบริวารลงไปยังเมืองนครสวรรค์

ส่วนแม่นางสุนันทาซึ่งเป็นภริยาขุนจอมใจเด็ดไม่ยอมตามไป ก็ได้ขึ้นมาสักการะองค์พระธาตุที่เป็นที่นับถือของตนและชาวบ้านที่จะร่วมกันสร้างก็มีเหตุให้ต้องหยุดไปก่อน เพราะมีสงครามเกิดขึ้น โดยสามีของแม่นางต้องไปตั้งด่านรบกับข้าศึก แม่นางสุนันทาก็รำพึงคร่ำครวญถึงสามีของตนที่ต้องไปรบ พอครองสติได้ก็เก็บทรัพย์สินทั้งหลายแลของมีค่า รวมทั้งแก้วแหวนเงินทองใส่กระบอกใส่ไหนำให้บริวารช่วยกันไปฝังในอุโมงค์ (ถ้ำ) ที่ใกล้กับที่บรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า


เมื่อปิดเรียบร้อยแล้ว แม่นางจึงอธิษฐานวานอินทร์ พรหม ยมราช แม่ธรณีให้ปกป้องรักษา หากได้เกิดภพใดชาติใดขอให้ได้พบพระพุทธศาสนา และได้สร้างธาตุสมดังตั้งใจพร้อมกับสามีทุกชาติไป หลังจากนั้นแม่นางก็พาข้าทาสบริวารนำก้อนหินทับถมกันให้เป็นรูปพระธาตุขึ้น แล้วสักการะแล้วก็จากที่แห่งนั้นไป

ครั้นต่อมา หลังจากเจ้าเมืองอังวะยกทัพกลับ สงครามสงบ ขุนจอมใจเด็ดก็กลับบ้านไม่พบภริยาของตน ก็ออกตามหาจนทั่วไม่เจอ คิดว่านางเสียชีวิตไปแล้ว จึงพาพวกบริวารขึ้นไปสักการบูชาองค์พระธาตุที่พวกตนนับถือ พร้อมอธิษฐานกราบไหว้ให้บ้านเมืองอยู่ดีมีสุขตลอดถึงลูกหลาน และขอให้ตนได้พบพระพุทธศาสนา ได้สร้างพระธาตุ และพบภริยาของตนทุกภพทุกชาติเทอญ

เมื่อถึง พ.ศ.๒๐๕๐ บ้านเมืองเริ่มเจริญรุ่งเรือง ข้าวน้ำอุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง จึงได้ประชุมสงฆ์และชาวบ้านเพื่อที่จะสร้างองค์พระธาตุที่ก่อด้วยหินที่ทรุดโทรมไปแล้ว จึงสละเงินทองช่วยกันสร้างองค์พระธาตุขึ้นมาใหม่ แล้วใส่ชื่อสืบกันมาว่าแม่หม้ายได้สร้างไว้ จึงเรียกว่า “พระธาตุแม่หม้าย”

เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ.๒๔๔๔ ปีฉลู แรม ๘ ค่ำ องค์พระธาตุก็ได้ทรุดโทรมอีก ท่านครูบามโน มโนชัย ท่านก็ได้บูรณะขึ้นมาใหม่ แต่ก็ยังใช้ชื่อ “พระธาตุแม่หม้าย” เหมือนเดิมตามความเชื่อที่เรียกกันว่าแม่หม้ายเป็นผู้สร้าง

ครั้นต่อมาเมื่อวันพุธที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๖ ปีระกา แรม ๓ ค่ำ พระธาตุก็เริ่มทรุดโทรมลงอีก ท่านครูบาสิงโต  กิตติโสภโณ (พระสักขี  ไชยา) ได้มาบูรณะอีกครั้ง  พร้อมทั้งได้ศึกษาประวัติของพระธาตุแม่หม้ายอย่างละเอียด พบว่าผู้เริ่มสร้างไม่ใช่แม่หม้าย และเห็นว่าชื่อนี้ไม่ค่อยเหมาะสม จึงพิจารณาว่าควรเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดพระธาตุสุนันทาแม่หอพระ” และได้บูรณะพัฒนาวัดมาจนถึงปัจจุบันนี้



Rank: 8Rank: 8

DSC03636.jpg



DSC03630.jpg



พระธาตุสุนันทา วัดพระธาตุสุนันทา ครับ


DSC03647.jpg



ประวัติพระธาตุสุนันทา วัดพระธาตุสุนันทา (ดอยแม่หม้าย)

เดิมชาวบ้านเรียกว่า "พระธาตุแม่หม้าย" ประวัติของพระธาตุองค์นี้ ได้จากตำนานพระเจ้าเลียบโลก และผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสืบกันมาว่า ได้บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าไว้หนึ่งเส้นในเขตเมืองแกน สถานที่นั้นชื่อ "แม่หอเด็ด" เรียกนามตามชาวบ้าน ซึ่งทำมณฑปและอาสนะถวายพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ที่ติดตามเสด็จ และได้เด็ดไม้ (กิ่งไม้ใบไม้) จึงเรียกกันว่า "แม่หอเด็ด" ปัจจุบันเรียกว่า "แม่หอพระ"

..... ในกาลต่อมา พระเจ้ากรุงอังวะ ได้ยกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่และเมืองหริภุญชัย ชาวบ้านรู้ข่าวจึงพากันหนี พระยาเหียร พานางจามเทวี บุตรีของตนหนีไปนครสวรรค์ ส่วนนางสุนันทา ซึ่งสามีเป็นทหารรักษาการอยู่หน้าด่านเมืองดล ผู้ซึ่งมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก จึงได้นำเอาแก้วแหวนเงินทอง มาฝังไว้ ณ ที่ใกล้ๆ กับสถานที่ที่บรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า และได้สร้างเจดีย์ขึ้นครอบไว้ ชาวบ้านเห็นว่านางไม่มีสามี เข้าใจว่านางเป็นหม้าย จึงเรียกสืบกันมาว่า "พระธาตุแม่หม้าย"

..... กาลล่วงมาจนถึง วันเสาร์ที่ ๑๒ มกราคม ๒๔๔๔ แรม ๘ ค่ำ ปีฉลู ครูบามโนชัย และคณะศรัทธา ได้
ทำการบูรณะพร้อมบรรจุพระธาตุอรหันต์ แก้ว แหวน เงิน ทอง และได้จารึกแผ่นเงินประมาณ ๑ เมตร ไว้ในพระธาตุ เป็นหลักฐาน

......ต่อมา พระธาตุองค์นี้ชำรุดมาก ครูบาสิงห์โต กิตติโสภโณ (พระสักขี ไชยา) ได้บูรณะขึ้นอีกครั้งหนึ่ง วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๓๖ แรม ๘ ค่ำ ปีระกา และได้บรรจุ แก้ว แหวน เงิน ทอง พร้อม พระธาตุอรหันต์อีกจำนวนหนึ่ง และได้เปลี่ยนชื่อจาก "พระธาตุแม่หม้าย" เป็น "พระธาตุสุนันทา แม่หอพระ" ตั้งแต่นั้นมา

  

Rank: 8Rank: 8


DSC03574.jpg


DSC03577.jpg



ศาลาพระพุทธรูป อยู่ด้านซ้าย ป้ายชื่อ วัดพระธาตุสุนันทา ครับ


Rank: 8Rank: 8


DSC03576.jpg


วัดพระธาตุสุนันทา (ดอยแม่หม้าย) ตั้งอยู่ ตำบลแม่หอพระ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ธรณีสงฆ์ของวัดพระธาตุสุนันทา มี ๕๓ ไร่ ๘๓ ตารางวา

อาณาเขตติดต่อวัด
ทิศตะวันออก  จด  บ้านราษฎร
ทิศตะวันตก    จด  บ้านราษฎร
ทิศเหนือ        จด  ถนนเชียงใหม่-พร้าว
ทิศใต้            จด  ป่าสงวน


การเดินทางไปวัดพระธาตุสุนันทา ดูข้อมูลแผนที่จากเว็บ google ได้ตามลิงค์นี้ครับ

https://www.google.com/maps/place/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2/data=!4m2!3m1!1s0x30da107ec2fa86ed:0x121f1f30adbffa27?gl=TH&hl=th


DSC03571.jpg



ทางขึ้น/ลง วัดพระธาตุสุนันทา มี ๒ ทาง คือ บันไดนาค และทางขึ้นโดยรถ ครับ

ประวัติบันไดนาคทางขึ้น/ลง วัดพระธาตุสุนันทา สร้างโดยครูบาสิงห์โต กิตติโสภโณ และครอบครัวรุ่งเรืองธัญญา เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๐


‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-28 02:39 , Processed in 0.042260 second(s), 15 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.