แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 10305|ตอบ: 7
go

เที่ยวชม วัดพระธาตุแก่งสร้อย ตำบลบ้านนา อำเภอสามงา จังหวัดตาก [คัดลอกลิงค์]

Rank: 9Rank: 9Rank: 9

1.jpg

เที่ยวชม วัดพระธาตุแก่งสร้อย ตำบลบ้านนา อำเภอสามงา จังหวัดตาก
(ย้ายมาจากบอร์ดเก่า  โพสเมื่อ 17 มี.ค.2550 )


เป็นวัดเก่าแก่และมีความสำคัญยิ่งในแม่น้ำปิง วัดหนึ่งในแคว้นเขตดินแดนแห่งล้านนาไทย เป็นสมบัติเหนือเขื่อนภูมิพล ชิ้นสุดท้ายที่ยังได้เห็นอยู่จนทุกวันนี้ เวียงสร้อยหรือสร้อยเมืองเป็นดินแดนที่อยู่ในหุบเขาลำเนาไพร รถไม่สามารถเข้าไปได้ ใช้เส้นทางน้ำคือนั่งเรือไปอย่างเดียว และยังเป็นเส้นทางที่พระมหากษัตริย์หลายพระองค์ที่เคยเสด็จผ่าน เช่น พระแม่เจ้าจามเทวี วีระกษัตริย์แห่งล้านนาไทยที่เสด็จผ่านและเคยบูรณะวัดพระธาตุเมื่อพันกว่าปีก่อน จนถึงยุคแห่งกษัตริย์องค์สุดท้ายของเมืองแก่งสร้อย ทรงพระนามว่า "พยาปาตุมมะราช" ทรงสร้างบูรณะวัดวาอารามในเมืองสร้อยถึง ๙๙ วัด ต่อมาในปี พุทธศักราช ๒๔๖๗ พระครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชัยโย นักบุญอมตะแห่งล้านนาไทยได้มาบูรณะปฏิสังขรณ์อีกครั้งหนึ่ง ต่อมาองค์พระบรมธาตุได้ทรุดโทรมไป จนถึงปี พุทธศักราช ๒๕๓๗ พระครูบาเจ้าชัยยะวงษาพัฒนา จันทวังโส ผู้สืบสายทายาทนักบุญอมตะแห่งล้านนาไทยได้มาบูรณะปฏิสังขรณ์องค์พระบรมธาตุเจดีย์ สืบสายบูรพาจารย์มาจนถึงทุกวันนี้

อจะริโย โพธิสัตว์ โตสิระสานะ มามิ สาธุๆๆ
พระป่านิกร ชัยยะเสโน
วันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๓

***จากรูปจะเห็นบันไดปูนที่กำลังกอสร้างใหม่ เพราะว่าบันไดเก่าได้พังทลายลงเพราะน้ำท่วม คณะของคุณวิชัยและเพื่อนๆจึงร่วมกันมาร่วมบุญเพื่อทำการก่อสร้างบันไดขึ้นใหม่ โมทนาสาธุด้วยครับ


2.jpg

ป้ายตรงทางขึ้นวัด

3.jpg

ตำหนักสมเด็จพระเจ้าตากสิน จะอยู่ตรงทางขึ้นบันไดที่จะไปองค์พระบรมธาตุ

4.jpg

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

5.jpg

เดี๋ยวผมจะพาขึ้นไปไหว้องค์พระบรมธาตุก่อนนะครับ

6.jpg

บริเวณลานด้านบนจะมีพระอุโบสถจะอยู่ทางซ้ายมือเดี๋ยวไปกราบพระบรมธาตุที่อยู่หลังพระอุโบสถกันก่อน ค่อยเข้าไปกราบพระภายในพระอุโบสถครับ

7.jpg

ประวัติพระมหาธาตุแก่งสร้อย ต.บ้านนา อ.สามเงา จ.ตาก
http://www.dannipparn.net/web/pratttas/pratta3mini1.html

8.jpg

ระหว่างพระมหาธาตุและพระอุโบสถจะมีเจดีย์น้อยอีกองค์หนึ่ง

9.jpg

พระพุทธรูปองค์นี้จะอยู่ที่ซุ้มทางซ้ายขององค์พระมหาธาตุครับ(หันหลังให้องต์พระมหาธาตุ)

10.jpg

หน้าต่างพระอุโบสถ...

ที่ทางเข้าพระอุโบสถจะมีประกาศห้ามเขียนไว้ว่า...

ประกาศห้าม
เนื่องด้วยวัดพระธาตุเกษสร้อย ตามที่ประวัติเดิมแต่ก่อนมีครูบาเจ้าชัยลังก๋าและครูบาเจ้าศรีวิชัยบอกให้ลูกศิษย์ว่าจะมาสร้างพระธาตุเจ้าหรือว่ามาทำงานและมากราบไหว้พระธาตุ ต้องมาไหว้พระรับศีล ๕ ศีล ๘ พระภิกษุก็ต้องปงอาบัติก่อน สามเณรก็ต้องสมศีลที่วัดขยนกยูงนี้ก่อนแล้วขึ้นไหว้ไปกราบสักการะบูชาพระธาตุพระบาทจงภักดี ห้ามเอาเหล้า เนื้อปลาไปกินในบริเวณวัดพระธาตุพระเกษสร้อยและพระบาทแก่งจ๋าง และห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตสัตว์ทุกอย่าง ถ้าใครทำผิดล่วงละเมิดพวกเทวดาและฤๅษีรักษาพระธาตุพระบาทเจ้าแห่งนี้ ไม่พอใจ ถ้าใครทำผิด ถ้าไม่ตายก็ป่วยใหญ่ ฉะนั้นต่อไปพวกญาติโยมทั้งหลาย ขึ้นไปฆ่าสัตว์และกินเหล้า กินเนื้อ ปลาอาหารที่มีชีวิตทุกชนิด ถ้าทำไปก็เป็นบาปอันหนักนั้นต่อไปญาติโยม จะขั้นไปทำบุญก็ให้ตั้งใจเอาบุญจริงๆ ก็จะได้บุญมาก อย่าไปทำบุญแกมบาปไม่ดี

นามพระครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระบาทห้วยต้ม
จำคำครูบาอาจารย์มาบอกให้ญาติโยมรู้ต่อไป กันยายน ๒๕๔๑

Rank: 9Rank: 9Rank: 9

1.jpg

พระประธานภายในพระอุโบสถ

2.jpg

ตู้ใส่วัตถุมงคลสำหรับให้บูชาจะอยู่ที่ภายในพระอุโบสถที่เดียวครับ

3.jpg

มองลงจากหน้าพระอุโบสถไปไกลๆจะเห็นพระพุทธรูปสีขาว เดี๋ยวเราจะไปทางนั้นกันนะครับ เพื่อไปกราบรอยพระหัตถ์และรอยพระพุทธบาทกัน ต้องเดินลงบันไดย้อนกลับทางเดิม

4.jpg

เดินย้อนกลับมาทางเดิม(เดินลงบันไดผ่านตำหนักสมเด็จพระเจ้าตากสินกลับลงมา)จะเห็นศาลาอยู่ทางซ้ายคือศาลาศรัทธาธรรมสร้างเมื่อ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๙ ส่วนทางขวาจะเป็นกุฎิไม้

5.jpg

พระพุทธรูปภายในศาลาศรัทธาธรรม

6.jpg

เดินตามทางไปเรื่อยๆจะเห็นพระอุโบสถน้ำอยู่ทางซ้ายมือครับ

7.jpg

ถ้ำพยัคฆโคธา
พระพุทธองค์ทรงเสด็จไปทางดอยด้านทิศตะวันตกไปทางลำห้วยบก ๕๐๐ วาขณะนั้นมีเสือโคร่งเฒ่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำ เมื่อเห็นพระพุทธองค์เสือโคร่งตัวนั้นก็ได้หมอบลงกับพื้นดิน กระทำหารสักการะพระองค์ พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า " ดูก่อน ภิกขุทั้งหลาย เมื่อตถาคต ปรินิพพานไปแล้วศาสนาของพระตถาคต จะได้มาตั้งไว้ ที่นี้ " ถ้ำนี้จึงมีชื่อว่า ถ้ำเสือ - ถ้ำพยัคฆโคธา



8.jpg

ถึงแล้วครับพระพุทธรูปขาว ที่ผมกริ่นไว้ในตอนแรกแวะกราบท่านก่อนครับ

เพราะเราต้องไปต่ออีก.....ใช้เวลาเดินจากที่นี่ไปถึงรอยพระหัตถ์และรอยพระบาทประมาณ ๑ ชั่วโมงกว่า ครับ(รวมเวลาทั้งไปและกลับ) บางคนอาจจะเดินได้เร็วกว่านี้ แต่ตอนที่ผมไปด้วยมีคนสูงอายุตามไปด้วย ประกอบกับทางเดินค่อนข้างชันและลื่นมาก และเป็นพื้นดินฝุ่นที่ไม่มีบันไดเลย(จะมีบันไดก็ตอนไปถึงรอยพระพุทธบาทแล้ว)เลยต้องคอยช่วยคอยพยุงกัน คุณยายที่ไปด้วยท่านก็น่ารัก ยอมถอดรองเท้าเดินเพราะทางเดินลาดชัน บางทีก็คอยพยุงกันเองจนไม่รู้ว่าใครพยุงใครดูแล้วก็น่ารักดีอีกแบบ


9.jpg

เดี๋ยวผมจะพาขึ้นไปกราบรอยฝ่ามือก่อนนะครับ เพราะใกล้กว่า รอยพระพุทธบาทนั้นต้องขึ้นไปเขาอีกลูกหนึ่งจึงจะถึงครับ

10.jpg

ศาลารอยฝ่ามืออยู่ลิบๆไม่ไกลแต่ทางค่อนข้างชันจึงต้องอาศัยเดินเลาะข้างๆรอบเขาขึ้นไปเรื่อยๆเอา ช้าหน่อยแต่ปลอดภัยกว่า

Rank: 9Rank: 9Rank: 9

1.jpg

ถึงแล้วครับกว่าจะขึ้นไม่ได้(ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าตอนลงจะลงยังไงเหอๆๆ) แต่ก็ชื่นใจครับที่ขึ้นมาถึง

2.jpg

รอยพระหัตถ์

ปิดทองและพรมน้ำปรุงหอมๆเสร็จแล้ว เราจะไปขึ้นเขาอีกลูกกันครับ ต้องทำเวลาหน่อยเพราะว่าจะมืดแล้ว เอ่อถ้าใครทราบว่าเป็นรอยประทับมือของพระองค์ไหนช่วยบอกด้วยนะครับเพราะผมเองก็ไม่ทราบ -*-

ปล.บนเขาไม่มีไฟ และไม่มีใครมีไฟฉายสักคน หึหึ (มีคนหนึ่งในทีมที่ไปด้วยกันบอกว่าเอาไฟมือถือส่องทางก็ได้สว่างดี เหอๆๆช่วยได้มากเลย แสงกระติ๊ดส่องหน้าตัวเองยังไม่เห็นเลย เอิ๊กๆๆๆ)



3.jpg

ด้านหลังศาลารอยฝ่าพระหัตถ์จะมีเจดีย์สีขาว มีข้อความเขียนเก่าๆไว้ด้านล่างว่า "วัดพระธาตุจ๋อมคีรี พุทธสถานโบราณเมืองสร้อย"


4.jpg

ในที่สุดก็เดินทางถึงเขาอีกลูก ใช้เวลาเดินไม่นานนักเพราะไม่ค่อยชันเหมือนเขาลูกแรก ด้านหน้าทางขึ้นบันไดไปรอยพระพุทธบาทจะมีศาลาเล็กๆ อยู่สองหลัง รูปนี้เป็นศาลาที่ใกล้ทางขึ้นที่สุดครับ

5.jpg

แวะกราบพระพุทธรูปภายในศาลา

6.jpg

เดินขึ้นบันไดไปอีกไม่เยอะเท่าไหร่ครับก็จะถึงพระบาทแล้ว

11.jpg

มณฑปครอบรอยพระพุทธบาท

7.jpg

รอยพระพุทธบาทแก่งสร้อย
หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย

8.jpg

ปิดทองและพรมน้ำปรุงเป็นพุทธบูชากันเป็นการใหญ่

9.jpg

พอลงมาก็ยืนปรึกษากันสักพักว่าจะไปต้องอีกศาลาดีไหม แต่เนื่องจากมืดมากแล้ว และมีคนสูงอายุตามมาด้วยอาจจะเกิดอันตรายได้เพราะช่วงพลบค่ำสัตว์เลื้อยคลานเริ่มออกหากิน อีกทั้งไม่มีไฟบอกตำแหน่งทางกลับวัด และพระจันทร์ขึ้นแล้ว มีสมาชิกบางคนกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าใช้ตามองหาทาง เพื่อพาคณะเดินกลับมาถึงวัดครบทุกคนโดยไม่หลงทาง   ขากลับมืดมากครับเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะแสงแฟลตไม่มากพอ

10.jpg

รูปนี้เป็นศาลาที่ยังไม่ได้ไปครับเพราะมืดมาก จึงได้แต่ถ่ายรูปเก็บไว้ -*- หากมีโอกาสคงได้กลับมาอีก

Rank: 9Rank: 9Rank: 9

1.jpg

รูปนี้เป็นรูปที่ถ่ายจากบนยอดเขาที่มีรอยฝ่ามือครับจะเห็นวิหารพระพุทธบาทอยู่บนเขาอีกลูก เพื่อจะได้พอมองกะระยะทางจากรอยฝ่าพระหัตถ์ไปยังรอยพระพุทธบาทได้(แต่ตอนที่ถ่ายยังไม่มืดเหมือนตอนไปถึงครับ)

2.jpg

หลังจากกลับที่พักเพื่อรับประทานอาหารแล้วก็ทำภารกิจส่วนตัวเข้านอน

พอตื่นเช้าปุ๊บก็ขึ้นเขาเพื่อไปร่วมพิธีบวงสรวงหลังจากนั้นก็เดินนมัสการสิ่งศักดิ์บริเวณวัดกันต่อครับ

รูปนี้คือศาลาชัยยะลังกานุสรณ์ ภายในศาลานี้จะมีรอยประทับฝ่ามือและฝ่าเท้าของครูบาเจ้าชัยยะลังกาอยู่ที่ใกล้ฐานพระพุทธรูปครับ



3.jpg



ภาพรอยมือและรอยเท้าครูบาอาจารย์ถ่ายภาพโดยคุณ oyoyo554

8.jpg

รอยมือ รอยเท้า ครูบาเจ้าศรีวิชัย

เนื่องจากตอนที่ข้าพเจ้าไปที่ศาลานี้นั้น มีพี่ 2 คน เข้าไปกราบและข้าพเจ้าก็ตามเข้าไปกราบด้วย เห็นพี่เค้าถ่ายรูป ข้าพเจ้าก็ถ่ายด้วย

ได้ยินพี่เค้าคุยกันว่า เราจะไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นหรือได้กราบรอยมือหรือรอยเท้าของพระโพธิสัตว์

ก็จึงนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันค่ะ



9.jpg

รอยมือ รอยเท้า ครูบาชัยยะลังก๋า

10.jpg

รอยมือ รอยเท้า ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา

4.jpg

จากนั้นก็เดินเลยไปทางด้านข้างทางซ้ายจะเป็นทางไปบ่อน้ำทิพย์ครับ

5.jpg

เดินอ้อมด้านหลังเจดีย์สีขาวเป็นจะเห็นทางไม้ไผ่กั้นอยู่ ผู้หญิงห้ามเข้าครับ อิอิ

6.jpg

เดินไปด้านหลังไม่ไกลประมาณ๑๐-๒๐ เมตร จะพบบ่อน้ำแต่จะมีสังกะสีปิดอยู่

7.jpg

บ่อน้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์

วัดพระธาตุเกศสร้อย(แก่งสร้อย) และเมืองสร้อยแห่งนี้ เมื่อปีพุทธศักราช ๑๒๐๐ ทางเมืองหริภุญชัย ได้ทูลเชิญเจ้าแม่จามเทวีขึ้นมาครองเมืองหริภุญชัยได้เดินทางมาตามน้ำปิงขึ้นเรื่อยมาจนถึงเมืองสร้อยแล้วก็หยุดพักบูรณะวัดพระธาตุแก่งสร้อยและวัดวาอารามในเมืองสร้อยให้เจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง

เมืองสร้อยได้เจริญรุ่งเรืองมาเรื่อยๆจนถึงยุคเจริญที่สุดของกษัตริย์องค์สุดท้ายพระนามว่า "พระยาปาตูมมะราชบรมกษัตริย์" ตรัสสั่งให้บูรณะวัดต่างๆ และสร้อยขึ้นใหม่มีถึง ๙๙ วัด แล้วทรงสถาปนาเมืองสร้อยเป็นเมืองนพบุริศรีนครสร้อยได้ทำการฉลองสมโภช เป็นเวลา ๑ เดือน

......จนถึง พุทธศักราช ๒๓๑๐ บ้านเมืองได้เกิดภัยสงคราม กษัตริย์ทางอโยธยาได้ต้อนเอาคนเมืองสร้อยไปช่วยทำสงคราม เมืองสร้อยจึงร้างตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เมืองสร้อยได้ถูกทอดทิ้งไปนานจนกลายเป็นเมืองร้างจนถึง พุทธศักราช ๒๔๖๗ ปีชวดวันพฤหัสบดี เดือน ๔ เหนือขึ้น ๖ ค่ำ จุลศักราช ๑๒๘๖ ตั๋วปี ครูบาเจ้าชัยยะลังก๋าอรัญญาวาสีมหาเถระและครูบาเจ้าศรีวิชัยเถร สองอาจารย์เจ้าได้เป็นประธานพร้อมด้วยศิษย์โยมเริ่มก่อสร้างองค์พระธาตุเจ้าแก่งสร้อยขึ้นใหม่

การก่อสร้างพระธาตุได้ดำเนินงานไปอย่างต่อเนื่องจนถึง พุทธศักราช ๒๔๖๘ การก่อสร้างได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ครูบาเจ้าชัยยะลังก๋าอรัญญาวาสีมหาเถระ และครูบาเจ้าศรีวิชัยเถรได้ทำพิธียกยอดฉัตรองค์พระธาตุและบรรพชาอุปสมบทลูกศิษย์ของท่านอีก ๑๐ องค์ และฉลองสมโภชองค์พระธาตุเจดีย์เป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน


...เมื่อพระองค์ทรงประทับรอยพระบาทแล้วพระองค์ทรงทำนายไว้ว่าตามนิคมแห่งนี้
๑. พระพุทธองค์ทรงมอบพระเกศาให้ได้เพื่อเป็นที่กราบไหว้
๒. พระพุทธองค์ได้ทรงตั้งชื่อว่าถ้ำเสือ
๓. พระองค์ได้ทรงสรงพระวรกายในแม่น้ำ
๔. พระองค์ได้ประทับรอยพระบาทไว้และทรงรับน้ำฉันที่มีรสจืด ภายหน้าคนทั้งหลายจักเรียกว่ารอยพระบาทแก่งจ๋ายและชาวลั๊วะได้นำดอกสร้อยมาสักการะบูชารอยพระพุทธบาทและพระเกศาธาตุเมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้ว สถานที่นี้จักมีชื่อว่าเมืองสร้อยจะเป็นสถานที่เจริญรุ่งเรืองคนทั้งหลายในเมืองนี้จึงมีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาจะบริบูรณ์ไปด้วยโภคทรัพย์มากมายเมื่อศาสนาได้ ๗ ปี เมืองสร้อยนี้จะรุ่งเรือง.....

Rank: 9Rank: 9Rank: 9

ภาพที่คุณโยถ่ายไว้ครับ

12.jpg

11.jpg

Rank: 1

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Rank: 8Rank: 8

อนุโมทนาบุญทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการสักการะบูชาซึ่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และรอยพระพุทธบาท พระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ทุกประการนะคะ _/\_

Rank: 1

อนุโมทนาด้วยค่ะ พี่ธนา แต่เห็นบอกว่ามีสมาชิกบางคนกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า 5555555

‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-28 03:39 , Processed in 0.060600 second(s), 16 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.