แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 13366|ตอบ: 18
go

วัดป่าแดงหลวง (อโศการาม) ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (พระเกศาธาตุ) [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

DSC02437.jpg



วัดป่าแดงหลวง  (อโศการาม)

ต.สุเทพ  อ.เมือง  จ.เชียงใหม่  

[พระเกศาธาตุ]



Rank: 8Rank: 8

DSC02438.jpg



มหาธาตุเจดีย์ วัดป่าแดงหลวง (อโศการาม) ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ใกล้กับเฮือนป้อเลี้ยง ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ส่วนบุคคลค่ะ


Rank: 8Rank: 8

DSC02437.jpg



มหาธาตุเจดีย์  วัดป่าแดงหลวง (อโศการาม) บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ๑ เส้น ปัจจุบันมหาธาตุป่าแดงหลวงนี้ได้ร้างและพังทลายลงนานร่วม ๑๐๐ ปีหรือกว่านั้นได้ เพราะมีต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมด มองดูคล้ายภูเขาหรือจอมปลวกใหญ่ๆ ซึ่งกว้างใหญ่มาก ฐานกว้างประมาณ ๒๕ วา สูง ๑๐ วา สมเป็นมหาธาตุเจดีย์โดยแท้ ความยิ่งใหญ่คงเป็นรองจากพระบรมธาตุเจดีย์หลวง วัดเจดีย์หลวง สักเล็กน้อย ปัจจุบันเรียกว่า วัดเก้าถ้าน (ร้าง) จะเห็นแนวรั้วเสาปูน เรียงเป็นแถวทางขวามือ เริ่มที่เสาไฟฟ้าไปเป็นแนวฐานเจดีย์ ความสูงของซากเจดีย์ที่พังลงไปแล้ว ดูมุมขวามือที่ขีดเส้นสีขาวไว้ค่ะ


DSC02445.jpg



ตำนานมหาธาตุเจดีย์ วัดป่าแดงหลวง (อโศการาม)


จากตำนานพระเจ้าเลียบโลก
กล่าวว่า...สมเด็จพระชินสีห์เจ้า เสด็จพรากจากที่นั้น (วัดบุพพาราม) ในระหว่างทางทรงพบชีม่าน (นักบวชชาวพม่า) คือนักบวช ๒ รูป นุ่งผ้าน่าเกลียดยิ่งนัก นักบวชทั้งสองเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมา ก็ถวายอภิวาทและเอาบาตรถวายทานแก่พระพุทธองค์ ๒ ลูก พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายนุ่งผ้าน่าเกลียดยิ่ง ไม่เป็นสมณสารูปแม้แต่น้อย” ชีม่านทั้งสองรูปเลยบังเกิดความละอาย ก็เลยสึกจากเพศนักบวชนั้น ทูลขอบวชต่อพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ก็ทรงบวชให้ด้วยเอหิภิกขุ

แล้วตรัสแก่พระอินทร์ พระเจ้าอโศกราชและพระอรหันต์ทั้งหลายว่า “ต่อไปในภายภาคหน้าสถานที่นี้จักเป็นที่ที่กษัตริย์มหาศาล และเพราะสถานที่นี้ชีม่านสึกจากเพศนักบวชแบบเดิมอันไม่เรียบร้อยแล้วขอบวชใหม่ได้เป็นเอหิภิกขุเช่นนี้ สถานที่นี้จักเป็นเมืองชื่อว่า “อภินวนคร” คือเวียงเชียงใหม่ เหตุดังมานี้เมืองนี้จึงชื่อว่า “เมืองเชียงใหม่” จนถึงปัจจุบันนี้

เมื่อตรัสพยากรณ์เช่นนั้นแล้ว ก็เสด็จไปทางทิศตะวันออก มีลัวะ ๒ คนยิงกระทิง คือวัวเถื่อน เอาเนื้อมาย่างไว้ เขาทั้งคู่จึงนำข้าวและเนื้อกระทิงย่างนั้น ถวายแก่พระพุทธเจ้า พระองค์เสวยแล้วตรัสพยากรณ์ว่า “ต่อไปภายหน้า สถานที่นี้คนทั้งหลายจะมาสร้างอาราม จะปรากฏว่า “อโศการาม” ตามนิมิตที่ลัวะย่างเนื้อแห้งนั้นแล” พระอรหันต์และพระเจ้าอโศกราช จึงทูลขอพระเกศาธาตุหนึ่งองค์ อัญเชิญบรรจุไว้ในสถานที่นั้น และได้ปรากฏชื่อว่า “วัดอโศการาม” จนถึงกาลบัดนี้ (วัดป่าแดงหลวง ต.สุเทพ จ.เชียงใหม่)



DSC02446.jpg


มหาธาตุเจดีย์ วัดป่าแดงหลวง (อโศการาม) ปัจจุบันเรียกว่า วัดเก้าถ้าน หรือ เก้าถาน แปลว่า มีฐาน ๙ ชั้น เศรษฐี ๙ คนร่วมกันบูรณะองค์เดิม สร้างในสมัยพระเจ้าติโลกราช ได้อุปถัมภ์พระมหาเมธังกร สร้างในปี พ.ศ.๑๙๔๖ อยู่ในเขตวัดป่าแดงหลวงสมัยก่อน ซึ่งมีเนื้อที่ถึง ๔๐๐ กว่าไร่ บัดนี้รอบๆ มหาธาตุเจดีย์มีคนเข้าอยู่อาศัยเต็มไปหมด ที่สวนสุคันธา บ้านหลิ่งห้า หมู่ ๘ ต.สุเทพ ใกล้กับวัดอุโมงค์ ซึ่งชาวบ้านจองเป็นเจ้าของไปแล้วค่ะ


Rank: 8Rank: 8

DSC02440.jpg


ซากอิฐโบราณบนมหาธาตุเจดีย์ป่าแดงหลวง วัดป่าแดงหลวง (อโศการาม) ซากอิฐนี้ฝังอยู่รอบรากไม้ใหญ่ อยู่บนสุดที่พังลงมาและถูกลักลอบขุดกัน เข้าใจว่าปัจจุบัน “พระเกศาธาตุยังอยู่ใต้ฐานมหาธาตุเจดีย์นี้” ทางกรมศิลปากรน่าจะบูรณะซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ ให้มหาอารามทั้ง ๘ ทิศ ๘ แห่ง ที่พระพุทธองค์ได้ฐาปนาตั้งไว้ กลับฟื้นขึ้นมาใหม่ ดังนั้นควรที่จะอนุรักษ์ไว้เป็นมรดกอันล้ำค่าของพุทธศาสนาสืบต่อไปจึงจะครบทั้ง ๘ แห่ง ดังกล่าวค่ะ


DSC02442.jpg



DSC02443.jpg



DSC02444.jpg


DSC02447.jpg


DSC02448.jpg



ซากอิฐโบราณบนมหาธาตุเจดีย์ป่าแดงหลวง  วัดป่าแดงหลวง (อโศการาม)  ค่ะ


Rank: 8Rank: 8

DSC02431.jpg


DSC02429.jpg



สถูปเจดีย์ ที่พระเจ้าติโลกราชสร้างบรรจุอัฐิพระราชบิดา “พระเจ้าสามฝั่งแกน" และพระราชมารดา อยู่ในเขตวัดป่าแดงหลวงสมัยนั้น ปัจจุบันมีคนเข้าอยู่อาศัยรอบเจดีย์ ซึ่งเป็นเจดีย์ร้างแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ค่ะ


DSC02432.jpg



DSC02434.jpg



ซุ้มจระนำ สถูปเจดีย์บรรจุอัฐิพระราชบิดา "พระเจ้าสามฝั่งแกน" และพระราชมารดา ของพระเจ้าติโลกราช วัดป่าแดงหลวง (อโศการาม) ค่ะ


Rank: 8Rank: 8

DSC02428.jpg



ส่วนวัดป่าแดงน้อยที่ตั้งอยู่บนเขาสืบต่อมาก็คือ “วัดป่าแดงมหาวิหาร” ปัจจุบันมีพระครูธรรมธรธีรพงษ์ สิรินธโร (ยะอุตม์) เป็นเจ้าอาวาสค่ะ


Rank: 8Rank: 8

DSC02418.jpg


บันไดนาคทางขึ้น/ลงด้านหน้า วัดป่าแดงมหาวิหาร ค่ะ


DSC02378.jpg



บันไดนาคทางขึ้น/ลงด้านข้าง วัดป่าแดงมหาวิหาร อยู่ด้านข้างวิหารและสถูปเจดีย์ค่ะ


Rank: 8Rank: 8

DSC02420.jpg


อุโบสถ วัดป่าแดงหลวง (อโศการาม) ค่ะ


ประวัติอุโบสถ วัดป่าแดงหลวง จากตำนานมูลศาสนาฉบับวัดป่าแดง กล่าวว่า  พระราชมารดาของพระเจ้าติโลกราชโปรดให้สร้างวัดป่าแดง หรือรัตตนวนราม ให้เป็นที่พำนักของพระญาณคัมภีร์ ซึ่งกลับมาจากศึกษาพุทธศาสนาประเทศลังกา เมื่อปี พ.ศ.๑๙๗๔ หลังจากนั้นประมาณปี พ.ศ.๑๙๙๐ ในรัชสมัยของพระเจ้าติโลกราชทรงใช้เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระราชบิดา (พระเจ้าสามฝั่งแกน) และพระราชมารดา และโปรดให้สร้างอุโบสถขึ้นในปี พ.ศ.๑๙๙๕



DSC02347.jpg


DSC02359.jpg



วิหาร วัดป่าแดงมหาวิหาร ค่ะ

วันนี้วิหารปิดนะคะ เจ้าอาวาสวัดองค์ปัจจุบันเมตตาเล่าให้ฟังว่า ภายในวิหารมีหีบธรรมอยู่ แต่ไม่มีพระธรรมในหีบธรรมเนื่องจากถูกขโมยไป เพราะขาดคนดูแลค่ะ


DSC02372.jpg


DSC02369.jpg



พระประธาน และพระพุทธรูป ประดิษฐานภายใน วิหาร วัดป่าแดงมหาวิหาร ค่ะ

(ถ่ายภาพจากช่องหน้าต่างวิหารที่เปิดทิ้งไว้)


Rank: 8Rank: 8

DSC02358.jpg



หอธรรม และสถูปเจดีย์ ประดิษฐานด้านหลัง วิหาร วัดป่าแดงมหาวิหาร ค่ะ


DSC02376.jpg


หอพระไตรปิฎก (หอธรรม) วัดป่าแดงมหาวิหาร ค่ะ


DSC02377.jpg



DSC02374.jpg



DSC02373.jpg



สถูปเจดีย์ วัดป่าแดงมหาวิหาร เจ้าอาวาสวัดองค์ปัจจุบันเมตตาเล่าให้ฟังว่า คนเมื่อก่อนสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสถูปเจดีย์ของท่านเจ้าอาวาสวัดในอดีต แต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน จึงไม่อาจสรุปได้ว่าเป็นสถูปเจดีย์ของพระองค์ใด ปัจจุบันนี้กำลังสืบค้นหาอยู่ค่ะ


Rank: 8Rank: 8

DSC02349.jpg


ศาลา วัดป่าแดงมหาวิหาร ค่ะ


DSC02350.jpg



พระพุทธรูป ประดิษฐานภายใน ศาลา วัดป่าแดงมหาวิหาร ค่ะ


DSC02401.jpg



ศาลา วัดป่าแดงมหาวิหาร ค่ะ


DSC02402.jpg



พระพุทธรูป ประดิษฐานภายใน ศาลา วัดป่าแดงมหาวิหาร ค่ะ


‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-5 17:38 , Processed in 0.045186 second(s), 16 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.