ภาพบรรยากาศงานทอดผ้าป่า ณ สำนักสงฆ์ ตามรอยพระพุทธบาทธุดงคสถาน

	มีภาพพิเศษเอื้อเฟื้อจากเฮียย้ง ตอนมาที่สำนักสงฆ์ผาแดง มีงูสีทองซึ่งไม่กลัวคนเลยแม้จะอยู่ใกล้ก็ตามออกมาชูคอ และเลื้อยช้าๆ พระอาจารย์บอกว่าปกติ เห็นสองตัว มีสีเงินกับสีทอง ถ้าใครพบเห็นจะเกิดโชคลาภเป็นมงคล ... ขนาดคณะแดนนิพพานมาที่ผาแดงหลายครั้งแล้วยังไม่เคยเห็น เคยได้ยินแต่พระอาจารย์เล่าให้ฟัง วันนี้ปรากฏตัวให้ทางคณะ ผ้าป่าให้เห็นทุกคนเลย ...

	สำหรับสถานที่แห่งนี้ หลวงพ่อ พระมหาสุเมตร สุเนตโต ป.ธ.๗, พ.ม., ศษ.บ., ค.ม.  พระอาจารย์สอนวิปัสสนาและพระกรรมฐาน แห่ง มจร. (โคราช) ท่านได้บอกกับสำนักสงฆ์ว่า จะนำพระนิศิษย์ มาฝึกกรรมฐานและเดินธุดง ณ สถานที่แห่งนี้เป็นภาคปฏิบัติก่อนจบหลักสูตร ... ซึ่งบุญท่านร่วมกันทำในครั้งนี้จะนำน้ำลงมาจากเขาตรงที่ตาน้ำมาใช้ในกิจของสงฆ์ เป็นบุญที่ต่อเนื่องและ สงฆ์ได้รับประโยชน์เต็มที่ ... "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนพระนิพพาน"

	ก่อนเดินทางกลับ แม่นิ่มได้นำไปดูตำแหน่งที่จะสร้างพระใหญ่ และพระอาจารย์ก็ได้ชี้จุดที่จะสร้างพระใหญ่ โดยด้านหลังจะเห็นเขาสูงสวยงาม และตำแหน่งจะอยู่ตรงใกล้หน้าทางเข้าสำนักสงฆ์ พอดี ... จากนั้นก็ได้นำญาติโยมไปเที่ยวสำนักสงฆ์ผาแดงที่อยู่ปัจจุบัน แล้วทุกคนก็กราบขอขมาพระอาจารย์และสถานที่ แล้วก็ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกัน ... สำหรับญาติโยมที่มีจิตศรัทธาอยากจะสร้างกุฏิใว้ถวายแด่สงฆ์ ใว้ ณ สำนักสงฆ์แห่งใหม่ "ตามรอยพระพุทธบาท ธุงดงคสถาน" จากภาพกุฏิตัวอย่างที่ผาแดงใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 5,000 บาท โดยประมาณ ...

	ใช้เวลาในการเดินทางสักพักก็มาถึงตาน้ำ เดิมที่ ชาวบ้านแถบน้ำเรียกว่า "ซับเลี้ยงควาย" ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่ชาวบ้านที่เดินป่าและสัตว์ป่้าได้อาศัยน้ำกิน ซึ่งตาน้ำนี้ได้อยู่ในเขต อนุรักษ์ฯ และทางแม่นิ่มได้เจรจากับทางอนุรักษ์ แล้วทางอนุรักษ์ฯ แนะนำว่า ให้ก่อบล๊อกกันฝุี่นตกใส่แล้วทำกากรปิดฝาบ่อ ทางแม่นิ่มก็บอกว่าจะเตรียมทำการขุดบ่อเล็กใว้ด้วยเพื่อให้สัตว์ได้ลงมากินน้ำ ... เดิมเป็นบ่อไม่ใหญ่มากนัก ทางพระอาจารย์และแม่นิ่มและชาวบ้านช่วยกันขุดให้ใหญ่กว่าเดิมพอขุดใหญ่น้ำก็ซึมซับมาเต็มเหมือนเดิม ... และณ ที่ตาน้ำแห่งนั้นก็มีสิ่งศักสิทธิ์ คอยดูแลรักษา คือ "ต้นตะเคียนทอง" ซึ่งทางที่ 25 ไร่ที่ได้สร้างสำนักสงฆ์นั้นก็มาจากความเมตตาจากท่านให้โชคให้ลาภ ทำให้ได้งบได้ทุนมาซื้อที่ได้ ... ทุกคนที่ไปต่างคนก็พอรู้ว่าที่นั้นมีต้นตะเคียนอายุหลายปีแล้ว ก็เตรียมเครื่องบูชา ... โดยทางแดนนิพพานให้คำแนะนำว่า ถ้าอยากจะขอพรขอโชคขอลาภ แด่เจ้าแม่ตะเคียนให้ ทำการอุทิศบุญกุศลให้ท่านก่อน และห้ามผิดศีลโดยห้ามฆ่้าสัตว์ ทุกคนต่างระวังตัวไม่ตบยุงไม่เหยียบมด กลัวยุงกัดก็จุดธุปก่อไฟให้มีควันไล่ยุงไปได้ ... จากนั้นก็เชิญพระอาจารย์นำอุทิศส่วนกุศลและนำขอพร เพื่อความเป็นระเบียบ และห้ามไปขุดหรือแตะต้องต้นตะเคียนทองเด็ดขาด ... เมื่อขอพรเสร็จก็กลับลงมาที่สำนักสงฆ์ฯ แล้วเดินทางกลับ ...

	จากนั้นก็เตรียมตัีวกันไปเดินดูตาน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดสำนักสงฆ์ได้ โดยระยะการเดินทางประมาณ 800 เมตรได้ เดินไปตามทา่งที่ พระอาจารย์และแม่นิ่มได้พาชาวบ้านพากันถางหญ้าให้สามารถเดินไปถึงตาน้ำได้สะบายกว่าเดิม ... พระอาจารย์ได้เดินนำพาคณะศรัทธาไปดูตาน้ำใกล้ทางขึ้นเขา ...

	เมื่อเสร็จพิธีแล้วทุกคนทานข้าวร่วมกันแล้วก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อย ... โดยถ่ายภาพร่วมกับพระอาจารย์ และแม่นิ่ม ...

	หลังจากถวายเพลเสร็จแล้ว แม่นิ่มก็ได้เล่านิมิต ก่อนที่จะนำพระมาถวายว่า "มีพระใส่ชุดสีพระราชทานได้เดินลงมาจากในป่าสิบองค์ ท่านมาล้อมตรงแคร่ที่จะตั้งพระ ท่านมาแสดงความยินดีที่แม่นิ่ม และพระอาจารย์ได้ที่แห่งนี้ในการสร้างสำนักสงฆ์ฯ " ...  จากนั้นก็เข้าสู่พิธีการถวายผ้าป่า โดยทุกคนรับศีลห้า จากนั้นก็ว่าคำถวาย ... เมื่อพระอาจารย์เป็นตัวแทนของสงฆ์ได้รับแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี ... จากนั้นก็นับปัจจัยที่ได้ทอดผ้าป่าในครั้งนี้ เป็นจำนวนเงิน 120,999 บาทจากนั้นก็ร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน บางคนก็นั่งตามใต้ต้นไม้ ลมเย็นสบายอากาศก็ไม่ร้อน ...

	จากนั้นก็เตรียมอาหารถวายเพลพระ โดยช่วยกันคนละไม้คนละมือ พอถวายแล้ว พระอาจารย์ก็ให้พรและกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล ...

	สำหรับความก้าวในการสร้างสำนักสงฆ์ ขณะนี้ก็ได้ทำการปรับพื้นที่โดยกการขุดตอไม้ ถางหญ้า และได้ดำเนินการก่อสร้าง  ที่พักสงฆ์ ยกขึ้นมาเหนือพื้น โดยใช้เสาสิบสองต้น ส่วนใหญ่จะใช้ไม้มากกว่าปูนเพราะใช้งบประมาณน้อยกว่า ส่วนที่ประดิษฐานพระที่นำมาถวายก็ใช้แคร่มารองรับใว้ก่อนชั่วคราว ต่อไปก็ทำแท่นพระทีหลัง ... พอขนของหนัก มาทุกคนก็ช่วยกันขนของใว้บนแคร่ีที่ตั้งใว้ ...

	เนื่องจากทางข้างหน้าเป็นทางน้ำรถไ-ม่สามารถข้ามไปได้ งานนี้ต้องอาศัย "รถอี่โก่ง" บรรทุกสิ่งของที่หนักข้ามไป ส่วนของที่ไม่หนักก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ลำเลียงไปที่สำนักสงฆ์ฯ  พอไปถึงนอนหมดแรงกัน ...