แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: pimnuttapa
go

วัดพระนอน (ขอนม่วง) ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ (พระเกศาธาตุ , อังคารธาตุในองค์พระนอน) [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

Picture-069.jpg
Picture-065.jpg

อุโบสถ วัดพระนอน (ขอนม่วง) เป็นศิลปะแบบล้านนา มีป่องลวงตั้ง (แนวตั้ง) ที่ไม่มีหน้าต่างค่ะ

Rank: 8Rank: 8

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 2010-12-19 02:00 โดย pimnuttapa

  

Picture-018.jpg
Picture-022.jpg

ตู้เก็บพระพุทธรูปต่างๆ ภายใน วิหาร วัดพระนอน (ขอนม่วง) ที่ทางวัดได้ใส่ตู้ไว้ในกรงเหล็กแล้วล็อคกุญแจไว้ เพื่อป้องกันการขโมยพระพุทธรูปค่ะ



Rank: 8Rank: 8

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 2010-12-19 02:00 โดย pimnuttapa

  

Picture-028.jpg

รอยเท้าครูบาเจ้าศรีวิชัย ประดิษฐานภายใน วิหาร วัดพระนอน (ขอนม่วง) ค่ะ


คำไหว้พระครูบาเจ้าศรีวิชัย


(กล่าวนะโม ๓ จบ)  อะยังวุจจะติ  สิริวิชะยะจะนะ  จะ  มหาเถโร  อุตตะมัง  สีลัง  นะระเทเวหิ  ปูชิโต  โสระโห  ปัจจะยาทิมหิ  มหาลาภา  ภะวันตุเม  อะหัง  วันทามิ  สัพพะทา  อะหัง  วันทามิ  สิระสา  อะหัง  วันทามิ  สัพพะโส  สาธุ  สาธุ  สาธุ  อนุโมทามิ




Rank: 8Rank: 8

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 2010-12-19 01:59 โดย pimnuttapa

  

Picture-024.jpg
Picture-026.jpg
Picture-025.jpg

รูปภาพและรอยเท้าครูบาเจ้าศรีวิชัย ประดิษฐานภายใน วิหาร วัดพระนอน (ขอนม่วง) ค่ะ



Rank: 8Rank: 8

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 2010-12-19 01:58 โดย pimnuttapa


Picture-015.jpg

เดี๋ยวเรามากราบนมัสการพระนอนขอนม่วง ภายใน วิหาร วัดพระนอน (ขอนม่วง) พร้อมกันนะคะ

  (กล่าวนะโม ๓ จบ)  พิงคัฏฐาเน นะโมธัมเม  พุทธะรูปัง  วะสะติ  ตัพพาหะสา  อะหัง  หุตะวา  อันตะรายะ  นิวาสะโก  อะหัง  วันทามิ  สิระสา  อะหัง  วันทามิ  สัพพะทา

ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง ข้าพเจ้าขอกราบนอบน้อมบูชาพระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงเสียสละสั่งสมบารมีนับชาติมิถ้วน ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ประกาศธรรมนำเวไนยสัตว์ออกจากสังสารวัฏ พร้อมกราบพระธรรม  และพระอริยสงฆ์ ขอตั้งสัจจะอธิษฐานด้วยอานิสงส์ผลแห่งบุญนี้ จงเป็นปัจจัยให้ได้ถึงซึ่งพระนิพพานแม้ต้องเกิดในทิพย์จุติใดๆ ขอเกิดภายใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนา ได้พบสัตบุรุษผู้รู้ธรรมอันประเสริฐมีกรรมสัมพันธ์ที่ดี ได้เกิดท่ามกลางกัลยาณมิตร ห่างไกลจากพาล มีโอกาสฟังธรรมประพฤติธรรม จนเป็นปัจจัยให้เจริญด้วยสติและปัญญาญาณ ตามส่งชาตินี้และชาติต่อๆไป จนถึงพระนิพพานในกาลอันควรเทอญ กรรมใดๆ ที่ล่วงเกินต่อพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ และสรรพสัตว์ทั้งหลายในอดีตชาติก็ตามปัจจุบันชาติก็ตาม กราบขออโหสิกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น ขออุทิศกุศลผลบุญให้แต่ท่านผู้มีพระคุณ ญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร ตลอดจนท่านที่ขวนขวายในกิจที่ชอบในการดำรงรักษาไว้ซึ่งประเทศชาติ  พระพุทธศาสนา และองค์พระมหากษัตริย์ทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ ขอให้ท่านทั้งหลายดังกล่าวนามมานั้นจงมีแต่ความสุขฯ ทั่วกันทุกท่านเทอญ




Rank: 8Rank: 8

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 2010-12-19 01:57 โดย pimnuttapa

  

Picture-029.jpg

ตำนานพระนอน (ขอนม่วง) (ต่อ)

ในขณะที่พระองค์สถิตสำราญอยู่ที่ขอนม่วง พระองค์รู้สึกร้อนกระหายน้ำยิ่งนัก จึงให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาถวาย พระอานนท์ก็ถือเอาบาตรไปสู่แม่น้ำ ขณะนั้นพ่อค้าเกวียนผ่านมา ให้วัวควายลงกินน้ำทำให้น้ำขุ่น ยังมีหมู ๒ ตัว ได้ช่วยขุดคุ้ยทำเป็นบ่อน้ำ พระอานนท์ก็เอาฝาบาตรวิดน้ำขุดออก ยังไม่ทันใสดีก็กลัวพระพุทธเจ้าจะคอยนาน จึงรีบตักน้ำมาถวายพระองค์ก็ฉันทังซะทังเหยือง (คงหมายความว่าแม้น้ำไม่ค่อยสะอาดก็ฉันจนหมด) จังปรากฏได้ชื่อว่า “แม่ชะเหยือง” แลฯ

พระพุทธองค์ทำนายว่า เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้วได้ ๘๐๐ ปี อรหันต์ทั้งหลายจักเอาดินพนะเฝ่าเถ้าตถาคต มาจุไว้เป็นที่ไหว้บูชาแก่คนและเทวดาทั้งหลาย เมื่อศาสนาตถาคตล่วงได้ ๒ พันกว่าปี เทวสุกกโร คือหมู ๒ ตัว จักได้เกิดเป็นพญาอยุทธิยาหล้าน้ำ มหายักษ์ก็จะได้เกิดเป็นพญาเมืองนี้อีก จักมีพี่น้อง ๗ ชาย จะได้เป็นไมตรีรักใคร่ชอบพอกันกับพญาเมืองหล้าน้ำ มหายักษ์เป็นพญามีตะบะเดชะมาก ปราบข้าศึกศัตรูไปถึงแคว้นฮ่อได้เป็นพญาเจ้าเมืองกุรุรัฐ แล้วจึงเปลี่ยนชื่อเป็นเมือง “อินตาสังเกต” ด้วยเหตุที่พระอินทร์มานิมิตให้พญาเมืองนำเอาพระเกศาธาตุและสมบัติออกจากใต้ขอนไม้ม่วงคำ แล้วสร้างพระพุทธรูปเจ้านอนตามรอยขอนม่วงที่พังนั้น บรรจุพระเกศาธาตุและดินพนะเฝ่าเถ้าพระพุทธเจ้า ไว้เป็นที่ไหว้บูชา ปรากฏชื่อว่า “พระนอนพัง”  และอีกชื่อหนึ่งว่า “พระนอนแม่จ๊ะเหยือง” กาลต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “พระนอนขอนม่วง” มาจนกระทั่งบัดนี้

จากพระตำนานธรรมของวัดพระนอนขอนม่วง เรียกพระพุทธรูปในวัดนี้ว่า “พระนอนพรัง” ตามตำนานกล่าวถึงพระพุทธเจ้าเสด็จมาไสยาสน์ (นอน) บนขอนไม้มะม่วง เนื่องจากวัดตั้งอยู่ใกล้ห้วยแม่ชะเยือง ชาวบ้านจึงเรียกว่า พระนอนแม่ชะเยือง เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. ๒๔๐๖  พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ (เจ้าชีวิตอ้าว) ได้บูรณปฏิสังขรณ์ วิหาร แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น วัดพระนอน (ขอนม่วง) ต่อมาพ.ศ. ๒๔๑๖  เจ้าอินทวโรรสและราชชายาเจ้าดารารัศมีเป็นประธานในการสร้างพระบถถวาย (ผ้าที่ปักเป็นรูปพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอัครสาวกทั้งสองคือพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเถระ) และพ.ศ. ๒๔๗๐ ครูบาศรีวิชัยได้เป็นประธาน ในการบูรณปฏิสังขรณ์พระนอนและพระธาตุ พร้อมทั้งสร้างวิหารขึ้นหนึ่งหลัง ซึ่งนับเป็นวิหารหลังที่แปด อันเป็นที่ประดิษฐานพระนอนค่ะ




Rank: 8Rank: 8

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 2010-12-19 01:57 โดย pimnuttapa


Picture-031.jpg

ตำนานพระนอน (ขอนม่วง) และตำนานพระเจ้าเลียบโลก

กล่าวว่า...หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโกนาคมนะปรินิพพานไปแล้ว และมาถึงศาสนาของพระกัสสปพุทธเจ้า ในคราวครั้งนั้นเมืองเชียงใหม่เรานี้มีชื่อว่า กุมภมิตตรนคร  พระยาเจ้าเมืองชื่อว่ากุมภมิตตราช ได้เป็นสหายกับพระยาอังครัฐนครและพระยาอังครัฐนครองค์นี้มีต้นมะม้วงต้นหนึ่ง มีลูกอันหวานหอมมากนัก พระยาก็ส่งมะม่วงคำ ๘ ลูก ถวายแก่พระยากุมภมิตตราช พระยากุมภมิตตราชก็เสวยมะม่วงคำอันนั้นรู้สึกหวานหอมเป็นกัปปิยะยิ่งนัก เลยเอาแก่น(เมล็ด)ในมะม่วงคำ ๘ ลูกนั้นบง (เพาะ)ไว้ แต่ออกเพียงลูกเดียว พระยาก็ให้ปลูกไว้ในสวนอุทยานนั้น เดิมไปด้วยของปลูกลูกไม้ส้มหวานออกลวงมากนัก พระยาก็ตั้งจ่าสวนคนหนึ่งชื่อว่า เสตวกะ ให้อยู่เฝ้าสวน

และเสตวกะ จ่าสวนผัวเมียเป็นอันซื่อสัตย์ต่อเจ้าแห่งตน ภายหลังสวนได้เงินเท่าใด ได้คำเท่าใดก็เก็บรวมไว้รวมได้เงิน ๔ แสนกับคำ ๑ หมื่น จ่าสวนก็บอกกับพระยาฯ จึงมีอาชญาแก่ตนว่า ท่านจงรักษาไว้ให้ดีก่อนเดอะ (เถอะ) ว่าดังนี้ จ่าสวนก็เอาใส่ไห ๔ ไห ไหละแสน และเอาคำใส่ไหหนึ่งฝังไว้ในที่ใกล้กับต้นมะม่วง ระหว่างกลางไม้ประดับทองนั้น และถึงเมื่อพระยาจุติไปพบของอันนั้นก็ปรากฏเมื่อภายหลัง จ่าสวนตายก็ได้เกิดเป็นยักษ์ตนหนึ่ง ชื่อว่ากุมมารยักษ์ อยู่เฝ้าทรัพย์สมบัติ ข้าวของ และไม้มะม่วงต้นนั้น

อยู่ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้ากัสสปเจ้าเมือง เกิดมาตรัสรู้สัพพัญญตญาณ พระพุทธเจ้าก็จะเดินเทศน์โปรดบรรดาสัตว์ มาพักยังร่มไม้มะม่วงดังนั้น กุมมารยักษ์ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าในกาละเมื่อก่อน กุมมารยักษ์ก็ไม่ให้พระพุทธเจ้าพัก พระกัสสปเจ้าเทศนาอมตะธรรม ๕ ประการแก่มหายักษ์นั้นแล กุมมารยักษ์ได้ฟังธรรมและรักษาศีล ๕ เขี้ยวงาแห่งมหายักษ์ใหญ่ ๓ ดำ ขาว ๓ ศอกก็หลุดออก พระพุทธเจ้าก็ลูบเอาพระเกศาธาตุเส้น ๑ ให้แก่ยักษ์เอาไว้สักการบูชา มหายักษ์ก็เอาพระเกศาธาตุไว้ในก๋วงเขี้ยวงา (โพรงฟัน) บรรจุไว้เหนือไหข้าวของที่ฝังไว้นั้น ก็อยู่รักษาพุทธนันดรกัป ๑ ระหว่างพระพุทธเจ้ากัสสปและพระโคตมเจ้าเกิดมาตรัสรู้สัพพัญญุตญาณ ไม้มะม่วงนั้นก็กิ่งก้านหัก เหตุว่าแก่นักสิ้นอายุ ต้นเหนือดินผุพังลงไป

และในสมัยที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใกล้จะปรินิพพาน ก็ยังเกิดโรค ด้วยเหตุได้ฉันเนื้อสุกรอ่อน (บางแห่งว่าเห็ดสุกรอ่อน) ของนายจุนทะ ซึ่งเป็นพิษ พระองค์ยังอุตสาห์จาริกเพื่อโปรดเวไนยสัตว์ มาถึงไม้มะม่วงคำต้นใหญ่ ที่มีมาแต่สมัยพระพุทธเจ้ากัสสปะแล้ว แต่ได้ล้มลงเป็นขอนผุพังไปบ้าง พระพุทธองค์เหน็ดเหนื่อย จึงให้พระอานนท์เอาผ้าสังฆาปฏิปูลงที่ขอนไม้ม่วงที่ผุพังนั้น เพื่อจะได้ประทับบรรทม

พญายักษ์ที่รักษาสมบัติอยู่ที่นั้นไม่พอใจขับไล่พระพุทธองค์ให้หนี พระพุทธองค์จึงกระทำปาฏิหาริย์เปล่งรัศมีให้ใหญ่เท่าพระพุทธเจ้ากัสสปะมีแสงสว่างไปทั่ว มหายักษ์จึงรู้ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้าจึงก้มลงกราบนมัสการ พระองค์ได้เทศนาธรรม และให้ศีล ๕ แก่ยักษ์แล้วพยากรณ์ว่า พญายักษ์จะได้เป็นพญา จะได้ยกยอพุทธศาสนาต่อไปภายหน้า จึงประทานเกศาธาตุให้ ๑ องค์ มหายักษ์รับพระเกศาธาตุ แล้วเขี้ยวงาที่เหลืออีกข้างหนึ่งก็หลุดร่วงหล่นออก แล้วเอาพระเกศาธาตุใส่ไว้ในกลางเขี้ยวงาตนฝังไว้เหนือสมบัติและพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้ากัสสปะที่พระองค์ประทานให้ในพุทธันดรก่อน แล้วพระพุทธองค์ก็เสด็จต่อไปที่ดอยคำ (พระธาตุดอยคำ ต.แม่เหียะ จ.เชียงใหม่)




Rank: 8Rank: 8

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 2010-12-19 01:56 โดย pimnuttapa



Picture-030.jpg

พระนอนขอนม่วง ประดิษฐานภายใน วิหาร วัดพระนอน (ขอนม่วง) ภายในองค์พระนอนประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้ากัสสปะและพระเกศาธาตุพร้อมดินพนะเฝ่าเถ้า (อังคารธาตุ) ของพระโคตมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน องค์พระนอนขอนม่วง ขนาดยาวจากพระบาทถึงปลายเมาฬีได้ ๑๕.๒๐ เมตร ค่ะ



Rank: 8Rank: 8

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 2010-12-19 01:56 โดย pimnuttapa

Picture-012.jpg

พระพุทธรูปไสยาสน์พระนอนขอนม่วงจำลอง ประดิษฐานภายใน วิหาร วัดพระนอน (ขอนม่วง) ค่ะ



Rank: 8Rank: 8

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 2010-12-19 01:55 โดย pimnuttapa

  

Picture-009.jpg
Picture-020.jpg

กลุ่มพระพุทธรูปต่างๆ ประดิษฐานภายใน วิหาร วัดพระนอน (ขอนม่วง) ค่ะ



‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-5 21:44 , Processed in 0.046318 second(s), 15 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.