แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: pimnuttapa
go

โอวาทพระสุปฏิปันโน [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๖๔

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

(พระสุธรรมคณาจารย์)

วัดอรัญญบรรพต (พระสุธรรมเจดีย์) อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

L47.png



เอโกปุคคะโล...ทำตนเองให้เป็นคนๆ เดียว ถือจิตดวงเดียวเท่านั้น จะสามารถพบธรรมะชั้นสูงสุดได้ไม่ต้องสงสัย...

ธรรมะเป็นสิ่งประเสริฐ แม้ธรรมะประดิษฐานอยู่ตรงกลางดวงจิตดวงใจของผู้ใดแล้ว ผู้นั้นจะได้รับความอบอุ่นใจ มีที่พึ่งอันถาวรสมบูรณ์ทุกประการ จะไม่มีสิ่งใดๆ ในโลกที่จะให้ความอบอุ่นยิ่งกว่าธรรมะ...

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๖๓

หลวงปู่ศรี มหาวีโร

(พระเทพวิสุทธิมงคล)

วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด

L47.png



เอาชีวิตนี่แหละเป็นเดิมพัน...เพื่อแลกกับความดี

การนั่งสมาธิภาวนาอย่างขั้นอุกฤษฏ์ คือ นั่งภาวนา ๒๔ ชั่วโมง จะเปลี่ยนอิริยาบถเพียง ๒ ครั้งเท่านั้น เพื่อดูทุกขเวทนาในตนเอง...โอ...นรก ๘ ขุม มันเกิดยกกันมาที่นี่ทั้งหมด เออ...มันยกทัพกันมา ดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วร่างกาย

เรานี่แหละสู้กับมันจนทุกขเวทนาปรากฏอย่างเด่นชัด และรู้เล่ห์เหลี่ยมของกิเลสมารที่มารบเร้าจิตใจจนหมดสิ้น...ขอให้มีสติดีเสียอย่างเดียว มันจบได้ คือ ความเจ็บปวดทั้งหลายนั้น มันจะไม่เกิดอีกเลย...นี่นักปฏิบัติต้องเอาชนะให้ได้...ถ้าไม่ได้ แพ้มันเด็ดขาด

นักปฏิบัติธรรมต้องมีสติพร้อมเสมอ...ถ้าสติอ่อน มันจะติดสัญญาภาพเก่าๆ ที่เราได้จดจำมาแล้วทั้งสิ้น แล้วธรรมที่เกิดนั้น มันก็ยังเป็นของคนอื่น ยังมิใช่ของเราแท้นะ...ระวังกิเลสมันจะหลอกล่อจิตใจเราให้ลุ่มหลงเพ้อพกไปได้...!

แม้อาตมาเอง มันยังหลอกให้หลงอยู่กับนิมิตเกือบ ๖ ปี เพราะนิมิตตัวเดียวแท้ๆ...สำหรับบทปฏิบัตินั้น...ถ้าสติไปถึงจิตเมื่อไร เมื่อนั้นพวกกิเลสหรือนิวรณ์ทั้งหลายนี่มันจะถอยหนีไปหมดเลย...

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๖๒

หลวงพ่อชา สุภัทโท

(พระโพธิญาณเถร)

วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

L47.png



ความอยากอย่างแรงกล้าที่จะหลุดพ้นหรือรู้แจ้งนั้น จะเป็นความอยากที่ขวางกั้นการหลุดพ้น...พยายามมากเกินไป แต่ขาดปัญญา เป็นการเคี่ยวเข็ญตนเองไปสู่ความทุกข์ยากโดยไม่จำเป็น...เดินทางสายกลาง คือ สงบ วางสุข วางทุกข์

หน้าที่ของเรานั้น ทำเหตุให้ดีที่สุดเท่านั้น ส่วนผลที่จะได้รับเป็นเรื่องของเขา ถ้าเราดำเนินชีวิตโดยมีการปล่อยวางเช่นนี้แล้ว ทุกข์ก็ไม่รุมล้อมเรา

จิตของคนตามธรรมชาตินั้นไม่มีความดีใจเสียใจ...ที่มีความดีใจเสียใจนั้นไม่ใช่จิต แต่เป็นอารมณ์ที่มาหลอกลวง จิตก็หลงใหลไปตามอารมณ์โดยไม่รู้ตัว แล้วก็เป็นสุขเป็นทุกข์ไปตามอารมณ์...ผู้ใดตามดูจิต ผู้นั้นจักเห็นจากบ่วงของมาร

การกระทำจิตให้สงบนั้น อย่าเพิ่งเข้าใจว่ามาทำวันเดียวหรือสองวันมันจะสงบได้...จะต้องพยายามทำเรื่อยๆ ไป ให้เห็นความสงบเกิดขึ้นมา ต้องพยายามทำให้มาก ทำบ่อยๆ ยืน เดิน นั่ง นอน ต้องมีสติอยู่เสมอ

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๖๑

พระราชพรหมยาน

(วีระ ถาวโร)

(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี

L47.png



หลวงพ่อสอนลูกๆ ทุกคน

จงมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ถ้าเรายังไม่เป็นพระอรหันต์เพียงใด ในเวลานี้ก็ชื่อว่าเรายังไม่เป็นคนดี เราจะพยายามเก็บความชั่วทุกอย่างที่มันขังอยู่ในจิต ทำลายให้มันตายสนิท อย่าให้เกิดขึ้นมา เมื่อกิเลสคือความชั่วตายหมด ชื่อว่าจิตว่างจากความชั่ว จงทรงไว้แต่ความดี และก็ว่างจากความทุกข์ จะทรงไว้แต่เพียงความสุขอย่างเดียว หวังว่าลูกรักของพ่อคงจำไว้

ขึ้นชื่อว่าชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ว่าความตายเป็นของเที่ยง ก่อนที่เราจะตาย จงคิดว่าเราจะตายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย และไม่มีการตายต่อไป นั่นคือ พระนิพพาน พ่อมั่นใจในกำลังใจและความดีของลูกว่า พระนิพพานสมบัติ จะไม่ขาดไปจากกำลังจิตของลูก แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ลูกของพ่อต้องได้แน่นอน นี่เป็นความหวังของพ่อ แต่ทว่า ถ้าลูกรักของพ่อลืมความดีนั้นเมื่อไร จิตใจไปพัวพันอยู่ในราคะก็ดี ความหลงก็ดี เป็นอันว่าลูกกับพ่อนี้ต้องแยกทางเดินกัน ไม่ใช่พ่อโกรธลูก แต่ว่าเวลาตายจริงๆ เราตามกันไม่ไหว

ในสายตาของคนอื่น เขาอาจจะเห็นว่าลูกเลว
แต่ขอลูกทั้งหลายจงคิดว่า นั้นเป็นเรื่องความรู้สึกนึกคิดของบุคคลแต่ละคน แต่พ่อเองมีความรู้สึกว่า “คนจะดีหรือคนจะเลว มันขึ้นอยู่กับกฎแห่งกรรม” ก่อนที่เราจะเกิดมานี่ เราทำทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ขณะใดถ้ากรรมที่เป็นอกุศลมันให้ผล ขณะนั้นลูกของพ่อก็อาจจะมีความคิดผิด พูดผิด กระทำผิดไปได้ เป็นของธรรมดา แต่ขณะใดกรรมที่เป็นกุศลกรรมให้ผล บรรดาลูกรักของพ่อก็จะทำถูก คิดถูก พูดถูกอยู่เสมอ


เรื่องนี้ถึงแม้ว่าตัวของพ่อเองก็ประสบมามาก ถือว่าเป็นความรู้สึก เมื่อลูกรักบางท่านบางคนคิดพลาด พูดพลาด กระทำพลาดไป ถือว่านั่นเป็นกฎของกรรม เดิมทีเราทำมาแล้วไม่ดี ในชาตินี้เรามาแก้ตัวกันใหม่ พยายามทำความดีเสียทุกอย่างเพื่อเป็นการหักล้างความชั่วเดิม เพื่อผลที่เราจะพึงได้ต่อไป นั่นก็คือ พระนิพพาน

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๖๐

หลวงพ่ออุตตมะ

(พระราชอุดมมงคล)

วัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

L47.png



...น้อมระลึกอยู่เสมอในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าซึ่งพระองค์ทรงตรัสไว้ดังนี้ว่า...

ผู้มีปัญญา ไม่ควรให้สิ่งล่วงไปแล้วมาตาม ไม่ควรหวังสิ่งซึ่งยังมาไม่ถึง เพราะว่าสิ่งใดล่วงพ้นไปแล้ว สิ่งนั้นอันเราละเสียแล้ว...อนึ่ง สิ่งใดซึ่งไม่มาถึงเล่า สิ่งนั้นก็ยังไม่มาถึง


...เพราะฉะนั้น ผู้มีปัญญาจึงไม่ควรให้สิ่งซึ่งล่วงไปแล้วมาตาม ไม่ควรหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง...ก็ผู้มีปัญญาได้มาเห็นธรรมเป็นปัจจุบันเกิดขึ้นเฉพาะหน้าแจ้งชัดอยู่ในที่นั้นๆ ใครจะพึงรู้ว่าความตายจักไม่มีในวันพรุ่งนี้...เพราะว่าสู้ความหน่วงเหนี่ยว ความผูกพันด้วยมฤตยูความตาย ซึ่งมีเสนาใหญ่นั้น มิได้เลย

...ฉะนั้น ความเพียรเผากิเลสให้เร่าร้อน อันผู้มีปัญญาควรทำเสียในวันนี้เลยทีเดียว ไม่มีความเกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างนี้ ผู้นั้นแลเป็นผู้มีราตรีเดียวเจริญ ดังนี้


ให้เชื่อในกฎแห่งกรรม ทำกรรมอย่างใดย่อมส่งผลอย่างนั้น คือ กรรมชั่วย่อมส่งผลชั่ว และกรรมดีย่อมส่งผลดี ผู้ใดทำกรรม...ผลกรรมนั้นย่อมตกแก่ตัวผู้ทำ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้...ใครทำกรรมดี ผลกรรมที่ดีต้องตกแก่คนผู้นั้น...ใครทำกรรมชั่ว ผลกรรมชั่วก็ย่อมตกแก่ผู้นั้นเช่นเดียวกัน

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๕๙

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

(พระธรรมวิสุทธิมงคล)

วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี

L47.png



ผู้มีสติปัญญาย่อมรู้ธรรมขั้นละเอียดอ่อนได้ไม่ยากนัก สามารถรู้เล่ห์เหลี่ยมกิเลสภายในจิตใจไม่ว่าซอกไหนมุมใด...ท่านจะจับออกมาสับโขกอย่างไม่ปรานี...กิเลสเป็นตัวโรคร้าย และไม่สามารถมองมันเห็นด้วยตาเปล่าหรือกล้องส่อง...เมื่อใครมีกิเลสส่วนใดชนิดใดแล้ว ภายในตัวกิเลสมันจะกัดกินใจของบุคคลนั้นอย่างไม่มีวันพอ...จนตายนั่นแหละ มันจึงปล่อย...!

ธรรมะเป็นอาวุธสำคัญที่กิเลสหวั่นไหวเกรงกลัว เพราะรู้ทันกลอุบายของมัน.. ผู้ปฏิบัติจะมีความอิ่มแห่งธรรมเหมือนอิ่มอาหาร จะเข้าใจกันเองไม่ต้องถาม เพราะธรรมเป็นของอิ่มของพอ แต่กิเลสมันไม่เคยมีความอิ่ม มันหิวกระหายอยู่เป็นนิจ...

คนเราถ้ามีกิเลสเต็มตัวแล้ว...มันก็เหมือนหมูเราดีๆ นี่เอง กินแล้วนอนๆ จนอ้วนพี เขาก็นำไปขึ้นเขียงสับบั่นเท่านั้น !... ฉะนั้น ผู้ปฏิบัติธรรมเขาจึง ไม่เลี้ยงกิเลส...เขาทำลายกิเลสทั้งนั้น...

พระอริยเจ้าทั้งหลายในอดีตที่ผ่านมา ท่านรู้ทันกิเลส... เมื่อกิเลสโผนมา ธรรมะโผนไป...กิเลสโหดร้าย ธรรมะโหดดี...อยากทราบต้องออกแนวรบ... นักปฏิบัติคือนักรบ คือเป็นต้องเป็น ตายต้องตาย จึงจะเอากิเลสอยู่...กิเลสมีเท่าไหร่ ธรรมะต้องมีเท่านั้น !

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๕๘

หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร

วัดประชาชุมพลพัฒนาราม อ.เมือง จ.อุดรธานี

L47.png



การที่มาขอธรรมะนโยบายปฏิบัตินั้น...ในสมัยพระอาจารย์ใหญ่ท่านก็ให้ ถ้าได้มาขอท่านก็บอกอุบายอันแยบคายให้...แต่นั่นก็เป็นธรรมะที่ออกมาจากจิตใจของท่าน มันยังไม่ใช่ธรรมะที่ออกจากจิตใจเราโดยแท้...แม้จะเอาของดีไปก็ไม่สามารถรักษาให้อยู่กับตัวได้ บางทีขอไปวันนี้ พรุ่งนี้ก็ลืมวางไว้ที่ไหนก็ไม่รู้นะ...! ก็ไม่ใช่ของเรานั่นเอง

ถ้าเป็นของเราแล้วจะอยู่กับเราตลอด จำได้แม่นยำ เราตื่นก็มีอยู่ เราหลับก็มีอยู่ เราตายไปธรรมนั้นก็ตามไปกับจิตเราด้วยเสมอ ก็เหมือนกับสภาวะปัจจุบัน ไหนใครลองบอกมาหน่อยซิว่า...วันนี้เป็นโชคของเรา...ไม่มีใช่ไหม?...ถ้าเป็นของเราละก็ มันต้องอยู่กับเราตลอดไป ถ้ากลางวันก็ต้องอยู่อย่างนี้ จะมืดค่ำไม่ได้ต้องอยู่กับเรา

ฉะนั้นธรรมะก็เช่นกัน... ทุกวันนี้พวกเราชาวพุทธนักปฏิบัติเขาว่าอย่างนั้นนะ เที่ยววิ่งธรรมะแต่ไม่ยอมปฏิบัติเลยสักที เหลาะๆ...แหละๆ เดี๋ยวน้ำ เดี๋ยวแห้งไม่เอาจริงสักที...ระวังเน้อ...สะสมธรรมะมากไม่ดี พุงจะแตกเอา...! ต้องนำออกมาระบาย คือการพิจารณาแยกเหตุแยกผลของธรรมะบ้าง เราเรียกว่า วิปัสสนาก็ได้...เอาลองดูซิ

ความจริงธรรมะนั้นไม่มีใครเขาให้มากหรอก มันจะฟุ้งซ่าน บางทีเกิดสงสัย...ต้องแสดงเลย ความลังเลจึงจะหมด แล้วจะคลายสงสัยได้เด็ดขาดเลย...

L48.png

บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๕๗

หลวงปู่บัวพา ปัญญาภาโส

วัดป่าพระสถิตย์ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

L47.png



อาจารย์ท่านสอนปฏิบัติภาวนา จิตสงบแล้วก็เห็นของจริงคือ ทุกข์...จิตสงบลงแล้วก็รู้ทุกข์มันหยุดอยู่ตรงนั้น เพราะทุกข์มันเป็นของหยาบ...นี่ พระพุทธเจ้าท่านถึงพูดว่า...ทุกขสัจ...ท่านสอนให้เรากำหนดรู้ตรงนี้...พอจิตสงบอยู่ เราก็รู้ที่อยู่ของมันเลย...

ผู้ที่ว่าจิตสงบๆ...แต่ไม่พบตัวทุกข์ละก็...ยังสงบไม่จริง...พูดไปเปล่าๆ เท่านั้นยังอีกไกลกว่าจะเห็นมัน ตัวทุกข์แท้ๆ นี่


คนเราเดี๋ยวนี้น่ะ...ร้องโอ๊ย ! พอร้องแล้วก็ยิ้มร่า อย่างนี้มันไม่มีสติไม่มีปัญญานะเออ...จำไว้...! ไม่รู้จักตัวทุกข์หรอก...นี่...

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๕๖

หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา

วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน

L47.png



อย่าเข้าใจว่า มาทำบุญที่นี่จะตัดบาปตัดกรรมตัดเวรได้นะ ตัดไม่ได้...เว้นแต่กรรมที่เบาหรืออโหสิกรรมตัดได้ พวกนั้นตัดได้...ก็พระพุทธเจ้ายังตัดไม่ได้ พระมหาโมคคัลลาน์มีฤทธิ์สุดขีด ไม่มีองค์ไหนจะมาเทียมถึง ก็ตัดไม่ได้


จึงขอฝากไว้ อย่าหลับหูหลับตาฟัง แต่คนไม่รู้หาว่าท่านครูบา หลวงพ่อวัดพระพุทธบาทจะมาตัดกรรมตัดเวรตัดไม่ได้หรอก แต่ถ้าเป็นอโหสิกรรมได้ทำผิดพูดผิดต่อใครๆ เจ้าตัวเองต้องขอตัดเอาเอง


อโหสิกรรมถือว่าตัดได้ก็ต้องตัดเอง จะต้องขอเอง ให้คนอื่นไปขอไม่ได้ ไม่พ้นจากกรรม เราต้องขอเอง ต้องอ่อนน้อมกล่าวคำสารภาพกับตัวเขา เขาจึงจะอโหสิงดโทษให้เรา...

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๕๕

หลวงพ่อเกษม เขมโก

สุสานไตรลักษณ์ อ.เมือง จ.ลำปาง

L47.png



ถ้าต้องพูดกับคนทุกคนแล้ว...คงไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมแน่...

...ไม่กินก็อยาก ไม่ปากก็ใจ สารพัดยัดเข้าไป... ถ้าเจ็บท้องไม่ร้องหาใคร นอนอยู่ในป่าช้าผู้เดียว...

การเห็นเป็นเหตุแห่งการคิด การคิดเป็นเหตุแห่งการเห็น... ถ้าคิดดีก็เป็นทางเย็น ถ้าคิดไม่เป็นก็เย็นสบาย

ตายเป็นเหม็นเน่า เราเขาเหมือนกัน... อยู่ไปทุกวัน ใครได้ก็ดี ใครมีก็ได้ !

พระนิพพาน...ความรู้พิเศษ...พระนิพพานเปรียบเหมือนคุณของอากาศ อธิบายว่า...อากาศมีคุณ ๑๐ ประการ

๑.   ไม่รู้จักเกิด
๒.   ไม่รู้จักแก่
๓.   ไม่รู้จักตาย
๔.   ไม่กลับเกิดอีก
๕.   ไม่จุติ
๖.   ใครจะข่มเหงลอบลักเอาไปไม่ได้
๗.   เป็นของดำรงสภาพไว้ได้โดยไม่ต้องอาศัยอะไร
๘.   สำหรับฝูงนกบินไปมา
๙.   ไม่มีอะไรมากางกั้น...แล
๑๐.  ที่สุดไม่ปรากฏ


เอาท่องไปสอบวันอาทิตย์นี้...

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-1 10:40 , Processed in 0.086772 second(s), 15 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.