แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: pimnuttapa
go

ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ และ ยอดพระคาถาชินปัญชร [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

J.1.jpg


เสด็จพ่อท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ

เจ้าแห่งพิธีการของโลกวิญญาณ

(หัวหน้ารูปพรหม ๑๖ ชั้น ตำแหน่งผู้พิชิตมาร)


พระคาถาบูชา


ชินนะปัญจะระ


k3.1.png



ตอนที่ ๙

พระประวัติท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ


รวบรวมเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๒๓



ท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ เป็นบุตรของพราหมณ์ ชื่อ ยะถะนา และบิดาท่านชื่อ มะติโตะ ท่านเป็นชาวอินเดีย แคว้นพาราณสี เกิดในสมัยพุทธกาล ท่านเห็นพระโมคคัลลาน์ ตอนพระโมคคัลลาน์ไปบิณฑบาต เห็นพระโมคคัลลาน์เดินบิณฑบาตอย่างสงบ ท่านก็เกิดความศรัทธา จึงตามไปและขอเป็นลูกศิษย์พระโมคคัลลาน์ด้วย


ต่อมาท่านก็ได้บวช แล้วท่านบำเพ็ญจนสำเร็จขั้นอรหันต์ เมื่ออายุท่านได้เพียง ๗ ขวบ ครั้นพอท่านมีอายุได้ ๒๓ ปี ๖ เดือน ได้มีสตรีกระโดดเข้ากอดท่านทางด้านหลังด้วยความหลงใหลในความงามรูปร่างท่าน ท่านจึงถอดกายทิพย์ออกสู่พรหมโลก

ท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ เป็นผู้มีลักษณะและคุณลักษณะตามที่หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) อธิบายไว้ในหนังสือ “เบื้องหลังพระคาถาชินปัญชร พร้อมด้วยพระคาถาที่ถูกต้อง” ซึ่งจัดพิมพ์โดยสำนักปู่สวรรค์ว่า ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ สมัยมีสังขารเป็นคนรูปงาม เสียงไพเราะเหมือนเสียงนกการะเวก สูง ๑๘๕ เซนติเมตร ผิวขาวละเอียดเหมือนหยก


ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับทูตสันติภาพ (คือ อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์) แล้ว ท่านมีผิวสวยกว่าอาจารย์สุชาติ ๕ เท่า ใบหน้าของท่านแดงระรื่นเหมือนสีชมพู ผมเกล้าจุก คิ้วโก่งเหมือนคันศร ตางามเหมือนตาเหยี่ยว จมูกโด่งแบบแขก จมูกตรงลงมาไม่มีสัน ปากรูปกระจับ เดินเหมือนพญาราชสีห์ กายของท่านมีแสงเหมือนแสงอาทิตย์ จิตใจท่านงามเหมือนพระจันทร์

ท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ เจ้าระเบียบที่สุด ละเอียดรอบคอบที่สุด สะอาดมากที่สุด และท่านเกลียดสตรีเพศ

ท่านเป็นรูปพรหม คือเป็นพรหมที่มีรูปทิพย์ ขณะนี้ท่านเป็นหัวหน้ารูปพรหมทั้ง ๑๖ ชั้น ท่านเป็นผู้รอบรู้พิธีการต่างๆ ของโลกวิญญาณ ท่านสามารถสวดพระคาถาคลายเวท ซึ่งถ้าท่านสวดคาถานี้ในโลกมนุษย์หรือบนสวรรค์เสียงจะก้องกังวานไปทั่วนรกสวรรค์สามสิบสามชั้น เทพพรหมได้ยินจะสะเทือนจิตออกจากสมาบัติหมด เพื่อรับทราบพิธีการที่ท่านจัดขึ้น


ท่านถือหน้าที่เป็นหน้าที่ ถ้าไม่มีหน้าที่แล้ว ท่านชอบเล่นเหมือนเด็ก ชอบร้องเพลง สมัยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี มีสังขาร ท่านเคยปรากฏรูปร่างให้หลวงพ่อสมเด็จฯ เห็น และช่วยแนะนำหลวงพ่อสมเด็จฯ ในการสร้างพระเครื่องสมเด็จอิทธิเจ ที่ต่อมามีกิตติศัพท์ขลังนั้นด้วย

ตามความเป็นจริงแล้ว ท่าวท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระไม่ประสงค์มายุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ เพราะมนุษย์มีจิตใจสกปรกและไร้ยางอาย แต่เมื่อหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ดิ้นรนลงมาตั้งสำนักปู่สวรรค์ขึ้นในโลกมนุษย์ ก็ได้อัญเชิญท่านลงมาช่วยปกป้องมาร และร่วมทำงานโปรดสัตว์ด้วย


ท่านมีเมตตาจึงลงมาทำงานที่สำนักปู่สวรรค์ โดยการช่วยรดน้ำมนต์รักษาโรคมารแทรก (ถูกคุณไสยถูกกระทำต่างๆ) ให้แก่มนุษย์ และช่วยจัดพิธีกรรมต่างๆ ที่เป็นงานใหญ่ๆ ให้ด้วย แม้กระนั้น ท่านก็ยังคงไม่อยากยุ่งกับมนุษย์มากนัก

ดังจะเห็นได้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ท่านลงมาทำงานโปรดสัตว์ในโลกมนุษย์ที่สำนักปู่สวรรค์ ท่านจะไม่พูดกับมนุษย์เลย เพราะท่านไม่ต้องการให้มนุษย์ติดท่าน ท่านใช้วิธีเขียนข้อความที่ประสงค์จะกล่าวตามความจำเป็นลงในกระดาษเป็นภาษาไทย แล้วให้เจ้าหน้าที่อ่านข้อความนั้นให้บุคคลที่ท่านประสงค์กล่าวด้วยฟัง และท่านจะติดต่อกับมนุษย์ไม่ว่าในเรื่องใดๆ ย่อมแสดงความจริงข้อนี้ได้

ท่านได้เขียนโอวาทเหล่านี้สอนสานุศิษย์บางคนที่มาขอให้ท่านรักษาโรคให้ ซึ่งข้อความที่เป็นโอวาทเหล่านี้ ท่านเขียนแทรกอยู่ในการสั่งงานหรือแนะนำเรื่องอื่นๆ ผู้รวบรวมได้ขออนุญาตจากท่านคัดลอกมาเฉพาะเนื้อหาธรรมะเท่านั้น เรื่องอื่นนอกจากธรรมะได้ตัดออกไป นับเป็นการรวมโอวาทของท่านครั้งแรก ตั้งแต่ท่านลงมาทำงานในโลกมนุษย์ นับจำนวนเป็นสิบปีที่ผ่านมานี้ ท่านได้เคยให้เหตุผลในการที่ท่านไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับมนุษย์มากนักว่า

“การผูกพันกับมนุษย์มากเกินไป มีแต่ทางขาดทุน เพราะมนุษย์ไม่รู้จักพอ อาศัยพรหมวิหารสี่ จึงไม่หลงมนุษย์ คือมนุษย์จะให้เทพพรหมช่วย แต่มนุษย์ไม่ช่วยตัวเอง”

ตามปกติถ้าท่านไม่ลงมาโปรดสัตว์ยังสำนักปู่สวรรค์แล้ว ชาวโลกมนุษย์ก็จะไม่มีทางรู้จักท่านอย่างแท้จริงได้เลย เพราะท่านเป็นคนสมัยพุทธกาล ไม่มีใครแจ้งประวัติของท่านเอาไว้ เมื่อนามของท่านมาปรากฏในโลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่งที่สำนักปู่สวรรค์นี้ ก็ได้มีมนุษย์บางคนนำนามของท่านไปแอบอ้างในที่อื่นๆ นอกสำนักปู่สวรรค์ ซึ่งท่านก็ได้ปฏิเสธว่า มิได้ไปเกี่ยวข้องเช่นนั้นด้วยเลย ห้ามมิให้มนุษย์ไปหลงเชื่อการหลอกลวงนั้น

หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) เคยเทศน์เล่าที่สำนักปู่สวรรค์ครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๓ ว่า ท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระเคยขอเลิกลงมาช่วยเหลือมนุษย์ เพราะระอาต่อความหน้าด้านและความไม่เอาจริงของมนุษย์ โดยท่านปรารภว่า


ท่านปกครองรูปพรหมทั้ง ๑๖ ชั้น ยังไม่วุ่นวายเท่าปกครองมนุษย์เลย แต่อย่างไรก็ตาม หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) ก็ได้ขอให้ท่านช่วยสำนักปู่สวรรค์ไปตามสัจจะต่อที่ท่านให้ไว้เองว่า จะช่วยจนกว่าจะถึงอย่างน้อยวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๕ และหลวงปู่ทวดได้เทศน์ชี้แจงด้วยว่า ตอนนี้ท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระเลิกลงมาทำงานที่สำนักปู่สวรรค์แล้วไซร้ องค์หลวงปู่ทวดเองก็คงจะเลิกทำงานที่สำนักปู่สวรรค์ด้วยอีกองค์หนึ่ง

ท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ เป็นหัวหน้ารูปพรหมทั้ง ๑๖ ชั้น บารมีท่านสูงส่ง เทพพรหมทั้งหลายขึ้นไปพบท่านได้โดยยาก จึงมักถือโอกาสเฝ้าท่าน เมื่อตอนที่ท่านลงมายังโลกมนุษย์ที่สำนักปู่สวรรค์ในแต่ละครั้ง

ท่านเป็นเจ้าพิธีการแห่งโลกวิญญาณและเป็นผู้พิชิตมาร ท่านมีบารมีที่บำเพ็ญมาทำให้พวกภูติผีปีศาจมารร้ายต่างๆ เกรงกลัวท่าน หลวงปู่ทวดเคยเทศน์โปรดที่สำนักปู่สวรรค์พาดพิงถึงท่านครั้งหนึ่งว่า


“ท่านจะสังเกตเห็นว่า อย่างพวกวิญญาณไม่ดี หรือพวกสัมภเวสี พวกอมรมนุษย์ พวกโอปปาติกะชั้นต่ำ เวลาท่านเกิดพบอะไรมารังแก ท่านมาระลึกถึงอาตมา เขาไม่กลัว เขาไม่หนีหรอก แต่ถ้าท่านระลึกถึงท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ เขาจะกลัว เขาจะหนี

ซึ่งก็มีตัวอย่างที่ให้ท่านดูเมื่อสองอาทิตย์ก่อน พวกวิญญาณชั้นต่ำมานั่งทะเลาะกันอยู่ข้างล่าง ทั้งๆ ที่อาตมาทำงานอยู่บนนี้ เขาไม่มีความเกรงใจ แต่พอท้าวมหาพรหมลุกขึ้นมาเท่านั้นเอง เขาเงียบกริบกันได้ นั่นเพราะอะไร เพราะบารมีคนเราบำเพ็ญมาต่างกัน”


s2.jpg


ภาพวาดท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
ชาวจีนนับถือท่านว่า “ฮู้ฮ่วบซิ้ง” พรหมผู้พิทักษ์ธรรม


o5.png



นอกจากนี้หลวงปู่ทวดยังได้เทศน์เล่าถึงลักษณะของท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระไว้ดังนี้ด้วยว่า


“ท่านจะเห็นว่า ถ้าอารมณ์อุเบกขาและเด็ดเดี่ยวแล้ว ก็มีตัวอย่างให้ท่านดู คือ ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ คำสั่งท่านสั่งออกไปแล้ว แม้แต่เทวดาที่ท่านขี้จะมากอดขาอ้อนวอนว่า สงสารเด็กของเขาเถิด ท่านยังเฉย อันนี้คือลักษณะของผู้นำพรหมโลก...พรหมโลกทั้ง ๑๖ ชั้น มีรูปพรหมเป็นโกฏิๆ มนุษย์ทั้งโลกรวมกันยังไม่เท่ากับพรหมโลก ๑ ชั้น....”


หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี เองก็เคยเทศน์เล่าถึงท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระไว้บ้างในบางครั้ง เช่น ครั้งหนึ่งเมื่อตอนช่วงปลายปี พ.ศ.๒๕๒๒ ศูนย์ประสานงานสมาคมศาสนาสัมพันธ์ประจำจังหวัดพิจิตร ได้จัดธรรมทัศนาจรพาชาวจังหวัดพิจิตรไปบำเพ็ญกุศลที่อาณาจักรหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา ขาไปก่อนจะถึงอาณาจักรหุบผาสวรรค์เมืองศาสนาก็ได้แวะเที่ยวชมและนมัสการพระที่วัดโพธิ์แมนคุณาราม ถนนสาธุประดิษฐ์ กรุงเทพมหานครก่อนด้วย

วัดโพธิ์แมนคุณารามนี้ เป็นวัดชาวจีนซึ่งถือพุทธศาสนานิกายมหายาน วัดนี้มีโบสถ์และอาคารต่างๆ สะอาดสวยงามอย่างยิ่ง ตรงประตูทางเข้านี้ มีรูปกษัตริย์นักรบชาวจีนหล่อหรือรูปปั้นไว้ด้วย ๑ องค์ เป็นรูปประทับยืนหันพระพักตร์สวนไปทางพระประธานในโบสถ์ ซึ่งรูปปั้นเช่นนี้จะพบเสมอตามวัดของชาวพุทธนิกายมหายาน อย่างเช่นที่ วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่ กรุงเทพมหานคร) ก็มี เป็นต้น ซึ่งรูปปั้นหันไปทางหน้าพระประธานในโบสถ์เช่นนี้ จะมีอยู่เพียงองค์เดียวเท่านั้นในแต่ละวัด ซึ่งชาวพิจิตรก็ได้ไปชมมา


ครั้นพอถึงอาณาจักรหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา ชาวพิจิตรกลุ่มนี้ได้มีโอกาสฟังธรรมโอวาทของหลวงพ่อสมเด็จฯ หลวงพ่อสมเด็จฯ จึงได้อธิบายตอนหนึ่งถึงรูปปั้นด้านในประตูหน้าวัดตามที่กล่าวนั้นว่า คือชาติปางหนึ่งของท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระนั่นเอง


เหตุที่ท่านหันหน้าเข้าหาด้านหน้าพระประธานนั้น ก็เนื่องจากการที่ท่านได้ตั้งสัจจะที่จะปกปักรักษาพระพุทธศาสนาไว้ให้คงอยู่ตลอดไปนั่นเอง ซึ่งความจริงข้อนี้ ต่อมาเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๓ ท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระได้ลงมาสั่งงานสานุศิษย์ที่สำนักปู่สวรรค์ ท่านก็ได้เขียนข้อความพาดพิงถึงประวัติของท่านตอนหนึ่งว่า “ชาวจีนนับถือท่านว่า “ฮู้ฮ่วบซิ้ง พรหมผู้พิทักษ์ธรรม” นั่นเอง


นอกจากนั้นหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ยังได้เทศน์โปรดให้ฟังอีกด้วยว่า


เมื่อสมัยพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม ก็ได้ท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระนี้เอง ที่ได้ช่วยปกป้องคุ้มครองมิให้พวกมารมารบกวนการบำเพ็ญของพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชาวญี่ปุ่นแล้ว ต่างนับถือท่านจนเป็นนิกายที่สำคัญนิกายหนึ่งทีเดียว นิกายนั้นคือ ที่เรียกว่า “นิกายชินโตโน่” นั่นเอง

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๘

บันทึกประวัติศาสตร์



สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี
ได้กล่าวถึงอานุภาพของพระคาถาชินปัญชรว่า

“ผู้ใดท่องบ่นภาวนาชินปัญชรคาถาเป็นเนืองนิตย์ พุทธานุภาพจักคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายจากสิงสาราสัตว์และภูตผีปีศาจที่มารังควานได้ สมัยที่อาตมาธุดงค์อยู่ในป่าดงพญาไฟ (ดงพญาเย็น จังหวัดนครราชสีมาในปัจจุบัน) เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายชุกชุมเป็นป่าทึบ ไม่มีมนุษย์กล้าเหยียบย่ำเข้าไป อาตมาบำเพ็ญจิตอยู่ในป่าลำพังคนเดียวถึง ๑๕ ปีเต็ม โดยอาศัยเจริญภาวนาพระคาถาชินปัญชรนี้ จนสามารถเรียนรู้ภาษาสัตว์ เป็นเพื่อนกับสัตว์ และให้พวกสัตว์เหล่านั้นเก็บผลไม้มาให้กินได้”

จากบันทึกอีกตอน ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตบอกกับเจ้าจอมหม่อมห้ามและเจ้านายผู้ใหญ่ในวังว่า


“ผู้ใดหมั่นภาวนาพระคาถาชินปัญชรเป็นประจำ ผู้นั้นเมื่อทิ้งสังขารจากโลกมนุษย์ จะไม่ต้องไปเกิดในอบายภูมิเลย”

นี่เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่น้อยคนจะล่วงรู้

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๗

ความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาชินปัญชร



คัดตอนและเก็บความจากคำให้สัมภาษณ์ ของอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ทูตสันติภาพแห่งโลกขององค์การสภาธรรมนูญโลก ในรายการพาใจสบาย ทางสถานีวิทยุยานเกราะ ความถี่ ๗๙๒ กิโลเฮิรตซ์ วันอาทิตย์ที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๒๙

พระคาถาชินปัญชร เป็นพระคาถาที่สรรเสริญ กล่าวถึงคุณความดีของพระอรหันต์ต่างๆ ในยุคสมัยสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านได้มาจากกรุที่เจดีย์เก่าแห่งหนึ่งในเมืองกำแพงเพชรในสมัยท่านมีสังขารอยู่ ไปเยี่ยมญาติที่กำแพงเพชร ไปเจอผูกใบลานผูกหนึ่งเขียนด้วยภาษาสิงหล คือ ภาษาลังกา

ต่อมาสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านต้องการจะสร้างพระเพื่อตอบแทนฆราวาสที่อุตส่าห์มาช่วยซ่อมแซมโบสถ์วัดระฆังบ้าง เพราะชาวบ้านเหล่านั้นไม่คิดค่าแรงงานเลย ท่านคิดจะสร้างสมเด็จชุดกรุเพดาน ในระหว่างก่อนที่ทำงานจะนอน ท่านได้นิมิตเห็นท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ ผู้เป็นหัวหน้ารูปพรหม ๑๖ ชั้น
ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ ได้มาแนะนำท่านว่า จะทำอย่างไรจึงจะให้ถูกต้องตามเทวบัญญัติ

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เชื่อเรื่องว่าตายแล้วไม่สูญ ท่านเชื่อว่าตายแล้วจะต้องเดินทางไปปรภพอีกครั้งหนึ่ง คือเชื่อเรื่องโลกวิญญาณนั่นเอง ท่านได้รับการแนะนำช่วยเหลือจากดวงพระวิญญาณของท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ก็เลยดัดแปลงพระคาถานี้ แล้วตั้งเป็นพระคาถาชินปัญจะระขึ้นหน้า เพื่อเป็นการสรรเสริญพระคุณของท่าน

พระคาถาชินปัญชรนี้ เป็นบทสรรเสริญพระอรหันต์ ๘๐ พระองค์ เพื่อให้ท่านมาสิงสถิตอยู่ที่ตัวเรา ที่หูเรา ที่จมูกเรา ที่ลิ้นเรา ที่ผมเรา เป็นต้น คือเป็นพระคาถาเรียกว่า กำแพง ๗ ชั้น คุ้มครองเรา แต่ต้องไม่เหนือกฎแห่งกรรมในโลกนี้

อิทธิพลแพ้อิทธิฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์แพ้บุญฤทธิ์ บุญฤทธิ์แพ้กรรมวิบากฤทธิ์ กรรมลิขิต กฎแห่งกรรม ถ้าเราทำชั่วมามาก สมมติว่าฆ่าคนมาก เกิดในปัจจุบันชาติท่านจะต้องถูกเขาฆ่าตาย ในเรื่องวิบากกรรม อดีตชาติ แต่ถ้าอดีตชาติ ท่านไม่ได้สร้างกรรมหนัก เช่น อดีตชาติ ท่านไม่เคยฆ่าคน ไม่เคยทำลายคน สร้างแต่ศีล สร้างแต่สมาธิ ทำแต่บุญกุศล หรือทำแต่ความดี ท่านสวดพระคาถาชินปัญชรทุกวันเช้าเย็น กล้าพูดว่า ท่านจะเจริญยิ่งขึ้นและท่านจะไม่ตายโหง

พระคาถานี้แปลกพิสดารท่านจะเชื่อหรือไม่?


มีอยู่ ๒ อย่าง เราห้ามเขาไม่ได้ คือความคิด คนเขาจะคิดอะไร? เราบังคับเขาไม่ได้ ถ้าบังคับเขาได้ โลกนี้จะไม่เกิดศาสนาถึง ๑๐ กว่าศาสนา ไม่เกิดลัทธิคอมมิวนิสต์ ลัทธิเสรีประชาธิปไตย ลัทธิเผด็จการ นั่นคือ ความคิดห้ามกันไม่ได้


อีกสิ่งหนึ่ง เราจะบังคับเขาให้เขาพูดแต่ความดีไม่ได้ ๒ สิ่งนี้ที่ทำให้โลกวุ่น คือ ความคิดกับปาก ใครจะพูดอะไร เราก็ไปห้ามเขาไม่ได้

สวดพระคาถาชินปัญชรแล้ว ทำให้สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็จะเกิด ทำไมเป็นอย่างนั้น ถ้าท่านเชื่อเรื่องตายแล้วไม่สูญ ก็ขอบอกว่า พระคาถานี้ ถ้าท่านสวดทุกวันเช้าเย็นแล้ว จะร่นภพร่นชาติ สมมติท่านจะต้องเกิดอีก ๑๐ ชาติ เอากรรมวิบากของท่าน ๑๐ ชาติ มารวมกันในชาตินี้ ให้ท่านใช้กรรมไปเลย ตายแล้วท่านจะได้ขึ้นสวรรค์ อยู่พรหมโลกหรือเทวโลกแล้วแต่กรรมวิบากหนักหรือเบา

อีกอย่างหนึ่งคือ เป็นกำแพงแก้วป้องกัน ถ้าคนในประเทศไทยทั้งหมดสวดพระคาถาชินปัญชร ก็เท่ากับช่วยป้องกันประเทศชาติด้วย

พระคาถานี้จะคุ้มครองครอบครัวเรา บารมีจากที่เราสวดจะแผ่ออกไปคุ้มครองประเทศชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ เราอธิษฐานให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นจุดศูนย์รวมของประเทศ ขอให้บารมีไปคุ้มครองพระมหากษัตริย์ก่อน แล้วถึงจะย้อนมาประเทศชาติและครอบครัวทีหลัง นั่นคือ เราตั้งสัจบารมีของเรา

สำหรับท่านที่มีจิตแน่วแน่สวดพระคาถาชินปัญชร สมมติว่าท่านป่วยเป็นโรคภัยไข้เจ็บธรรมดาเล็กๆ น้อยๆ หรือถูกผีเข้า ผีโป่ง ผีกระสืออะไรพวกนี้ พระคาถานี้รักษาได้ทันที ท่านสวดโดยตั้งทำน้ำมนต์อยู่ข้างหน้า กินเข้าไปรักษาได้ นี่คือความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาชินปัญชร

เวลาสวดพระคาถาชินปัญชรควรจะสวดอย่าเร็วนักหรือช้านัก เพราะว่าสวดพระคาถานี้เมื่อไร ผีเรือน ผีบ้าน รุกขเทวดา จะมาฟัง มาฟังเพื่อรับบารมีพระคาถานี้ นี่คือความพิสดารของพระคาถานี้

ท่านเดินทางไปที่ไหน เข้าป่าหรือขับรถ จะป้องกันอุบัติเหตุได้ด้วย และพระคาถาชินปัญชรทนต่อการพิสูจน์ด้วย ถ้าท่านไม่ใช่มีกรรมวิบากฤทธิ์อย่างหนัก ท่านสวดพระคาถาชินปัญชร ท่านจะค้าขายทำมาหากินในทางสุจริต ขอให้ตอนเช้าใส่บาตรพระ ๑ รูปด้วย เรากล้ารับรองว่า กิจการของท่านจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา ถ้าวิบากกรรมของท่านไม่หนัก

แสดงความคิดเห็น

สติ  ขออนุโมทนาที่กรุณาเผยแพร่ต่อค่ะ  โพสต์เมื่อ 2011-11-5 11:31

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๖

อานุภาพของพระคาถาชินปัญชร



ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถาชินปัญชรทุกค่ำเช้าแล้ว ผู้นั้นอาจจะไม่ได้ตกอบายภูมิ แม้ได้คาถานี้บูชาไว้กับบ้านเรือนก็อาจป้องกันอันตรายต่างๆ จะภาวนาคาถาอื่นๆ สักร้อยปี อานิสงส์ก็ไม่เท่ากับภาวนาพระคาถานี้


เมื่อสมัยอาตมภาพมีสังขารชีพอยู่นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้ฟังอาตมาท่องบ่นพระคาถานี้ ได้มีพระราชกระแสรับสั่งให้เจ้าจอมหม่อมห้ามภายในราชสำนักท่องบ่นให้ขึ้นใจพระคาถานี้ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้ท่องบ่นพระคาถานี้


สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี


Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๕

บทสวดมนต์



ชุมนุมเทวดา

สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เม สุณันตุ,


ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา


ปุพพะภาคะนะมะการะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ


ไตรสรณาคมน์

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


พระคาถาชินปัญชร (ฉบับสำนักปู่สวรรค์)


ชะยาสะรากะตา พุทธา        เชตตะวา มารัง สะวาหะนัง
จะตุสัจจาสะภัง ระสัง           เย ปิวิงสุ นะราสะภา
ตัณหังกะราทะโย พุทธา       อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง        มัตถะเก เต มุนิสสะรา

สีเล ปะติฏฐิโต มัยหัง          พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง        อุเร สัพพะคุณากะโร
หะทะเย เม อะนุรุทโธ           สาริปุตโต จะ ทักขิเณ
โกณทัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง    โมคคัลลาโน จะ วามะเก

ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง         อาสุง อานันทะราหุโล
กัสสะโป จะ มหานาโม        อุภาสุง วามะโสตะเก
เกเลนเต ปิฏฐิภาคัสมิง        สุริโยวะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน            โสภีโต มุนิปุงคะโว

กุมาระกัสสะโป เถโร           มะเหสี จิตตะวาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง      ปะติฏฐาสิ คุณากะโร
ปุณโณ อังคุลิมาโล จะ        อุปาลีนันทะสีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา        นะลาเฏ ติละถา มะมะ

เสสาสีติ มะหาเถรา            วิชิตา ชินะสาวะกา
เอเตสีติ มะหาเถรา             ชิตะวันโต ชิโนระสา
ชะวันตา สีละเตเชนะ           อังคะมังเคสุ สัณฐิตา
ระตะนัง ปุระโต อาสิ           ทักขิเณ เมตตะสุตตะกัง

ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ        วาเม อังคุลิมาละกัง
ขันธะโมระปะริตตัญจะ         อาฏานาฏิยะสุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ          เสสา ปาการะสัณฐิตา
ชินา นานา วะระสังยุตตา      สัตตัปปาการะลังกะตา

วาตะปิตตาทิสัญชาตา         พาหิรัชฌัตตุปัททะวา
อะเสสา วินะยัง ยันตุ           อนันตะชินะเตชะสา
วะทะโต เม สะกิจเจนะ         สะทา สัมพุทธะปัญชะเร
ชินะปัญชะระมัชเฌนหิ         วิหะรันตัง มะหีตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ      เต มะหาปุริสาสะภา

อิจเจวะมันโต                     สุคุตโต สุรักโข
ชินานุภาเวนะ                     ชิตุปัททะโว
ธัมมานุภาเวนะ                   ชิตาริสังโค
สังฆานุภาเวนะ                   ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต       ชะจะรามิ ชินะปัญชะเรติ


Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๔

การสวดพระคาถาชินปัญชร



สำหรับผู้เริ่มสวดพระคาถาชินปัญชร ควรปฏิบัติดังนี้

๑. เริ่มสวดวันพฤหัสบดี เวลาไหนก็ได้ตามแต่สะดวก


๒. อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด ถ้ามีชุดขาวก็ให้แต่งกายชุดขาวด้วย


๓. ถ้ามีห้องพระที่บ้านก็ให้เข้าไปนั่งที่ห้องพระ


๔. ถ้าในห้องพระมีรูปสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ก็ยิ่งดี


๕. ให้จุดธูปเทียนและใช้ดอกบัว ๓ ดอก


๖. สวดชุมนุมเทวดา ตั้งสัจจาธิษฐานระลึกถึงสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ด้วยพระคาถา
“นะโม โพธิสัตว์โต พรหมรังษี” ขอบารมีท่านแผ่รังสี เพื่อช่วยให้ท่องบ่นพระคาถาชินปัญชรจำได้แม่นยำและสวดได้โดยเร็ว

๗. ถ้าไม่มีทั้งห้องพระและรูปสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ให้จุดธูปกลางแจ้ง และปฏิบัติตามข้อ ๖

Rank: 8Rank: 8

T.jpg


ตอนที่ ๓

กำเนิดพระคาถาชินปัญชร



กำเนิดชินปัญชรคาถา


โดย...ปัญญา คัดลอกจากนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๔ ปักษ์แรก พฤษภาคม ๒๕๒๖


สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) มีผู้เขียนถึงประวัติท่านไว้มากมาย รวมทั้งคาถา “ชินปัญชร” ของท่านไว้ด้วย แต่ว่าเบื้องหลังอันเป็นที่มาของพระคาถาชินปัญชร มิค่อยจะมีคนเล่าถึงที่มานัก ดังนั้นนิตยสารศักดิ์สิทธิ์จึงได้นำเอาที่มาของชินปัญชรคาถามากล่าวถึงให้ท่านผู้อ่านได้ทราบ รวมถึงคุณวิเศษของพระคาถานี้ ในแต่ละบทมาแจกแจงด้วย

เมื่อครั้งนั้น สมเด็จ (โต) ได้มีโอกาสเดินทางไปยังจังหวัดกำแพงเพชร ท่านได้เดินทางไปที่วัดเก่าแห่งหนึ่งซึ่งมีกรุโบราณ ที่นั่นท่านได้พบคัมภีร์โบราณผูกหนึ่งฝังอยู่ในเจดีย์หัก สมเด็จจึงนำคัมภีร์ผูกนั้นมาเก็บไว้ที่กุฏิ ขณะนั้นสมเด็จ (โต) ท่านมีจิตดำริที่จะสร้างพระเครื่องเพื่อมอบให้แก่เจ้าปิยะ (ร.๕) หรือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นสมบัติในยุคสมัยครองราชย์ ระหว่างครุ่นคิดสมเด็จ (โต) ท่านก็ได้จำวัดหลับไป

ในคืนนั้นราวๆ ประมาณตี ๓ สมเด็จ (โต) ได้นิมิตว่าท่านได้ตื่นขึ้นเห็นชายหนุ่มรูปงามรูปหนึ่งมายืนอยู่ที่หัวนอนในชุดนุ่งขาวห่มขาว มีรูปลักษณ์งดงามหาที่ติมิได้เลย สมเด็จ (โต) ท่านก็มองขึ้นตามกำหนดของจิต ทราบว่าหนุ่มรูปงามนี้คงจะไม่ใช่มนุษย์แน่นอน

สมเด็จ (โต) จึงถามว่า “ท่านผู้เจริญ การที่อาตมาได้มีโอกาสชมท่านนับว่าเป็นขวัญตาเหลือเกิน ท่านมาในสถานที่แห่งนี้ มีสิ่งใดที่อาตมาปฏิบัติผิดพลาดในหลักพระพุทธศาสนาเล่า? ขอให้ท่านจงประสาทประทานการสอนให้อาตมาแจ่มแจ้งในพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเถิด”

ชายหนุ่มผู้นั้นจึงกล่าวขึ้นด้วยคำพูดที่เย็นกังวาน

“ท่านโต วิธีการที่ท่านดำเนินงานอยู่นี้คล้ายกับองค์สมณโคดมอยู่ แต่การที่ท่านคิดจะสร้างพระให้เป็นสิ่งที่ระลึกของมนุษย์นั้น สร้างแล้วสิ่งนั้นต้องดี ท่านโตเชื่อในเรื่องวิญญาณ เพราะฉะนั้นควรจะปฏิบัติตามกฎของโลกวิญญาณ คือวิธีการตั้งให้ถูกหลักการในการปลุกเสก”

สมเด็จ (โต) ท่านจึงกล่าวว่า

“ท่านผู้เจริญ ขรัวโตนี้รับฟังความคิดเห็นของทุกคน หากแม้นท่านโปรดข้านี้ ขอได้โปรดบอกมาเถิด จะด่าว่าตักเตือนเราก็ไม่ว่า”

หนุ่มรูปงามผู้มีความสงบแลดูเป็นที่น่าเลื่อมใสจึงได้แนะวิธีการต่างๆ ในเรื่องทิศทางว่า ทิศใดเป็นทิศมงคล ในการวางเทียน ธูป ดอกไม้ เทียนชัย ให้ตรงตามหลักของกฎระเบียบแห่งโลกวิญญาณ เรียกว่า เทวบัญญัติ หรือพรหมบัญญัติ ระหว่างสมเด็จ (โต) ยังคุมสติสัมปชัญญะอยู่ทุกเมื่อ จึงได้ถามหนุ่มรูปงามนั้นว่า

“ท่านผู้รูปงามท่านนี้มีนามว่ากระไรหนอ?”

“หม่อมฉันนี้คือ ลูกศิษย์องค์พระโมคคัลลานะ หม่อมฉันสำเร็จเป็นอรหันต์เมื่ออายุ ๗ ขวบ แต่ด้วยทิ้งสังขารก่อนอายุขัยจึงมิได้สู่แดนอรหันต์ คงยังอยู่ในแดนพรหมโลก เพราะหม่อมฉันไม่อยากติดสตรี หม่อมฉันจึงทิ้งสังขารก่อนอายุขัย ทางโลกวิญญาณถือว่าสิ้นก่อนอายุขัยจึงอยู่ในรูปพรหม ถ้าท่านโตต้องการปรึกษาจากหม่อมฉันก็จงระลึกถึง ชินนะปัญจะระ”

มานพหนุ่มรูปงามกล่าวต่อสมเด็จ (โต) อย่างสำรวม

ต่อมาไม่ว่าสมเด็จ (โต) จะทำงานสิ่งใด จึงมักระลึกถึงท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ ระลึกถึงทีไร ท่านก็ปรากฏร่างทันที ช่วยเหลือสมเด็จ (โต) ประกอบพิธีต่างๆ จึงทำให้เครื่องรางของขลังของสมเด็จ (โต) มีความศักดิ์สิทธิ์มาก

สมเด็จ (โต) ท่านปลุกเสกพระสมเด็จรุ่นสุดท้าย ๘๔,๐๐๐ องค์ เรียกว่า สมเด็จอิทธิเจ ท่านได้แปลคาถาจากคัมภีร์ ซึ่งท่านพบจากกรุวัดที่กำแพงเพชร ซึ่งคัมภีร์นั้นเขียนขึ้นด้วยภาษาสิงหล ได้ความบ้าง มิได้ความบ้าง จับใจความได้ว่าเป็นชื่ออรหันต์แปดสิบองค์ จึงได้ตัดต่อแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อง่ายต่อการสวด จึงแปลใหม่ได้ความว่า “คาถาชินปัญชร” ซึ่งตรงกับชื่อท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ


พระสมเด็จ (โต) ท่านจึงถือคาถาบทนี้ เป็นการเทิดทูนท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ ที่ได้ช่วยเหลือท่านตลอดมา และพระคาถาบทนี้เป็นบทสวดในการนั่งปลุกเสกพระอิทธิเจรุ่นสุดท้าย ซึ่งสมเด็จ (โต) ท่านนั่งปลุกเสกอยู่เพียงผู้เดียว

ดังนั้น ชินปัญชรคาถา หากท่านได้ภาวนาเป็นประจำสม่ำเสมอ จักก่อให้เกิดผลดียิ่งแก่ผู้ภาวนา เพราะท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระจะทรงแผ่อำนาจลงมาช่วยท่านตลอดเวลา คิดหวังอะไรย่อมสมหวังยิ่ง

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๒

การสวดมนต์อธิษฐาน



การสวดมนต์อธิษฐานนั้น เป็นเรื่องราวแปลกมหัศจรรย์ และพลังแห่งการอธิษฐานนั้น จะทำให้เกิดสันติสุขได้ ยิ่งถ้าได้มีการสวดมนต์อธิษฐานร่วมกันหลายๆ คน พร้อมๆ กันด้วย ก็จะยิ่งมีพลังแห่งการอธิษฐานมากกว่าที่จะทำไปโดยลำพังคนเดียว หรือทำคนละที


เปรียบเหมือนการออกแรงกายทำอะไรสักอย่าง ถ้าได้ช่วยกันออกแรงหลายคนพร้อมๆ กัน ก็จะมีพลังมากกว่าออกแรงเพียงคนเดียวหรือออกแรงคนละทีไม่พร้อมกัน แต่อย่างไรก็ตาม การสวดมนต์อธิษฐานจิตย่อมส่งผลไปไกลกว่านั้นออกไปอีก

กล่าวคือ นอกจากจะได้จิตที่มีพลังแล้ว ในการร่วมอธิษฐานจิตนั้นเอง ยังส่งผลให้ผู้ร่วมอธิษฐานมีความผูกพันทางจิตใจเข้าด้วยกันและ
ส่งกระแสจิตไปผูกพันอยู่กับสิ่งที่ดีงาม อันกระแสจิตนั้น ย่อมแผ่ออกไปได้ไม่มีเขตกำจัด

ถ้าเป็นกระแสจิตที่ดีที่สะอาดก็จะไปสู่กระแสจิตที่มีลักษณะเดียวกัน นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมคนดีมักพบกับแต่คนดีด้วยกัน หรือคนที่มีนิสัยใจคออย่างไร มักชอบคบค้ากับคนที่มีนิสัยใจคอเช่นเดียวกัน อย่างนั้นนั่นเอง

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๑

เขียนจากใจ…พระราชญาณดิลก เจ้าอาวาสวัดเขาเต่า



s1.jpg


พระราชญาณดิลก

อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์


k3.1.png



เขียนจากใจ


เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๔ อาตมาได้ไปสำนักปู่สวรรค์เป็นครั้งแรก ในวันนั้นได้ฟังพระธรรมเทศนาของเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ซึ่งแสดงในวันนั้นรู้สึกจับใจมาก ต่อมาอาตมาได้ไปอีกหลายครั้ง การไปสำนักปู่สวรรค์ทำให้อาตมาได้ทราบและได้รับความสว่างในเรื่องราวต่างๆ ดีขึ้นทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งยังไม่เคยทราบมาก่อน


ต่อมาท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) จะจัดพิมพ์พระคาถาชินปัญชรพร้อมด้วยเบื้องหลัง จะให้อาตมาเขียนคำนำและวิจารณ์นั้น อาตมามิกล้าบังอาจจะเขียนวิจารณ์ เพราะเมื่อได้สนทนากับท่านแล้ว จึงได้ทราบถึงสำนวนและโวหารในพระคาถานี้ว่า ท่านมีการซ่อนเร้นไว้หลายตอน


เช่น คำว่า “สีเล” หมายความว่า ศีลที่ต้องดูแล แต่อรรถกถาจารย์รุ่นหลังเปลี่ยนเป็น “สีเส” และมีอีกบางคำ เช่น “มัชฌัมหิ” หรือ “มัชฌิมหิ” ของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จฯ เป็น “มัชเฌนหิ” และบางตอนท่านบอกว่า ยกสำนวนจากภาษาสิงหลมาล้วนๆ แต่เขียนเป็นภาษาสยามเท่านั้น


เพราะฉะนั้น อรรถกถาจารย์ยุคต่อมา ก็เข้าใจว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ แปลตรงตัวเพื่อให้ได้ความตามที่คนเข้าใจ และโบราณกาลของเรามีหลักว่า ถ้าคาถาใดท่องบ่นแล้วแปลไม่ออกก็จะยิ่งขลัง


เพราะฉะนั้น ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ก็อาจจะมีอารมณ์อันนี้แฝงไว้ในพระคาถานี้ด้วยก็ได้ ซึ่งท่านอ่านพระคาถาชินปัญชรที่พิมพ์จากสำนักปู่สวรรค์แล้ว อาจจะไม่เข้าใจ เพราะสำนวนบางตอนไม่เหมือนฉบับอื่น แต่ขอให้ท่านอ่านเรื่องเบื้องหลังให้ละเอียด ท่านก็อาจจะกระจ่าง

ถ้าท่านไม่กระจ่าง ก็ขอเชิญท่านไปที่สำนักปู่สวรรค์ ไต่ถามจากท่านเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ก็อาจจะเข้าใจได้ หวังว่าทุกคนคงจะเป็นชาวพุทธที่แท้จริง เพราะการเป็นชาวพุทธที่แท้จริง ย่อมไม่ด่วนลงความเห็นและวิจารณ์สิ่งใดๆ โดยการคาดคะเน



จากใจจริง


พระราชญาณดิลก

เจ้าอาวาสวัดเขาเต่า

Rank: 8Rank: 8

สารบัญ


๑.   เขียนจากใจ…พระราชญาณดิลก เจ้าอาวาสวัดเขาเต่า
๒.   การสวดมนต์อธิษฐาน
๓.   กำเนิดพระคาถาชินปัญชร
๔.   การสวดพระคาถาชินปัญชร
๕.   บทสวดมนต์
๖.   อานุภาพของพระคาถาชินปัญชร
๗.   ความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาชินปัญชร
๘.   บันทึกประวัติศาสตร์
๙.   พระประวัติท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
๑๐.  คุณลักษณะท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
๑๑.  พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
๑๒.  พระโองการท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ


IMG_5095.1.png



ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :


ตอนที่ 1 - 8

http://www.dannipparn.com/thread-359-1-1.html


ตอนที่ 9 - 12

http://www.dannipparn.com/thread-359-2-1.html


‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-12-1 00:49 , Processed in 0.055704 second(s), 16 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.