ตอนที่ ๘ ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตน
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ในกรุงสาวัตถี ทรงปรารภนายพรานชื่อ โกกะ ผู้ยุให้สุนัขกัดพระเถระ แล้วตนเองก็ได้รับกรรมนั้นสนอง ดังนี้
เช้าวันหนึ่ง นายพรานโกกะผู้หากินทางล่าเนื้อ มีธนูเป็นอาวุธคู่มือ และมีสุนัขเป็นบริวารล่าเนื้ออยู่ฝูงหนึ่ง ออกป่าล่าเนื้อไปพบภิกษุรูปหนึ่งกำลังเดินบิณฑบาตอยู่ พบภิกษุเขาก็โกรธ พลางคิดว่า “เราพบคนกาลกิณีเสียแล้ว วันนี้เราคงจะไม่ได้เนื้อเป็นแน่”
ฝ่ายภิกษุนั้นเที่ยวบิณฑบาตในหมู่บ้านแล้ว ทำภัตกิจเสร็จแล้ว ก็ได้เดินทางกลับทางเดิม ก็มาพบกับนายพรานโกกะเข้าอีก ฝ่ายนายพรานโกกะเที่ยวมองหาเนื้อในป่าก็ไม่พบ แต่กลับมาพบพระเข้าอีก คราวนี้ก็มีความโกรธเป็นกำลังสอง จึงยุให้สุนัขทั้งฝูงไล่กัดพระ
ฝ่ายพระก็ได้อ้อนวอนว่า “อุบาสก ท่านอย่าทำอย่างนั้นเลย” นายพรานร้องบอกว่า “วันนี้ข้าพเจ้าไม่ได้อะไรเลย เพราะมาพบท่าน ท่านก็มาพบข้าพเจ้าอีก ข้าพเจ้าจะให้สุนัขกัดท่าน” ว่าแล้วก็ได้ให้สัญญาณแก่สุนัข พระเถระก็ดีรีบปีนขึ้นต้นไม้ต้นหนึ่งโดยเร็ว ได้นั่งที่สูงชั่วคนยืน สุนัขทั้งหลายก็พากันล้อมต้นไม้ไว้
นายพรานโกกะร้องว่า “แม้ท่านขึ้นต้นไม้ก็จะไม่พ้นภัยไปได้” ว่าแล้วเขาก็เอาปลายลูกธนูแทงเท้าของพระเถระ แม้พระเถระจะขอร้องอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่ฟัง กลับกระหน่ำแทงใหญ่ พระเถระถูกลูกศรแทงเท้าข้างหนึ่ง ก็หดเอาเท้าขึ้น เขาก็แทงอีกเท้าหนึ่ง เท้าทั้งสองถูกแทงเลือดไหล
ขณะที่พระเถระกำลังหดเท้าทั้งสองขึ้นลงอยู่นั่นเอง ความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ถูกแทง ท่านจึงคุมสติไม่อยู่ จีวรได้หลุดลุ่ย และหล่นลงมาคลุมร่างของนายพรานโกกะเข้าทั้งตัว ฝ่ายฝูงสุนัขเห็นผ้าเหลืองหล่นลงมา จึงคิดว่าพระเถระตกลงมาแล้ว ต่างพากันรุมกินนายพรานจนเหลือแต่กระดูก
เมื่อพวกสุนัขออกมาจากจีวรแล้ว พระเถระจึงหักกิ่งไม้ขว้างสุนัขเหล่านั้น เมื่อสุนัขเหล่านั้นแหงนขึ้นไปดูบนต้นไม้ เห็นภิกษุยังอยู่ จึงรู้ว่ามันได้กัดเจ้าของเสียแล้ว จึงพากันวิ่งเข้าป่าไป ฝ่ายพระเถระเมื่อกลับมาวัดแล้ว ก็เข้าเฝ้าพระศาสดา กราบทูลเรื่องนี้ให้ทรงทราบ เพราะเกรงว่าตนจะยังมีศีลบริสุทธิ์อยู่หรือไม่
พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า “ภิกษุ! ศีลของเธอไม่ด่างพร้อย เขาผู้ทำร้ายเธอผู้ไม่ทำร้ายตอบจึงถึงความพินาศ และมิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่เขาถึงความพินาศ แม้ในอดีตกาลเขาก็ได้ทำร้ายต่อผู้ที่ไม่ทำร้ายตอบ และก็ได้ถึงความพินาศมาแล้วเหมือนกัน” ครั้นแล้วทรงนำอดีตของนายพรานมาเล่า ดังนี้
ในอดีตกาล มีหมอคนหนึ่งเที่ยวไปตามหมู่บ้าน เพื่อต้องการรักษาคน เดินไปจนเมื่อยก็ไม่มีใครจะให้รักษา เกิดความหิวรบกวน แล้วเดินไปพบกับเด็กกลุ่มหนึ่ง กำลังเล่นกันอยู่ที่ประตูบ้าน เขาก็จึงเกิดความคิดว่า “เราจะให้งูกัดเด็กเหล่านั้นแล้วรักษา เราก็จะได้ค่าอาหาร”
คิดดังนี้แล้ว จึงได้ให้งูนอนชูหัวอยู่ที่โพรงใต้ต้นหนึ่ง แล้วจึงบอกกับเด็กๆ เหล่านั้นว่า “นี่แน่ะเจ้าหนูทั้งหลาย นั่นลูกนกสาลิกา อยู่ในโพรงไม้นั่น พวกเจ้าจงจับมันสิ”
ในทันใดนั้นเอง เด็กน้อยคนหนึ่งต้องการลูกนก จึงได้ปีนขึ้นต้นไม้แล้วเอามือล้วงลงไปในโพรง จับที่คองูไว้แน่น เมื่อดึงออกมา จึงรู้ว่ามันเป็นงู จึงเกิดความกลัวสลัดงูอย่างแรงลงไปตกบนหัวของหมอพอดี งูจึงได้กัดคอของหมอ และกัดหมอจนถึงแก่ความตายในที่นั้นเอง
นายพรานโกกะนี้แล แม้ในกาลก่อนก็ได้ทำร้ายต่อผู้ที่ไม่ทำร้ายตอบและได้ถึงความพินาศมาแล้วเหมือนกัน พระศาสดา ครั้นทรงนำเอาอดีตประวัติมาแสดงจบแล้ว ทรงสรุปว่า
“ผู้ใดประทุษร้ายต่อคนผู้ไม่ประทุษร้ายตอบ เป็นผู้บริสุทธิ์ บาปกรรมย่อมกลับคืนสู่ผู้นั้น ผู้เป็นคนพาล เหมือนธุลีอันละเอียดที่เขาซัดทวนลมไปฉะนั้น” ในกาลจบพระธรรมเทศนา มหาชนย่อมได้รับประโยชน์แล้วแล
เรื่องนายพรานสุนัขโกกะ พระไตรปิฎกและอรรถกถา เล่ม ๔๒ หน้า ๔๕
|