ตอนที่ ๗๑ เรื่องบังเอิญที่ไม่บังเอิญ
ในชีวิตของเราทุกๆ คน คงเคยได้ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ หลากรสหลากหลาย และในบรรดาเหตุการณ์หลายเรื่องที่ผ่านไปนั้น คงมีบางเรื่องที่เราเคยมีความรู้สึกว่า...ช่างบังเอิญเสียจริงๆ
คำว่า “บังเอิญ” นี้ สำหรับนักปฏิบัติภาวนาแล้ว ดูเหมือนจะขัดกับ “หลักความจริง” ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าของเรา ดังเรื่องที่ข้าพเจ้าขอยกมาเป็นตัวอย่างนี้
ภายหลังที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ และได้แสดงธรรมโปรดฤาษีทั้ง ๕ หรือปัญจวัคคีย์ จนได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว วันหนึ่งพระอัสสชิ หนึ่งในปัญจวัคคีย์ได้เข้าไปบิณฑบาตในเมือง ยังมีปริพาชกหรือนักบวชนอกพุทธศาสนารูปหนึ่ง ชื่อ อุปติสสะ เดินมาพบพระอัสสชิเข้า ได้แลเห็นท่าทางอันสงบน่าเลื่อมใส จึงเข้าไปถามท่านว่า
“ใครเป็นศาสดาของท่าน ศาสดาของท่านสอนว่าอย่างใด”
พระอัสสชิตอบว่า
“ธรรมทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าต้องการดับ ต้องดับเหตุก่อน พระพุทธองค์ทรงสอนอย่างนี้”
อุปติสสะ ได้ยินคำตอบก็เกิดความประทับใจอย่างยิ่ง จนได้บรรลุธรรมเบื้องต้นในที่นั้นเองและขอเข้าบวชกับพระพุทธเจ้า ต่อมาท่านได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า ที่เรารู้จักกันในนาม "พระสารีบุตร" นั่นเอง
พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่ว่าด้วยเหตุกับผล ผลย่อมเกิดแต่เหตุเท่านั้น จะเกิดขึ้นลอยๆ ไม่ได้
หลวงพ่อเคยบอกข้าพเจ้าว่า
“ถ้าเรามีญาณที่จะรู้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดในชีวิตเรา ไม่มีเรื่องบังเอิญเลย”
ผู้ปฏิบัติภาวนาต้องให้ความสำคัญที่เหตุ มากกว่าให้ความสำคัญที่ผล จึงขอให้ตั้งใจสร้างแต่เหตุที่ดี เพื่อผลที่ดีในวันพรุ่งนี้...และต่อๆ ไป
|