แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 2706|ตอบ: 2
go

เพื่อนๆ น้องๆ คนไหนเคยมีประสพการณ์ ฝึกมโนมยิทธิมาบ้างคะ [คัดลอกลิงค์]

Rank: 1

เพื่อนๆ น้องๆ คนไหนเคยฝึกมโนมยิทธิ และไปเห็นอะไรมา บ้างมาเล่าประสพการณ์ ของผลการฝึก มโนมยิทธิ แบบครึ่งกำลังและเต็ม
กำลังว่าผลการปฎิบัติ เป็นอย่างไรเพื่อเป็นธรรมทาน คนที่กำลังจะเริ่มฝึกจะได้มีกำลังใจฝึก ว่าวิชาที่หลวงพ่อสอนได้ไปเห็น นรก สวรรค์
และนิพพานจริงๆ รออ่านอยู่นะคะ

Rank: 1

longpor.jpg
ประสบการณ์ฝึกมโนมยิทธิ์ ครั้งแรกที่ฝึก จะ งง กับการฝึกมากเพราะนั่งสมาธิแล้วมีคนมาคุยบอกด้วยมันจะเป็นสมาธิอย่างไร แต่พอฝึกบ่อยเข้า จะเข้าใจเองว่า ต้องแยกจิต (ความรู้สึก) กาย (สมองคิดวิเคราะห์สัญญา ความจำ) ... เมื่อเข้าใจว่าอันไหนเราใช้ระบบจิตอันไหนเราใช้ระบบกาย ก็จะเข้าถึงหลักการฝึกมโนมยิทธิ์จริงๆ และที่สำคัญการเห้นคือ ใช้ความรู้สึกของใจรับสัมผัส ใช้ความรู้สึกแรกรับรู้ โดยไม่ทันจะคิดใว้ก่อน แบบนี้ พอรู้สึกคำตอบจะโผล่มาเอง ก่อนที่เราจะคิดวิเคราะห์ ในความแม่นยำถูกต้องและชัดเจน เกิดจาก ก่อนฝึกครูจะสอนวิปัสสนาให้จิตมันปล่อยวางร่างกายเกิดความเบื่อหน่ายร่างกายก่อน ทำให้สภาวะอารมณ์ก่อนจะจิตจะท่องเที่ยวนั้นมันจะเบาสบายใจ ชุ่มชื่น อันนี้ สภาวะของจิตทรง อุปจารสมาธิ เพราะเกิดอาหารปิติเกิดขึ้น พอเกิดสภาวะนี้ ก็ภาวนา "นะมะ พะธะ" หายใจเข้า นะมะ หายใจออก พะธะ เป็นการ ภาวนาในการใช้อภิญญา และเวลาครูฝึกพาไปไหนก็เอาใจนึกตามถ้าไม่รู้สึกเห็นภาพ หรือไม่มีอะไรออกมาจากความรู้สึก ครูฝึก จะให้ขอบารมีพระ และจับภาพพระให้นิ่ง คือเอาจิตนึกถึงพระไม่นึกถึงอย่างอื่น เช่นไม่ห่วงเรื่องการงาน ต่างๆ ให้วางไปก่อนสนใจแต่ภาพพระ ที่เราสัมผัสได้ตามครู แนะนำตอนแรก ... ทีนี้พอภาวนาสักพัก ธาตุ 4 รวมกันจิตจะมีกำลัง นึกไปไหนก็ไปที่นั้น เช่นนึกไปที่บ้านจิตก็จะรู้ว่าที่บ้านมีอะไร เป็นอย่างไร พอซ้อมแบบนี้คล่องคราวนี้ ครูจะนำ ขอบารมีพระ และเป้าหมายแรกไปที่ สวรรค์ชั้นดาวดึงเทวโลก เป้าหมายที่พระจุฬามณีเจดี สถาน ... อันนี้ การรับสัมผัสของทุกคนจะเห็นชัดเจนไม่เหมือนขึ้นอยู่อยู่กับ การเริ่มต้นว่า เราแยกสภาวะจิตกับกาย โดยการว่างร่างกายได้ชั่วขณะไหม ถ้า วาง ร่างกายได้ชั่วขณะ จิตจะไมมาก รู้สึกก็เข้าใจ เหมือนตาเห็นทุกอย่าง แต่ถ้ายังวางร่างกายไม่ได้ จะผสมในสัญญาคือ จิตตนาการ ... เช่นนึกถึงสวรรคื เทวดา ก็จิตนาการไปด้วยอันนี้มันจะผสมกับสัญญา คือ จะมีทั้งจิตและไม่จริงถ้าจิต ยังไม่วางกายได้เต็มที่ คือ แยก ความรู้สึก กับ ความคิด ออกจากกัน ... ตัวสัญญานี่แหละจำทำให้เราไม่สัมปัสและรับรู้ในสภาวะความเป็นจริง และกำลังสมาธิยังน้อยต้องขอบารมีพระ คือ เอา อำนาจ แห่งพุทธานุภาพ มาช่วยด้วย ส่งผลให้มโนมยิทธิ คือ ใจเราทำงานได้นึกไปไหนก็รู้สึกไป แม้กายเรายังอยู่กับที่ แบบนี้เรียกว่า ครึ่งกำลัง ... ทีนี้ จุดสำคัญของการฝึกมโนมยิทธิ์ คือ การเอาจิตสัมปัสรับรู้ในสภาวะ พระนิพพาน ... ซึ่งสภาวะนี้ มันจะนอกเหนือในสัญญา เพราะ จิตเราไม่เคยไปนิพพานมาก่อนเลยไม่มีสัญญาในการที่เราจะ ใช้ ความคิดวิเคราะห์ หรือ จิตนาการ ... มันคือารมณ์ใจที่ สะอาดวางกิเลสได้ชั่วคราว การจะขึ้นพระนิพพานได้นั้น สภาวะจิตต้องทรงอารมณ์พระโสดาบันขึ้นไป (ชั่วคราว) จิตจะรับสัมผัสสภาวะพระนิพพาน ได้ละเอียดยิ่งขึ้นถ้าใจสะอาดมาก จนถึงอารมณ์อรหันต์ (ชั่วคราว) ที่ไม่สนใจในร่างกายเลย ตอนนี้หละจิตจะสบายและจะเพลินกับอารมณ์ที่รับสัมผัสว่า สภาวะพระนิพพาน เป็นอย่างไร มัน เหมือนอารมณ์ใดๆ ในโลกนี้หรือไม่ ตอนนีห้ละสำคัญมาก จิต จะบันทึก ถึงสภาวะพระนิพพาน ว่า เป็นอย่างไร สำคัญที่สุด จิตรู้จักสภาวะพระนิพพานแล้ว ... ตรงนี้หละ เมื่อจิตจำสภาวะพระนิพพาน แล้ว ทั้งที่ไม่เคย จำมาก่อน ก็จะทำให้จิตรักพระนิพพาน รักในอารมณ์ สภาวะที่จิตขึ้นสู่พระนิพพาน นึกเมือ่ไหร่จิตเข้าใจในสภาวะและ ทรง อารมณ์ในสภาวะให้นานที่สุด แบบนี้ มีประโยชน์มาก เพราะหลวงพ่อท่านเน้นยำในอารมณ์ พระนิพพาน มาก เพราะ เมื่อจิตมีสภาวะชินในอารมณ์ พระนิพพานนึกเมื่อไหร่ เกิดสภาวะ แสดงว่า จิตไปอยู่ที่พระนิพพาน ใช้ความรู้สึกไป สังเกตว่าเกิดสภาวะจิตจะสะอาดสบายมากๆ นั้นหละเวลาตายเมื่อไหร่ ก็จิตไปอยู่ที่นั้นทันที เพราะจิตมันชินและรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ นี่คือ จุดสำคัญสูงสุด ...

ส่วนการที่จะเห็นนรก สวรรค์ พรหม แบบนี้ ผลของการฝึกมโนมยิทธิ์ เราจะได้อันแรกคือ ญานการรับรู้ หรือเรียกว่า "ทิพจักขุญาน" คือ ใจที่เป็นทิพย์ พอรู้แบบนีก้็จะรู้อีก 7 อย่าง เช่น ระลึกชาติได้ รู้เห็นอานาคต และ อารมณ์ใจคนอื่น เป็นต้น อันนี้ คือ ความรู้สึกจะโผล่มาเอง เกิดสภาวะที่รู้ใน ญาน ที่เรียกว่า ญาน8 จะเป็นอัตโนมัติ แทบไม่ทันจะคิด เพราะจะรู้สึกและเข้าใจและเชื่อมั่นเอง แต่อย่าหลง ต้องใช้ปัญญาพิจารณา วางทุกอย่างด้วย เห็นว่า ทุกข์เพราะมีกายนั้นเอง ถ้าไปเกิดหลงว่าตนเองวิเศษ ก็พัง แบบนั้นจิตจะเศร้าหมองมัวหมองด้วยอารมณ์กิเลส หลอก นั้นเอง ... ถ้าทรงอารมณ์ สภาวะ อุปจารสมาธิ และขอบารมีพระ แบบนี้ความถูกต้องชัดเจน จะมีมากขึ้น ... และสังเกตว่าถ้าได้มโนมยิทธิ ความฝัน จะชัดเจนขึ้น และไม่เหมือนฝัน เหมือนตื่นมาอีกโลกหนึ่ง แบบนี้ จิตออกจากกายด้วยกำลังของ มโนมยิทธิ์ ยิ่งมั่นภาวนา "นะมะ พะธะ" บ่อยจิตจะไวมาก คือ จิตจะรวมตัวและมีกำลัง กำหนดจิตไปที่ไหนก็จะรู้สึกได้ทันทีที่นั้นมีอะไรยังไง บางครั้งก็แทบไม่ทันคิดและหาเหตุผลในการที่รู้ไม่ได้ ...

ตัวอย่างในการทีึ่จิตใช้มโนมยิทธิ์ ที่เคยสัมผัสมา ... มีครั้งหนึ่งไปแถวลำพูนไปดอยถ้ำ ขึ้นไปบนดอยถ้ำแล้วกราบพระ พอกราบพะรแล้วจิตมีความรู้สึก และประมวลผลได้เองว่า มีรอยพระพุทธบาท ซ่อนอยู่ด้านข้างองค์พระ จากนั้นกายมันลุกและเดินไปตรงจุดนั้น และก้เจอหินที่มีเหมือนรอยเท้าประทับอยู่จริง ... อันนี้มันไวมาก คือ เหมือน คิดเป็นตุเป็นตะ แต่ไวมาก และก็บังคับกาย ให้ไปตามที่นึก แบบนี้ เป้น ผลของ มโนมยิทธิ์ หรือที่เรียกว่า ฤทธิ์ทางใจ ที่ใช้ตาใน (ใจ) ไม่ได้ใช้ตาเนื้อ (ลูกตา)


และมีอีกตัวอย่างหนึ่ง เช่น ไปเขื่อนภูมิพล แล้วไปเห็นป้ายนำเที่ยว แล้วมีคำว่า "วัดพระธาตุแก่งสร้อย" แค่กระทบแค่นี้จิตรับสัมผัสและรับรู้ได้เองว่า ที่นั้นตนเองเคยเกิดเคยอยู่ที่นั้มาก่อน สภาวะอารมณ์จิตมันจะคุ้นเคย และบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นภาพเหมือนจิตนาการ แต่เราไม่ได้คิดมาก่อนล่วงหน้าแบบนี้ จิตใช้ "มโนมยิทธิ์" เป็นความมรู้สึกของใจบอกออกมาแล้วส่งมายังกายในการรับรู้ แบบนี้

ส่วนการจะรุ้ได้นั้นต้องอยู่ที่อารมณ์ใจที่ทรงอยู่ อย่าไปอยากรู้มากเกินไป ให้กำหนดที่จะรู้และวางในอารมณ์เสียก่อน ถ้าอารมณ์สภาวะมันได้ สิ่งที่รู้ มันจะผุดขึ้นมาตามความรู้สึกเอง ... อ่านบทความ เพิ่มเติมได้ที่นี้

การกำหนดจิตในสิ่งที่เราต้องการรู้

http://www.dannipparn.com/thread-633-1-3.html

ความกระจ่างในการฝึกมโนมยิทธิ์
http://www.dannipparn.com/thread-638-1-3.html

การค้นพบจิตและการดึงพลังจิตมาใช้
http://www.dannipparn.com/thread-720-1-2.html

การรวมจิตและการใช้พลังจิต
http://www.dannipparn.com/thread-625-1-1.html


Rank: 1

เวปนี้ทำไมเงียบเหงาจังไม่เหมือนเวปอื่่นๆ คงจะทำได้แค่เข้ามาฟังธรรมหลวงพ่อก็พอ

‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-12-1 02:13 , Processed in 0.036656 second(s), 16 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.