แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 3116|ตอบ: 2
go

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ "มโนมยิทธิ" (หลวงพ่อไม่สนับสนุนให้ใครหลง) [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8




มโนมยิทธิ

คำสอนพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)

คัดลอกจากธรรมปฏิบัติ... ฉบับที่ ๑๓ โดยมิ้ม




“สำหรับผู้เจริญสมาธิในด้านมโนมยิทธิสามารถท่องเที่ยวไปในแดนต่างๆ ได้ จะกลับมาใช้ด้านวิปัสสนาญาณได้ไหมครับ... ?”


อ้าว...เขาเร็วกว่าซิ ไอ้ที่เขาเที่ยว เขาไม่ได้เที่ยวกันนะ เขาฝึกไว้เพื่อการศึกษาศึกษาอะไร ถ้าเราไปได้เราก็ไปหาพระสิ เที่ยวส่งเดชไม่ได้เกิดประโยชน์ไอ้เที่ยวไปโน่นไปนี่ไปดูนั่นดูนี่ มันไม่ใช่เรื่อง แต่ว่าถ้าเราสงสัยเราก็ไปดู


ส่วนมากพวกที่เขาได้กันจริงๆมันจะมีการท่องเที่ยวอยู่ชั่วระยะแรก ชั่วระยะแรกเที่ยวไปไหนเที่ยวเพื่อป้องกันความสงสัย อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านว่า นรกมีจริง เปรตมีจริงอสุรกายมีจริง เทวดามีจริง พรหมมีจริง มันมีหรือเปล่าถ้าเราเห็นว่ามีจริงเขาเลิกแล้ว เขาไม่เอาแล้ว


ไอ้อย่างประเภทคนนั้นให้ดูคนนี้ให้ดูอันนี้เขาไม่เอา เขาใช้เพื่อทำตนให้พ้นทุกข์ เข้าถึงนิพพานเร็วขึ้น


คือว่ากำลังมโนมยิทธิมันบอกถ้ากำลังอยู่แค่ไหนกำลังของเราอยู่ได้แค่กามาจรสวรรค์มันก็จะไปได้เฉพาะกามาวจรสวรรค์แล้วแดนของเราอยู่ที่ไหน ถ้าเราทำมโนมยิทธิได้จะรู้ว่าไอ้บุญที่เราทำวิมานมันมีแล้ว เราก็ไปวิมานเราในแดนสวรรค์


พบแล้วเข้าไปได้ไหมถ้าเข้าไม่ได้ก็แสดงว่ากำลังอ่อนอยู่ ก็พยายามทำให้เข้าให้ได้พอเข้าไปในวิมานได้แล้ว ไอ้กายที่มันไปทีแรก มันก็เหมือนนุ่งกางเกงใส่เสื้อแบบนี้เพราะอันดับแรกสมาธิมันยังต่ำอยู่


ทีนี้พอเข้าไปในเขตวิมานปั๊บมันจะเปลี่ยนสภาพทันที สภาพของเทวดานางฟ้าเป็นยังไง มันจะเป็นสภาพนั้นตามกำลังบุญของเรา ทีนี้เรามั่นใจได้แล้วว่า วิมานหลังนี้มาอยู่แน่


แล้วเราก็ดูวิมานหลังอื่นต่อไปว่าวิมานหลังอื่นที่เขาสวยกว่าเรามีไหม เทวดาที่เขาดูแสงสว่างเวลาขึ้นไปมันก็มีแสงสว่าง เราเท่าเขาไหม ถ้าเราไม่เท่าเขา เราก็ไปถามเขาเอาแบบง่ายๆนะ เข้าไปถามเขา ว่าทำไมเขาจึงมีรัศมีกายสว่างกว่าเรา เขาบอกไม่ใช่เขาไม่บอก เขาไม่ปิด


เราก็มาแก้ไขนิดเดียวแก้ไขตามที่เขาบอก ไม่กี่วันหรอก ๒-๓วันเป็นอย่างมาก รัศมีกายสว่างเท่าเขา


ทีนี้เราสามารถเท่าเขาหมดไม่ว่าดาวดึงส์หรือทุกชั้น กามาวจรสวรรค์ เราสามารถท่องเที่ยวไปได้วิมานมันก็ดีขึ้น


ต่อมาเราก็ดูว่ามีกำลังไปพรหมได้หรือเปล่า

ถ้าเรามีกำลังไปพรหมได้วิมานของเราอยู่ที่พรหม ไอ้วิมานที่เทวดาที่ดาวดึงส์ก็หายไป ใช่ไหม


ทีนี้ถ้าไปพรหมได้ก็ปรับปรุงความเป็นพรหมให้เท่ากับพรหมชั้นดีไม่ยากนี่ เขาบอกมาเราก็ทำ ไม่กี่วันมันก็ได้


ต่อไปก็ไปนิพพานเราขึ้นไปในเขตของนิพพานได้ไหม


ถ้าขึ้นไปได้อย่างคนไม่มีแรงแสดงว่าใช้ไม่ได้เราต้องปรับปรุงตัวเรา แต่ว่าวิธีที่เขาใช้กันจริงๆนี่เขาไม่ได้ไปถามเทวดาหรือถามพรหมหรอก


ถามพระ


พอขึ้นไปอันดับแรกต้องเข้า พระจุฬามณี ไปไหว้พระก่อน ถ้าไปไหว้พระนี่ถ้าหากว่าเรายังมีอารมณ์ เรียกว่าถ้าเราหย่อนจุดไหนท่านจะบอกจุดนั้นเป็นจุดๆเพื่อปรับปรุงตัวเราให้ดีขึ้น


ทีนี้ถ้าหากว่าบังเอิญเราขึ้นไปนิพพานได้กำลังไม่ดี เราก็ถามท่าน ท่านก็จะบอกแก้ไขจุดนั้นนะ แก้ไขจุดนี้นะ ท่านบอกเฉพาะจุดมาเลยหนักๆเข้าก็ปรุงเข้าถึงนิพพานได้สบาย นี่เดินในเขตนิพพานได้สบาย


ต่อไปเข้าวิมานเราได้ไหมเข้าที่เราได้หรือเปล่า


ถ้ามันกำลังไม่ดีจริงๆมันเข้าไม่ได้ เมื่อเข้าไม่ได้เราก็มาถามพระพระท่านก็บอกหาทางแก้ไขปรับปรุงได้ดีแล้วเราก็เข้าไปในเขตได้ เข้าไปในตัวอาคารได้


แต่ว่าไปนั่งบนแท่นได้หรือเปล่าทีนี้ถ้านั่งแท่นไม่ได้ ก็ต้องกลับมาถามท่านใหม่อีกจนกระทั่งเราสามารถเข้าไปนั่งเล่นนอนเล่นตามสบาย ตามอัธยาศัยเหมือนกับบ้านที่เราอยู่ อันนี้แสดงว่ากำลังจิตของเราเต็มอารมณ์ของนิพพาน


ฆารวาสเป็นพระอรหันต์


คำว่าเต็มอารมณ์ที่จะเข้านิพพานได้นี่ถ้าเป็นฆารวาสอย่างเป็นผู้หญิงบวชไม่ได้ อาจจะยังไม่ใช่พระอรหันต์


คือว่าถ้าเป็นพระอรหันต์วันนี้มันก็ต้องตายพรุ่งนี้ไอ้ที่เขาบอก ๗ วันน่ะเทศน์กันส่งเดชไป ไม่เห็นใครเขาอยู่ถึง ๗ วันนี่ตามพระสูตรมีเยอะ


ฆราวาสเมื่อได้อรหันต์วันนี้ขอบวช พระพุทธเจ้าพิจารณาแล้วว่าคนนี้ถ้าบวชถ้าไม่เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในเขตของพระพุทธศาสนา ถ้าทรงตรัสด้วย เอหิภิกขุก็จะไม่มีผ้าไตรจีวรที่สำเร็จด้วยฤทธิ์มาครองตัว


ท่านก็เลยบอกว่าถ้าเธออยากจะบวชก็ไปหาผ้ามา ถ้ามีผ้าตถาคตจะบวชให้ ในที่สุดเดินไปเดินมาถูกนางยักษิณีแปลงเป็นวัวแม่ลูกอ่อนขวิดตาย


ที่ว่านางยักษิณีทำเพราะว่านางยักษิณีเขาไม่มีบาปเพราะขันธ์ ๕หรือร่างกายของฆราวาสไม่สามารถจะทรงความเป็นอรหันต์ได้ นี่เป็นอันว่าต้องตาย


ทีนี้ถ้าสมมุติว่ากำลังใจของเราสามารถเข้าไปในเขตนิพพานในเขตวิมาน เราสามารถไปได้สบายๆ แล้วเราเข้าถึงเขตสภาพของเราก็เหมือนกับท่านที่อยู่บนพระนิพพาน เหมือนกับเราทุกอย่าง


แต่มันยังมีต่างกันอยู่นิดนึงที่ว่าความผ่องในไม่เท่าท่าน อันนี้ย่อหย่อนไปนิดหนึ่งนั่นหมายความว่าจิตของเราเข้าถึงอรหัตมรรค อรหัตมรรคนี่ยังไม่ตาย ถ้าถึงเวลาหมดอายุขัยเราก็ถึงอรหัตผลพอเข้าถึงอรหัตผลวันนี้พรุ่งนี้ดับ มันหมดอายุขัย เขาก็ไปนิพพานได้


ฝึกเพื่อปรับปรุงใจตนเอง


ทีนี้พวกฝึกมโนมยิทธิส่วนใหญ่ที่ฟังๆกันใช้ไม่ถูกเรื่อง เขาไม่ได้ฝึกให้ไปอวดดีอวดเด่น เขาฝึกเพื่อเป็นการฝึกฝนตัวเองเป็นการปรับปรุงตัวเองจะให้ตัวเองทำให้มันเร็วเข้า ให้ถึงจุดหมายปลายทาง


ที่ฟังๆแล้วไปโน่นบ้างไปนี่บ้าง เถลไถลไปไม่ช้าก็พัง เสร็จ... ไม่ช้าหรอก

ไอ้ตัวที่ไปโน่นได้ไปนี่ได้มันก็จะเกิดคิดว่าฉันนี่ดีกว่าใครทั้งหมด ใครสู้ฉันไม่ได้ ลองคิดตัวนี้ขึ้นมามันก็เป็นตัวมานะ กิเลสมันก็เกิด เสีย สลายตัว


สลายตรงไหนสลายตรงที่อุปาทานกิน เจ๊ง !


ฉะนั้นพวกที่เขาไปได้คล่องๆไปถามเขา ไปถามที่ไหนเขารู้หมด ความจริงเขารู้หมดแต่เขาไม่ไป เขาถามจุดไหนๆมันจะเห็นจุดนั้นทันที มันไม่จำเป็นต้องไป ไม่ต้องไปเที่ยวดู


จิตจับให้เป็นสุข


จุดแรกที่เราไปจริงๆก็คือ อันดับแรกเข้าไปพระจุฬามณีก่อน ไปรับโอวาทจากพระพุทธเจ้า เขาต้องการแค่นี้


เมื่อรับโอวาทเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นำมาปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้นถ้ากำลังเราสามารถเข้าถึงนิพพานได้ ออกจากพระจุฬามณีก็ไปพระนิพพานเข้าจุดที่อยู่ของเราให้จิตใจมันสบาย ถ้าเข้าไปแล้วมันก็สบายทุกอย่างอารมณ์หนักไม่มี มันมีแต่ความเบา ไอ้คำว่าหนักนิดหนึ่ง คำว่าไม่พอใจนิดหนึ่งเรื่องความหนักใจทั้งหมดมันไม่มีในแดนนั้น


มีความเยือกเย็นเป็นสุขแบบเบาๆไม่สัมผัสกับอะไรทั้งหมด เราก็เกิดความสุข ถ้าหากเราไปในดินแดนนั้นได้เราก็ไปเสมอๆไอ้จิตมันก็จับที่จุดนั้น


ถ้าเราเป็นมนุษย์ถ้าเราได้มโนมยิทธิหรือได้ทิพจักขุญาณ เราเห็นเทวดาก็ไม่อยากมองมนุษย์ไอ้ส้วมของเทวดามันดีกว่าเยอะ เอ๊... เทวดามีส้วมหรือเปล่าถ้าเทวดาแกขี้ได้พวกเราตายเป็นแถวๆ ละนะ หล่นมาก้อนโตกว่าภูเขาอีก


รูปในนาม


เทวดาชั้นเล็กที่สุดที่คนมักจะพูดว่าเป็นเทวดาที่มีบุญน้อย คือภุมเทวดาภุมเทวดานี่เขามีวิมานอยู่บนภาคพื้นดินวิมานที่อยู่กับพื้นดินเพราะบุญน้อยมาก


แต่ว่าวิมานของภุมเทวดาน่ะดีกว่าพระราชฐานเยอะตัวเราก็ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดเป็นเทวดาหรือเกิดเป็นพรหมมันไม่มีขันธ์ ๕นี่ ไอ้รูปที่เราเห็นที่เขาเรียกกันว่านามธรรม ก็คือรูปในนาม


นามมันมีรูปของมันแต่ว่า มันไม่มีธาตุ ๔ ไม่มีขันธ์ ๕ แบบนี้มันเป็นสภาพของทิพย์


แต่ว่าเกิดวันไหนเวลาเท่าไหร่เขาก็จะทรงสภาพอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งตาย แก่ไม่มี ป่วยไม่มี ใช่ไหม การปวดการเมื่อย ทั้งหมดมันไม่มี มันสบายกว่าเยอะ


เห็นคนพูดตำหนิพระภูมิกันอยู่เรื่อยๆฉันเลยสงสารเขาเป็นภุมเทวดาได้ แต่เรายังคิดว่า เราดีกว่าภุมเทวดามันไม่ได้เพราะอะไร เพราะเรายังไม่ได้เป็นเทวดา จะคิดว่าบุญญาธิการที่เราทำมากกว่าภุมเทวดาแต่แน่ใจหรือว่าเราตายแล้วจะไม่ไปนรก ถ้าเรายังไม่ได้พระโสดาบัน ใช่ไหม


ยึดอารมณ์พระโสดาบันก่อน


นี่ทุกคนน่ะถ้ายังไม่ได้พระโสดาบันนี่อย่าทะนงตนนะว่าจะไม่ไปนรก ไม่มีทางหรอก อย่างพระนางมัลลิกา เป็นคนดีแสนดี ดีก็มาก มีศรัทธามากการให้ทางก็เคียงบ่าเคียงไหล่กับนางวิสาขามหาอุบาสิกา เพียงเวลาจะตายจิตเศร้าหมองนิดเดียวเท้าไปกระทบพระสวามีเข้า ก็คนไม่เคยทำความชั่ว อารมณ์เท่านี้ก็ทำให้ใจเศร้าหมองความชั่วอย่างนี้ไม่เคยมีสำหรับเรา เกิดอารมณ์เศร้าหมองนิดเดียว นิดหนึ่ง


พอตายไปแต่งตัวเหมือนนางฟ้าทุกอย่างหมดแต่ขาข้างกระทบเท้าสามีนั่นแหละไปแหย่ในนรก ๗ วัน เห็นไหม


ทีนี้ถ้าหากว่าคนเราจะทำตนให้พ้นจากอบายภูมิจริงๆก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาทำตนให้เป็นพระอริยเจ้าขั้นต้น คือพระโสดาบันและไอ้การจะเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์น่ะถ้าพวกที่เขาได้ทิพจักขุญาณก็ดี มโนมยิทธิก็ดี ถ้าเขาใช้เป็นนะ เขาไปได้เร็วมาก


แต่ถ้าใช้ไม่เป็นพอทะนงตนเผลอตนเดี๋ยวพังแล้ว ลงนรกแหง อย่างพระเทวทัตมีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศได้เหาะไปเหาะมาลงนรกไปเลย ลงอเวจีไปใช่ไหม


ทำตนให้หมดกิเลส


เพราะฉะนั้นพวกที่ศึกษาในด้านนี้จะต้องรู้ว่า เขามีไว้ให้ฝึกเพื่อทำตนให้หมดกิเลสไม่ใช่ฝึกไว้เพื่อเที่ยวเพื่อความสนุก ไอ้เที่ยวเขาเที่ยวเพื่อการศึกษาไม่ใช่เที่ยวสนุก


อย่างลงไปนรกนี่ไปถามเขาว่าไปทำกรรมอะไรมาจึงมานรก และก็ไปสอบถามเขาด้วยว่า ไอ้ขุมนี้ๆๆฉันเคยมาบ้างหรือเปล่า มาแล้วกี่ครั้ง ทำอะไรแล้วจึงมา มันจะได้สอนตัวเองเขาไปกันอย่างนั้นนะ


ไม่ใช่ไปในฐานะเป็นผู้แทนใครต่อใครพ่อฉันตายไปอยู่ที่ไหน แม่ฉันตายไปอยู่ที่ไหน


ถ้าทำแบบนั้นละก็เสร็จไม่ช้าก็เสีย เพราะว่าหนักๆเข้ามีคนยกย่อง หนักๆเข้าก็คิดว่าตัวดีน่ะซิ คิดว่าตัวดีเมื่อไรก็เลวเมื่อนั้น นี่เขาจะต้องฝึกไว้ใช้ประโยชน์อย่างนี้





Rank: 1

สาธุค่ะ

Rank: 1

อนุโม ทนา สาธุ

‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-12-1 02:29 , Processed in 0.042779 second(s), 14 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.