โปรไฟล์ของ มารน้อยแบ่งปัน http://dannipparn.com/?10617

ฝากข้อความ

facelist

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถฝากข้อความ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก


สันติภาพ 2013-7-3 17:08
สวัสดีครับ ท่านมารน้อย และเพื่อนๆๆทุกท่านครับ
มารน้อย 2013-7-3 15:28
ยินดีครับ คำถามมันไม่ได้ไรสาระหลอกครับผมเข้าใจแต่ผมว่าน่าจะเป้นคำถามอื่นน่าจะเหมาะกว่า
ณัฐดนัย 2013-7-3 07:53
ขอบคุณครับที่แนะนำ และขอโทษกับคำถามทีไร้สาระของผม และขอขมาท่านผู้นั้นด้วยนะครับ และผมขอคำแนะนำที่ดีๆของคุณต่อไปนะครับ อนุโมทนาบุญของคุณด้วยนะครับ อนุโมทนาสาธุครับ สาธุ
มารน้อย 2013-7-2 21:50
จะดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวรูู้ครับ คงไม่ได้ครับเรื่องถามท่านต้องเข้าใจก่อนนะว่าท่านเป็นใคร ผมเป็นใครผมคงไม่อาจเอื่อมไปถามท่านได้ครับ ท่านเองก็งานยุ่งผมไม่อยากรบกวนท่าน หากเรื่องที่สำคัญน้อย หรือไม่สำคัญกับมนุษย์โลกผมคงไม่กล้าเข้าไปถามครับ
มารน้อย 2013-7-2 19:39
ขอบคุณครับ
มารน้อย 2013-7-2 16:37
ดีชั่วอยู่ที่จิตของคนคนนั้นครับผมตอบได้เท่านี้นะ  คุณณัฐดนัยครับต้องเข้าใจด้วยว่าท่านเป็นใคร ผมเป็นใคร จะเข้าไปพบท่านด้วยเรื่องที่สำคัญน้อยๆ ผมเกรงว่าท่านจะไม่สะดวกครับเพราะงานของท่านเยอะมาก เข้าใจผมด้วย
pimnuttapa 2013-7-2 16:28
มารน้อย: สวัสดีครับยินดีที่รู็จักครับ
สวัสดีค่ะ ยินดีที่รู้จักเช่นกันค่ะ ติดตามอ่านบทความของคุณมารน้อยอยู่ได้ประโยชน์ข้อคิดหลายอย่าง แต่ไม่ได้โพส แต่ก็เป้็นกำลังใจให้คุณมารน้อยเผยแพร่ธรรมทานแก่บุคคลอื่นต่อไปเรื่อยๆนะคะ โมทนาบุญทุกประการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคตค่ะ  
ณัฐดนัย 2013-6-30 13:26
คุณมารน้อยครับ คุณสามารถไปถามท่านยมบาลให้กระผมได้หรือปล่าวครับ ว่าผมยังมีความเลวอะไรอยู่บ้างที่ควรแก้ไขโดยด่วนก่อน แล้วที่ลดหลั่นลงมาจนไม่ต้องไปรับโทษทันอีกครับ ถ้าท่านจะช่วยบอกผมนะครับ สาธุครับ
กำไร 2013-6-28 21:44
เป็นไงบ้างมารน้อย สบายดีหรือเปล่า ยังไงก็พักผ่อนบ้างนะ รักษาสุขภาพด้วยล่ะ เป็นห่วงนะ สู้สู้จ้ะ อย่าลืม วันนี้คุณแจกบุญแล้วหรือยัง...
มารน้อย 2013-6-27 21:53
สังโยชน์ 10
            1) นักปฏิบัติเพื่อมรรคผล ที่ท่านปฏิบัติกันมาและได้รับผลเป็นมรรคผลนั้น ท่านคอยเอา สังโยชน์ เข้าวัดอารมณ์เป็นปกติ เทียบเคียงกับสังโยชน์ว่า เราตัดอะไรได้เพียงใด แล้วจะรู้ผลปฏิบัติตามอารมณ์ที่ละนั้นเอง ไม่ใช่คิดเอาเองว่า เราเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ตามแบบคิด ตามแบบเข้าใจเอาเอง
            2) สำหรับญาติโยมพุทธบริษัท ที่ปฏิบัติพระกรรมฐาน จะได้ทราบอารมณ์ของจิตว่าท่านทั้งหลายทำเวลานี้ถึงไหนแล้ว ความจริงก่อนที่จะบรรลุมรรคผล พระพุทธเจ้าไม่ทรงสรรเสริญ แต่ว่าพระพุทธเจ้าเองท่านทรงยืนยัน ท่านเป็นพระพุทธเจ้าเป็นภาระของท่าน แต่ว่าบุคคลใดเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ อันนี้ท่านทรงยืนยัน อันนี้จำเป็น
            แต่ว่าส่วนใหญ่พระสาวกก็จะไม่ยืนยัน คือ ว่าจะแนะนำให้เข้าใจเอง ฉะนั้นสำหรับญาติโยมพุทธบริษัทก็เช่นเดียวกัน อาตมาก็ขอนำ สังโยชน์ 10 มาเป็นเครื่องวัดกำลังใจ
            สังโยชน์ 10 ประการ 3 ข้อ เป็นคุณธรรมของพระโสดาบันหรือสกิทาคามี คือ
                 - สักกายทิฏฐิ สำหรับพระโสดาบันกับพระสกิทาคามี ตัวนี้เป็นตัวปัญญานะ เป็นตัวตัดกิเลสทั้งหมด แต่ว่า พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า พระโสดาบันก็ดี พระสกิทาคามีก็ดี มีปัญญาเล็กน้อย มีสมาธิเล็กน้อย แต่มีศีลบริสุทธิ์ ศีลบริสุทธิ์นี่ตามฐานะ ถ้าฆราวาสก็คือศีล 5 คือ ศีล 5 เป็นสำคัญ ยังไม่ถือศีล 8 ถ้าถือศีล 8 เป็นพระอนาคามี คือว่าถ้ามีศีล 5 บริสุทธิ์แน่นอน แล้วก็ใช้ได้ สักกายทิฏฐิ ถ้าญาติโยมมีความคิดอยู่เสมอว่าชีวิตต้องตาย เราไม่ประมาทในชีวิต หมายความว่าพยายามหลบความชั่ว คือบาปไว้เสมอ
                - วิจิกิจฉา ไม่สงสัยในความดีของพระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์
                - สีลัพพตปรามาส รักษาศีล 5 เคร่งครัด แล้วก็ขอแถมอีกนิด
                - อุปสมานุสสติกรรมฐาน นึกถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์ ถ้าจิตทรงตัวอย่างนี้ได้จริง ขอให้ทราบว่า พระพุทธเจ้าทรงเรียกผู้นั้นว่า พระโสดาบัน หรือ สกิทาคามี วัดใจเอาเองก็แล้วกันนะ
            3) สังโยชน์ทั้ง 10 ถ้าท่านพิจารณาวิปัสสนาญาณแล้ว จิตค่อย ๆ ปลดอารมณ์ที่ยึดถือได้ครบ 10 อย่าง โดยไม่กำเริบอีกแล้ว ท่านว่าท่านผู้นั้นบรรลุอรหัตตผล เครื่องวัดอารมณ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสจำกัดไว้อย่างนี้ ขอนักปฏิบัติจงศึกษาไว้ แล้วพิจารณาไปตามแบบ ท่านสอนเอาอารมณ์มาเปรียบเทียบกับสังโยชน์ 10 ทางที่ดีควรคิดเอาชนะกิเลสคราวละข้อ เอาชนะให้เด็ดขาด แล้วค่อยเลื่อนเข้าไปทีละข้อ ข้อต้น ๆ ถ้าเอาชนะไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งเลื่อนไปหาข้ออื่น ทำอย่างนี้จะได้ผลเร็วเพราะข้อต้นหมอบแล้ว ข้อต่อไปไม่ยากเลย จะชนะหรือไม่ชนะ ก็ข้อต้นนี่แหละ เพราะเป็นของใหม่ และมีกำลังครบถ้วนที่จะต่อต้านเรา ถ้าด่านหน้าแตก ด่านต่อไปง่ายเกินคิด ขอให้ข้อคิดไว้เพียงเท่านี้
            4) เราจะต้องมีสติอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสติตัวสำคัญ นั่นคือ จะต้องมีความรู้สึกว่า
                - สักกายทิฏฐิ อัตภาพร่างกายนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา เราจะไม่มีการติดอกติดใจอยู่ในร่างกายของเรา และร่างกายของบุคคลอื่น เราถือเสมือนว่าร่างกายเป็นสภาวะอันหนึ่ง ๆ หรือ บ้านเช่าที่เราใช้อาศัยอยู่ชั่วคราวเท่านั้น
                - วิจิกิจฉา เราไม่สงสัยในคำสั่งและคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช้ปัญญาพิจารณาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระชินวรอยู่เสมอ
                - สีลัพพตปรามาส เราจะรักษาศีลให้ครบถ้วนไม่ลูบคลำศีล
                - กามฉันทะ เป็นฉันทะ เป็นภัยสำหรับเรา เราพยายามหาทางทำลายกามฉันทะให้พินาศไปจากจิต
                - เราจะตัดปฏิฆะ คือ ความกระทบกระทั่งกับอารมณ์ของจิต ด้วยอำนาจความโกรธ ความพยาบาทให้สิ้นไป
                - เราจะไม่หลงใหลใฝ่ฝันติดอยู่เฉพาะในรูปฌาน
                - เราจะต้องไม่ติดอยู่เฉพาะในอรูปฌาน ใช้ปัญญาใคร่ครวญ พิจารณาศีลของเราให้เป็นปกติ อย่าให้มันด่าง มันพร้อย มันขาดทะลุ อย่าให้มันบกพร่อง ถ้ามีปัญญาเสียอย่างเดียว ไม่มีอะไรยาก และก็ใช้ปัญญาพิจารณาว่าร่างกายของตน ร่างกายของสัตว์ ที่เรียกว่า รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส เอาร่างกายคนก็แล้วกัน คนก็ดี สัตว์ก็ดี วัตถุก็ดี มันสกปรกหรือสะอาดให้ พิจารณาใน กายคตานุสสติ และอสุภกรรมฐาน หาความจริงในร่างกายของคนและสัตว์ แม้แต่ของเราให้ได้ว่ามันมีอะไรน่ารักตรงไหน มันมีอะไรยืนยงคงทนตรงไหน มันมีสภาวะทรงตัว หรือว่ามันสลายตัวไปในที่สุด ต้องเอาชนะอารมณ์นี้ให้ได้นะ อย่าไปติดในตัวรักไม่ได้ ต้องเป็นตัวคลายความรัก
            แล้วก็พิจารณาอารมณ์ที่เราโกรธ อารมณ์ที่กระทบกระทั่ง คือ ปฏิฆะ อารมณ์ที่เข้ามากระทบกระทั่งสร้างความไม่พอใจ มันเป็นประโยชน์ มันเป็นประโยชน์อะไร จึงไม่พอใจในบุคคลอื่น ที่เขากล่าวอย่างนั้น เขาทำอย่างนั้น เราก็ใช้ปัญญาพิจารณาว่าเราไม่พอใจ ที่เราโกรธเขา ที่เราเกลียดเขาคิดอาฆาตมาดร้ายเขา เพราะเรามันเลว ถ้าเราดีเสียอย่างเดียว ถ้าใครเขาจะว่าอะไร มันก็ไม่หนัก ที่พระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า นินทา ปสังสา นินทาและสรรเสริญเป็นของธรรมดาของโลก เขาสรรเสริญเราว่าดี ถ้าเราเลว มันก็ไม่ดีไปตามคำที่เขาพูด เขานินทาว่าเราเลว ถ้าเราดี เราก็ไม่เลวไปตามเขาพูด
                - มานะ เราจะตัดมานะความถือตัวถือตน ว่าเราดีกว่าเขา เราเสมอเขา เราเลวกว่าเขาให้หมดไป นึกไว้เสมอนะ อย่าลืมไม่ได้ และก็ใช้ปัญญาพิจารณาต่อไปว่า การที่เราจะยึดถือตัวตน ถือเรา ถือเขา ถือพวก ถือหมู่ ถือคณะ ว่าเราดีกว่าเขา เราเลวกว่าเขา เราเสมอเขา มันไม่มีประโยชน์ คนเกิดแก่ เจ็บ ตาย เหมือนกัน ไม่ควรจะเอาอะไรเข้าไปเปรียบเทียบ ให้เป็นการแข่งขัน หรือถ่อมเกินไป ไม่ควรคิด คิดว่าทุกคนเกิดมาก็แก่เหมือนกัน ป่วยเหมือนกัน ตายเหมือนกัน รักสุขเหมือนกัน เกลียดทุกข์เหมือนกัน เราเป็นเพื่อนกันได้แบบสบาย จะเสมอหรือไม่เสมอ จะดีกว่า จะสูงกว่า จะต่ำกว่าฉันไม่รู้ รู้อย่างเดียวว่า ฉันเป็นมิตรที่ดีของท่าน เท่านี้พอ
                - อุทธัจจะ ใช้ปัญญาเข้าควบคุมกำลังใจว่าอารมณ์ใดที่จะเกิดขึ้นนั้น เราไม่ต้องการ เรามุ่งเฉพาะพระนิพพานอย่างเดียว
                - อวิชชา ใช้ปัญญาจำแนกแจกลงไปว่า อวิชชาตัวเกาะ เกาะในอารมณ์ที่เป็นอนุสัย ยังมีความหลงใหลใฝ่ฝัน ท้อแท้อยู่ในความคิดว่า
            ถ้าเราเป็นพระอนาคามีเราก็มีความสบาย ไม่ควรจะมีความทะเยอทะยานมากเกินไปให้มันเหนื่อย ก็ใช้ปัญญาสอนมันว่า ถ้าสิ่งใดก็ตามที่เรายังไม่ทำสำเร็จกิจ เราก็จะต้องทำต่อไป ไหน ๆ เมื่อเวลามันมีก็ทำลายให้มันพินาศไปให้มันหมดกิจไปเสีย ขึ้นชื่อว่ากิเลสทั้งหมด อย่าให้ปรากฏว่ามีในจิต
            5) อารมณ์ที่จะพึงสนใจมากที่สุด หรือโดยตรงนั้นคือ สังโยชน์ 10 ตัวตัดอยู่ตรงนี้ เราจะทำอะไรก็ตาม ถ้าไม่สามารถตัดสังโยชน์ได้แม้แต่หนึ่ง ก็ไม่มีผลในการปฏิบัติ เหนื่อยมาเกือบตาย กิเลสก็ยังท่วมตัวอยู่ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ไม่มีเวลาจำกัดก็แย่ บางท่านที่มีความฉลาด เริ่มปฏิบัติไม่กี่วันก็สามารถกำจัดกิเลส เข้าถึงเขตแห่งความเป็นความเป็นพระอริยเจ้าได้ อันนี้ได้กำไรมาก
(ผมยืมเขามาครับจากเวปพลังจิต)
yuiflukefo 2013-6-27 17:11
อาจารย์คะ สังโยชน์ 10 คืออะไร วันจันทร์จะมาอ่านคำตอบนะคะ
พรุ่งนี้เบี้ยวงาน 1 วัน
มารน้อย 2013-6-26 13:04
การที่เรานำธรรมะหรือคำแนะนำของท่านมาปฏิบัติสิ่งนั้นไม่ผิดแต่ประการใดครับ การที่เรานับถือท่านเป็นครููอาจารย์ ก็ไม่ผิดครับ อาจารย์ที่แนะนำเราได้หากท่านอยู่ใกล้ๆเราก็สามารถแก้ปัญหาได้ครับหากเราพบปัญหา
ณัฐดนัย 2013-6-25 20:45
การที่เรานำคำสั่งสอนของหลวงพ่อต่างๆมาปฏิบัติแม้จะหลายหลวงพ่อบ้าง แต่เรายอมรับและนับถือความดีของท่าน เราจะถือเอาเองว่าท่านเป็นครูได้หรือไม่ครับ คุณมารน้อยครับ  ส่วนอาจารย์คือผู้ที่อยู่ใกล้สามารถแนะนำวิธีปฏิบัติให้ถูกให้ตรงใช่ไหมครับ
ณัฐดนัย 2013-6-24 20:37
วันนี้ผมกลับก่อนนะครับ ค่อยคุยกันใหม่นะครับ ช่วยแนะนำด้วยนะครับ มีอะไรที่คิดว่าผมไม่ควรช่วยบอกผมตรงๆเลยนะครับ ผมยินดีรับคำแนะนำ และไม่โกรธ ไม่เคืองด้วยนะครับ พูดจากความรู้สึกในใจจริงๆ สาธุครับ
ณัฐดนัย 2013-6-24 19:26
ขอบคุณครับที่ช่วยรับผมไว้ ผมยินดีรับคำแนะนำและคำสอนนะครับ ช่วยเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ผมได้ก้าวสู่กระแสพระนิพพานด้วยนะครับ สาธุครับ
กำไร 2013-6-21 20:35
พี่ยังมีชีวิตอยู่จ้ะ และก็คอยติดตามผลงานของมารน้อยอยู่เสมอนะ และสัญญา ว่าจะคอยเป็นกำลังใจให้มารน้อยตลอดไป สู้สู้นะ
สมประสงค์ 2013-6-20 23:52
สวัดดึครับยินดีทึ่ได้รู้จักครับ
มารน้อย 2013-6-18 17:31
ยินดีครับ
จิดาภา 2013-6-18 15:50
ขอบคุณที่ตอบค่ะ เพราะปกติเวลาไปซอยสายลม ส่วนมากจะถวายชุดละ 2000 บาท ไม่เคยถวายชุดละร้อย
หลายๆชุดค่ะ
มารน้อย 2013-6-18 14:08
ตอบคุณจิดาภา จากคำถามที่ได้ถามมา ทำให้ผมรู้สึกสำคัญอย่างไรไม่รูู้เนาะ เพราะมาที่นี่ พึงมีคำถามให้ตอบครับ ซึ่งต่างจากพุทธามหาเวทย์ เอ้านอกเรื่องแล้ว  จากคำถามที่ถามมาว่าการถวายสังฆทานชุดละ 2000 บาท กับชุดละ100 บาท 20 ชุดมีความแตกต่างกันในเรื่องของบุญหรือเปล่า และแบบไหนบุญมากกว่ากัน  อันนี้ ตอบได้เลยครับเพราะคำถามนี้ผมถูกถามมาแล้ว และพิสูจน์มาแล้ว  ความแตกต่างนั้นมีแน่นอนครับ ถ้าเทียบกันชิ้นต่อชิ้นปริมาณของบุญจะไม่เท่ากันชิ้นที่มีมูลค่ามากจะมีปริมาณบุญมากกว่า เพราะสาเหตุอันเนื่องมาจากความยากในการกระทำเพราะของที่มีมูลค่ามากย่อมตัดสินใจสละมากกว่าของที่มีมูลค่าน้อย  แต่เมื่อมาเปรียบเทียบกันด้วยจำนวน ของที่มีมุลค่าน้อย แต่มีปริมาณมาก แบบนี้จะได้บุญมากกว่า ของที่มีมูลค่ามากแต่จำนวนน้อย  ส่วนการอุทิศบุญนั้นไม่เหมือนกันครับ ถ้าอธิบายคงยาว ผมขอสรุปว่าการทำบุญไม่ว่าจะมีมูลค่ามากหรือน้อยไม่สำคัญครับ แต่สำคัญที่ความบ่อยของการทำบุญมากกว่าครับ

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-28 01:38 , Processed in 0.028246 second(s), 8 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.