โปรไฟล์ของ ณัฐดนัยแบ่งปัน http://dannipparn.com/?10764

ฝากข้อความ

facelist

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถฝากข้อความ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก


ณัฐดนัย 2013-9-17 20:45
อนุโมทนาสาธุครับ สาธุครับ อ่านในเน็ตใช่ไหมครับ ขออนุโมทนาบุญทุกๆบุญของคุณสมประสงค์ด้วยนะครับ อนุโมทนาสาธุครับ สาธุ
สมประสงค์ 2013-9-17 14:05
ณัฐดนัย: อนุโมทนาสาธุครับ สาธุ
ช่วงนี้อยู่กะกลางคีน หาอ่าน ประวัติอาจาร และ การสอนสมาธิของแต่ละอาจาร จนเข้าไปเจอ ของวัดท่าฃุง อาจารฤษีลิงดำ ท่านสอนกรรมะฐาน แบบจริงจังชัดเจน และยังคาดโทษ ถัาไม่สำเร็จ แบบเป็นตอนๆ ละเอียดมาก ลองเข้าไปดูชิครับ อนุโมทนาสาธุเช่นกันครับ
zero 2013-9-16 18:56
ณัฐดนัย: สาธุครับ ช่วยแนะนำการปฏิบัติด้วยนะครับ อนุโมทนาสาธุครับ สาธุ ...
     สาธุ ผมยังเป็นผู้อ่อน ด้อยเรื่องธรรม  ช่วยกันแนะนำดีกว่า ครับ
chai-aroon 2013-9-15 19:32
ณัฐดนัย: สวัสดีครับท่าน ไม่ทราบว่าท่านเป็นพระใช่ไหมครับ สาธุครับ ...
ใช่โยม อาตมาเป็นพระสายวัดป่า (วัดผาจอมนาง) เชียงคาน จ.เลย
ณัฐดนัย 2013-9-15 17:06
ต้องทำการล้างจิตเจตสิก โดยภาวนาว่า "เนวะสัญญา นาสัญญา ยะตะนะ" ข้าพเจ้าไม่ขอมีเวรกับผู้หนึ่งผู้ใดอีกต่อไป แล้วกล่าวอีกรอบว่า "เนวะสัญญา นาสัญญา ยะตะนะ" ทำแบบนี้เรื่อยจนมันล้างได้ มันจะไม่ปรากฏอีกเลยในเวรในกรรม และมั่นทำนั่งนิ่งนึกถึงกรรมที่เราเคยทำก็ "เนวะสัญญา นาสัญญา ยะตะนะ" จนกว่าจะนึกไม่ได้ แปลว่ามันไม่ได้อยู่ใน เจตสิกของเราแล้ว
ณัฐดนัย 2013-9-15 16:39
แล้วถ้าเราอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเขาจะได้รับไหมคะ...?5 |/ V5 Q# W; }2 P- ]8 B) ~7 o
2 S& l9 G  O$ I! o+ y
คือว่าอุทิศส่งไปให้เขาจะได้รับหรือไม่ได้ก็ตาม 8 m5 q6 y, ^. x" F" ?. u' h
บุญที่เราทำเป็นผลให้เกิดความสุข ไอ้กรรมต่างๆ ที่เป็นอกุศลที่เราทำไปแล้ว เราไปยั้งมันไม่ได้ , Q& k! Y& A& [' a  c
แต่ทว่าถ้าเราทำกรรมดีมีกำลังเหนือมันก็กวดไม่ทันเหมือนกัน
(หลวงพ่อน่าจะสอนให้รุ้จัก  วางอุเบกขา  ทุกคนย่อมตกอยู่ใต้กฎของกรรม  เราทำบุญย่อมได้บุญแล้ว ถ้าฟุ้งซ่านมากไปกำลังบุญจะลดตัว หลวงพ่อของเรา มีบุญมากมาย  ก็ยังต้องตกอยู่ใต้ กฎของกรรม คือป่วยเป็นปรกติ)$ ]; j. S, m4 q3 @6 n3 i
6 }3 Y9 P4 p0 Y
) H* Q9 f& |. ^/ b1 V! D
สำหรับตอนที่สองให้โมทนา
ท่านบอกว่าเวลาอุทิศอุทิศส่วนกุศลน่ะ ขอบอกให้ผมเป็นพยานด้วย
ท่านบอกว่าลูกหลานของท่าน ก็คือลูกหลานของผม และมันก็ไม่แน่นักหรอก
บางทีไปอยู่สำนักผมมันอาจจะลืมก็ได้ เขาอาจจะนึกถึงบุญไม่ออก
ถ้านึกถึงบุญไม่ออก ถ้านึกไม่ออกก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องปล่อยให้ตกนรก, p2 ^+ _# |& X! I" b, m: K
หากว่าถาม 3 เที่ยวนึกไม่ออก( f: i; h# a9 G$ O5 P4 B5 y
ผมจะได้ประกาศว่า นี่เขาเคยบอกฉันไว้ เวลาทำบุญเขาบอกให้ฉันเป็นพยาน , W7 u3 u, I* S. _$ `* }' }+ X
แล้วก็ประกาศกุศลนั้น ก็ได้ไปสวรรค์1 p. Y# s. B- F
/ H" d1 x: m" ]. S+ w
( ทีนี้ถ้าคนอุทิศบุญกุศล ฉลาดซักหน่อย  ก็ให้ฝาก ท่านลุงพยายามราชไว้ ถ้าบังเอิญ เขาตาย จะต้องผ่านสำนักพยายม ท่านพยายมราชจะได้เป็นพยานบุญให้ แล้วก็อย่าลืมให้ท่านพยายมราช เป็นพยานบุญของตัวเอง ด้วยนะ ครับ ดูตัวอย่างพระเทวทัต ได้ อภิญญา5  ยังลงอเวจีได้เลย ถ้ายังไม่ได้เป็นพระอริยะเจ้า ก็อย่าประมาท ครับ )
5 p) c! ?( W1 S* G. F* x) Q
: C9 H) A" v: r
การแผ่ส่วนกุศล# m' P0 j0 p3 L9 [  [4 T+ `+ ?
4 G, }4 N, R/ c* V
"การแผ่ส่วนกุศลไปให้แก่บิดามารดา ท่านจะได้รับผลไหมคะ...?"6 A  x) l$ }- `! k" Z& w
( w$ S7 M5 d! s9 _
การได้รับส่วนกุศลนี่ ถ้าหากท่านมีโอกาสโมทนา ท่านก็ได้รับ& h- e5 C- h+ W- c2 \
ถ้าท่านไม่มีโอกาสโมทนาก็ไม่ได้รับ ' M: W% E  f( B! T! }: s- j# v/ q4 |
: H# o* [" C* z% `& j; k
เหมือนเราเอาสิ่งของไปให้แก่ผู้รับเขาไม่รับ เขาจะได้ไหม
ถ้าพวกเขาอยู่ในนรก ไฟไหม้ทั้งวัน ถูกสรรพาวุธสับฟันทั้งวัน
ถ้าเราเอาขนมไปให้กิน เขากินได้ไหม?
"ไม่ได้ค่ะ"* m+ J% Y) y- f. ~
(เปรต  11 จำพวก ยังถูกไฟนรก เผาอยู่  ถ้าเราเอาไฟมาเผาตัวเรา   แล้วมีคนเอา ขนมมาให้เรา กิน เราจะกินได้ ไหม ...)# v5 }0 i, `/ |* ~9 R1 c) a

หมายเหตุ  คัดลอกมาเป็น บางส่วน จาก ข้อมูลที่ลงไว้ ข้างบน  ควรย้อนกลับไปอ่าน ข้อมูล ช้าๆ ให้ละเอียด  จะได้ รับ ข้อมูล ที่ครบถ้วน  คัดลอกมาเพื่อ ตอบ คำถามเป็น ข้อๆๆ ครับ
สมประสงค์ 2013-9-14 18:44
ณัฐดนัย: อนุโมทนาสาธุครับ สาธุ ได้พยายามไปแล้วก็ดีกว่ายังไม่ได้พยายามนะครับ ส่วนผมไม่ ...
อนุโมทนาสาธุ  ทำแบบคุณดีแล้วครับ สายกลาง จะพยายามเท่าใด ก็ไม่พ้นกิเลท เพราะเราต้องทำงานมากกว่าการปัติบัด ขออนุโมทนาบุญเช่นกันครับ สาธุ
สมประสงค์ 2013-9-13 15:48
ณัฐดนัย: สาธุครับ ขอให้เขาทั้งสามได้ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ด้วยเทอญ อย่างน้อยก่อนตายก็ได้ ...
สวัดดีครับ ช่วงนี้คอมพัง พอช่อมเส็จ นายช่างเข่าก็จัดระบบชอฟเวอร์ใหม่ เพี่อควบคุมสัณญาณอินเตอรเน็ท ช่วงนั้นกูเกิลเข้าไม่ได้ เลยวางแผนลาหยุดงานวันอังคารที่ผ่านมาเป้าหมาย เมี่องชล เข้าอางศิลา และขึ้นเขาสำนักสงที่ศรีราชาเตรียมท่องคาถาปักกลดพล้อมจัดเต็นสัมภาระครบชุดเหวียงขึ้นท้ายรถ เตรียมเดินทาง แต่แม่บ้าน เบร็กอย่างแรงแกคิดว่าผมจะไปสำนักสงที่สุพรรน เข้าค่ายธรรมที่นั่น พอมารู้ว่าจะไปเมี่่องชลแก บ่นเป็นชุดเพราะ ปีใหม่สงกรานร์ไปทุกปีอยู่แล้ว งานนี้ฟาวไป พอนีกถีง อโรคายาที่คุน ณัฐดนัย เคยถามมา เตรียมมอเตอรไชยคันโปรดพล้อมกล้องและเต้นอืก กะถึงอโรคยา 5โมง ออกจากบ้าน 4 โมงก็น่าจะทัน มองท้องฟ้าไปทางปิ่นเกล้าว เห็นเม็กฝนมา กะเจ้ารถเพี่อนยาก คงพาไปทัน ไนสภาพไอ้บ้าหอบฟาง วิงไปเข้า 345 ขี้นสะพานเข้าบรมราชชนนี โอพระเจ้าฝนตกหนัก มีดฟ้ามัวดิน ทุลักทุเลมัวดินเลยคับ แล้วคิดดูในกรุงเทพฝนตกรถติดอย่างหนัก และที่สำคัญลีมแผนที่เข้าอโรคยา เอาละโทรห่า (ว่าที่กิก่อนเพาะเขาสนิทอาจารวิเชียร)โถพอเชาบอกตำแหน่ง โอพระเจ้าเลยมาหลายสิบกิโลแล้ว ช่วงนั้นทุ่มแล้วด้วย เชี่อใหมเส็นทางนี้ผมเคยวิ่งมาจนพรุนไปหมดแล้ว แต่มาวันผมหลงทาง หาทางออกเส็นทางนี้ไม่ได้ ต้องถามเส็นทางออกเขาแล้วก็ออกบลมราชชนณีได้ช่วงนีฝนตกรถติดหนักได้ยินเสียงรถร่วมกตันญู วิ่งมาอีกหน่อย เจอครับ รถปิกเบียดชนกัน 2 คันเลยไปอืกมีศพคนนอนตายอยู่ ไม่กล้ามอง ใจหวิวแทบแย่ เป็นไงความตั่งใจล้มหมดและต้องตั่งจิตอฐิฐานแผ่ส่วนกุศลให้เขาด้วย เฮ้อ เล่ามาชะยาวเท่านี้ก่อนนะครับ  ขออนุโมทนาสาธุครับ
จิดาภา 2013-9-12 20:50
ณัฐดนัย: สาธุครับ ไม่ต้องถามใครแล้วครับผมเชื่อคุณจิดาภาครับ อนุโมทนาสาธุด้วยนะครับ สา ...
เรื่องศีล๘ดิฉันอยากให้ถามท่านอื่นดีกว่าค่ะ แต่หากต้องการหนังสือคู่มือการปฏิบัติกรรมฐาน หรือหนังสือธรรมมะวัดท่าซุง ฝากที่อยู่มานะคะดิฉันจะจัดส่งไปให้ ดิฉันมีหนังสือมากมายค่ะ ก่อนเจริญอานาปานัสสติ ให้หายใจเข้า-ออกยาวๆสัก๓-๕ครั้งเพื่อไล่ลมหยาบ แล้วค่อยดูลมตามธรรมดาค่ะ
ณัฐดนัย 2013-9-12 20:48
ในการ "เบิกบุญ" ต้องเข้าใจว่า บุญเราไปอยู่ที่ไหน บุญไปอยู่ที่สังสารวัตหน้า หรือภพหน้า เหมือนชาตินี้ เรากินบุญชาติก่อน แล้วบุญก็ฝังอยู่จิตเจตสิกของเรา และบุญก็ถูกบัญทึกใน สามภพ คือ ยมโลก เทวโลก พรหมโลก เช่น ถ้าเราทำบุญด้านกรรมฐาน ก็จะลิ้งค์ไปที่ พรหมโลก โดยมีท่านท้าวมหาพรหมดูแลอยู่ เป็นต้น เพราะฉะนั้นในการจะเบิกบุญต้องอธิษฐานจิตว่า "ขอบุญที่กระทำ ณ โอกาสนี้ ที่จะส่งไปยังภพหน้า จงมาสำเร็จแก่ข้าพเจ้าในชาติปัจจุบันด้วยเทอน" ด้วยการอธิษบานจิตนี้่บุญก็จะส่งกลับมาทำให้เกิดความคล่องตัวปราถนาอะไรสำเร็จ แต่เราเองก็อย่าเบิกจนเพลินไม่ทำต่อหละ ก็ต้องทำต่อยอดให้มากยิ่งขึ้น ...
ส่วนการ "อุทิศบุญ" นั้นเราจะอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรคนอื่นไม่ได้ ตามหลักการคือ เขาไม่รู้จักเรา แล้วจะเอาของที่เราให้ได้อย่างไร เพราะคนที่เขารู้จักคือ แม่เรา เพราะฉะนั้น เราทำบุญต้องบอกให้แม่เรารับรู้ก่อน แล้วให้แม่เราอุทิศต่อ แบบนี้ถึงจะถูก เจ้ากรรมนายเวรของใครของมัน ก็ชดใช้กันไปอุทิศกันไป เหมือนเราเอาเงินให้แม่ แล้วแม่ก็เอาเงินนั้นถือว่าเป็นของแม่ ไปใช้หนี้กับคนที่แม่เป็นหนี้ คือ เจ้ากรรมและนายเวร นั้นเอง ส่วนเจ้ากรรมนายเวรของเรา เราต้องฉลาดหน่อย ต้องอธิษฐานกำหนดจิตบอกว่า "ขอบุญใดที่จะเกิดกับข้าพเจ้ามากน้อยเพียงใด ขอบุญนั้นจงสำเร็จแด่เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าเช่นกัน ขอให้มีความสุข ในทุกๆ ครั้งที่ข้าพเจ้าทำบุญ ถึงแม้จะลืมอุทิศด้วยจิตที่กำหนดในเจตสิกนี้ จงเป็นไปโดยอัตโนมัติ" เมื่อกำหนดแบบนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะลืมอุทิศเพราะเรากำหนดจิตและสั่งจิตล่วงหน้าแล้ว และมั่นดับจิตเจตสิก โดยกำหนดว่า "เนวะสัญญา นาสัญญา ยะตะนะ ข้าพเจ้าไม่ขอมีเวรมีกรรมต่อผู้ใดอีกต่อไป ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป" แบบนี้เรียกว่ากำหนดดับจิตเจตสิก


วิธีการดับจิตเจตสิก
เวลาเรานั่งๆ ไปก็นึกถึงเวรกรรมที่ได้ทำ แล้วก็กำหนดลบจิตเจตสิกไปว่า
"เนวะสัญญา นาสัญญา ยะตะนะ ข้าพเจ้าไม่ขอมีเวรมีกรรมต่อผู้ใดอีกต่อไป ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป" ทำแบบนี้จนมันนึกไม่ออกทำยังไงก็นึกไม่ออกแบบนี้ กรรมที่ติดในเจตสิกของเราก็ได้ หายไปแล้วดับไปแล้ว ทำบ่อยๆ ก็มีแต่กรรมดีเข้าสนอง ก็ทำให้เรามีความสุข
จิดาภา 2013-9-11 11:27
ณัฐดนัย: สวัสดีครับ สบายดีไหมครับ ขออนุโมทนาบุญในการปฏิบัติธรรมของคุณจิดาภาด้วยนะครับ ...
สวัสดีค่ะ คุณณัฐดนัย ดิฉันคิดว่าการเจริญอานาปานัสสติของคุณไม่ถูกค่ะ การเจริญอานาปานัสสติคือการกำหนดรู้ลมหายใจเข้า-ออก เราอาจใช้วิธีกำหนด๓ฐานก็ได้ โดยเมื่อลมกระทบจมูกจิตก็รู้ว่าลมกระทบจมูก กระทบหน้าอก จิตก็รู้ว่ากระทบหน้าอก ลมกระทบศูนย์เหนือสะดือ ก็รู้ว่ากระทบศูนย์เหนือสะดือ หรือใช้วิธีรู้ลมเข้าก็รู้ ลมออกก็รู้ ขณะนี้ลมเข้ายาวหรือสั้น ออกยาวหรือสั้นก็รู้ มิใช่บังคับลมหายใจยาวๆ จะได้เห็นชัดๆ เพราะร่างกายเราจะต้องการออกซิเจนไม่เท่ากัน บางครั้งก็หายใจยาว บางครั้งก็หายใจสั้น เมื่อจิตละเอียดขึ้น ก็จะรู้ว่าเรากำลังจะหายใจเข้า เรากำลังจะหายใจออก หากคุณไม่แน่ใจในการแนะนำของดิฉันลองถามคุณมารน้อย webmaster หรือท่านอื่นๆก็ได้ค่ะ หากคุณใช้การบังคับลมการเจริญสติของคุณจะไม่ก้าวหน้า การเจริญสมาธิอย่าสนใจอาการทางกาย ให้ดูจิตของเราว่าเบา สบายไหม มีความสว่างไหมอย่าสนใจอาการทางกายเลยค่ะ แล้วจิตคุณจะก้าวหน้าขึ้น ขอให้คุณมีความสุขมากๆค่ะ
ณัฐดนัย 2013-9-10 17:45
คนบ้าอย่าถือ             คนดื้ออย่าสอน
คนจรอย่าคบ             คนประจบอย่ารัก
คนทักอย่านิ่ง             คนจริงอย่าหน่าย
คนอายอย่าล้อ           คนมาง้ออย่าโกรธ
คนโฉดอย่าเข้าใกล้     คนตายอย่ากลัว
              คนชั่วอย่านำพา
Teerapat 2013-9-8 10:12
ณัฐดนัย: สาธุครับ ขอบคุณครับ ผมว่าคุณแม่ของผมรักผมมากครับ แต่ถ้าพูดเรื่องธรรมะถ้าเกิน  ...
สาธุครับ แค่ได้เริ่มก็ดีแล้ววครับ อนุโมทนาเช่นกันครับ มีเวลาอยู่กับท่านก็ดีแล้วนะครับ ผมเอง มีแต่โทรศัพท์คุยหนะครับ ส่งให้แต่เงิน คุณโชคดีกว่าผมอีก นะครับ อนุโมทนาครับ
ณัฐดนัย 2013-9-5 16:49
"พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน"

พุทธโอวาทก่อนปรินิพพานนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานแก่พระอานนท์ผู้เป็นพระอุปัฏฐากและพระภิกษุคราที่ทรงปรงพระชนมายุสังขารออกเดินทางด้วยพระบาทเปล่าจากปาวาลเจดีย์ไปยังกรุงกุสินาราสถานที่ปรินิพพานตลอดพระชนมชีพ พระพุทธเจ้าหาได้ทรงท้อแท้หรือเหน็ดเหนื่อยต่อการเผยแพร่ธรรมไม่ยังทรงประกาศพระธรรมอันประเสริฐที่ทรงค้นพบด้วยพระองค์เองแก่พุทธบริษัท 4ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้คราเมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาถึงปาวาลเจดีย์ ได้ประทับอยู่ใต้ต้นไม้ที่มีเงาครึ้มต้นหนึ่งโดยมีพระอานนท์หมอบลงที่พระบาทมูลแล้วทูลว่า
  
“ ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ขอพระองค์อาศัยความกรุณาแก่ข้าและหมู่สัตว์จงดำรงพระชนมชีพต่อไปอีกเถิดอย่าเพิ่งด่วนปรินิพพานเลย ”กราบทูลเท่านี้แล้วพระอานนท์ก็ไม่ทูลอะไรต่อไปอีกเพราะโศกาดูรท่วมท้นหทัย“

"อานนท์เอ๋ย ” พระศาสดาตรัสพร้อมทอดทัศนาการไปเบื้องหน้าอย่างสุดไกลลีลาอันเด็ดเดี่ยวฉายออกมาทางพระเนตรและพระพักตร์ “เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ตถาคตกลับใจตถาคตจะต้องปรินิพพานในวันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขะ อีกสามเดือนข้างหน้านี้ อานนท์เราได้แสดงนิมิตโอภาสอย่างแจ่มแจ้งแก่เธอพอเป็นนัยมาไม่น้อยกว่า 16 ครั้งแล้วว่าคนอย่างเรานี้มีอิทธิบาทภาวนาที่ได้อบรมมาด้วยดีถ้าประสงค์จะอยู่ถึงหนึ่งกัปป์หรือมากกว่านั้นก็พออยู่ได้ แต่เธอหาเฉลียวใจไม่ได้ทูลอะไรเราเลยเราตั้งใจไว้ว่าในคราวก่อนๆนั้นถ้าเธอทูลให้เราอยู่ต่อไปเราจะห้ามเสียสองครั้งพอเธอทูลครั้งที่สามเราจะรับอาราธนาของเธอแต่บัดนี้ช้าเสียแล้ว เรามิอาจกลับใจได้อีก”

“ อานนท์เอ๋ย ” บัดนี้สังขารอันเป็นเหมือนเกวียนชำรุดนี้เราได้สละแล้วเรื่องที่จะดึงกลับมาอีกครั้งหนึ่งนั้นไม่ใช่วิสัยแห่งตถาคต....บุคคลย่อมต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พึงใจเป็นธรรมดาหลีกเลี่ยงไม่ได้ อานนท์เอ๋ย ชีวิตนี้มีความพลัดพรากเป็นที่สุดสิ่งทั้งหลายมีความแตกดับไปสลายไปเป็นธรรมดาจะปรารถนามิให้เป็นอย่างที่มันควรจะเป็นนั้นเป็นฐานะที่ไม่พึงหวังได้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปเคลื่อนไปสู่จุดสลายตัวทุกขณะ ”

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ศีลเป็นพื้นฐานที่รองรับคุณอันยิ่งใหญ่ประหนึ่งแผ่นดินเป็นสิ่งที่รองรับและตั้งลงแห่งสิ่งทั้งหลาย เป็นต้นว่าพฤกษาลดาวัลย์มหาสิงขรและสัตว์จตุบททวิบาทนานาชนิด บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้นใจย่อมอยู่สบายมีความปลอดโปร่งเหมือนเรือนที่บุคคลปัดกวาดเช็ดถูเรียบร้อย ปราศจากเรือดและฝุ่นเป็นที่รบกวน ”

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ศีลนี้เองเป็นพื้นฐานให้เกิดสมาธิ คือ ความสงบใจ สมาธิที่มีศีลเป็นเบื้องต้นเป็นสมาธิที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก บุคคลผู้มีสมาธิย่อมอยู่อย่างสงบ เหมือนเรือนที่มีฝาผนังมีประตูหน้าต่างปิดเปิดเรียบร้อย มีหลังคาป้องกันลม แดดและฝน ผู้อยู่ในเรือนเช่นนี้ ฝนตกก็ไม่เปียกแดดออกก็ไม่ร้อนฉันใด บุคคลผู้มีจิตเป็นสมาธิก็ฉันนั้น ย่อมสงบอยู่ได้ไม่กระวนกระวายเมื่อลม แดดและฝนกล่าวคือโลกธรรมแผดเผา กระพือพัดซัดสาดเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่าสมาธิอย่างนี้ย่อมก่อให้เกิดปัญญาในการฟาดฟันย่ำยี และเชือดเฉือนกิเลสอาสวะให้เบาบางและหมดสิ้นไป ”

“ อันว่าจิตนี้เป็นธรรมชาติที่ผ่องใสอยู่โดยปกติ แต่เศร้าหมองไปเพราะคลุกเคล้าด้วยกิเลสนานาชนิด ศีลสมาธิและปัญญา เป็นเครื่องฟอกจิตให้ขาวสะอาดดังเดิม จิตที่ฟอกด้วยศีล สมาธิและปัญญาย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งปวง ”

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาทางทั้งหลาย มรรคมีองค์ 8 ประเสริฐที่สุด บรรดาบททั้งหลายบท 4 คืออริยสัจประเสริฐที่สุด บรรดาธรรมทั้งหลาย วิราคะ คือ การปราศจากความกำหนัดยินดี ประเสริฐที่สุดบรรดาสัตว์สองเท้า พระตถาคตเจ้าผู้มีจักษุประเสริฐที่สุด มรรคมีองค์ 8นี่แลเป็นไปเพื่อทัศนะอันบริสุทธิ์ หาใช่ทางอื่นไม่ เธอทั้งหลายจงเดินไปตามทางมรรคมีองค์ 8 นี้อันเป็นทางที่ทำมารให้หลงติดตามมิได้ เธอทั้งหลายจงตั้งใจปฏิบัติเพื่อทำทุกข์ให้สิ้นไปตถาคตเป็นเพียงผู้บอกทางเท่านั้น เมื่อปฏิบัติดังนี้พวกเธอจักพ้นจากมารและบ่วงแห่งมาร”
--------------------------------------------

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอจงมองดูโลกนี้โดยความเป็นของว่างเปล่า มีสติอยู่ทุกเมื่อ ถอนอัตตานุทิฐิ คือความยึดมั่นเรื่องของตนเสีย ด้วยประการฉะนี้เธอจะเบาสบายคลายทุกข์คลายกังวลไม่มีความสุขใดยิ่งกว่าการปล่อยวางและการสำรวมตนอยู่ในธรรม ”

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไม่มีความสุขใดเสมอด้วยความสงบ ความสุขชนิดนี้สามารถหาได้ด้วยตัวเรานี้เองตราบใดที่มนุษย์ยังวิ่งวุ่นแสวงหาความสุขจากที่อื่น เขาจะไม่พบความสุขที่แท้จริงเลยมนุษย์ได้สร้างสรรค์สิ่งต่างๆขึ้นไว้เพื่อให้ตัวเองวิ่งตามแต่ก็ตามไม่เคยทันการแสวงหาความสุขโดยปล่อยใจให้ไหลเลื่อนไปตามอารมณ์ที่ปรารถนานั้นเป็นการลงทุนที่มีผลไม่คุ้มเหนื่อยเหมือนบุคคลลงทุนวิดน้ำในบึงใหญ่เพื่อต้องการปลาเล็ก ๆ เพียงตัวเดียวมนุษย์ส่วนใหญ่มัววุ่นวายอยู่กับเรื่องกาม เรื่องกินและเรื่องเกียรติ จนลืมนึกถึงสิ่งหนึ่งซึ่งสามารถให้ความสุขแก่ตนได้ทุกเวลา สิ่งนั้นคือดวงจิตที่ผ่องแผ่ว เรื่องกามเป็นเรื่องที่ต้องดิ้นรนเรื่องกินเป็นเรื่องที่ต้องแสวงหา เรื่องเกียรติเป็นเรื่องที่ต้องแบกไว้ภาระที่ต้องแบกเกียรติเป็นเรื่องที่ใหญ่ยิ่งของมนุษย์ผู้หลงตนว่าเจริญแล้วในหมู่ชนที่เพ่งแต่ความเจริญทางด้านวัตถุนั้น จิตใจของเขาเร่าร้อนอยู่ตลอดเวลาไม่เคยประสบความสงบเย็นเลย เขายินดีที่จะมอบตัวให้จมอยู่ในคาวของโลกอย่างหลับหูหลับตาเขาพากันบ่นว่าหนักและเหน็ดเหนื่อย พร้อมๆกันนั้นเขาได้แบกก้อนหินวิ่งไปบนถนนแห่งชีวิตอย่างไม่รู้จักวาง”

“ ภายในอาคารมหึมาประดุจปราสาทแห่งกษัตริย์ มีลมพัดเย็นสบายแต่สถานที่เหล่านั้นมักบรรจุไปด้วยคนที่มีจิตใจเร่าร้อนเป็นไฟอยู่เป็นอันมากภาวะอย่างนั้นจะมีความสุขสู้ผู้มีใจสงบที่อยู่โคนไม้ได้อย่างไร ”

“ ความสุขนั้นอยู่ที่ความรู้สึกทางใจเป็นสำคัญ อย่างพวกเธออยู่ที่นี่มีแต่ความพอใจแม้กระท่อมจะมุงด้วยใบไม้ ก็มีความสุขกว่าอยู่ในพระราชฐานอันโอ่อ่าแน่นอนทีเดียวคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนี้มิใช่คนใหญ่คนโต แต่เป็นคนที่รู้สึกว่าชีวิตของตนมีความสุขสงบเยือกเย็น ปราศจากความเร่าร้อนกระวนกระวาย ”

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลาภและยศนั้นเป็นเหยื่อของโลกที่น้อยคนนักจะสละละวางได้ จึงแย่งลาภและยศกันอยู่เสมอเหมือนปลาที่แย่งเหยื่อกันกิน แต่หารู้ไม่ว่าเหยื่อนั้นมีเบ็ดเกี่ยวอยู่ด้วยหรือเหมือนไก่ที่แย่งไส้เดือนกัน จิกตีกัน ทำลายกันจนพินาศกันทั้งสองฝ่าย น่าสังเวชสลดจิตยิ่งนักถ้ามนุษย์ในโลกนี้ลดความโลภลง มีการเผื่อแผ่เจือจานโอบอ้อมอารี ถ้าเขาลดโทสะลง มีความเห็นอกเห็นใจกันมีเมตตากรุณาต่อกัน และลดโมหะลง ไม่หลงงมงาย ใช้เหตุผลในการตัดสินปัญหาและดำเนินชีวิตโลกนี้จะน่าอยู่อีกมาก แต่ช่างเขาเถิดหน้าที่โดยตรงและเร่งด่วนของเธอ คือ ลดความโลภความโกรธและความหลงของเธอเองให้น้อยลง แล้วจะประสบความสุขเยือกเย็นขึ้นมาก เหมือนคนลดไข้ได้มากเท่าใดความสบายกายก็มีมากขึ้นเท่านั้น ”

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ยิ่งเจริญก็ดูเหมือนจะมีเสรีภาพน้อยลงทั้งทางกายและทางใจดูแล้วความสะดวกสบายและเสรีภาพของมนุษย์ยังสู้สัตว์เดรัจฉานบางประเภทไม่ได้ที่มันมีเสรีภาพที่จะทำอะไรตามใจชอบอยู่เสมอ ดูอย่างเช่น ฝูงวิหกนกกา มนุษย์เราเจริญกว่าสัตว์ตามที่มนุษย์เราเองชอบพูดกันแต่ดูเหมือนพวกเราจะมีความสุขน้อยกว่าสัตว์ ภาระใหญ่จะที่ต้องแบกไว้ คือ เรื่องกาม เรื่องกินและเรื่องเกียรติ สัตว์เดรัจฉานตัดไปได้อย่างหนึ่งคือเรื่องเกียรติ คงเหลือแต่เรื่องกามและเรื่องกินนักพรตอย่างพวกเธอนี้ตัดไปได้อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องกาม คงเหลือแต่เรื่องกินอย่างเดียวแต่การกินอย่างนักพรตกับการกินของผู้บริโภคกามก็ดูเหมือนจะบริโภคแตกต่างกันอยู่ผู้บริโภคกามและยังหนาแน่นอยู่ด้วยโลกียวิสัย บริโภคเพื่อยุกามให้กำเริบจะต้องกินให้มีเกียรติกินให้สมเกียรติ มิได้กินเพียงเพื่อให้ร่างกายนี้ดำรงอยู่ได้อย่างสมณะความจริงร่างกายคนเราไม่ได้ต้องการอาหารอะไรมากนัก เมื่อหิวก็ต้องการอาหารบำบัดความหิวเท่านั้นแต่เมื่อมีเกียรติเข้ามาบวกด้วย จึงกลายเป็นเรื่องกินอย่างเกียรติยศ และแล้วก็มีภาระตามมาอย่างหนักหน่วงคนจำนวนมากเบื่อเรื่องนี้แต่จำเป็นต้องทำ เหมือนโคหรือควายซึ่งเหนื่อยหน่ายต่อแอกและไถแต่จำใจต้องลากมันไป อนิจจา ”

------------------------------------------

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เครื่องจองจำที่ทำด้วยเชือก เหล็กหรือโซ่ตรวนใดๆเราไม่กล่าวว่าเป็นเครื่องจองจำที่แข็งแรงทนทานเลย แต่เครื่องจองจำ คือ บุตรภรรยาและทรัพย์สมบัตินี่แลตรึงมัดรัดผูกสัตว์ให้ติดอยู่ในภพอันไม่มีที่สิ้นสุด เครื่องผูกที่ผูกหย่อนๆคือ บุตร ภรรยาและทรัพย์สมบัตินี่เอง รูป เสียง กลิ่น รสและโผฏฐัพพะเป็นเหยื่อของโลกเมื่อบุคคลยังติดอยู่ในรูปเป็นต้นนั้น เขาจะพ้นจากโลกมิได้เลย ”

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย กลิ่นดอกไม้กลิ่นจันทน์ไม่สามารถหอมหวนทวนลมได้แต่กลิ่นแห่งเกียรติคุณความดีงามของสัตบุรุษนั้นแล สามารถจะหอมไปได้ทั้งตามลมและทวนลมคนดีย่อมมีเกียรติคุณฟุ้งขจรไปได้ทั่วทุกทิศ กลิ่นจันทน์แดง กลิ่นอุบล กลิ่นดอกมะลิจัดว่าเป็นดอกไม้กลิ่นหอม แต่ยังสู้กลิ่นศีลไม่ได้ กลิ่นศีลยอดเยี่ยมกว่ากลิ่นทั้งมวลถ้าภิกษุหวังจะให้เป็นที่รักที่เคารพ เป็นที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจารีแล้วพึงเป็นผู้ทำตนให้สมบูรณ์ด้วยศีลเถิด ”

“ สัตว์โลกเมื่อเกิดมาย่อมนำความทุกข์ติดตัวมาด้วย ตราบใดที่เขายังไม่สลัดความพอใจในสังขารออกความทุกข์ก็ย่อมติดตามไปเสมอ เหมือนโคที่ยังมีแอกเกวียนครอบคออยู่ ล้อเกวียนย่อมติดตามไปทุกฝีก้าว ”

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติของจิตเป็นสิ่งดิ้นรนกลับกลอกง่าย บางคราวปรากฏเหมือนช้างตกมันพวกเธอจงเอาสติเป็นขอเหนียวรั้งช้าง คือจิตที่ดิ้นรนนี้ให้อยู่ในอำนาจบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดและควรแก่การสรรเสริญนั้นคือผู้ที่สามารถเอาชนะตนของตนเองไว้ในอำนาจได้สามารถเอาชนะตนเองได้ ผู้ชนะตนได้ชื่อว่าเป็นยอดนักรบในสงคราม เธอทั้งหลายจงเป็นยอดนักรบในสงครามเถิดอย่าเป็นผู้แพ้เลย ”

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้อดทนต่อคำล่วงเกินของผู้สูงกว่าก็เพราะความกลัวอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้เสมอกันเพราะเห็นว่าพอสู้กันได้แต่ผู้ใดอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้ซึ่งด้อยกว่าตนได้ เราเรียกความอดทนนั้นว่าสูงสุด ผู้มีความอดทน มีเมตตาย่อมเป็นผู้มีลาภ มียศ อยู่เป็นสุข เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ”

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อลืมตาขึ้นดูโลกเป็นครั้งแรกเราก็ร้องไห้พร้อมกำมือไว้แน่นเป็นสัญลักษณ์ว่าเกิดมาเพื่อจะหน่วงเหนี่ยวยึดถือ แต่เมื่อจะหลับตาลาโลกนั้นทุกคนแบมือออกเหมือนจะเตือนให้ผู้อยู่เบื้องหลังสำนึกและเป็นพยานว่าเขามิได้เอาอะไรไปด้วยเลย ”

“ เมื่อหัวใจยึดไว้ด้วยความรัก หัวใจนั้นจะสร้างความหวังขึ้นอย่างเจิดจ้า แต่ทุกครั้งที่เราหวังความผิดหวังก็จะรอเราอยู่ ”

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาว่าไม้จันทน์แม้จะแห้งก็ไม่ทิ้งกลิ่น อัศวินก้าวลงสู่สนามก็ไม่ทิ้งลีลาอ้อยแม้เข้าสู่เครื่องยนต์แล้วก็ไม่ทิ้งรสหวาน บัณฑิตแม้ประสบความทุกข์ก็ไม่ทิ้งธรรม ”

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความตระหนี่ลาภเป็นความโง่เขลา เหมือนชาวนาที่ตระหนี่ไม่ยอมหว่านพันธุ์ข้าวลงในนาข้าวเปลือกที่หว่านลงแล้วหนึ่งเมล็ดย่อมให้ผลหนึ่งรวงฉันใด ทานที่บุคคลทำแล้วก็ฉันนั้นย่อมมีผลมากผลไพศาล คนดีมีทรัพย์แล้วย่อมบำรุงมารดา บิดา บุตร ภรรยา บ่าวไพร่ให้เป็นสุขบำรุงสมณะพรหมาจารย์ให้เป็นสุข เปรียบเสมือนสระโบกขรณีอันอยู่ไม่ไกลจากบ้านหรือนิคม มีท่าลงเรียบร้อยสะอาดเยือกเย็น น่ารื่นรมย์ มหาชนย่อมได้อาศัย นำไปอาบดื่มและใช้สอยตามต้องการโภคทรัพย์ของคนดีย่อมเป็นดังนี้ หาอยู่โดยเปล่าประโยชน์ไม่ ”

“ การเสียสละนั้น คือการได้มาซึ่งผลอันเลิศในบั้นปลาย ผู้ไม่ยอมเสียสละอะไรย่อมไม่ได้อะไร จงดูเถิดมนุษย์ทั้งหลายรดน้ำต้นไม้ที่โคนแต่ต้นไม้นั้นย่อมให้ผลที่ปลาย ”

“ บุคคลไม่ควรประมาทว่าบุญหรือบาปเพียงเล็กน้อยจะไม่ให้ผลหยาดน้ำที่ไหลลงทีละหยดยังทำให้แม่น้ำเต็มได้ฉันใด การสั่งสมบุญหรือบาปเพียงเล็กน้อยก็ฉันนั้นผู้สั่งสมบุญย่อมเปี่ยมล้นไปด้วยบุญ ผู้สั่งสมบาปย่อมเพียบแปล้ไปด้วยบาป ”

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันร่างกายนี้สะสมแต่ของสกปรกโสโครก มีสิ่งปฏิกูลไหลออกจากทวารทั้งเก้ามีช่องหูช่องจมูก เป็นต้น เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เล็กสัตว์น้อย เป็นป่าช้าแห่งซากสัตว์นานาชนิด เป็นรังแห่งโรคเป็นที่เก็บโรค อุปมาเหมือนถุงหนังซึ่งบรรจุเอาสิ่งโสโครกต่างๆเข้าไว้แล้วซึมออกมาเสมอๆเจ้าของกายจึงต้องชำระล้าง ขัดถูวันละหลายๆครั้ง เมื่อเว้นจากการชำระล้างแม้เพียงวันเดียวหรือสองวันกลิ่นเหม็นก็ปรากฏเป็นที่น่ารังเกียจ เป็นของน่าขยะแขยง ”

“ ดูกรอานนท์ บิณฑบาตทานที่มีอานิสงส์มาก มีผลไพศาล คือ เมื่อนางสุชาดาถวายเราก่อนตรัสรู้ครั้งหนึ่งและอีกครั้งหนึ่งที่จุนทะถวายนี้ ครั้งแรกเสวยอาหารของสุชาดาแล้วตถาคตก็ถึงซึ่งกิเลสนิพพานครั้งหลังนี้เสวยอาหารของจุนทะบุตรนายช่างทอง แล้วเราก็นิพพานด้วยขันธ-นิพพาน คือ ดับขันธ์อันเป็นวิบากที่ยังเหลืออยู่ ถ้าใครๆจะพึงตำหนิจุนทะ เธอพึงกล่าวให้เขาเข้าใจตามนี้ถ้าจุนทะพึงจะเดือดร้อนใจ เธอพึงกล่าวปลอบให้เขาหายกังวลใจเสียอาหารของจุนทะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายสำหรับเรา ”

“ อานนท์เอ๋ย พึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่าธรรมวินัยอันใดที่เราได้แสดงแล้ว บัญญัติแล้วขอให้ธรรมวินัยอันนั้นจงเป็นศาสดาของพวกเธอแทนเราต่อไป ”

“ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแห่งเราแล้ว เราขอเตือนพวกเธอทั้งหลายให้จำมั่นไว้ว่าสิ่งทั้งปวงมีเสื่อมและสิ้นไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด ”

"ย่างเข้าปัจฉิมยาม ณ ใต้ต้นสาละคู่แห่งกุสินารานครมีพระผู้มีพระภาคเจ้าพึงปรินิพพานอยู่ในที่นั้นและพรั่งพร้อมด้วยพุทธบริษัทเนืองแน่นเป็นปริมณฑลทอดไกลสุดสายตา พระธรรมที่พระองค์ทรงพร่ำสอนมาตลอดพระชนมชีพว่าสัตว์ทั้งหลายมีความตายเป็นที่สุดนั้น เป็นสัจธรรมที่ไม่ยกเว้นแม้แต่พระองค์เอง
จิดาภา 2013-8-29 01:22
ณัฐดนัย: อนุโมทนาสาธุครับ สบายดีไหมครับ เงียบไปนะครับ เป็นอะไรหรือปล่าวครับ ถ้าปฏิบัติ ...
วันนี้มีคำสอนของพระที่ตรัสแก่หลวงพ่อว่า "ทีนี้ คนไหนที่ต้องการจะไปพระนิพพาน ก็เป็นของไม่ยาก สัพพเกสี ให้เขาคิดเห็นว่า โลกนี้ทั้งโลก ไม่มีอะไรที่เราชอบ ไม่มีอะไรที่เรารัก เราไม่รักอะไร เราไม่ชอบอะไรในโลกนี้ แม้แต่ร่างกายของเราเองเราก็ไม่ชอบไม่รัก เพราะมันเต็มไปด้วยความทุกข์ เต็มไปด้วยความทรมาน แล้วให้ใคร่ครวญหาความจริงในโลก จะเป็นสิ่งที่มีชีวิตหรือเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิตก็ตาม มันมีสภาพคงตัวได้ตลอดกาลหรือเปล่า ถ้ามันมีการเปลี่ยนแปลงมีการสลายตัว ก็ถือว่านี่โลกทั้งโลกหาความดีไม่ได้ แล้วก็หันมาคิดถึงกายของตัวว่า กายของเราเองนี่มันยังจะตาย ยังจะพัง เราจะยังปรารถนาอะไรภายนอกอีก เราไม่ต้องการ เราจะไปพระนิพพาน เขาคิดเท่านั้นเพียงคืนละ๑นาทีนะ สัพพเกสีนะ ลูกหลานของเธอพ้นนรกหมด พ้นอบายภูมิ อย่างน้อยก็กามาวจรสวรรค์ อย่างกลางก็ไปพรหมโลก อย่างดีก็ไปพระนิพพาน"  (ขอให้มีความเพียรในการปฏิบัติธรรม อย่าย่อท้อ เป็นกำลังใจให้นะ สู้ สู้ )
Teerapat 2013-8-27 00:31
ณัฐดนัย: สวัสดีครับ คุณแม่ท่านสบายดีครับ แล้วคุณ Teerapat ละครับวันแม่นี้ ทำอะไรดีๆบ้างครั ...
วันแม่ไม่ได้อะไรมากครับ ผมกับแม่คุยกันบ่อย ก็พูดเรื่องธรรมะ โต้ตอบให้เห็นมากกว่าครับ ยกตัวอย่างเหตุการปัจจุบัน เปรียบเทียบกับข้อธรรมบางข้อที่เราพูดได้ ขอให้ดูแลแม่ดีๆเช่นนี้ตลอดไปครับ อนุโมทนาครับ ท่านก็คงดีใจหละ แต่อาจไม่แสดงออก ในส่วนลึกของท่าน
Teerapat 2013-8-27 00:30
ณัฐดนัย: สวัสดีครับ คุณแม่ท่านสบายดีครับ แล้วคุณ Teerapat ละครับวันแม่นี้ ทำอะไรดีๆบ้างครั ...
วันแม่ไม่ได้อะไรมากครับ ผมกับแม่คุยกันบ่อย ก็พูดเรื่องธรรมะ โต้ตอบให้เห็นมากกว่าครับ ยกตัวอย่างเหตุการปัจจุบัน เปรียบเทียบกับข้อธรรมบางข้อที่เราพูดได้ ขอให้ดูแลแม่ดีๆเช่นนี้ตลอดไปครับ อนุโมทนาครับ ท่านก็คงดีใจหละ แต่อาจไม่แสดงออก ในส่วนลึกของท่าน
สมประสงค์ 2013-8-26 12:22
ณัฐดนัย: อนุโมทนาสาธุครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ แม้จะได้เห็นแค่ครั้งเดียวก็เป็นบุญม ...
สวัดดีครับคุณ ณัฐดนัย คุณถ่อมตัวเก่งจริงๆๆครับ เป็นคนเก็บความลับได้ และมีความความคิดอ่าน การไกล  ใจเย็นลุ่มลึก และชอบช่วยเหลีอผู้อี่นอยู่เสมอ และมีใจจิตรคิดทาง + กับเพี่อนทุกคน การปัติบัดของผมไม่รีบ และหาอ่านประวัติของอาจารสายกรรมฐานมากๆตั่งแต่โปรมาอาจาร มั่น ภูนิทันโต สุดยอดอาจารสายกรรมฐาน ถ้าคุณอ่านประวัติท่านแล้ว อยากบวขตามท่านไปด้วยเลย ผมอ่านของอาจารวิริยัง เป็นผูัเขียน และอาจารดังๆ ทั่วประเทศ เป็นศิตษสายต่อมาจากท่านทั้งนั้น ท่านยังบอกว่าใครทำใครก็ได้ๆมากน้อยขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ถ้าสุขทำเถอะครับ อนุโมทนาสาธุ
Mettatham 2013-8-26 09:27
ณัฐดนัย: สวัสดีครับยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ถ้ามีคำแนะนำในการปฎิบัติธรรมผมยินดีรับฟัง ...
ยินดีที่ได้รู้จัก ขออนุโมทนาบุญในกุศลจิตของท่านณัฐดนัย ด้วยเทอญ
สมประสงค์ 2013-8-24 15:15
ณัฐดนัย: อนุโมทนาสาธุครับ ยิ่งรู้อย่างนี้ผมยิ่งไม่เอาไหนเลยครับ ถ้าจะเอาจริงๆเวลาว่าง ...
อนุโมทนาสาธุ องคคุลีมาลฆ่าคนมากถึง 999 เขาตาลายเห็นแม่เป็นคนสุดท้าย ตามที่ศิดพี่หลอกมาแม้พระพุทรเจ้าก็ไม่เว้น หลังชึ้งรสพระธรรม ออกบวช อิตหินดินถูกปาใส่ถูกด่าสาปแช่งสารพัดจากญาติพี่น้องที่ถูกฆ่า เป็นพระอรหันได้ แล้วเราบาปบุณคุณโทษ มันอยู่ในไจ เข้าใจง่ายๆ การเจิรญกรรมฐานของเรา เหมีอนเปิดสนามรบ สนามรบอยู่ในกายเรา อาวุธที่เราใช้รบ คีอ ศีล สมาธิ ปัญญา ศัตรูของเรา ตัวนิวร 5ทั้งหมด เมี่อเราจะเริมรบ เราเอาสติไว้ไนจิตเราก่อน (ตรงนี้แหละที่ ทั้ง เดิน ยีน นั่ง นอน)กายเราจะมีประคูทวาร 6 รู ตา หู จมูก ปาก กาย ใจ ปิดรูทวารทั้ง 6 นี้ได้ จิตรก็จะเป็นสมาธิ มันเหมีอนสวรรมาก เบา เย็น โปร่ง สว่าง เมี่ออยู่ตรงนี้แล้วพยายามอยู่ไนความสุขนี้ให้นานทีสุด มันเข้าไม่ไดัง่ายและบ่อย หลังออกจากอารมนื้แล้ว อย่าเพิ่งออกจากสมาธิ ย้ายจิตรเข้าไปในร่างของตัวเองฉีกเนี้อออกมาพืจารณาจนถีงกระดูก แยกให้เป็น ธาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ  ในอารมณนี้ทำกลับไปกลับมาบ่อยๆๆ ที่เล่ามานี้ เข้าไปได้ครังเดียวเองครับ ขอกุศลผลบุญช่วยให้คุญพบความสุขนี้ด้วยครับอนุโมธนาสาธุ

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-28 03:31 , Processed in 0.026079 second(s), 8 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.