แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: pimnuttapa
go

วัดบ้านปาง ม.๑ ต.ศรีวิชัย อ.ลี้ จ.ลำพูน [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

IMG_6514.JPG



IMG_6145.JPG



IMG_6182.JPG



ต้นโพธิ์ใหญ่ วัดบ้านปาง


IMG_6209.JPG



DSC01578.JPG



IMG_6261.JPG



IMG_6215.JPG



รอยเท้าของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ประดิษฐานใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ วัดบ้านปาง



IMG_6281.JPG



รอยมือรอยเท้าของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ประดิษฐานใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ วัดบ้านปาง


IMG_6211.JPG


DSC01577.JPG



IMG_6275.JPG



รอยมือรอยเท้าของพระครูบาเจ้าอภิชัยขาวปี (วัดพระพุทธบาทผาหนาม อ.ลี้ จ.ลำพูน) ประดิษฐานใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ วัดบ้านปาง


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_6512.JPG



DSC01598.JPG



ศาลาครอบรอยมือรอยเท้าของพระครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา วัดบ้านปาง


IMG_6505.JPG



DSC01600.JPG



IMG_6496.JPG



รอยมือรอยเท้าของพระครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา (วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน) วัดบ้านปาง


IMG_6499.JPG



คำไหว้รอยมือรอยเท้าพระครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา
(ว่านะโม ๓ จบ) พระครูบา ชัยยะวงศา ภิกขุ หัฐ ปาทะ วาระยุตตะระ ปาทะ วรัง สิระสา นะมามิ อหัง อายุ วรรณัง สุกขัง พลัง



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_6515.JPG



IMG_5847.JPG



IMG_5851.JPG



IMG_6527.JPG



ทางไปอนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย พระนั่งองค์ใหญ่ พระนอนใหญ่ วัดบ้านปาง



IMG_6531.JPG



ข่วงป๋าระมีธรรมพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ๑๓๖ ปี๋ (๑๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๗) นักบุญอมตะแห่งล้านนาไทย วัดบ้านปาง


"ยินดีต้อนรับ

สู่ดินแดนนักบุญล้านนา

ไหว้สาปารมี ๑๓๖ ปี ครูบาเจ้าศรีวิชัย

๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๗

ณ วัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน"



IMG_6547.JPG



IMG_6556.JPG



IMG_6538.JPG



DSC01602.JPG



ปราสาททองอนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง

เป็นมณฑปปราสาทหินอ่อนครอบสถูปที่บรรจุอัฐิธาตุพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ตรงสถานที่มรณภาพของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย

พระอานันท์ พุทธธัมโม ดำเนินการสร้าง โดยความอุปถัมภ์ของคุณเชิดชัย-คุณศิริเพ็ญ วิไลลักษณ์ โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานประกอบพิธียกช่อฟ้าปราสาทหินอ่อน
และดร.ประกอบ หุตะสิงห์ องคมนตรี ประกอบพิธียกฉัตรปราสาทหินอ่อน ได้มีงานทำบุญฉลองสมโภชสถูปบรรจุอัฐิธาตุพระครูบาเจ้าศรีวิชัยและปราสาทหินอ่อน ในวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๔


IMG_6614.JPG



จิตรกรรมฝาผนัง ภายในปราสาททองอนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

DSC01605.JPG



สถูปพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ประดิษฐานภายในปราสาททองอนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง



IMG_6574.JPG



IMG_6575.JPG



IMG_6622.JPG



IMG_6634.JPG



สถูปพระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง

เป็นสถานที่มรณภาพและบรรจุอัฐิธาตุของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย โดยมีพระอานันท์ พุทธธัมโม จังหวัดพะเยา เป็นประธานดำเนินการสร้าง และพระธรรมปัญญาบดี เจ้าคณะภาค ๗ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กทม. เป็นประธานวางศิลาฤกษ์ โดยความอุปถัมภ์ของท่านอุบาสกกวงเม้ง ท่านอุบาสิกาปิติอร แซ่เล้า พร้อมครอบครัว และคณะบริษัท โอซีบี ๑๙๙๒ จำกัด


DSC01608.JPG



คำนมัสการพระครูบาเจ้าศรีวิชัย
(ตั้งนะโม ๓ จบ) อะยังวุจจะติ สิริวิชะยะจะนะ จะ มหาเถโร อุตตะมัง สีลัง นะระเทเวหิ ปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ มหาลาภา ภะวันตุเม อะหัง วันทามิ สัพพะทา อะหัง วันทามิ สิระสา อะหัง วันทามิ สัพพะโส สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ

...คำแปล...(ดังข้าพเจ้าจะกล่าวต่อไปนี้ พระมหาเถระเจ้ารูปใด ผู้มีนามว่าศรีวิชัย ผู้มีศีลอันอุดม ผู้อันนรชนและเหล่าทวยเทพทั้งหลายบูชาแล้ว ผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลทั้งปวง ด้วยการนอบน้อมนั้นเป็นปัจจัย ขอลาภอันใหญ่จงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขออภิวาทซึ่งพระมหาเถระเจ้ารูปนั้นตลอดกาลทั้งปวง ข้าพเจ้าขออภิวาทซึ่งพระมหาเถระเจ้ารูปนั้นด้วยเศียรเกล้า ข้าพเจ้าขออภิวาทซึ่งพระมหาเถระเจ้ารูปนั้นโดยประการทั้งปวง สาธุ สาธุ สาธุ (ดีละ ดีละ ดีละ) ข้าพเจ้าขออนุโมทนาฯ)


(เสร็จแล้วให้ตั้งจิตระลึกถึงพระครูบาเจ้าศรีวิชัย แล้วอธิษฐานตามกุศลเจตนา)



IMG_6592.jpg



IMG_6596.jpg



IMG_6606.JPG



หุ่นรูปเหมือนพระครูบาเจ้าศรีวิชัย จำลองตอนมรณภาพ ประดิษฐานภายในปราสาททองอนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง



IMG_6599.JPG



หุ่นรูปเหมือนพระครูบาเจ้าศรีวิชัย จำลองตอนมรณภาพ วัดบ้านปาง


พระครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย นักบุญอมตะแห่งล้านนาไทย มรณภาพ เมื่อวันอังคารที่ ๒๑ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๑ ปีขาล เวลาเที่ยงคืน ๕ นาที ๓๐ วินาที รวมสิริอายุ ๖๐ ปี ๘ เดือน ๑๐ วัน (ปรกติท่านพระครูบาเจ้าจะนอนหันหัวไปทางทิศใต้ คืนวันมรณภาพก็หันหัวไปทางทิศใต้)



IMG_6597.JPG



ประวัติย่อเหตุการณ์วันมรณภาพพระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง  


ในวันแรม ๑๓ ค่ำ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐ ท่านจึงเรียกบรรดาสานุศิษย์มาพร้อมหน้ากัน แล้วสั่งเสียว่า


"ท่านทั้งหลาย! เราเห็นจะไปไม่รอดแน่ อาการครั้งนี้หนักนัก ขอท่านทั้งหลายอย่าได้ละทิ้งการงานที่เราทำไว้ จงจัดการก่อสร้างการทำบุญ การทำคุณงามความดีให้สืบต่อกันไป เวลานี้อาการป่วยทำให้สังขารทรุดหนักทวีขึ้นทุกวัน และมันจะต้องแตกดับอย่างแน่นอน


ขอท่านทั้งหลายจงจำคำเตือนใส่ใจเอาไว้ ประพฤติปฏิบัติธรรมให้เกิดความเจริญและความสุขทั้งแก่ตัวเองและแก่เพื่อนร่วมโลกสืบต่อไป"


ขณะเดียวกันข่าวการอาพาธของท่านพระครูบาเจ้า ได้กระจายไปทั่วทุกมุมเมือง ข่าวนี้รู้ไปถึงเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน และข้าหลวงประจำจังหวัด ตลอดถึงชาวลำพูนทั้งหลาย ต่างก็ได้พร้อมกันประชุมปรึกษาหารือกันว่าจะทำประการใดดี เพราะต่างก็ห่วงใยในอาการป่วยของท่านพระครูบาเจ้า


ในการปรึกษาหารือครั้งนั้น ท่านเจ้าคุณวิมลญาณ เจ้าคณะจังหวัดลำพูน และบรรดาคณะสงฆ์ทั้งหลายพร้อมด้วยเจ้าจักรคำและทุกคนในที่นั้น มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า ไม่ควรทอดทิ้งให้ท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัยให้การรักษาตัวที่วัดบ้านปาง เพราะอาจจะเป็นอันตรายแก่ชีวิต และคณะสงฆ์ยินดีจะไปอาราธนาพระครูบาเจ้าศรีวิชัยจากวัดบ้านปาง


เมื่อปรึกษาหารือเป็นที่ตกลงกันแล้ว เจ้าคุณวิมลญาณ จึงได้ให้รวบรวมขบวนรถและรีบเดินทางออกจากจังหวัดลำพูนโดยรีบด่วน เมื่อถึงวัดบ้านปาง จึงอาราธนานิมนต์ท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัยเดินทางไปรักษาตัวที่จังหวัดลำพูน ท่านพระครูบาเจ้าท่านรู้ตัวดีว่าการรักษาคงไม่ได้ประโยชน์อะไรนัก แต่เมื่อเห็นเจตนาดีมีคณะสงฆ์และคนมากันจำนวนมากด้วยความหวังดี ท่านจึงตกลงรับคำ


ดังนั้นในวันแรม ๕ ค่ำ พุทธศักราช ๒๔๘๑ ขบวนอันยาวเหยียดก็เดินทางออกจากวัดบ้านปาง อำเภอลี้ ได้พักแรมไประหว่างทางค่อยๆ ไป ใช้เวลา ๕ วัน จึงถึงตัวเมืองลำพูน จึงได้รับการอาราธนานิมนต์พำนักรักษาตัวที่วัดจามเทวี มีทั้งหมอไทย หมอจีน หมอแขก หมอฝรั่ง ต่างก็ช่วยกันเยียวยารักษาอย่างดีที่สุด อาการก็ไม่ได้ดีขึ้น


ณ วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน การรักษาพยาบาลได้เป็นไปอย่างดีที่สุด แต่อาการของท่านมีแต่ทรุดกับทรง ไม่มีทีท่าว่าทุเลาลง ดังนั้นในวันแรม ๕ ค่ำ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๔๘๑ ท่านได้ขอร้องให้นำท่านกลับสู่วัดบ้านปาง บรรดาสานุศิษย์ได้ปฏิบัติตามโดยอาราธนานิมนต์ท่านขึ้นรถ เพื่อออกเดินทางท่ามกลางบรรดาผู้มีจิตศรัทธาตามส่งอย่างคับคั่ง


เมื่อถึงวัดบ้านปาง ท่านพักรักษาตัวอยู่ที่กุฏิในวัดบ้านปาง จนถึงวันแรม ๖ ค่ำ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๘๑ อาการป่วยของท่านหนักลง จนไม่สามารถจะพลิกตัวได้ โรคริดสีดวงทวารของท่านพระครูบาเจ้าเป็นรูทะลุถึง ๓ รู น้ำเหลืองไหลซึมอยู่ตลอดเวลา จนทำให้ท่านผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกหมดเรี่ยวแรง แต่ท่านก็ยังมีสติเป็นเยี่ยม ท่านได้มีรับสั่งให้สานุศิษย์นำเสลี่ยงมาหามท่าน นำท่านไปชมรอบบริเวณวัดแล้วออกไปนอกกำแพง


โดยก่อนหน้านั้น ท่านได้สั่งให้ปลูกกุฏิมุงด้วยหญ้าคาอยู่นอกเขตกำแพงวัด เมื่อขึ้นกุฏิแล้ว ท่านก็ให้เอาคนโทหลั่งน้ำ ประกาศต่อสานุศิษย์ว่า ขอมอบวัดวาอารามทั้งหมดนี้ให้อยู่ในความปกครองของสงฆ์สืบต่อไป ท่านพระครูบาเจ้ายังมีรับสั่งให้นายช่างชาวจีน ช่างประจำตัวของท่าน ชื่อนายช่างหลิ่ม ให้สร้างโลงศพและปราสาท ๕ ยอด นายช่างหนานสิระสา เป็นผู้ประดับดอกรดน้ำลายทองรอบโลงและปราสาท ๕ ยอด อย่างวิจิตรสวยงาม


และพระครูบาเจ้าท่านเคยพูดถึงโรคภัยไข้เจ็บของท่านว่า "เราเป็นโรคกรรมแต่อดีตมาตามทัน คือเมื่ออดีตชาติเราก็เคยเป็นพระได้ถือไม้เท้าปลายแหลม ๓ ง่าม ได้ไปแทงใส่ก้นกบตัวหนึ่งเข้า กบได้รับเวทนาจึงเป็นเวรแก่กัน เวทนาของเราเดี๋ยวนี้คงไม่ต่างอะไรกันกับกบตัวนั้น ถึงอย่างไรเราก็ปลงตกแล้ว ไม่ให้เป็นเวรเป็นภัยแก่กันอีกต่อไป เราหวังให้สิ้นภพสิ้นชาติ ขอให้เป็นพระโปรดโลกองค์หนึ่งในวันข้างหน้า เราจะละสังขารไปในเดือนนี้แล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายจงดูความวิปริตของท้องฟ้าไว้เป็นสัญญาณเถิด"


และท่านยังย้ำอีกว่า "หากเรามรณภาพแล้ว อย่าเอาซากศพของเราไว้ในเขตวัดเป็นอันขาด เพราะเป็นเขตของพระรัตนตรัย อย่าเอาซากศพอันเป็นของปฏิกูลไปตั้งวางยังสถานที่อันสูงส่งและบริสุทธิ์ และอย่าเอาศพของเราไว้ด้านทิศตะวันตกของวัด"


คืนวันแรม ๒ ค่ำ ดวงจันทร์มีเพียงเสี้ยวประดับฟ้ากลับดูลางเลือน ท้องฟ้าเหมือนมีพยัพเมฆมาบดบังดูมืดทะมึน อะไรกันนั่น! ท้องฟ้าที่เคยมีดวงดาวประดับกลับมืดทะมึน มองดูก้อนเมฆคล้ายอสูรร้ายมาจับกุมอย่างหนาแน่น ทุกคนที่มองดูท้องฟ้าในคืนวันนั้นด้วยความรู้สึกสะท้าน จริงหรือ? ที่ท่านพระครูบาเจ้าว่า จงดูความวิปริตของท้องฟ้าเป็นสัญญาณ อนิจจา!! มันถึงแล้วหรือนี้!


ความเงียบได้ครอบงำบ้านปางทุกหัวระแหง แมลงและสัตว์ที่หากินกลางคืนสงบเงียบไม่มีการส่งเสียง คล้ายกับมันกำลังสงบนิ่งไว้อาลัยอย่างสุดเศร้า ในกุฏิน้อยที่มุงด้วยหญ้าคาของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัยนั้นเล่า ร่างของท่านนอนเหยียดยาว ดวงตาหลับสนิท แต่ท่านก็ประคองสติให้ตั้งมั่นอยู่ในพุทธานุสติมิได้ขาด เสียงของท่านพูดออกมาอย่างอิดโรยและแผ่วเบาว่า


"ขอให้ธุเจ้าเอาธรรมมาเทศนาให้ฟังด้วย เราอยากฟังพุทธโอวาทเป็นครั้งสุดท้าย" ธรรมที่บรรดาสานุศิษย์นำมาเทศน์ทั้งหมด ๔ ผูก คือ


๑. ธรรมมังคละสูตร

๒. ธรรมโลกวุฒิ

๓. ธรรมบารมี

๔. ธรรมจักร


ขณะที่ท่านข่มโรคาพาธสงบจิตฟังธรรมเทศนาอยู่นั้น ท่านมักจะถามด้วยเสียงแหบแห้งแทบจะไม่ได้ยินว่า "ถึงเวลา ๑๒ โมงหรือยัง" ถามเช่นนี้เป็นระยะๆ นานๆ ครั้งจะได้ยินเสียงถอนหายใจและสะอึก อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงเวทนาอันแรงกล้าที่กำลังคุกคามตัวท่าน ถูกความอดทนคือขันติเข้าข่ม เป็นอาการถอนหายใจ พอท่านถามอีกครั้งได้รับคำตอบว่าใกล้เที่ยงคืนแล้ว ท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัยจึงโบกมือให้หยุดอ่านธรรมเทศนาผูกที่ ๔ ลง (พระครูบาตา เป็นผู้เทศนา) ซึ่งอ่านไปได้ครึ่งผูก


แล้วท่านพระครูบาเจ้าได้สำรวมจิตตั้งมั่นอยู่ในฌานสมาบัติ ร่างของท่านก็ได้นิ่งไม่ไหวติง มีแต่ลมหายใจเข้าออกอย่างแผ่วเบา และขาดหว้งเป็นระยะๆ ในที่สุดลมปราณก็ขาดออกจากร่างของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย นักบุญอมตะแห่งล้านนาไทย ในเวลาเที่ยงคืน ๕ นาที ๓๐ วินาที ตรงกับวันอังคารที่ ๒๑ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๘๑ ปีขาล รวมสิริอายุ ๖๐ ปี ๘ เดือน ๑๐ วัน (ปรกติท่านพระครูบาเจ้าจะนอนหันหัวไปทางทิศใต้ คืนวันมรณภาพก็หันหัวไปทางทิศใต้)


ขณะที่ท่านพระครูบาเจ้าดับขันธ์ นายวังเงิน สุนัลหงษ์ นายน้อยแก้ว พลเมฆ เป็นผู้ตีปาน (กังสดาล) ตามธรรมเนียมนิยมถือว่าเป็นการบอกทิศทาง พอบรรดาศิษย์ทั้งหลายตั้งสติได้ ซึ่งมีพระทองสุข ซึ่งเป็นพระผู้อุปัฏฐาก ได้เอาน้ำผึ้งกรอกปากศพของท่านพระครูบาเจ้า เพื่อกันไม่ให้ศพเน่าเหม็น


พอรุ่งขึ้นก็นำร่างของท่านออกมาชำระน้ำขมิ้นส้มป่อยน้ำอบน้ำหอม เอาศพของท่านนอนไว้ ๗ วัน ๗ คืน เพื่อให้สานุศิษย์ได้เห็นและทำการถวายสักการะ จึงได้บรรจุในโลงรดน้ำลายทอง ที่ท่านสั่งให้สร้างเตรียมไว้แล้ว (เป็นที่น่าแปลก ศพของท่านพระครูบาเจ้าเก็บไว้ตั้ง ๗ วัน แต่ศพของท่านไม่มีการเปลี่ยนแปลง)


โดยการนำของตาปะขาวปี ซึ่งเป็นศิษย์อาวุโสได้สั่งให้นายช่างหนานหมวกสร้างเมรุปราสาทด้านทิศตะวันตก แล้วตาปะขาวปีได้นำคนแผ้วถางทางรอบวัด ที่จะนำศพของท่านพระครูบาเจ้าจากด้านตะวันออกที่ท่านนอนมรณภาพ ไปสู่ทิศตะวันตกของวัด


บรรดาสานุศิษย์ได้อาราธนาศพของท่านพระครูบาเจ้า ขึ้นสู่ปราสาท ๕ ยอด ที่เตรียมไว้ในเมรุที่สร้างขึ้นใหม่ในวันจันทร์ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือนยี่ (เหนือ) พุทธศักราช ๒๔๘๒ พระศพของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ได้ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านปาง ๒ ปี


เมื่อข่าวการมรณภาพของพระครูบาเจ้า ทราบถึงสำนักพระราชวัง จึงได้กราบบังคมทูลขอพระราชเพลิงศพจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระองค์จึงได้มีพระราชโองการรับสั่งให้ช่างหลวงจัดเตรียมสร้างโกศบรรจุศพพร้อมพระราชทานเพลิง


พอเรื่องจากสำนักพระราชวังทราบมาถึงเจ้าวรทัต ณ ลำพูน (ราชบุตรของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้าย) ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสมัยนั้น จึงได้ร่วมกับชาวเมืองลำพูนคิดกันว่า จะต้องอัญเชิญอาราธนาศพของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย มาประกอบพิธีพระราชทานเพลิงที่วัดจามเทวี เมืองลำพูน ซึ่งเป็นวัดที่ท่านสร้างเป็นวัดสุดท้าย เพราะวัดบ้านปางอยู่ที่ไกลกันดาร ถนนหนทางก็ไม่สะดวกโดยประการทั้งปวง


พอทางเชียงใหม่รู้ข่าวว่าทางลำพูนจะอาราธนาศพของท่านพระครูบาเจ้าประกอบพิธีพระราชทานเพลิง ก็อยากจะได้ศพของท่านพระครูบาเจ้าไปประกอบพิธีในจังหวัดของตน จนเกิดการโต้เถียงเกือบจะเกิดการนองเลือด ในที่สุดก็ยอมจำนนต่อชาวลำพูน ที่อ้างเอาอมตะวาจาของท่านพระครูบาเจ้ามายืนยันอย่างแข็งขันว่า


"ตราบใดที่น้ำแม่ปิงไม่ไหลล่องขึ้นเหนือ ท่านจะไม่ขอเหยียบย่างแผ่นดินเมืองเชียงใหม่" นี่น้ำแม่ปิงยังไม่ย้อนไหลกลับ จะเอาศพของท่านไปได้อย่างไร ชาวเชียงใหม่จึงจนด้วยเหตุผล เพราะต่างก็รู้สึกซึ้งในจิตใจว่าท่านพระครูบาเจ้าได้ลั่นวาจาอะไรออกไปแล้วก็เหมือนประกาศิตของเทพเจ้าผู้วิเศษ จึงยอมแพ้ชาวลำพูนด้วยประการนี้


การนำศพของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย ออกไปจากถิ่นฐานของท่านในครั้งนั้น ไม่มีใครในบ้านปางจะเต็มใจให้ไป แต่ก็เกรงกลัวอำนาจทางฝ่ายบ้านเมือง จึงไม่กล้าที่จะปฏิเสธและขัดขวางยับยั้งอย่างไรได้ ศพของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย ได้ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดจามเทวีนานถึง ๗ ปี จึงได้มีหมายกำหนดการพระราชทานเพลิงขึ้นในวันที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๘๙


ในปีเดียวกันนั้นเอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ก็ถูกลอบปลงพระชนม์เสียก่อน ทางสำนักพระราชวังจึงได้เรียนเชิญพลตรี พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี และจอมพล ป. พิบูลสงคราม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชพิธีได้อัญเชิญเพลิงพระราชทาน


เมื่อมาถึงสถานีรถไฟวังตองแล้ว ข้าราชการและประชาชนจึงได้พร้อมกันไปอัญเชิญเพลิงพระราชทานแห่มาที่วัดจามเทวี ทางฝ่ายคณะสงฆ์ก็ได้อาราธนาพระพิมลธรรม (อาจอาสภะ) วัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นเจ้าคณะภาคพายัพ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ศพของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัยได้ตั้งบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นงานครั้งยิ่งใหญ่ถึง ๑๕ วัน ๑๕ คืน ประชาชนมากันทั่วสารทิศมากมายเป็นประวัติศาสตร์


เจ้าหน้าที่ฝ่ายพระราชพิธีได้อาราธนาร่างของท่านพระครูบาเจ้ามาประกอบพิธีชำระตามแบบเจ้านายในราชวงศ์ เสร็จแล้วจึงบรรจุลงในโกศและอาราธนาขึ้นไปสู่เมรุปราสาท (ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ในปัจจุบัน) เวลา ๑๒.๐๐ น. พลตรี พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี ได้อัญเชิญเพลิงพระราชทานมาจุด แล้วพระสงฆ์สมณศักดิ์ สวดหน้าไฟ เป็นเสร็จพระราชพิธี


ต่อจากนั้นถึงเวลาเที่ยงคืนจึงได้จุดพระเพลิงเผาจริงๆ เจ้าหน้าที่ต้องทำงานกันอย่างแข็งขัน แม้จะเป็นเวลาดึกดื่นเที่ยงคืนแล้วก็ตาม มหาชนก็ยังเนืองแน่น เฝ้าดูพระเพลิงเผาร่างนักบุญของเขา ไฟยังไม่ทันมอดสนิทดี ประชาชนต่างแย่งกันดับไฟยื้อแย่งอัฐิธาตุของท่านพระครูบาเจ้ากันอย่างชุลมุน


ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็สามารถที่จะรวบรวมได้เป็นส่วนใหญ่ จึงปล่อยให้ประชาชนแย่งกันไปตามเรื่องราว เพราะเขาเหล่านั้นมีความศรัทธาอันแรงกล้า ถึงขนาดขี้เถ้าก็ไม่มีเหลือ สุดแต่พื้นดินตรงที่ร่างนักบุญถูกเผาก็ยังขุดกันเอาไปสักการบูชา


การใช้จ่ายงานพระราชทานเพลิงศพ ของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย ที่วัดจามเทวี ๑๕ วัน ๑๕ คืน รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นเงินประมาณ ๗๕,๐๐๐ บาท ปัจจัยทั้งหมดนี้ได้มาจากการบริจาคของศรัทธาประชาชน และได้จากการจำหน่ายเหรียญพระครูบาเจ้ารุ่น ๒๔๘๒


หลังจากงานพระราชทานเพลิงศพของท่านพระครูบาเจ้าได้ผ่านไปแล้ว ทางฝ่ายคณะกรรมการจัดงานทั้งฝ่ายบรรพชิตและฝ่ายคฤหัสถ์ได้ปรึกษากันเป็นเรื่องใหญ่อีกว่า ควรจะทำประการใดเกี่ยวกับอัฐิธาตุของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย จึงต่างได้ลงมติเป็นเสียงเดียวกันว่าจะแบ่งเป็น ๖ ส่วน ๕ จังหวัด คือ

ส่วนที่ ๑  มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน บรรจุไว้ที่วัดจามเทวี


ส่วนที่ ๒  มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ บรรจุไว้ที่วัดสวนดอก


ส่วนที่ ๓  มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง บรรจุไว้ที่วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม


ส่วนที่ ๔  มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย บรรจุไว้ที่วัดศรีโคมคำ (วัดพระเจ้าตนหลวง หรือวัดทุ่งเอี้ยง จ.พะเยา)


ส่วนที่ ๕  มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ บรรจุไว้ที่วัดพระธาตุช่อแฮ


ส่วนที่ ๖  มอบให้วัดบ้านปาง บรรจุในถิ่นกำเนิด และเป็นสถานที่มรณภาพของท่านพระครูบาเจ้า ซึ่งคณะศรัทธาสาธุชนผู้เคารพเลื่อมใสในแต่ละแห่ง ได้พร้อมกันสร้างอนุสาวรีย์ไว้เป็นองค์แทนคุณงามความดีของท่าน เพื่ออนุชนรุ่นหลังจะได้เจริญรอยตาม


ส่วนที่วัดบ้านปางก็ได้สร้างสถูปพร้อมด้วยมณฑปปราสาททำด้วยหินอ่อน ณ บริเวณสถานที่ท่านมรณภาพ และได้สร้างเสาศิลาจารึกไว้ ณ สถานที่ท่านกำเนิด พร้อมกันนั้นก็ได้สร้างพิพิธภัณฑ์ เพื่อเก็บรักษาเครื่องอัฐบริขารและสิ่งของที่ท่านเคยใช้มาก่อนแล้ว


จึงนับได้ว่า วัดบ้านปางเป็นปูชนียสถานที่สำคัญยิ่งเกี่ยวกับชีวิตของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย ผู้เป็นนักบุญแห่งล้านนาไทย เพราะเป็นวัดที่ท่านเริ่มสร้างเป็นแห่งแรก และยังเป็นสถานที่ท่านดับขันธ์มรณภาพอีกด้วย


ขอดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของท่านพระครูบาเจ้า ซึ่งสถิตอยู่สรวงสวรรค์ชั้นดุสิต โปรดได้หยั่งทราบถึงการเจริญรอยตามบาทวิถีของพระคุณท่าน และขอได้โปรดอนุโมทนาในกุศลเจตนาของข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยเทอญ


-----------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : พระอานันท์ พุทธธัมโม รวบรวมและเรียบเรียง. (๒๕๕๖, ๑๑ มิถุนายน). หนังสือประวัติของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งลานนาไทย วัดบ้านปาง ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน, หน้า ๑๗๗-๒๐๔.)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

S__33112067.jpg



IMG_6583.JPG



ประวัติของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย

(นักบุญแห่งล้านนาไทย)

วัดบ้านปาง ต.ศรีวิชัย อ.ลี้ จ.ลำพูน



ท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย หรืออีกนามหนึ่งที่ชาวล้านนานิยมเรียกท่านว่า "ครูบาเจ้าศีลธรรม" แต่ท่านเองจะออกนามท่านว่า "พระชัยยาภิกขุ" บ้าง "พระศรีวิชัยยาชนะภิกขุ" บ้าง

พระผู้ทรงคุณประโยชน์ทางด้านพระศาสนา ท่านได้ถือกำเนิดที่หมู่บ้านปาง ตำบลแม่ตืน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เมื่อวันอังคารที่ ๑๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๒๐ ปีขาล เดือน ๙ เหนือ (เดือน ๗ ใต้) ขึ้น ๑๑ ค่ำ เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น.

บิดาของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย นามว่า "นายควาย" เป็นบุตรของนายอ้าย ซึ่งเป็นลูกเขยของหมื่นผาบ ที่ได้ย้ายภูมิลำเนาจากตัวเมืองมากับหมื่นผาบในคราวเดียวกัน ซึ่งหมื่นผาบคือผู้มาบุกเบิกตั้งรกรากบ้านปางขึ้นมาและท่านเป็นทวดของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย

และมารดาของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย นามว่า "นางอุสา" เป็นลูกของพ่อหนานใจ อยู่แขวงเมืองลี้ ห่างจากบ้านปางประมาณ ๔๐ กิโลเมตร นายควายได้ไปสู่ขอนางอุสามาอยู่กินเป็นสามีภรรยาที่บ้านปาง และได้อยู่กินกันตามประเพณีของชาวโลก จนเกิดบุตรชายหญิงด้วยกัน ๕ คน คือ

๑. นายอินทร์ไหว  
๒. นางอวน  
๓. นายอินตาเฟือน (พระครูบาเจ้าศรีวิชัย)  
๔. นางแว่น  
๕. นายทา

ท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย ได้ถือกำเนิดภายในกระท่อมน้อยท่ามกลางหุบเขาของหมู่บ้านปาง เป็นบุตรคนที่ ๓ ของนายควายและนางอุสา

นิมิตหมายก่อนที่นางอุสาจะตั้งครรภ์บุตรคนที่ ๓ นั้นคือ คืนหนึ่งนางอุสาได้ฝันว่า ได้เข้าไปในป่าลึก เห็นต้นโพธิ์ใหญ่มากต้นหนึ่งแผ่กิ่งก้านสาขาร่มกว้าง และมีสรรพสัตว์ใหญ่น้อยนานาพันธุ์มาอาศัยอยู่ตามร่มโพธิ์ อันมีกิ่งใบทอดเป็นร่มกว้างนั้นเต็มไปหมด ดูแล้วทำให้เพลิดเพลินอารมณ์ เป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจเสียนี่กระไร เหมือนโลกนี้ทั้งโลกมารวมกันอยู่ ณ จุดนี้ เป็นบรรยากาศที่ดูอบอวลเต็มไปด้วยความรักความเมตตาซึ่งกันและกัน

เมื่อฟ้าสางสว่างแล้ว นางอุสาก็เล่าเรื่องความฝันให้นายควายฟัง และได้ปรึกษาเข้าใจกันเอาว่านี่เป็นนิมิตที่ดี นับตั้งแต่วันนั้นมานางอุสาก็รู้สึกว่ามีอาการตั้งครรภ์บุตรคนที่ ๓ ขึ้นมาแล้ว พอครบกำหนดเวลาใกล้จะคลอด ขณะที่นางอุสาเจ็บท้องจวนจะให้กำเนิดนักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนาไทย เวลานั้นแม่หมอตำแย ต่างก็เฝ้าเอาใจใส่เพื่อให้นางอุสาบรรเทาความเจ็บปวด

ทันใดนั้นท้องฟ้าที่สว่างโล่งกลับวิปริตมืดครึ้มไป พายุพัดกระหน่ำพาเอาสายฝนเทลงโครมจากฟากฟ้า เสียงฟ้าร้องคำรณคำรามสนั่นอสุนีบาตฟาดเปรี้ยงปร้างลงมา ทันใดนั้นแผ่นดินก็ไหวสั่นสะเทือนไปทั่ว ทำให้กระท่อมน้อยหลังนั้นโอนเอนปานจะเอียงลง ในวินาทีนั้นทารกก็คลอดออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้ เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง พายุ เสียงฟ้าร้อง สายฝน และแผ่นดินก็หยุดไหว

ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตะลึงในเหตุการณ์อันประหลาดถึงกับนิ่งอึ้งกันไปพัก เวลานั้นเป็นเวลาพลบค่ำพอดี วันนั้นตรงกับวันอังคารที่ ๑๑ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๒๐ ปีขาล เดือน ๙ เหนือ (เดือน ๗ ใต้) ขึ้น ๑๑ ค่ำ เวลาประมาณ ๑๘-๑๙ นาฬิกา

อาศัยปรากฏการณ์อันวิปริตประหลาดยิ่งนั้น ถือเป็นนิมิตอันเป็นมงคลตั้งนามบุตรชายว่า “อินตาเฟือน” (ซึ่งหมายถึง การกำเนิดของท่าน เกิดปรากฏการณ์ให้สะเทือนสะท้านถึงองค์อมรินทร์บนสรวงสวรรค์) บางคนก็เรียกนามว่า “ฟ้าร้อง”

ตามหลักพุทธพจน์พระองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่า ถ้าพระโพธิสัตว์เจ้าจะอุบัติขึ้นมาในโลกจะต้องเกิดปรากฏการณ์แผ่นดินไหว กรณีของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัยนี้ ถ้าถือตามหลักพระพุทธพจน์นี้แล้ว พระครูบาเจ้าท่านก็ต้องเป็นพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งที่อุบัติขึ้นมา เพื่อฟื้นฟูบูรณปฏิสังขรณ์พุทธสถานที่สำคัญๆ ทั่วดินแดนล้านนาไทยในการสร้างบารมีธรรม เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตข้างหน้า

ดังหลักฐานที่พระครูบาเจ้าศรีวิชัยจารึกจารลงท้ายพระไตรปิฎกฉบับล้านนา ที่ท่านสร้างขึ้นทุกผูกว่า ".....ปรารถนาขอหื้อข้าฯ ได้ตรัสรู้ปั๋ญญา สัพพัญญูโพธิญาณเจ้าจิ่มเทอญฯ"

เมื่อเยาว์วัยท่านเป็นเด็กเลี้ยงง่าย และอยู่ในโอวาทคำสั่งสอนของบิดามารดาช่วยประกอบสัมมาอาชีวะ ปรกติท่านชอบเลี้ยงวัวเลี้ยงควายและรักความสงบตามธรรมชาติป่าเขา เป็นบรรยากาศที่ช่างเหมาะสมกับอุปนิสัยที่จะปลูกฝังโพธิญาณของพระโพธิสัตว์เจ้าทุกประการ

จนกระทั่งท่านอายุได้ ๑๗ ปี จึงได้เริ่มต้นรับการศึกษา โดยศึกษาอักษรไทยล้านนา หัดเทศน์พระธรรมคัมภีร์พร้อมกับท่องบทสวดมนต์และคำขอบรรพชา ตลอดจนศึกษากิจวัตรที่พระเณรจะพึงปฏิบัติกับพระครูบาขัติยะ หรือคนทั่วไปเรียกท่านว่า “ครูบาแข้งแขะ” เพราะท่านเดินขากะเผลกๆ ท่านเป็นพระอยู่ในอำเภอป่าซางได้เดินธุดงค์มาสู่บ้านปาง พักอยู่ตรงบริเวณวัดร้าง ซึ่งร้างมาหลายร้อยปี (อยู่เชิงเขาเหนือวัดบ้านปางในปัจจุบัน)  

ต่อมาเมื่อนายอินตาเฟือนอายุได้ ๑๘ ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยพระครูบาขัติยะ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับสมญานามว่า “สามเณรศรีวิชัย” สามเณรศรีวิชัยก็ได้รับการอบรมสั่งสอนนิสัยธรรมวินัยจากพระครูบาขัติยะ และปฏิบัติอุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์ด้วยความเคารพยำเกรงโดยตลอด

เมื่อพุทธศักราช ๒๔๔๑ อายุของสามเณรศรีวิชัยก็ย่างเข้า ๒๑ ปี พระครูบาขัติยะพร้อมด้วยโยมบิดามารดาและญาติพี่น้อง จึงได้จัดให้มีงานอุปสมบทขึ้น (ซึ่งก็ได้จัดพิธีอย่างง่ายๆ ตามโบราณจารย์ มิได้จัดงานมหรสพการรื่นเริงเฮฮา) ณ พัทธสีมา วัดบ้านโฮ่งหลวง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน โดยมี พระครูบาสมณะ (พระครูบาสม สมโณ) เจ้าอาวาสวัดบ้านโฮ่งหลวง เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายานามว่า “สิริวิชโย ภิกขุ” ตั้งแต่บัดนั้น ท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัยจึงได้นับถือพระครูบาสม สมโณ เป็นอาจารย์องค์ที่ ๒
        
เมื่ออุปสมบทแล้ว ก็กลับมาอยู่ปฏิบัติอุปัฏฐากครูบาขัติยะได้ ๑ พรรษา เมื่อพุทธศักราช ๒๔๔๒ หลังจากอุปสมบทได้ ๑ ปี แล้วท่านได้ขอลาไปศึกษากัมมัฏฐานและปฏิบัติธรรมกับพระครูบาอุปละ (อุบล) วัดดอยแต อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน (ในปี ๒๕๒๘ วัดพระธาตุดอยแต ได้โอนวัดมาขึ้นต่อตำบลเหมืองจี้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน) ซึ่งสมัยนั้นชาวลำพูนนับถือท่านว่าเป็นผู้มีความเฉลียวฉลาด ปฏิบัติเคร่งครัด

พระครูบาอุปละ (อุบล) ได้เมตตาถ่ายทอดครองวัตรปฏิบัติวิชชาอาคมให้พระศรีวิชัยสมควรแก่ภูมิธรรมเป็นเวลา ๑ พรรษา หลังจากได้ศึกษากัมมัฏฐานและปฏิบัติธรรมกับพระครูบาอุปละได้ ๑ พรรษา จึงได้อำลากลับมาสู่วัดบ้านปาง ตั้งจิตอธิษฐานปฏิบัติทบทวนภูมิธรรมพิจารณาวัตรปฏิบัติธรรมโดยเคร่งครัดเสมอต้นเสมอปลาย และท่านจึงได้นับถือพระครูบาอุปละ (อุบล) เป็นอาจารย์ผู้สั่งสอนกัมมัฏฐานเป็นองค์สุดท้าย

จนถึงพุทธศักราช ๒๔๔๔ พระครูบาขัติยะได้จาริกออกจากบ้านปางไปยังถิ่นอื่น และไม่ได้กลับมาอีกเลย ไม่รู้ข่าวว่ามรณภาพที่ไหน ขณะนั้นพระครูบาเจ้าศรีวิชัยอายุได้ ๒๔ ปี พรรษา ๔ เป็นผู้ทรงศีลาจารวัตรงดงามและพรรษามากกว่าเพื่อนภิกษุสามเณร ท่านจึงได้รับช่วงปกครองวัดเป็นเจ้าอาวาส

ในปีนั้นเอง ท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัยได้พิจารณาเห็นว่า ปัจจุบันที่ตั้งวัดอยู่กลางหมู่บ้าน ไม่สะดวกแก่การปฏิบัติธรรม เพราะการบำเพ็ญสมณธรรมอารามอยู่ใกล้บ้านไม่ได้รับความสงบดีนัก จึงได้พร้อมกันกับพระปั๋น พระผู้อยู่ในอาวาสเดียวกัน ไปเสาะแสวงหาสถานที่ที่เหมาะสมแก่สมณวิสัย

ทีแรกไปดูสถานที่ม่อนพระป่า (อยู่ทิศตะวันตกบ้านปาง) ท่านอธิษฐานดูแล้วเห็นว่ายังไม่เหมาะสม จึงได้พากันเลือกดูสถานที่บนเนินเขา จึงได้ย้ายขึ้นไปสร้างวัดใหม่ เป็นอรัญวาสี (วัดป่า) อยู่บนเนินเขาเหนือหมู่บ้านที่เป็นวัดปัจจุบันนี้  

ท่านได้ตั้งสัตยาธิษฐานกับองค์พระศรีรัตนตรัยและเหล่าเทพยดาเจ้าทั้งหลายว่า ถ้าหากว่าการที่จะสร้างวัดวาอารามขึ้นมา ณ สถานที่แห่งนี้ จะเป็นความเจริญรุ่งเรืองนำความสุขสวัสดีแล้ว ขอให้เกิดศุภนิมิตอันดีงามให้เห็นปรากฏในคืนนี้ด้วยเถิด

และแล้วในคืนนั้นเอง พระครูบาเจ้าศรีวิชัยก็ได้เกิดนิมิตฝันเห็นพระจันทร์เต็มดวงลอยคว้างอยู่ในหมู่เมฆ เปล่งรัศมีอันงามยิ่งเป็นที่สำราญแก่ผู้ได้พบเห็นในยามวิกาล ท่านเพ่งมองดูแสงสว่างยิ่งจ้าจนพร่าตา ดวงจันทร์ก็ค่อยๆ เลื่อนลอยลงมาใกล้ตัวท่านพระครูบาเจ้า แผ่แสงสว่างยิ่งกว่าธรรมดา ทำให้ท่านถึงกับสะดุ้งตื่นทั้งฝัน

ท่านจึงถือเอาว่าเป็นศุภนิมิตอันดียิ่ง จะทำให้เกิดความสุขความสำราญแก่ผู้อยู่พำนัก จึงได้ไปขออนุญาตจากเจ้าคณะหมวดเพื่อตั้งอารามขึ้น ณ สถานที่แห่งใหม่ ก็ได้รับความเห็นชอบอนุมัติให้สร้างได้

การสร้างวัดใหม่ได้เริ่มขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๔๔ ท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย อายุได้ ๒๔ ปี พรรษา ๔ ท่านได้นำพระเณรและศรัทธาชาวบ้านร่วมกันไปสู่เขตหมายที่ได้กำหนดแล้ว จึงขอให้นายควายโยมบิดาเป็นผู้แผ้วถางเป็นปฐมฤกษ์ให้เกิดความเป็นสิริมงคล

ต่อจากนั้นพระเณรศรัทธาชาวบ้านต่างก็ขยันขันแข็งช่วยกันทั้งแรงกายแรงใจ ปรับสถานที่บนเนินเขาให้เรียบร้อยเสมอและขยายอาณาบริเวณให้กว้างออกไป บ้างก็ขนเอาหินมาก่อซ้อนเป็นกำแพงเป็นเขตพุทธาวาส เขตสังฆาวาส และเขตที่กำหนดอาณาบริเวณชั้นนอก บ้างก็สร้างกุฏิ วิหาร ศาลาบาตรร่วมกันอย่างครึกครื้น เพราะต่างก็ชื่นชมบุญญาบารมีของท่านพระครูบาเจ้า ว่าเป็นผู้ทรงวัตรปฏิบัติเคร่งครัด

การสร้างวัดก็สำเร็จเป็นบางส่วนที่จำเป็นแล้ว จึงได้พากันย้ายขึ้นไปอยู่บนอรัญวาสีอาวาสแห่งใหม่นี้ ได้ตั้งนามวัดใหม่ว่า "วัดจ๋อมสะหรีทรายมูลบุญเรือง” แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงเรียก “วัดบ้านปาง” เนื้อที่บริเวณวัดทั้งหมดมี ๑๖๐ ไร่ แต่ที่กำหนดในเขตกำแพงมี ๒๐ ไร่ กำแพงหินที่ก่อล้อมรอบมี ๔ ชั้น ถ้ารวมกำแพงแก้วรอบองค์พระธาตุเป็น ๕ ชั้น

ท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ท่านสร้างวัดใหม่ขึ้นท่านก็จินตนาการโยงใยให้คล้อยเหตุการณ์ครั้งพระพุทธองค์คือ พยายามจัดให้เป็นอรัญวาสี (วัดป่า) กำแพงก็ใช้หินเป็นก้อนๆ ก่อซ้อนเรียงรายเป็นระเบียบ เพราะท่านไม่ทำลายธรรมชาติ กลับทำให้ธรรมชาติผุดเด่นขึ้นเอง และท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัยก็ได้เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก เมื่อพุทธศักราช ๒๔๔๔

ท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย เป็นผู้ทรงศีลาจารวัตรปฏิบัติครองแห่งธุดงค์ ๑๓ บำเพ็ญสมณะและวิปัสสนากัมมัฏฐานอย่างเคร่งครัด มุ่งมั่นปฏิบัติธรรมเจริญรอยตามพระยุคลบาทพระบรมศาสดา ท่านจะคอยแนะนำอบรมสั่งสอนพระเณร เด็กวัด และแนะนำศรัทธาญาติโยมสาธุชนให้เกิดความเคารพเลื่อมใส ให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรม ช่วยกันทำนุบำรุงบวรพระพุทธศาสนา ไม่ให้ทอดทิ้งจารีตประเพณีอันดีงาม

กิตติศัพท์การครองวัตรอันเคร่งครัดของท่านได้เลื่องลือไปทั่ว มีคนเกิดศรัทธามาทำบุญถวายทักขิณาทานมากขึ้นตามลำดับ บรรดาพระภิกษุ สามเณร ตามวัดต่างๆ ต่างตำบล ต่างอำเภอ ได้พากันมาขอฝากตัวเป็นสานุศิษย์เป็นอันมาก และได้มีกุลบุตรจำนวนมากมาขอบรรพชาอุปสมบทอยู่ในสำนักบ้านปาง

พระครูบาเจ้าศรีวิชัย ได้อาศัยความศรัทธาของประชาชนและสานุศิษย์ ได้ร่วมกันก่อสร้างพัฒนาบูรณะวัดวาอาราม พระธาตุ พระบาท พระเจดีย์ ศาสนสถานรวม ๑๐๖ แห่ง ใน ๖ จังหวัด คือ จังหวัดลำพูน จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปาง จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา และจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่ประชาชนชาวไทยยกย่องไม่รู้ลืมก็คือ เป็นองค์ประธานในการสร้างทางขึ้นสู่พระธาตุดอยสุเทพ ระยะทาง ๑๒ กิโลเมตร ใช้เวลาสร้าง ๕ เดือน ๒๒ วัน คือเริ่มสร้างเมื่อวันที่  ๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๗ เวลา ๑๐.๐๐ น. และเปิดใช้ทางขึ้นดอยสุเทพครั้งแรก เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๘ ค่าก่อสร้างประมาณ ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ยี่สิบล้านบาท) โดยไม่ใช้งบประมาณของรัฐบาล

นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๖๙-๒๔๗๑ ท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย พร้อมด้วยบรรดาสานุศิษย์ได้รวบรวมพระไตรปิฎกฉบับล้านนาที่ถูกทอดทิ้งอยู่ตามวัดต่างๆ จากตำบล อำเภอ และจังหวัดต่างๆ แล้วร่วมกันจัดให้เป็นหมวดหมู่เป็นธัมมขันธ์ ทำการสังคายนาจารลงในใบลานขึ้นมาใหม่ เพื่อไว้เป็นหลักฐานในการศึกษาค้นคว้าหาแนวทางประพฤติธรรมวินัย สืบอายุบวรพระพุทธศาสนาต่อไป ตามจำนวนดังนี้

๑. พระวินัยทั้ง ๕  จำนวน ๑๐ มัด  รวม ๑๗๐ ผูก
๒. นิกาย ๕  จำนวน ๕ มัด  รวม ๖๙ ผูก
๓. อภิธรรม ๗ คัมภีร์  จำนวน ๗ มัด  รวม ๑๔๕ ผูก
๔. ธรรมบท  จำนวน ๒๑ มัด  รวม ๑๔๕ ผูก
๕. สุตตสังคหะ  จำนวน ๗ มัด  รวม ๗๖ ผูก
๖. สมันตปาสาทิกา  จำนวน ๔ มัด  รวม ๔๕ ผูก
๗. วิสุทธิมรรค  จำนวน ๓ มัด  รวม ๗๖ ผูก
๘. ธรรมสวนะชาดก  จำนวน ๑๒๖ ผูก  รวม ๑,๒๓๒ ผูก
๙. ธรรมโตนที่คัดไว้เป็นกัปล์และเป็นผูก  รวม ๑๗๒ ผูก
๑๐. สัททาทั้ง ๕  จำนวน ๘ มัด  รวม ๓๘ ผูก
๑๑. กัมมวาจา  จำนวน ๖ มัด  รวม ๑๐๔ ผูก
๑๒. กัมมวาจา  จำนวน ๑ มัด  รวม ๑๐๘ ผูก
๑๓. มหาวรรค  จำนวน ๑๓๕ มัด  รวม ๒,๗๒๖ ผูก
๑๔. ธรรมตำนานและชาดก  จำนวน ๑ มัด  รวม ๑๗๒ ผูก
๑๕. ธรรมบารมี  จำนวน ๑๐ มัด  รวม ๑๒๒ ผูก

รวมมัดทั้งหมดมี ๓๔๔ มัด  รวมผูกทั้งหมดมี ๕,๔๐๘ ผูก

รวมค่าใช้จ่ายการสร้างพระไตรปิฎก ค่าจ้างเขียนลงในใบลาน ค่าทองคำเปลวติดขอบใบลาน และค่าใช้จ่ายตอนทำพิธีถวายพระไตรปิฎก รวมทั้งหมด ๔,๒๓๒ รูเปีย

ผลงานจัดทำสังคายนาพระไตรปิฎกฉบับล้านนาไทยของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัยในครั้งนี้ นับว่าเป็นหลักฐานประกาศถึงความเป็นผู้ทรงความรู้ทางพระไตรปิฎก ทั้งสามารถรวบรวมจัดเป็นหมวดหมู่ขึ้นใหม่ได้นี้ มิใช่เป็นเรื่องธรรมดา นี่หากว่าท่านคือบัณฑิตผู้ทรงความรู้ยิ่งองค์หนึ่ง อีกทั้งท่านยังมีปฏิปทาในข้อวัตรปฏิบัติเป็นสงฆ์องค์อริยะอันเป็นแบบอย่างที่ดียิ่ง และได้ให้การบรรพชาพระภิกษุสามเณรกว่าหนึ่งพันรูป

ท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัยได้มรณภาพ เมื่อวันอังคารที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๘๑ ปีขาล ในเวลาเที่ยงคืน ๕ นาที ๓๐ วินาที รวมสิริอายุได้ ๖๐ ปี ๘ เดือน ๑๐ วัน ณ วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน (ตรงสถานที่สร้างสถูปอนุสาวรีย์)

การมรณภาพของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ยังความเศร้าสลดอาลัย นักบุญผู้ทรงศีลจึงได้พากันหลั่งไหลมาสู่วัดบ้านปางมากมาย ศพของท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย ได้ตั้งบำเพ็ญกุศลให้ผู้ที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสกราบสักการบูชาที่วัดบ้านปาง เป็นเวลา ๒ ปี จึงได้เคลื่อนมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดจามเทวี อ.เมือง จ.ลำพูน นานถึง ๗ ปี

และได้มีหมายกำหนดการพระราชทานเพลิงของท่านพระครูบาเจ้าในวันที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๘๙ เวลา ๑๒.๐๐ น. แต่เผาจริง เวลาเที่ยงคืน โดยมีพลตรี พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี และจอมพล ป. พิบูลสงคราม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้อัญเชิญเพลิงพระราชทาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชพิธีและประชาชนมาถวายเพลิงเป็นจำนวนมาก

และประชาชนเหล่านั้นได้เข้าแย่งชิงอัฐิธาตุของพระครูบาเจ้าศรีวิชัยตั้งแต่ไฟยังไม่ทันมอดสนิทดี ถึงขนาดขี้เถ้าก็ไม่มีเหลือ แม้แต่พื้นดินตรงที่พระราชทานเพลิงก็ยังมีผู้คนขุดเอาไปสักการบูชา อัฐิธาตุของพระครูบาเจ้าศรีวิชัยที่เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวม ได้แบ่งอย่างเป็นทางการ ๗ ส่วน ๖ จังหวัด แบ่งไปบรรจุสถานที่สำคัญต่างๆ ดังนี้

ส่วนที่ ๑   บรรจุที่วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน
ส่วนที่ ๒   บรรจุที่วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่
ส่วนที่ ๓   บรรจุที่วัดพระแก้วดอนเต้า
สุชาดาราม จังหวัดลำปาง
ส่วนที่ ๔   บรรจุที่วัดศรีโคมคำ (วัดพระเจ้าตนหลวง) จังหวัดพะเยา
ส่วนที่ ๕   บรรจุที่วัดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่
ส่วนที่ ๖   บรรจุที่วัดน้ำฮู จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ส่วนที่ ๗  บรรจุที่วัดบ้านปาง จังหวัดลำพูน

---------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : ป้ายประวัติท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ภายในปราสาททองอนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง และพระอานันท์ พุทธธัมโม รวบรวมและเรียบเรียง. (๒๕๕๖, ๑๑ มิถุนายน). หนังสือประวัติของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งลานนาไทย วัดบ้านปาง ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน, หน้า ๑-๑๙, ๑๒๒-๑๒๕.)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

img257.jpg



ผลงานที่ท่านพระครูบาเจ้าศรีวิชัยได้บูรณปฏิสังขรณ์ปูชนียสถาน



๑. จังหวัดลำพูน
๑. วัดบ้านปาง ต.ศรีวิชัย อ.ลี้ จ.ลำพูน
๒. วัดห้วยกาน ต.บ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน
๓. วัดดอยก้อม ต.บ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน
๔. พระวิหารพระเจ้าทันใจ วัดพระธาตุหริภุญชัย อ.เมือง จ.ลำพูน
๕. วัดจามเทวี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน
๖. พระธาตุม่าน อ.เมือง จ.ลำพูน
๗. พระวิหาร วัดทาดอยแช่ ต.ทากาศ อ.แม่ทา จ.ลำพูน
๘. วัดวังหลวง ต.ป่าพลู อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน
๙. พระวิหาร วัดป่าปู อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน
๑๐. วัดดอนแก้ว ต.บ้านปวง อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน
๑๑. วัดพระธาตุจอมสวรรค์ ต.ดงดำ อ.ลี้ จ.ลำพูน
๑๒. วัดพระธาตุห้าดวง ต.ลี้ อ.ลี้ จ.ลำพูน
๑๓. วัดแม่ตืน ต.แม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน
๑๔. พระธาตุดอยคำ วัดดอยคำ ต.ทากาศ อ.แม่ทา จ.ลำพูน
๑๕. วัดพระธาตุดวงเดียว ต.ลี้ อ.ลี้ จ.ลำพูน
๑๖. วัดหนองป่าตึง ต.ทุ่งหัวช้าง อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน
๑๗. วัดพระพุทธบาทตากผ้า ต.มะกอก อ.ป่าซาง จ.ลำพูน
๑๘. วัดทุ่งหัวช้าง ต.ทุ่งหัวช้าง อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน
๑๙. วัดแม่ป้อก ต.ศรีวิชัย อ.ลี้ จ.ลำพูน
๒๐. พระพุทธบาทสามยอด ต.ป่าพลู อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน
๒๑. วัดรมณียาราม (กู่ละมัก) ต.ต้นธง อ.เมือง จ.ลำพูน
๒๒. วัดแม่เทย ต.แม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน
๒๓. วัดพระนอนม่อนช้าง ต.มะกอก อ.ป่าซาง จ.ลำพูน
๒๔. พระวิหารอัฏฐารส วัดพระธาตุหริภุญชัย อ.เมือง จ.ลำพูน

๒. จังหวัดเชียงใหม่
๑. วัดพระสิงห์ ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
๒. วัดสวนดอก ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
๓. วัดศรีโสดา ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
๔. วัดสกิทาคา ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
๕. วัดอนาคามี ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
๖. สร้างทางขึ้นสู่วัดพระธาตุดอยสุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
๗. วัดกู่เต้า ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
๘. วัดหมื่นสาร ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
๙. วัดป่าแดง อ.เมือง จ.เชียงใหม่
๑๐. วัดเชียงมั่น ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
๑๑. วัดโพธาราม (ป่าจี้) ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
๑๒. วัดพระพุทธบาทแก้วข้าว ต.ฮอด อ.ฮอด จ.เชียงใหม่
๑๓. วัดพระพุทธบาทตะเมาะ ต.โปงทุ่ง อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่
๑๔. วัดพระป้าน (พระนอนแม่ปูคา) ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
๑๕. วัดพระธาตุดอยผาตั้ง ต.ออนกลาง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่
๑๖. วัดพระธาตุดอยกู่ (ศรีวิชัย) ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
๑๗. วัดพระธาตุกลางใจเมือง ต.สันทราย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
๑๘. วัดถ้ำเชียงดาว ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
๑๙. วัดพระมหาบรมธาตุเจ้าดอยเกิ้ง ต.ท่าเดื่อ อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่
๒๐. วัดพระบาทยั้งหวีด ต.มะขุนหวาน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่
๒๑. วัดพันหลัง ต.สำราญราษฎร์ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
๒๒. วัดพระพุทธบาทสี่รอย ต.สะลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
๒๓. วัดข้าวแท่นน้อย ต.สันทรายหลวง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
๒๔. วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
๒๕. วัดเวียงด้ง ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่
๒๖. วัดมะขามหลวง ต.มะขามหลวง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่
๒๗. วัดพระธาตุสบฝาง ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
๒๘. วัดบ้านจันทร์ ต.บ้านจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่
๒๙. วัดท่าตอน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
๓๐. วัดพระธาตุม่วงเนิ้ง ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
๓๑. วัดดอนเจียง ต.สบเปิง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
๓๒. วัดสบเปิง ต.สบเปิง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
๓๓. วัดดับภัย ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

๓. จังหวัดเชียงรายและจังหวัดพะเยา
๑. วัดศรีโคมคำ (วัดพระเจ้าตนหลวง, วัดทุ่งเอี้ยง) อ.เมือง จ.พะเยา
๒. วัดพระธาตุจอมทอง ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา
๓. วัดพระธาตุดอยน้อย ต.จำป่าหวาย อ.เมือง จ.พะเยา
๔. วัดพระธาตุภูขวาง ต.แม่นาเรือ อ.เมือง จ.พะเยา
๕. วัดศรีบุญเรือง บ.แพด ต.เชียงบาน อ.เชียงคำ จ.พะเยา
๖. วัดเชียงบาน ต.เชียงบาน อ.เชียงคำ จ.พะเยา
๗. วัดพระธาตุจอมไคร้ ต.ห้วยลาน อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา
๘. พระธาตุม่อนหินขาว ต.ทุ่งรวงทอง อ.จุน จ.พะเยา
๙. วัดลี ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา
๑๐. วัดพระธาตุขิงแกง ต.จุน อ.จุน จ.พะเยา
๑๑. วัดพระธาตุแจ่โห้ว ต.บ้านถ้ำ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา
๑๒. วัดพระธาตุปูปอ ต.ดงเจน อ.ภูกามยาว จ.พะเยา
๑๓. วัดพระธาตุภูขวาง ต.ห้วยแก้ว อ.ภูกามยาว จ.พะเยา
๑๔. วัดพระธาตุดอยตุง ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
๑๕. วัดพระธาตุปูล้าน ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย
๑๖. วัดพระธาตุป่าแดง อ.เทิง จ.เชียงราย
๑๗. วัดป่าสักเหนือ ต.แม่เย็น อ.พาน จ.เชียงราย
๑๘. วัดพระธาตุจอมแว่ ต.เมืองพาน อ.พาน จ.เชียงราย
๑๙. วัดพระธาตุป่าแดด ต.ยางฮอม อ.ขุนตาล จ.เชียงราย
๒๐. วัดปูแกง ต.แม่เย็น อ.พาน จ.เชียงราย
๒๑. วัดพระธาตุแม่เจดีย์ ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย
๒๒. วัดเจริญเมือง ต.เจริญเมือง อ.พาน จ.เชียงราย

๔. จังหวัดลำปาง
๑. วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง
๒. วัดนาเอี้ยง ต.เสริมกลาง อ.เสริมงาม จ.ลำปาง
๓. วัดอักโขชัยคีรี ต.วิเชตนคร อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง
๔. วัดพระเกิด ต.ทุ่งฮั้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง
๕. วัดพระธาตุสบแสด ต.ร่องเคาะ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง
๖. วัดผาแดงหลวง ต.แจ้ห่ม อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง
๗. วัดพระบาท ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง
๘. วัดดงนั่งคีรีชัย ต.วิเชตนคร อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง
๙. วัดดอยป่าตาล (วัดดอยม่อนวัวนอน) ต.เถินบุรี อ.เถิน จ.ลำปาง
๑๐. วัดพระธาตุดอยกู่แก้ว ต.เมืองยาว อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง
๑๑. วัดพระธาตุม่อนไก่แจ้ ต.เมืองยาว อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง
๑๒. วัดป่าแดง ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง
๑๓. วัดสบเตินตะวันตก ต.แม่ถอด อ.เถิน จ.ลำปาง
๑๔. วัดป่าตาล ต.เถินบุรี อ.เถิน จ.ลำปาง
๑๕. วัดศรีหลวงแจ้ซ้อน ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง
๑๖. วัดนางแตน ต.เกาะคา อ.เกาะคา จ.ลำปาง
๑๗. วัดพระธาตุดอยกู่ (วัดสบกึ๊ด) ต.ทุ่งงาม อ.เสริมงาม จ.ลำปาง
๑๘. วัดศรีลังกา ต.เสริมกลาง อ.เสริมงาม จ.ลำปาง
๑๙. วัดพระธาตุม่อนไก่เขี่ย ต.แม่สัน อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง
๒๐. วัดพระธาตุดอยเต่าคำ ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง
๒๑. วัดพระธาตุจอมปิง ต.นาแก้ว อ.เกาะคา จ.ลำปาง
๒๒. วัดดอยเกิ้ง ต.หัวเมือง อ.เมืองปาน จ.ลำปาง
๒๓. วัดพระธาตุดอยซาง ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง
๒๔. วัดสบลี ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง

๕. จังหวัดสุโขทัย

๑. วัดกลางดง ต.กลางดง อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย (ศิษย์ไปสร้างในนามพระครูบาเจ้า)

๖. จังหวัดแม่ฮ่องสอน
๑. วัดน้ำฮู ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
๒. วัดแม่ปิง ต.แม่ฮี้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

๗. จังหวัดตาก
๑. วัดพระบรมธาตุแก่งสร้อย ต.บ้านนา อ.สามเงา จ.ตาก

----------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : พระอานันท์ พุทธธัมโม รวบรวมและเรียบเรียง. (๒๕๕๖, ๑๑ มิถุนายน). หนังสือประวัติของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งลานนาไทย วัดบ้านปาง ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน, หน้า ๒๐๕-๒๐๙. และเว็บแดนนิพพาน ดอทคอม เรียบเรียงใหม่ (๒๕๖๖, กุมภาพันธ์))

(แหล่งอ้างอิงภาพ : พระครูบาเจ้าศรีวิชัยถ่ายรูปที่ต้นชบาบนพระธาตุจอมทอง เมืองพะเยา คราวฉลองวัดพระเจ้าตนหลวง (วัดศรีโคมคำ) และพระธาตุจอมทอง เมืองพะเยา อายุ ๔๖ ปี ภาพนี้ได้ถือเป็นแบบสร้างเหรียญพระครูบาเจ้ารุ่น พ.ศ.๒๔๘๒ หลังจากท่านมรณภาพ ๑ ปี : พระอานันท์ พุทธธัมโม รวบรวมและเรียบเรียง. (๒๕๕๖, ๑๑ มิถุนายน). หนังสือประวัติของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งลานนาไทย วัดบ้านปาง, หน้า ๑๐๕, ๑๑๒.)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ป้ายกวีนิพนธ์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย

โดย อังคาร กัลยาณพงศ์  

วันเสาร์ที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๑


IMG_6616.JPG



IMG_3291.jpg



พระครูบาศรีวิชัย

(อินตาเฟือน  ฟากฟ้าร้อง)



โอมเปรี้ยง กัมปนาทสนั่นก้อง               
คือฟ้าร้องเรียกหล้ามาเห็นสมัย
จุติเทพลงเทอดรัตนไตร                     
สะเทื้อนไหวแว่นแคว้นแผ่นดินคำ ฯ

บ้านปางแม่ตืนที่ลี้นี้                           
คือปถพีสุภประเสริฐเลิศล้ำ
เป็นอู่แก้วครูบาศรีวิชัยนำ                    
ธรรมทิพย์มางำใจธรณี ฯ

ฟ้าร้องคือฟ้าเรียกทุกฟ้า                     
ทุกหล้ามาดูผู้วิสุทธิ์วิเศษศรี
จุติหล้าล้านนาแดนคนดี                     
ลี้คือหลีกลี้หนีอธรรมพาล ฯ

ปางเอ๋ยโอ้โอ๋อเนจอนาถ                     
ปางดับธาตุลับหล้ามหาสถาน
เย็นยะเยือกหนาวฝั่งฟ้าจักรวาล            
ล้านนาลับหน้าครูบาศรีวิชัย ฯ

อโหตนบุญผู้กรุ่นกายสิทธิ์                  
รุ่งบุญฤทธิ์เรื้องอยู่คู่สมัย
น้ำตาล้านนาทุกดวงใจ                       
อาลัยอกไหวทุกคืนวัน ฯ

อุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธเจ้า                    
อยู่เกล้าจุติจากห้วงสรวงสวรรค์
ช่วยชุบชีพสรรพสัตว์สารพัน                 
ห่างทุกข์โศกศัลย์สู่ศานติธรรม ฯ

ร่มโพธิ์แก้วลับแล้วก็แต่รูป                  
สถูปทิพย์ยังสถิตย์ค่าเลิศล้ำ
กรานเกล้ากราบเช้าค่ำเป็นประจำ           
น้อมน้ำใจซึ้งถึงรัตนไตร ฯ

พระครูบาฯ มหาบุรุษวิสุทธิ์                  
นำหมู่มนุษย์สู่ทางสว่างไสว
เนื้อนาบุญหว่านทิพย์ทุกดวงใจ            
ให้ยิ่งใหญ่ศานติสุขทุกชีวา ฯ

เลิศล้ำพุทธธรรมปฏิบัติ                     
แจ่มชัดสรรพชีพใช้อหิงสา
ละเลิกแล้วเวรกรรมนานา                    
นิรพานกาลหน้าค่าอเนกอนันต์ ฯ

น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง                    
ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่างฝัน
ฆ่าชีวาคือพร่าค่าคืนวัน                       
จะกำนัลโลกนี้มีงานใด ฯ

พระครูบาฯ ชี้นำลิ่วไปแล้ว                    
ดวงแก้วมณีร่วงรุ้งยังสุกใส
ลูกหลานหลากหลายทุกดวงใจ              
ใครทำอะไรเร่งรู้จักตน ฯ

อนิจจาอุปาทานทุกข์เบญจขันธ์            
รู้เท่าทันอนัตตาอย่าฉงน
แจ้งอริยสัจจะสว่างฟ้าสากล                  
จะอาภัพบุคคลสมควรฤา ฯ

แกร่งกล้าละตัณหาอุปาทาน                  
เข้าฌานรู้แจ้งอย่ายึดถือ
วิปัสนาปัญญาเร่งบันลือ                        
คือละอวิชชาฆ่าวังวน ฯ

ตราบซึ้งถึงโสดาปัตติมรรค                    
ประจักษ์แจ่มแจ้งโสดาปัตติผล
สกทาคามีอนาคามีมรรคผลจน               
อรหันต์มรรคผลล่วงพ้นเกิดตาย ฯ

เลิกเวียนว่ายตายเกิดประเสริฐแท้            
อย่าพ่ายแพ้ตัณหามหึมาหมาย
นิรพานผ่องแผ้วแพร้วพรรณราย               
สถิตย์ชื่อไว้คู่ฟ้าแดนดิน ฯ

เยี่ยงอย่างพระครูบาศรีวิชัย                    
ล้านนาไหวสะเทื้อนฟ้าพุทธศิลป์
ปฏิบัติพุทธธรรมเป็นอาจิณ                    
โลกข์สิ้นอริยผลคนดี ฯ

----------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : ป้ายกวีนิพนธ์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย ภายในปราสาททองอนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง)


IMG_5970.JPG



รูปภาพพระอานันท์ พุทธธัมโม (วัดพระธาตุแสงแก้วมงคล อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา)

ประธานดำเนินการจัดสร้างมณฑปปราสาททองครอบสถูปที่บรรจุอัฐิธาตุพระครูบาเจ้าศรีวิชัย และพิพิธภัณฑ์บริขารพระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง จังหวัดลำพูน


4.jpg



ธรรมเทศนาของพระอานันท์ พุทธธัมโม



๑. เพ่งฌานสู่องค์ไตรรัตน์


จารึกไว้ ณ โฮงหลวงวัดบ้านปาง จ.ลำพูน

เมื่อ ๕ กันยายน ๒๕๓๑


เพ่งเห็นกายมิใช่กาย            จะเห็นองค์พุทธะ

เพ่งจิตให้เห็นความว่าง         จะเห็นสัจจธรรม

เพ่งเห็นสรรพสัตว์ไร้ตัวตน     จะเห็นเหล่าอริยสงฆ์


pngegg.5.3.1.png




๒. ตามรอยผู้นำ


จารึกไว้ ณ โฮงหลวงวัดบ้านปาง จ.ลำพูน

เมื่อ ๕ กันยายน ๒๕๓๑


ผู้นำต้องมีหัวใจดุจราชสีห์  มุ่งมั่นสิ่งใด

จงก้าวไปเถิด  อุปสรรคสิ่งที่กีดขวาง

คนจริงฝ่าไปได้ไม่ยากเย็น

เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ  ชอบคนกล้า

กล้าๆ กล้าๆ  มิใช่ผู้นำ


pngegg.5.3.2.png




๓. ตามรอยพระบาทองค์บรมศาสดา


จารึกไว้ ณ โฮงหลวงวัดบ้านปาง จ.ลำพูน

เมื่อ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒


เจ้าต้องมีดวงจิตดุจหินผา

มุ่งหมายที่นิพพานให้แม่นมั่น

อย่าปล่อยใจอ่อนแอเหมือนเศษทราย

จะพ่ายแพ้กิเลสแม้เล็กน้อย

จงแหวกว่ายทวนสายธารแห่งตัณหา

พญามารกับองค์พุทธะมักคู่กัน

จงบากบั่นมุ่งมั่นสร้างบารมี

กิเลสมารร้ายก็สยบอยู่แทบเท้า

พุทธภูมิสิ่งสูงส่ง

คืออาณาจักรของคนกล้าพลีชีพเพื่อพระธรรม

นิพพานคือน้ำอมฤตธรรมประจำโลก

ใครป่วยทุกข์สุขโศกหรือโลภหลงมืดมน

จงอธิษฐานจิตลิ้มรสสรงธารธรรม

เจ้าจะประสบความสะอาด ความสงบ

ความสว่างไสวจากพระพุทธองค์


pngegg.5.3.3.png




๔. บาทวิถีของมนุษย์


จารึกไว้ ณ โฮงหลวงวัดบ้านปาง จ.ลำพูน

เมื่อ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๓


ความทุกข์ทำให้ข้าเกิดความคิด  วิปัสสนาญาณ

ความผิดพลาด  คือทางผ่านสู่ความสำเร็จ

ตราบใดที่ยังมีชีวิตลมปราณ  จงสู้ไปเถิดอย่าสิ้นหวัง

ความมุ่งมั่นด้วยกุศลเจตนา  คือน้ำทิพย์แห่งสรวงสวรรค์

อย่าคิดว่าการทำความดีจะต้องมีความสุขเสมอไป

แต่การฟันฝ่าความทุกข์ยากด้วยดวงใจอันสุขุม

นั่นคือ  มงกุฎอันล้ำค่าและประเสริฐยิ่งของยอดมนุษย์


pngegg.5.3.4.png




๕. เบิกฟ้าพุทธธรรม


จารึกไว้ ณ หอบูรพาจารย์ วัดพระธาตุแสงแก้วมงคล จ.พะเยา

เมื่อ ๑๖ มกราคม ๒๕๓๗


อาณาจักรธรรม  คือจิตธาตุสรรพสัตว์

อนิจจัง  คือสัจจธรรมสากลของจักรวาล

ประตูพระนิพพานมิได้มี

พระพุทธเจ้าสถิตอยู่ทั่วสรรพสัตว์ทุกรูปนาม

ทั้งไตรโลก  คือทำดอกบัวแดงแห่งพุทธชาติ


pngegg.5.3.5.png



(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : พระอานันท์ พุทธธัมโม รวบรวมและเรียบเรียง. (๒๕๕๖, ๑๑ มิถุนายน). หนังสือประวัติของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งลานนาไทย วัดบ้านปาง, หน้า ๒๖๘-๒๗๑.)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_6625.JPG



พระพุทธรูปและป้ายคำสอนพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ประดิษฐานภายในซุ้มเหนือสถูปพระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง



3.jpg



คำสอนพระครูบาเจ้าศรีวิชัย


มนุษย์ผู้ใดถือศีล ๕ ได้มั่นเตี๋ยงแล้ว ผู้นั้นได้เป็นอุบาสกอุบาสิก๋าในพระพุทธศาสนา เป๋นผู้ฉลาดนำความสุขมาใส่ตั๋ว ประเสริฐกว่าทรัพย์สมบัติตั้งหลายตี๋มีอยู่ในโลกตั้งมวล แก้วมณีโชติของพระจักรพรรดิ์ผู้เป๋นใหญ่กว่ามนุษย์ทั้งปวง และเครื่องประดับขัติยะนารีตั้งหลายมีแก้วแหวนเงินทอง เป๋นต้นเหตุของตัณหาก๋ามคุณ เหมือนดั่งน้ำผึ้งแจ่ยาพิษสำหรับนำความตุกข์มาใส่ตั๋วโดยบ่มีประโยชน์สิ่งใดเลย.........


pngegg.5.3.1.png



(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : ป้ายคำสอนพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ภายในปราสาททองอนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง)

(แหล่งอ้างอิงภาพ : พระครูบาเจ้าศรีวิชัยถ่ายรูปที่ต้นชบาบนพระธาตุจอมทอง คราวบูรณะวัดพระเจ้าตนหลวงและพระธาตุจอมทอง เมืองพะเยา อายุ ๔๕ ปี : พระอานันท์ พุทธธัมโม รวบรวมและเรียบเรียง. (๒๕๕๖, ๑๑ มิถุนายน). หนังสือประวัติของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งลานนาไทย วัดบ้านปาง, หน้า ๙๙.)



IMG_6629.JPG



พระพุทธรูปและป้ายคำสอนพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ประดิษฐานภายในซุ้มเหนือสถูปพระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง



IMG_6008.JPG



คำสอนพระครูบาเจ้าศรีวิชัย


แม่น้ำคงคา ยมนา อจีรวดี มหิ มหาสะระพู ซึ่งเป๋นแม่น้ำใหญ่ตั้ง ๕ แม่นี้ แม่นจักเอามาอาบหื้อหมดเสี้ยงตั้ง ๕ แม่นี้ก็บ่อาจจักล้างบาป คือความเดือดร้อนภายในหื้อหายได้ ลม ฝน ลูกเห็บ แม่นจักตกลงมา ๑๐๐ ห่า เย็นและหนาวสักปานใดก็ดี ก็บ่อาจจักเย็นเข้าไปถึงภายในหื้อหายจากความตุกขเวทนาได้ ศีล ๕ เป๋นอริยทรัพย์ เป๋นต้นของความบริสุทธิ์ เป๋นน้ำทิพย์สำหรับล้างบาป คือความตุกข์ภายในหื้อหายได้.........


pngegg.5.3.2.png



(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : ป้ายคำสอนพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ภายในปราสาททองอนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง)

(แหล่งอ้างอิงภาพ : พระครูบาเจ้าศรีวิชัยถ่ายรูปที่วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพฯ คราวถูกกล่าวหาครั้งที่ ๔ อายุ ๕๘ ปี ภายในพิพิธภัณฑ์บริขารพระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง)



IMG_6631.JPG



พระพุทธรูปและป้ายคำปณิธานของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ประดิษฐานภายในซุ้มเหนือสถูปพระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง


IMG_0016.JPG



คำปณิธานของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย


ต๋นข้าฯ พระศรีวิชัยยาภิกขุ เกิดมาปี๋เปิกยีจุลศักราช ๑๒๔๐ ตั๋ว พุทธศักราช ๒๔๒๐ ลํ่าดับมาเถิงปี๋รวายยี จุลศักราช ๑๒๘๘ ตั๋ว พุทธศักราช ๒๔๖๙ ข้าพเจ้า และ...... ได้ริจนาแต้มเขียนธัมม์ก้ำจูโจตกะศาสนา ๕๐๐๐ พระวัสสาต๋ามอายุลานเต๊อะ ปรารถนาขอหื้อข้าฯ ได้ตรัสรู้ปั๋ญญาสัพพัญญูโพธิญาณเจ้าจิ๋มเต๊อะ


pngegg.5.3.3.png



(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : ป้ายคำปณิธานของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ภายในปราสาททองอนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง)


IMG_6628.JPG



พระพุทธรูปและป้ายจริยาวัตรประจำวันของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ประดิษฐานภายในซุ้มเหนือสถูปพระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง


7.jpg



จริยาวัตรประจำวันของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย


เวลา  ๐๑.๐๐ น.     ปฏิบัติกัมมัฏฐาน - เดินจงกรม

เวลา  ๐๕.๐๐ น.     ปลุกพระเณรทำวัตรสวดมนต์เจริญเมตตาภาวนา


เวลา  ๐๖.๓๐ น.     ทำความสะอาดกวาดลานวัดทั่วบริเวณ


เวลา  ๐๘.๐๐ น.     นำพระสงฆ์ออกโปรดรับบิณฑบาต-ฉันภัตตาหาร- (ฉันมื้อเดียว)
ต่อจากนั้นก็จะอนุโมทนาในทานบริจาคของศรัทธาสาธุชนที่มาทำบุญประจำวัน

เวลา  ๑๖.๐๐ น.     นำพระเณรทำวัตรเย็น เสร็จแล้วท่านจะเดินจงกรมเป็นการส่วนตัว


เวลา  ๒๐.๐๐ น.     จำวัด หรือบางทีก็จะนั่งสนทนาอบรมพระเณรเป็นบางคืน


pngegg.5.3.4.png



(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : ป้าย
จริยาวัตรประจำวันของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ภายในปราสาททองอนุสาวรีย์พระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง)

(แหล่งอ้างอิงภาพ : พระครูบาเจ้าศรีวิชัยถ่ายรูปที่วัดศรีโสดา คราวเป็นประธานสร้างทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ ระยะทาง ๑๒ กิโลเมตร ใช้เวลาสร้าง ๕ เดือน ๒๒ วัน อายุ ๕๘ ปี : พระอานันท์ พุทธธัมโม รวบรวมและเรียบเรียง. (๒๕๕๖, ๑๑ มิถุนายน). หนังสือประวัติของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งลานนาไทย วัดบ้านปาง, หน้า ๑๓๖.
)


6.jpg



อาหารที่พระครูบาเจ้าศรีวิชัยงดเว้นประจำวัน


วันอาทิตย์        ไม่ฉันหมากฟักหมากแฟง

วั
นจันทร์          ไม่ฉันหมากเต้าหมากแตง (แตงโม, แตงกวา)

วันอังคาร         ไม่ฉันหมากเขือ


วันพุธ              ไม่ฉันก้อมก๊อ (แมงรัก)


วันพฤหัสบดี     ไม่ฉันกล้วย


วันศุกร์            ไม่ฉันเตา (พืชที่เกิดในน้ำชนิดหนึ่ง จำพวกตะไคร่น้ำ)


วันเสาร์            ไม่ฉันบอน


นอกจากนั้นท่านจะไม่ฉันของเหล่านี้เลยคือ.-

๑. ผักบุ้งทั้งสอง (ผักบุ้งปลิง-ผักบุ้งธรรมดา)
๒. ผักปลอดผักเปลว
๓. ผักหมากขี้กา
๔. ผักจิก
๕. ผักเหือดผักหี้

ท่านพระครูบาเจ้าบอกว่า ถ้าพระภิกษุสามเณรรูปใดงดได้ ไม่ฉันตามนี้ การบำเพ็ญกัมมัฏฐานเจริญก้าวหน้า ผิวพรรณวรรณะจะเปล่งปลั่ง ธาตุทั้ง ๔ จะเป็นปกติ ถ้าคฤหัสถ์ชาวบ้านงดได้ไม่กิน การถือคาถาอาคมดีนัก บางครั้งวันพระ ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ท่านจะไม่ฉันอาหารเลย บางทีก็ไม่ฉันข้าวและอาหารที่สุกกับไฟ ฉันแต่ผลหมากรากไม้ เป็นเวลา ๑๕ วันบ้าง เป็นเวลา ๔-๕ เดือนบ้าง


pngegg.5.3.3.png



(แหล่งอ้างอิงข้อมูล :
พระอานันท์ พุทธธัมโม รวบรวมและเรียบเรียง. (๒๕๕๖, ๑๑ มิถุนายน). หนังสือประวัติของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งลานนาไทย วัดบ้านปาง, หน้า ๑๙-๒๑.)

(แหล่งอ้างอิงภาพ : พระครูบาเจ้าศรีวิชัยถ่ายรูปที่ใต้ต้นมะม่วงป่า บริเวณวัดศรีโสดา สามเณรยืนข้างต้นมะม่วง ชื่อสามเณรบุญยืนจากบ้านห้วยกาน อ.บ้านโฮ่ง เป็นเณรอุปัฏฐากพระครูบาเจ้า : พระอานันท์ พุทธธัมโม รวบรวมและเรียบเรียง. (๒๕๕๖, ๑๑ มิถุนายน). หนังสือประวัติของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งลานนาไทย วัดบ้านปาง, หน้า ๑๓๖.)

บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_6543.JPG



DSC01609.JPG



DSC01610.JPG



หลุมส้วมพระครูบาเจ้าศรีวิชัย
วัดบ้านปาง


IMG_6389.JPG



IMG_6545.JPG



จุดชมวิว วัดบ้านปาง


IMG_6540.JPG



ศาลาทำพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์
วัดบ้านปาง


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

DSC01615.JPG



IMG_6705.JPG



IMG_6697.JPG



IMG_6644.JPG



เจดีย์ ๓ ครูบา วัดบ้านปาง



IMG_6699.JPG



พระเจดีย์ธัมมเสนา วัดบ้านปาง


IMG_6700.JPG



พระเจดีย์จันทะวงษา วัดบ้านปาง


IMG_6702.JPG



พระเจดีย์อภิชัยยา วัดบ้านปาง



IMG_6651.JPG


กู่อัฐิแม่อุ้ยอวน อินมา (พี่สาวของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย) วัดบ้านปาง

ชาตะ พ.ศ.๒๔๑๖ ปีระกา มรณะ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๙ ปีมะเมีย


IMG_5994.JPG



ภาพถ่ายแม่หลวงอวน อินมา พี่สาวของพระครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง


IMG_6652.JPG



กู่อัฐิพ่ออุ้ยสิงห์ อินมา วัดบ้านปาง

มรณะ พ.ศ.๒๕๓๙ อายุ ๙๒ ปี


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-5 19:39 , Processed in 0.101731 second(s), 15 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.