- สมัครสมาชิกเมื่อ
- 2013-1-26
- เข้าสู่ระบบล่าสุด
- 2016-3-21
- สิทธิ์ในการอ่าน
- 10
- เครดิต
- 0
- โพสต์
- 162
- สำคัญ
- 0
- UID
- 10617

|
พระเครื่อง เครื่องรางของขลังกับคนไทยเป็นของคู่กันที่แยกไม่ออก แต่ละบ้านมีวัตถุมงคลอยู่บ้านละมากๆ ทั้งเก่าใหม่ พระเครื่องในประเทศไทยพบมาตั้งแต่ยุคทวาราวดี, ลพบุรี, เชียงแสน, สุโขทัย, อยุธยา จนปัจจุบัน การสร้างของครูบาอาจารย์ที่สร้าง มีทั้งสร้างบรรจุไว้ตามเจดีย์ ตามวัด ตามถ้ำ เพื่อสืบต่อพระศาสนา บ้างก็สร้างไว้แจกให้ผู้คนที่นับถือนำไปเคารพบูชาหรือนำไปติดตัว เพื่อปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากภัยอันตราย, เมตตามหานิยม, แคล้วคลาด, อยู่ยงคงกระพัน, มหาอุด, ป้องกันภูตผีปีศาจ ฯลฯ0 `1 b9 ^- M3 T5 j, [
รูปแบบการสร้าง ส่วนใหญ่จะสร้างรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นองค์ที่ชาวพุทธเคารพบูชาสูงสุด ส่วนรูปแบบอื่นก็มี แต่จะมีน้อยกว่า' m4 \( Z& v1 m0 y+ r9 u- R. k
การปลุกเสก พระเครื่องแต่โบราณที่นิยมมากก็คือ การสวดอัญเชิญบารมีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แผ่บารมีลงสถิตที่พระเครื่องที่สร้างขึ้น บารมีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่สถิตอยู่ที่พระเครื่อง จะมีบารมีทางคุ้มครอง แคล้วคลาด เมตตา ป้องกันภัยจากภูตผีปีศาจที่จะมาทำร้าย รังสีจากองค์พระที่แผ่ออกมา เรียกรังสีออร่าจะเป็นสีเหลือง จับพลังด้วยมือจะพบพลังเย็น พลังที่พบจะมีมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับบารมีธรรมของผู้สร้าง ความบริสุทธิ์ใจของผู้สร้าง เป็นพลังสำคัญ# i: a5 u* G2 X9 @6 d; d3 n
ถ้าการปลุกเสกมีจุดประสงค์เพื่อใช้ป้องกันตัวเวลาออกสงคราม เน้นให้เกิดความคงกระพัน ผู้สร้างจะใช้อาคมและพลังจิตในการปลุกเสก โบราณผู้ปลุกเสกก็มักเป็นผู้ทรงศีล ใช้เวลาสงัดและฤกษ์ยามที่เหมาะสมปลุกเสกเดี่ยวอยู่เพียงผู้เดียว ถ้าพลังจิตมีพลังมาก วัตถุมงคลที่ปลุกเสกจะถูกพลังจิตของผู้ปลุกเสกอัดเข้าไป จนวัตถุมงคลนั้นเคลื่อนไหว กระดุกกระดิกหรือกระโดดจากภาชนะที่ใส่อยู่ นั้นเรียกว่าปลุกเสกได้เข้าขั้นใช้ได้เลย ถ้าปลุกเสกแต่วัตถุมงคลนั้นยังนิ่งเฉย แสดงว่าพลังจิตและอาคมที่ประจุลงไปยังน้อยไปใช้ไปป้องกันตัวไม่ได้ ปัจจุบันที่ได้ข่าว พระที่ปลุกเสกได้อย่างนี้มีหลวงพ่อสุพจน์ วัดศรีทรงธรรม อ.บรรพตพิสัย นครสวรรค์ ส่วนองค์อื่นเชื่อว่ามีที่ท่านทำได้แต่ผมไม่รู้ข่าว; Q" v) X. X' T2 A+ }
ส่วนที่เราเห็นพิธีปลุกเสกแบบพิธีการใหญ่โต นิมนต์เกจิอาจารย์มานั่งปรทตามกำหนดเวลาพร้อมๆกัน มีพระสวดดังลั่นอยู่เห็นแล้วส่ายหน้าเลยจะไปเหลือสมาธิจิตในการปลุกสักเท่าไร ถ้าวัดใดสร้างและต้องไปอาศัยบารมีจากครูบาอาจารย์วัดอื่นๆ ช่วยในการปลุกเสก ขอให้นำวัตถุมงคลนั้นไปถวายให้ท่านทำการปลุกเสกเองที่วัดท่าน โดยนัดแนะเวลาอีก 3 วัน 7 วันหรือ 1 ไตรมาสค่อยมาขอรับคืน ครูบาอาจารย์ท่านจะได้หาเวลาสงัดที่กำลังจิตท่านดีผ่องใสว่างจากภารกิจ ทำการปลุกเสกวัตถุมงคล จะได้พลังที่รุนแรงเต็มที่
" K3 G' O) z/ I0 A8 X3 x พระเนื้อดินแต่โบราณที่ผมมีอยู่เป็นของกรุต่างๆ ตั้งแต่ยุคทวาราวดี ลำพูลลงมาจนถึงอยุธยา ผมพบสิ่งวิเศษสุดที่ครูบาอาจารย์ทำเป็นมวลสารใส่ไว้ในองค์พระ คือ เหล็กไหลที่แข็งตัวแล้วจำพวกโครตเหล็กไหล, เหล็กไหลตาน้ำ, เหล็กไหลเพลิง, เหล็กไหลบารมี นำมาบดเป็นผงสีดำๆ ผสมกับดินที่มาสร้างพระทำให้พระเครื่องที่สร้างมีบารมีทางอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด มหาอุด ด้วยบารมีของเหล็กไหลที่ใส่อยู่ ถ้าท่านมีพระกรุเก่าๆ อยู่ทดลองดูได้โดยอาศัยแม่เหล็กที่มีกำลังแรง แหย่เข้าไปใกล้พระองค์พระที่วางอยู่บนที่เรียบนูนเช่น กระจกเลนซ์นูนของแว่นขยาย องค์พระจะถูกแม่เหล็กดูดจนเคลื่อนที่ วิธีนี้พอจะพิศูจน์เองกันได้ทุกคน แต่ระวังนะครับปัจจุบันก็มีพระทำปลอมขึ้นมาแล้วใส่ผงเหล็กหรือฝังเศษเหล็กไหลไว้ภายใน เอาแม่เหล็กดูดดูวิ่งเข้าใส่เลย* C0 L8 b9 C2 X2 I5 A) y/ |
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมพบเป็นสิ่งที่สูงมากนำมาบรรจุในองค์พระหรือติดไว้ที่ผิวองค์พระคือ พระธาตุครับ ถ้าเป็นของจริงพลังบารมีของพระองค์นั้นจะสูงสุดๆ เลย แต่ผู้ที่จะใส่ควรจะมีศีลมีธรรม ท่านจึงจะปกป้องคุ้มครอง พบมีของปลอมอีก โดยวิธีนำทรายที่มีลักษณะคล้ายพระธาตุมาผสมใส่เนื้อดิน สร้างเป็นรูปพระขึ้นมา เอาไว้หลอกคนที่ชอบพระธาตุ& U! Q) H) U5 Z+ u/ g; q+ V9 a
พลังในพระเครื่อง มีอยู่จริงๆ บางท่านที่มีสมาธิจิตดีๆ สามารถสัมผัสกับพลังในองค์พระได้ มีทั้งการปลุกแบบเต้นไปทั้งตัว แสดงว่าผู้ปลุกจิตยังอ่อน ปลุกแล้วไม่รู้เรื่องว่ามีอะไรบ้างภายในองค์พระ บางท่านจับองค์พระไว้ทีมือพอจิตสัมผัสองค์พระ มือจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางต่างๆ เช่นกระตุกไปข้างหน้า หมายถึง คงกระพัน กระตุกวิ่งเข้าหาอกนั่นคือพลังเมตตามหานิยม กระตุกมือลงข้างล่างเป็นมหาอุด มือเคลื่อนที่วิ่งวนอยู่ข้างหน้าคือ แคล้วคลาด ถ้ามือยกขึ้นเหนือศีรษะคือ คุ้มครองป้องกัน วิธีปลุกดูพุทธคุณโดยดูจากมือที่เคลื่อนที่นี้ เราจะรู้รายละเอียดในองค์พระว่ามีพลังอะไรอยู่บ้าง บางองค์มี 1 อย่าง บางองค์ลงไว้หลายอย่าง และพลังแรงของมือที่สะบัดไป ถ้าแรงมากแปลว่าพลังในองค์พระมาก ผมพบวิธีนี้ตอนผมเรียนอยู่ที่ รร.ช่างกลไทยสุริยะ ประมาณปี 2517 ที่บางบัว อ.บางเขน กรุงเทพฯ ผู้ที่ใช้วิธีนี้ชื่อ อาจารย์ทองคำ ที่จริงแกป็นภารโรงอยู่ในโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่นั่นแหละ ผมขนพระมาให้อาจารย์ทองคำปลุกดูเป็นร้อยๆ องค์ หาพระที่มีพลังสูงๆ ใส่ ส่วนมากพระที่มีพลังสูงๆ มักพบเป็นพระกรุแต่โบราณ ส่วนพระรุ่นใหม่ที่มีพลังสูงๆ พบน้อยก็คงมีมาก แต่ผมอาจจะไม่มีพระเครื่ององค์นั้นๆ อยู่ จึงไม่สามารถจะรู้ทุกองค์ได้ ผมเองก็เรียนรู้วิธีการปลุกพระจากอาจารย์ทองคำ ท่านก็สอนให้แต่ใช่ว่าจะรู้วิธีทำแล้วจะทำได้ทุกคน มันต้องขึ้นอยู่กับสมาธิจิตด้วย วิธีการและคาถามีดังนี้2 M1 x& u2 T% z: l: R% b
นะโม 3 จบ เอหิพุทธา มามานุภาเวนะ
8 z- Z9 O- \ }( h/ y2 l0 G8 N เอหิธัมมา มามานุภาเวนะ
- H! ?3 w: B; r" \' l2 T5 H6 ` เอหิสังฆา มามานุภาเวนะ% {5 u2 Q# O! s+ M
เสร็จแล้วว่าวนที่คำว่า มะอะอุ อุอะมะ
& t+ y3 M0 v/ X7 ~4 l# ? ส่วนองค์พระที่เราจับให้ใช้นิ้วหัวแม่มือ กับนิ้วชี้จับองค์พระไว้ อย่าเกร็งมือ พุ่งจิตไปจับความรู้สึกตรงนิ้วที่จับองค์พระไว้ อย่าเพ่งไปใส่นะครับ ให้กำหนดจิตเปิดรับพลังจากปลายนิ้วที่จับองค์พระ ให้ไหลเข้าทางแขนมาหาตัวเรา เมื่อจิตเรานิ่งจนละเอียดเพียงพอ จิตจะรับสัมผัสพลัง ผ่านทางนิ้วมาแขนเข้ามาที่ตัวเรา พลังจะวิ่งเหมือนไฟดูดนั่นแหละ ส่วนมือจะสบัดไปในทิศทางตามพลังแต่ละอย่างที่ลงไว้ในองค์พระ ท่านผู้อ่านท่านใดจะลองนำไปทดลองดูบ้างก็ได้ ส่วนตัวผมทดลองมาหลายครั้งแล้ว ตอบแบบภาคภูมิใจเลย ผมยังทำไม่ได้ครับ! ส่วนตัวอาจารย์ทองคำ ท่านตรวจพุทธคุณได้เร็วมาก จิตท่านเร็วมาก เอามือจับองค์พระกำหนดจิตแล้วมือสะบัดไปทันทีที่ไม่ได้ใช้พระคาถาเลย เมื่ออาจารย์ทองคำทำเป็นตอนแรกก็ต้องใช้คาถานี่แหละ แต่พอชำนาญเข้า จิตไวมากไม่ได้ใช้ จับปุ๊บได้ปั๊บ พระ 100 องค์เช็คชั่วโมงเดียว เรียบ
, t7 K! B! ]6 a$ U อีกวิธีที่ท่านอาจารย์ทองคำใช้ คือ กำหนดจิตมององค์พระ ดูรังสีที่พุ่งออกจากองค์พระ องค์ไหนมีรัศมีสว่างแสงสีแจ่มชัด ก็คือมองดูรังสีออร่าในองค์พระนั่นเอง เรียกว่ามองพระที่วางปนกันทั้งกล่อง ยื่นมือไปหยิบพระองค์ที่มีพลังแรงได้เลย วิธีเช็คพลังพระเครื่องที่ผมพบที่อาจารย์ทองคำ เป็นวิธีแรกที่ผมรูจัก ถ้าท่านผู้อ่าน อ่านแล้วอยากนำพระไปตรวจสอบ ก็ขอแสดงความเสียใจด้วยเพราะอาจารย์ทองคำ ท่านเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2538 ผมได้ไปงานฌาปณกิจศพท่านที่วัดบางบัวมาแล้ว หลังจากที่พวกผมติดต่อวิญญาณได้ ก็ได้ติดตามหาอาจารย์ทองคำ พบอยู่ที่ชั้นจาตุมหาราชิกา เป็นอันว่าหมดห่วงไป* U9 x- ?8 V* Z! I& w
ปัจจุบันที่ผมพบผู้ที่สามารถใช้วิธีตรวจสอบพลังในองค์พระได้ที่ชัยนาท โดยดูจากการสะบัดมือ เคลื่อนที่ไปในทิศทางต่างๆ แล้วบอกรายละเอียดพลังที่อยู่ในองค์พระได้ละเอียด เป็นข้าราชการของกรมชลประทาน ปัจจุบันที่เขียนอยู่นี้ปี 2551 ท่านผู้นี้อายุเกือบ 60 ปีแล้ว ทำงานอยู่ที่ อ.วัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท นามสกุลบุญประสิทธิ์ ผมบอกให้แค่นี้นะครับ ผมเองก็อาศัยท่านผู้นี้ในการตรวจสอบรายละเอียดในองค์พระเป็นครั้งคราว
5 J9 ^/ s' k r# s. o3 A2 r ส่วนพวกผมที่สำเร็จวิชามโนมยิทธิ เองทดสอบลองตรวจพลังในองค์พระดูทำได้คือมีพลังวิ่งจากองค์พระพุ่งเข้าแขนผ่านอกไปยังมืออีกข้างหนึ่งพลังมากหรือน้อย ดูจากพลังนั้นวิ่งข้ามไปได้ไกลถึงส่วนไหนของแขน และแยกแยะได้เพียง พลังเย็นคือพุทธคน พลังร้อนคืออาคม* K4 J6 i# g9 @! o# ~
อีกวิธีหนึ่งคือ กำหนดดูรังสีออร่าจากองค์พระว่ามีสีอะไร และสว่างแค่ไหน ก็สามารถ รู้พลังในองค์พระได้
, ?) p7 [/ p2 J0 O8 M& ?, \0 J อีกวิธีคือกำหนดจิต ถาม จากครูบาอาจารย์ที่ท่านสร้างไว้เลยสะดวกดีเพราะสามารถติดต่อกับโลกวิญญาณได้2 V# {+ I6 }7 W; ^) m
ขอยกตัวอย่างพระที่ผมเคยตรวจสอบแล้วพบว่าพลังแรงในด้านต่างๆ ดังนี้
" o$ S. Z' l8 p# o- N3 o! B- ] 1. สมเด็จวัดระฆัง กรุงวังหน้าขององค์สมเด็จโตที่เขานิยมกันมาก พลังที่พบเป็นรังสีขาว มีพลังเย็น ผู้ที่อยากได้ไว้บูชาถ้าเช่าหาในราคาแพงๆ มาขึ้นคอผมเสียดายเงินจังเลย ความจริงพระกรุวัดพระแก้วยุครัชกาลที่ 4 ราคาเช่าบูชา แค่หลักสิบหลักร้อย หลักพัน ยังมีอยู่ตามแผงพระใน กทม. เยอะแยะครับ อันนี้แล้วแต่ใครจะดูเป็น นั่นมีปัญหาอีกไม่เป็นไรดูไม่เป็นเปลี่ยนวิธีใหม่ ผมเคยตรวจสอบพลังพระใหม่ๆ ที่สร้างเป็นรูปสมเด็จ เช่นวัดเกษไชโยอ่างทอง ที่วัดระฆัง หรือที่วัดอื่นๆ สร้างโดยอาราธนาบารมีขององค์สมเด็จโตท่านมาแผ่บารมี ผมยืนยันจากการตรวจสอบมาหลายครั้งว่าพลังบารมีในองค์พระเท่ากันกับสมเด็จวัดระฆังองค์เป็นล้านนั่นแหละครับ มีหลายๆวัดสร้างเป็นรูปองค์สมเด็จโตเป็นเหรียญบ้างเป็นเนื้อผมบ้าง พุทธคุณเหมือนกันกับสมเด็จวัดระฆังเลย ใครชอบของแพงของถูกก็เลือกเอาเองครับคุณภาพเท่ากัน8 b$ q3 x. Z/ g7 z7 @* I! i" d' C
2. พระหลวงปู่ทวด ออกวัดไหนก็ช่างผมตรวจสอบกี่องค์พุทธคุณเหมือนกันหมดคือ เป็นพลังเน้นแคล้วคลาด เด่นมาก เหมาะกับผู้ใช้รถควรมีติดตัวหรือหน้ารถไว้ เก่าใหม่ไม่ใช่ตัวแยกความศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหลวงปู่ทวดได้รับอาราธนา มาแผ่บารมีลงในรูปของท่าน ของใหม่ๆ ก็มีพลังเท่ากับของวัดช้างไห้ปี 2497 นั่นแหละมีพลังออร่าสีขาว เป็นพลังพระโพธิสัตว์ ความแรงเท่ากันกับสมเด็จวัดระฆัง$ x1 ^. Q" F# `8 E5 X) n/ N
3. หลวงปู่เทพโลกอุดร จะใหม่เก่าพลังออร่าสีทองอร่ามเลยดีครบทุกด้าน มีพลังสูงมาก ผมมีทั้งของเก่าดั้งเดิมและที่มีศิษย์สร้างขึ้นใหม่หลายองค์ พุทธคุณเท่ากันหมดทั้งเก่าใหม่ พลังที่ลงไว้แรงแต่หย่อนกว่าของหลวงปู่โตและหลวงปู่ทวด ผมมีเพื่อนที่สามารถถอดจิตไปเรียนปฏิบัติจิตกับหลวงปู่เทพโลกอุดร ผมฝากกราบเรียนถามว่าทำไมหลวงปู่ลงไว้เพียงเท่านี้ หลวงปู่ตอบว่าที่ลงให้เพียงเท่านี้รู้ว่าเพียงพอต่อการปกป้องคุ้มครองแล้ว ถ้าใครจะให้มีพลังในองค์พระสูงกว่านี้ต้องปฏิบัติธรรมสื่อจิตกับท่านเมื่อนั้นพลังในองค์พระจะสูงขึ้นเอง คืนท่านเน้นให้ผู้มีพระของท่าน หันมาปฏิบัติธรรม
2 H; h" u, G& C; ~8 } 4. พระกรุถ้ำเสือ แถบ จ.สุพรรณบุรี มีออกมาเยอะมีทั้งพิมพ์ที่นิยมและไม่นิยม สร้างโดยฤาษีก็มีพระก็มีบรรจุไว้ตามถ้ำตามวัด สร้างมาหลายยุคหลายสมัย มีพลังออร่าสีแดงเป็นหลักคือเน้นคงกระพัน เหมาะสำหรับใช้ป้องกันตัวเวลาออกรบยามมีสงคราม ที่ผมมีอยู่มีทั้งพิมพ์นิยมและไม่นิยม เช่าหามาในราคาหลักสิบหลักร้อย ตรวจสอบดูพุทธคุณ มากทุกพิมพ์เลย ตกลงดีทั้งของถูกของแพง ภายในองค์พระทุกองค์มีเหล็กไหลประเภทที่แข็งตัวแล้วตามธรรมชาติบรรจุอยู่เป็นเม็ดเล็กๆ จากการบดก็มี ยัดไว้เป็นก้อนนูนเลยก็มี แถมบางองค์บรรจุพระธาตุไว้ภายในองค์อีก ตรวจสอบพบเพราะดูจากแสงออร่า มีทั้งสีแดง และขาว คือออร่าของพระธาตุ ปนอยู่ด้วยกัน พระขุนแผนกรุบ้านกร่างก็ใช่มีทั้งเหล็กไหลและพระธาตุบรรจุอยู่ทำให้พลังสูงมากแต่ความนิยมทำให้ราคาแพงอย่าไปสนใจหาเลย เลือกเอาพระถ้ำเสือเก่าๆที่นอกพิมพ์นิยมจะถูกกว่าเยอะ3 c- Y; @6 L# j6 ~
5. พระกรุสุโขทัย ยุคพญาลิไทช่วงปี พ.ศ.1900 ทั้งที่สุโขทัย กำแพงเพชร พญาลิไท ท่านสร้างพระบรรจุไว้ตามเจดีย์ตามวัด มากมายจริงๆ ที่พบมากเป็นพระเนื้อดิน ภายในเนื้อดินพบผงดำๆ ปนอยู่ตรวจสอบพลังดูจึงรู้ว่านั่นคือเหล็กไหลประเภทหนึ่งถูกบดปนอยู่ เห็นมั๊ยครับเหล็กไหลหาง่ายจังเลยพระกรุยุคสุโขทัย เน้นการลงพุทธคุณมาก ออร่าจะออกไปทางสีเหลืองปนส้ม คือ พลังแคล้วคลาด เมตตา คงกระพัน คุ้มครอง พลังพอๆกับพระของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อย่างพระซุ้มกอ เม็ดขนุน ลีลาถ้ำหีบ แพงทั้งนั้นผมมีพระซุ้มกอพิมพ์กลางอยู่องค์หนึ่ง นำมาทดสอบพลังพุทธคุณก็มีพลังเท่าๆ กับพระกรุสุโขทัยที่ถูกขุดพบโดยชาวบ้านภายหลังและนำมาจำหน่ายสามารถพบเห็นตามแผงพระได้ ตกลงถูกแพงไม่เกี่ยวกับพลังในองค์พระ มันคนละเรื่อง ใครชอบถูกแพงก็เลือกเอาเอง+ p0 q! |- ^0 c. @" M
6. หลวงปู่ศุข หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อเดิม ทั้ง 3 ท่านนี้คือครูบาอาจารย์ที่ทางอภิญญาฤทธิ์จริงๆ ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่เทพโลกอุดรทั้งหมด รู้สึกว่าจะธุดงค์ไปเรียนกันที่ถ้ำวัวแดงในป่า ชัยภูมิ พลังอภิญญาฤทธิ์ของทั้ง 3 ท่านที่ลงในวัตถุมงคลใกล้เคียงกันมีพลังสูงมาก ของรุ่นเก่าที่ท่านสร้างไว้ราคาไม่ต้องห่วง แพงครับ ถ้ามีอยู่ก็ดีครับโชคดี ท่านลงกันครบทุกทางหมดแต่เน้นมากคือ คงกระพัน มหาอุด นำหน้าเลยแถมยังล้อมอาคมไว้กันคัดวิชาออกอีกต่างหาก ผมเองเก็บพระหลวงปู่ศุข กรุวัดดอนตาลไว้เป็นร้อยเลย เซียนเขาตีปลอมครับที่ชัยนาทนี่เขาใช่แว่นส่องปล่อยเขาไป ผมใช้ตรวจพุทธคุณ ตรวจออร่าจ้าออกมาสีเขียว พลังอภิญญาฤทธิ์เต็มๆเลย แถมไปกราบเรียนถามหลวงปู่ศุขอีกต่างหาก ใครว่าปลอมช่าง ผมพิสูจน์ตามวิธีของผมเรียบร้อยแล้ว หลวงปู่ทำไว้ครั้งยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ผมนำออกไปถวายวัดช่วยในงานสร้างเจดีย์ที่อุทัยธานี และเจดีย์ศรีชัยพาผึ้ง ลักษณะเนื้อทองเหลือง หล่อติดกัน 3 องค์ ทีนี้คนทั่วไปจะหาที่ไหนไม่ต้องคิดมาก วัดใดสร้างรูปหลวงปู่ทั้งสามองค์นี้ที่สร้างใหม่นะครับ ถ้าผ่านพิธีการปลุกเสกผู้สร้างก็ต้องอารธนาเชิญหลวงปู่เจ้าของรูปนั้นมาปลุกเสกด้วยตรวจสอบดูได้เลย พุทธคุณเท่าของเก่าจริงๆ เลือกเอาเองนะครับถูกกับแพง
9 d" a8 U9 O& v3 k: O 7. หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง อยู่ในคอผมตลอดเลยครับทั้งพระคำข้าวพระหางหมาก พระคำข้าวเน้นพุทธคุณ เมตตา แคล้วคลาด คุ้มครองคงกระพัน คือดีครบทุกทางนั่นแหละ พระหางหมากจะเน้นทางบู๊มากหน่อยแต่ดีครบทุกทางจริงๆ หลวงพ่อฤาษีท่านเคยกล่าวไว้ว่าท่านไม่ได้ปลุกเสกเองท่านอาราธนาอัญเชิญ บารมีของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์อีกทั้งเทพมหาศักดิ์ ผู้ทรงฤทธิ์มาแผ่บารมาลงในองค์พระ ดีกว่าหลวงพ่อทำเองอีก 100 ปีก็ไม่เท่ารังสีออร่าสีเหลือง ชักจำไม่แม่นเช็คมานานแล้วเป็นพลัง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คือ พุทธคุณนั่นเอง ที่วัดตรงศาลารับแขกยังให้เช่าบูชาครับ ดีทุกรุ่นครับเลือกเอาเอง พลังเท่ากันทั้งนั้น* ~2 k8 L( y& L! u1 T0 M5 f
8. พระรอดฝังพระธาตุข้าว ของครูบาชัยวงษา พระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน บารมีพระธาตุข้าวของพระพุทธเจ้า สูงมากๆ กำลังสร้างเจดีย์อยู่ที่วัดยังมีให้บูชาอยู่ องค์ละ 100 บาท เท่านั้น พลังออร่าของพระธาตุข้าวเป็นสีขาวคลุมหมดเลย ทั้งคุ้มครองแคล้วคลาด เมตตา ไปเอามาบูชาให้ได้นะครับของดีราคาถูก สั่งทางไปรษณีย์ก็ได้ที่วัด! e+ p2 ^# u/ `) h8 e
9. พระผสมเหล็กไหลของวัดถ้ำแฝด อ.ท่าม่วง กาญจนบุรี ของวัดนี้ใช้เหล็กไหลชนิดต่างๆ นำมาสร้างพระจริงๆ ผมไปที่ตู้วัตถุมงคลของวัดพลังจากเหล็กไหลในบริเวณนั้นบีบศีรษะปวดหัวเลย พลังแรงจริงๆ เน้นทางคงกระพันมหาอุด ดีจริงครับ ที่วัดยังมีอยู่เยอะ ใครชอบเชิญ- Z% L' X3 m# i b1 K4 f }
10. เหล็กไหลวัดพุทไธสวรรค์ จ.อยุธยา หลวงพ่อหวลปัจจุบันชรามากไปตัดเหล็กไหล ไม่ไหวแล้ว ของที่ยังเหลืออยู่ที่วัด พลังแรงมากมีทั้งสีปีกแมลงทับ สีเงินยวง เป็นเม็ดข้าวสาร เป็นกำไล เป็นองค์พระ อย่างถูกสุดขนาดเม็ดข้าวสาร หรือกำไล ราคาค่าเช่าบูชา 500 บาท อย่างได้ของดีไปเอาเก็บไว้เสีย หมดแล้วหมดเลย
# F! N. `6 }3 X+ k) j2 U 11. พระลำพูน สร้างมานานครับเข้าแม่จามเทวี มีองค์ฤาษีเป็นผู้สร้างทุกพิมพ์ทุกองค์ ใส่เหล็กไหลครับ พลังแรงเหลือเฟือ ทั้งแคล้วคลาดคงกระพัน แถมบางองค์มีพระธาตุปนอยู่เนื้อพระ พิมพ์ที่นิยมไม่ต้องไปหาหรอกแพงครับ ที่เราขุดพบภายหลังนำมาวางตามแผงพระผมพบบ่อยพลังก็เท่ากับองค์เป็นแสนเป็นล้าน แต่ผมเช่ามาราคาหลังสิบหลักร้อยเอง
4 n/ z" j; X. Z9 g9 X3 A 12. หลวงพ่อปานวัดบางนมโค จ.อยุธยา พิมพ์ขี่สัตว์ต่างๆ นิยมกันมากแต่ดีจริงๆครับ ทั้งคุ้มครองแคล้วคลาด คงกระพัน เป็นพลังบารมีพุทธคุณทราบว่าท่านใช้วิชาในตำราของพระร่วงเจ้าแต่ครั้งสุโขทัย นำมาปลุกเสกพระรุ่นหลังที่สร้างไว้ให้ประชาชนเช่าบูชาที่วัด หลวงปู่ปานท่านอยู่ที่ชิ้นดุสิต สวรรค์ชั้นที่ 4 ที่อยู่ของพระโพธิสัตว์ ท่านเมตตาลงมาปลุกเสกรูปพระของท่าน พลังก็เท่ากับพระที่ท่านสร้างครั้งยังมีชีวิต
& |* y2 U1 u e8 u# ~* t 13. หลวงพ่อจักร วัดเขาถ้ำรังไก่ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท อดีตทหารผ่านศึกเวียดนาม ลาว ฆ่าคนในสงครามมาเยอะ สละชีวิตทางโลกบวชล้างบาปวิชาอาคมร่ำเรียนมามาก ถนัดในการใช้ฤทธิ์จากวิชาอาคม วัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสก เน้นด้านคงกระพันมหาอุด หันคา ชัยนาทไม่ไกลจากเขาถ้ำรังไก่ ยังมาช่วยปลุกเสกด้วย ดังนั้นวัตถุมงคลที่วัดนี้เน้นด้านบู๊จริง ยิ่งถ้าพระปิดตารุ่นแรกๆ ท่านทำสมัยปี 2525 เหลืออยู่ไม่มากผสมเหล็กไหลทั้งนั้นเลยแต่ท่านเรียกเลือดผา ท่านได้จากถ้ำสมัยธุดงค์จากอุ้มผางผ่านป่าทุ่งใหญ่นเรศวรมาโผล่ที่ อ.บ่อพลอย กาญจนบุรี ตอนผมไปเช่าบูชาคุยกับหลวงปู่ ท่านพูดตรงๆ โผงผางแบบคนจริง บอกถ้าไม่มั่นใจมึงเอาปืนมาลองยิงดูได้เลย ถ้ายิงออกไม่ต้องเอาไป ใครอยากได้รีบนะครับ อายุท่านมากแล้วสุขภาพไม่ดีด้วย3 ?1 Y) r0 E3 u5 w& O7 b2 a
14. หลวงพ่อสุพจน์ วัดศรีทรงธรรม อ.บรรพตพิสัย นครสวรรค์ ทางจากนครสวรรค์ไปพิษณุโลก ออกจากนครสวรรค์ไปประมาณ 40 กม. จะเห็นป้ายบึงปลาทูอยู่ซ้ายมือ เลี้ยวรถเข้าไปประมาณ 5 กม. ถึงวัดท่านเป็นพระที่เชื่อมั่นในวิชาอาคมสูง พลังจิตแรงมาก พระหรือวัตถุมงคลของท่าน ปลุกเสกจนกระดุกกระดิกได้ แรงจริงครับท่านทำให้ลองได้เลยยิงดูเลยยิ่งออกไม่ต้องใส่ให้หนักคอ อายุท่านประมาณ 55 ปี พลังกำลังแรง ใครอยากได้เชิญที่วัด! w3 q) P* L3 Z' W( \5 z5 \
15. วัดดอนหวาย นครปฐมมีตลาดนัดวัดดอนหวาย ผมไปเที่ยวปล่อยให้ภรรยากับลูกเดินซื้อของ ส่วนผมเดินเข้าไปในศาลาที่จัดชุดสังฆทานเอาไว้ให้คนทำบุญ มีตู้วัตถุมงคล ยืนมองดูเอ๊ะ! นั่นพระสมเด็จเนื้อหล่อด้วยเรซิ่นใสๆ ภายในองค์พระนั่นพระธาตุทั้งนั้นเลย ผมเช่าบูชามา 2 องค์พอตรวจสอบด้วยจิตดู พลังจากพระธาตุสูงมากๆ เลยทราบว่าพระธาตุนี้ทางวัดได้มากจากถ้ำแถว จ.นครศรีธรรมราช ใครอยากได้พระบรรจุอรหันต์ธาตุของแท้จริงๆ เชิญที่วัด
& D+ ~1 v: `, w 16. ขอเป็นตัวอย่างสุดท้านนะครับ พระของวัดถ้ำรัตนคีรี (เขากวางทอง) จ.อุทัยธานี มีถ้ำซึ่งภายในพบพระสิวลีธาตุเต็มไปหมด ทางวัดนำมาบรรจุลงในพระเครื่อง ผมผ่านไปลองเช่าบูชามา ตรวจทางจิตเป็นพระสิวลีธาตุจริงๆ ครับ พลังสูงมาก
+ \3 d# F" W7 M# l ของดีในเมืองไทยยังมีอีกมาก แต่ผู้ที่รู้คือผู้ที่สามารถตรวจสอบพลังได้จึงจะรู้ว่าของดีอยู่ที่ไหนบ้าง ผมเลยเขียนให้เป็นตัวอย่างพอสมควร ที่ผมยังไม่รู้มีอีกเยอะครับ ผมไม่ใช่เซียนพระตำหนิรูปพรรณดูไม่เป็น เพียงแต่รู้จักพิมพ์ทรงบ้าง ไปเดินดูตามแผงพระก็มีจุดประสงค์หาของดี หาเทวดาที่สถิตตามองค์พระเอามาช่วยงานบุญที่บ้าน
" f+ `9 J- v, T* L ขอแยกแยะเรื่องออร่าหน่อย ออร่าเป็นรังสีที่เปล่งออกจากวัตถุมงคลตามพลังที่บรรจุไว้ในวัตถุมงคลตามพลังที่บรรจุไว้ในวัตถุมงคล เริ่มเลยคือผมอ่านหนังสือชื่อ “พระเครื่อง” ท่านมีจิตสัมผัสที่เก่งมาก เห็นแสงจากองค์พระและแยกแยะคุณสมบัติของสีออกมา ดังนี้* u& \0 i& |: O. J1 C& C0 L
สีแดง เป็นพลังด้านคงกระพันชาตรี
) z- b& S+ W3 V8 p สีส้ม เป็นพลังแคล้วคลาด
% _, i5 F# C4 i) ^! [ สีม่วง เป็นพุทธบารมี; s' K8 m( b7 m* x1 y- r
สีเขียว เป็นพลังจากญาณสมาธิ อภิญญา เมตตา/ C5 ~) k8 P# a3 O: b4 m& D! ?
สีเหลือง เป็นพลังพุทธคุณ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์8 ?2 Y, ~* ]- V! O$ Z8 a2 e
สีขาว เป็นพลังพระโพธิ์สัตว์* @# [- u, ?/ z& S
สีฟ้า เป็นพลังส่งเสริมการค้าขาย/ g" D- h- i: c1 } B" a# A
นอกจากนี้ “คนเห็นผี” ยังเขียนถึงพลังออร่าในตัวคนอีกว่ามีสีต่างๆ คือการดูจิตคนว่าสีอะไรบ่งบอกถึงว่าเป็นคนอย่างไรได้อีก เมื่ออ่านแล้วของพิสูจน์หน่อย พวกผมใช้สมาธิจิตจับที่องค์พระก็พบสีแสงต่างๆ จริง ส่วนความหมายของสีผมเองก็ต้องดูจากหนังสือของ “คนเห็นผี” พอทดลองดูจิตคนก็เห็นแสงสีจริงๆ เออ! แปลกดีครับ
& Y+ \* j# A, {# F อีกอย่างหนึ่งที่แปลงมากคือ ท่านผู้เขียนหนังสือลงในนิตยสารโลกทิพย์โลกลี้ลับ ชื่อ อ.ธีรศักดิ์ สามารถตรวจพลังพระเครื่องได้ เชิญที่ชมรมโลกทิพย์ แถวดินแดงช่วงวันเสาร์อาทิตย์ ท่านเขียนว่ารูปพระเครื่องในหนังสือนิตยสาร ที่ถ่ายจากรูปพระเครื่องของแท้ๆ มีพลังในรูปเท่ากับพระเครื่องจริงสามารถทำมาห้อยคอบูชาติดตัวได้ แปลกมั๊ยครับต้องทดลองผมมีแสตมป์ชุดเบญจภาคี ทั้งเนื้อดินเนื้อชินอยู่ลองให้พวกผมเอานิ้วแตะดูพลัง โอ้โฮ! ไม่น่าเชื่อพลังเท่ากับจับองค์จริงเลย แปลกมากถ้าเป็นอย่างนี้ใครที่ไม่ยึดติดกับรูปร่างของจริง ไปซื้อหนังสือนิตยสารที่รูปพระเยอะๆ มาเลยเลือกเอาเลยชอบองค์ไหน ตัดเลี่ยมขึ้นคอเลย พุทธคุณเท่ากันจริงๆ ครับบางครั้งผมซื้อหนังสือนิตสารพระเครื่องมาดูเล่น นึกอยากรู้ว่าพระที่ลงโฆษณาในหนังสือองค์ไหนดีจริง ก็ให้พวกผมเอานิ้วแตะดูจากรูปในหนังสือเลย เท่านี้ผมก็รู้แล้วครับ# q5 P+ _8 O) B j. S( w) b
พลังในพระเครื่องที่แรงสุดๆ ที่ผมพบ
# Q3 }* |2 ^7 ]3 k - พลังด้านพุทธบารมี ก็คือ พระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันต์ธาตุ พระธาตุข้าวของพระพุทธเข้า0 o2 i- h& G7 j& N+ C. U$ ~
- พลังด้านคงกระพัน ก็คือ เหล็กไหล ครับ4 {# J' Z- r1 B8 V, _$ s
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมพบโดยบังเอิญ คือผมเดินดูแผงพระเล่นๆ ไปพบขวดแก้วขนาดขวดรักยมบรรจุวัสดุใสมีสีต่างๆ เป็นก้อนเล็กๆ คล้ายพระธาตุผมเลยลองเก็บไปตรวจสอบดู ปรากฏว่าพลังพุทธบารมีสูงมากๆ เกือบเท่าพระธาตุจนผมเข้าใจผิดว่าคือพระธาตุ ผมเลยเหมาเอาไปหมดเลยประมาณ 50 ขวด คิดว่าจะนำพระธาตุในขวดนี้ไป บรรจุเจดีย์ ศรีชัยผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า ชัยภูมิ พอเอาทั้งหมดกลับไปบ้าน ลองเอาแว่นขยายส่งพิจารณาดู ผมชักสงสัยไม่ใช่พระธาตุแน่ๆ คล้ายกับเป็นเรซิ่นหรือวัสดุทางวิทยาศาสตร์ชนิดใดชนิดหนึ่ง ยิ่งชนิดที่เป็นเม็ดกลมเล็ก ดูออกชัดเลยว่าย้อมสี เอ! เราโดนหลอกเสียแล้วกระมังหมดไปหลายตังส์เลย ลองตรวจสอบพลังแสงออร่าก็พบพลังแสงสีขาวใส่เกือบเท่าพระธาตุ ตรวจสอบพลังดูก็เกือบแยกไม่ออกคืออ่อนกว่าพระธาตุนิดเดียวเอง อะไรกันนี่ ลองสืบหาดูโดยขอติดต่อกับเทวดาที่มากับวัตถุมงคลนี้จึงทราบว่า ของสิ่งนี้มาจากประเทศลาว วัดอยู่แถวริมแม่น้ำโขง โดยข้ามฝั่งที่จังหวัดหนองคาย ทางวัดได้จัดการปลุกเสกโดยพระอรหันต์โดยสมมุติให้ของสิ่งนี้ เป็น “สิ่งเทียมพระธาตุ” ใช้เคารพบูชาแทนพระธาตุ อึ้งเลยผมอย่างนี้ก็มีด้วย แสดงว่าพระอรหันต์ฝั่งลาวที่ผมไม่ทราบนามนี้ คงจะเป็นพระอรหันต์ที่มีบุญบารมีและฤทธิ์บารมีสูงมากๆ ใครพบตามแผนพระเช่าไปบูชาเถิดดีจริงๆ ลักษณะขวดขนาดขวดรักยม มีจุดยางสีสดใสได้ข่าวว่าตามแผงพระใน กทม. ก็มีเยอะ คือมีคนไปเช่ามาจากวัดที่ประเทศลาว นำมาไว้ตามแผงพระในประเทศไทย' p$ M/ r6 ]% S* j! B9 a
เขียนบอกพระองค์นี้ว่าดีจริงๆ ขอทุกท่านโปรดเข้าใจ ต่อให้ท่านคล้องพระที่ว่าดีที่สุดแล้ว อย่านึกว่าท่านใส่เสื้อเกราะใครทำอะไรไม่ได้ผิดครับ อิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์ ในพระเครื่องแพ้กรรมฤทธิ์ครับถ้ากฎแห่งกรรม อกุศลกรรมมาถึงตัวท่านพระทั้งหมดที่เต็มคอช่วยไม่ได้เลยครับ เวลาเราคล้องพระหรือวัตถุมงคลชนิดใดก็ตาม รังสีออร่าจากสิ่งที่เราคล้องอยู่จะแผ่ไปรอบๆ ตัวเราจริง ปกป้องภัยอันตรายและเป็นคลื่นกระแสเย็นเมตตาได้จริง พลังเหล่านี้จะปกป้องคุ้มครองคนที่มีศีลมีธรรม ส่วนคนที่ไร้ศีลธรรมประพฤติผิดทำรองคลองธรรม ไม่มีพุทธคุณธรรมคุณสังฆคุณใดๆ ปกป้องท่านหรอก หนักคอเปล่า
- Z% r/ y/ t: g# y. e6 @: a2 T z เราจะพบคนที่ไม่ยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าจะยึดถือวัตถุอาคมทางไสยศาสตร์เป็นที่พึ่งของชีวิต รูปวัตถุที่เขาพกพาบูชาจะมีรูปร่างแปลกๆ เยอะแยะ มีทั้งรูปสัตว์ อวัยวะคน เทพเจ้าในวรรณคดี ของเหล่านี้ศักดิ์สิทธิ์นะครับอย่าดูถูกกัน บทจะเหนียวๆ จริงๆ แต่ต้องยึดมั่นถือเคร่งตามที่ครูบาอาจารย์สั่ง เนื่องจากเป็นอาคมจากไสยศาสตร์บวกกับพลังจิตของผู้สร้างและครูบาอาจารย์ของเขาที่ถูกฝึกด้วยมิจฉาสมาธิจนใช้พลังจิตได้ แต่ผู้ใช้วัตถุอาคมเหล่านี้ ซึ่งเป็นพลังร้อน จะสังเกตราศีจะดูไม่ผ่องใส จิตใจจะร้อนลุ่ม ไม่เยือกเย็นเหมือนพลังพุทธคุณ ถ้ายึดมั่นถือมั่นกับไสยศาสตร์ภายใต้อิทธิฤทธิ์ของครูบาอาจารย์ ระวังถ้าสิ้นชีวิตไปดวงวิญญาณอาจจะต้องตกเป็นบริวารของผู้มีฤทธิ์ด้านอาคมได้ คือข้าปกป้องคุ้มครองเจ้า เจ้าก็ต้องมาเป็นบริวารเข้า ตอบแทนกันไงครับ) x9 Q/ ?% X3 a% T
สรุปแล้วเราจะใส่อะไรติดตัวดีนะ ก็บอกได้ว่าเราควรใช้พระเครื่องที่มีบารมีพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ สถิตอยู่ เป็นอันดับแรก รองลงมาก็เป็นบารมีพระโพธิสัตว์ รองลงมาก็คือพลังจากวัตถุที่มีความศักดิ์สิทธิโดยธรรมชาติเช่น เหล็กไหล ชนิดต่างๆ รองลงมาก็คือวัตถุอาคมที่ครูบาอาจารย์สร้างขึ้น6 ]# @* L8 H- M2 z+ q, N
แล้วผู้เขียนใส่พระอะไรละ บอกให้ก็ได้ผมไม่ได้มีพระดังๆ ที่เขานิยมกันใส่หรอก ถึงมีก็ไม่ใช่รุ่นที่เขานิยม จะเรียงลำดับให้ดู
$ T4 a# J7 F1 A1 g3 L1. สมเด็จ กรุวัดพระแก้ว มีบารมีสมเด็จโตปลุกเสก ในองค์บรรจุเหล็กไหลและพระธาตุ (มีคนเขาให้มาจาก กทม.)7 z" |9 j( w% `. C% k
2. พระหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน พิมพ์กลางปี 2505 (ของพ่อ)
/ C1 E( s' D# ^5 a3. พระกรุวัดมหาธาตุ สรรคบุรี เน้นคงกระพันมหาอุดสร้างสมัยอยุธยาตอนต้น
; l! A2 i' W/ |" u3 h; U& x4. หลวงปู่เทพโลกอุดร จากถ้ำวัวแดง พิมพ์อธิษฐานฤทธิ์3 Q( K1 [0 \* ~: K
5. หลวงปู่ศุข พิมพ์สี่เหลี่ยมเนื้อทองเหลืองหลังยันต์ใหญ่กรุวัดดอนตาล
& T" [/ ~ g g6. พระรอดฝังพระธาตุข้าวพระพุทธเจ้าของวัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน
, O: v, `4 w: Y* ]' L7. เหล็กไหลชีปะขาว ปีกแมลงทับของวัดพุทไธสวรรค์ อยุธยา3 \0 ?6 L+ b$ I# a. e
8. เหล็กไหลบารมี วัดเขาแร่กายสิทธิ์ อ.โคกสำโรง ลพบุรี
9 c1 F$ h" f0 J, P* D+ v2 ]9. รูปพ่อวิษณุเทพ และเจ้าพ่อศาลพระกาฬ (ภาคหนึ่งขององค์นารายณ์)
. a; c% k1 \7 H+ z10. พระคำข้าว กับพระหางหมาก วัดท่าซุง อุทัยธานี
: M1 W& g0 Q- \1 S V6 {& r7 v+ A; k11. องค์ท้าว เวสสุวรรณ
# V" W( x- k1 u& U4 |, E$ Z/ h% {+ Z$ ?, z% Q) I A3 H. x
เพียบเลยพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำคอ แต่ละองค์ไม่ใหญ่ครับองค์เล็กๆ ทำไมใส่เยอะจังหรือจะไปรบหรือไงใช่ครับผมต้องใส่ไว้ทั้งพุทธคุณอาคม และอิทธิฤทธิ์ เพราะทุกวันนี้ผมต้องเกี่ยวข้องกับวิญญาณทุกวันเลยไปช่วยเขา อาจจะพบนักเลงโตผู้มีฤทธิ์ในโลกวิญญาณ อาจจะพบผู้ทรงอาคมที่มัดบังคับวิญญาณ ทำให้ต้องมีหลายอย่างไว้ป้องกันตัว แต่วิธีที่ช่วยได้มากกว่าพระเครื่องและสิ่งศักดิ์ที่ใส่อยู่คือ พยายามประคองศิล 5 ไว้ให้ดีที่สุด ปฏิบัติภาวนาเป็นประจำ อุทิศบุญให้นายเวรที่มาถึงตัวทุกวันอุทิศบุญให้ทุกวิญญาณที่รักษาตัว และที่อยู่ในบ้านทุกวัน ผมแปลกหน่อยคือ ไม่ค่อยสวดมนต์ต่างจากชาวพุทธทั้งหลาย เพราะเสียงสวดมนต์ไม่ว่าในใจหรือออกเสียง จะมีผลร้ายกับวิญญาณทั้งหลายที่ยังลำบาก เขาเดือดร้อน และคำสวดทั้งหลายก็คือ คำสรรเสริญ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และเป็นคำสอนของชาวพุทธเจ้า ที่ชาวพุทธเราท่องจำสวดต่อๆกันมา ถ้าเราสวดทุกวันเข้าใจความหมาย และปฏิบัติตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เยี่ยมมากแต่ผมไม่เข้าใจภาษาบาลีเลย สวดก็พอได้มั่งแต่รู้สึกตัวเหมือนเราสวดอ้อนวอนทำการสักการะเคารพ แต่เราไม่รู้เรื่องในคำสวดนั้นเลย สู้เรานำคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาปฏิบัติเท่าที่เราทำได้ ผลเลยเลือกทางปฏิบัติแทนการสวดมนต์ ส่วนใครชอบสวด สวดแล้วสบายใจก็ไม่ว่ากันชอบใครชอบมันแต่ขอบอกว่าบุญที่ได้จากการสวดนั้นน้อยมากเทียบกับการปฏิบัติ ยกเว้นใช้คำสวดนั้นเป็นองค์ภาวนา เพื่อให้จิตสงบอันนี้บุญใหญ่ครับ
1 t6 A+ ]* @$ I: v เราคล้องพระเรื่องรางของขลังอะไร โปรดทราบวัตถุมงคลหลายๆอย่างมีวิญญาณติดตามมากับวัตถุมงคลนั้น ถูกสิ่งให้มาเฝ้ารักษาอยู่กับวัตถุมงคลนั้นๆ เช่น เทวดา,เทพธิดา, ยักษ์, นาค, บางครั้งพบผีคือ สัมภะเวสีถูกมนต์ผูกบังคับให้อยู่กับวัตถุมงคลนั้น เขาเหล่านั้นถูกส่งมาทำหน้าที่รักษาอยู่กับวัตถุมงคลนั้นเมื่อคนเรานำวัตถุมงคลนั้นมาติดตัวหรือเอาไว้ในบ้าน, ในรถ ถ้าคนเราไม่ได้ให้บุญเขาเลยเอาแต่กราบไหว้บูชา ขอความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เขาเหล่านั้นก็ไม่เต็มใจที่จะเข้ามาช่วยคนที่บูชาอยู่ ปล่อยให้พลังออร่าจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ ช่วยเอาเอง แต่ถ้าคนเราอุทิศบุญให้ “ทุกวิญญาณที่รักษาอยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธที่ข้ามีอยู่ทั้งหมด” ทุกวันโอ้โฮ! รักตายเลย พลังบุญที่เขาเหล่านั้นได้รับ จะเป็นพลังฤทธิ์ของเขาเหล่านั้นด้วย อำนาจการปกป้องคุ้มครองจากเขาเหล่าน้น จะปกป้องคุ้มครองช่วยเหลือเราด้วยความเต็มใจจริงใจอย่างยิ่ง เรียกว่าต่างฝ่ายต่างพึ่งกัน เราอุทิศบุญให้เขาเหล่านั้น เขาก็ตอบแทนด้วยการช่วยเหลือเรา ยุติธรรมดีออก
w' I |, n/ j% m. P/ E, ]# a |
|