- สมัครสมาชิกเมื่อ
- 2009-1-22
- เข้าสู่ระบบล่าสุด
- 2024-7-16
- สิทธิ์ในการอ่าน
- 150
- เครดิต
- 0
- โพสต์
- 5082
- สำคัญ
- 4
- UID
- 13
|
| | | |
ประวัติการค้นพบรอยพระพุทธบาทพระโกนาคมนสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๒)
พุทธอุทยานพระบาทสี่รอยถ้ำพระเจ้า อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
หลังจากพระอาจารย์สวัสดิ์ นริสฺสโร ค้นพบรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ คือ พระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ หรือองค์ปัจจุบัน) พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓) พระกกุสันธสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑) ในภัทรกัป (เรียงลำดับตามวันและเวลาการค้นพบรอยพระพุทธบาทก่อน) เรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงเหลือรอยพระพุทธบาทของพระโกนาคมนสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๒) ที่ยังไม่พบ
จากนั้นพระอาจารย์สวัสดิ์ก็ค้นหารอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมนะบนยอดเขานั้นก็หาไม่พบ อยู่มาคืนหนึ่งนิมิตฝันไปว่า รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมนะนั้นเป็นรอยใหญ่อยู่เงื้อมผาทิศตะวันออกของถ้ำ พอเดินทางเข้าไปพัฒนาถ้ำ จึงค้นหาดูจนค่อนวันก็ยังหาไม่พบ ช่างแก้วหัวหน้าคนงานบอกว่า เห็นตรงนี้รอยหนึ่งใหญ่มากเหมือนกัน แต่เป็นเพียงครึ่งรอยส้นไม่มี เมื่อพระอาจารย์สวัสดิ์ไปดูแล้วในความรู้สึกบอกว่าไม่น่าจะใช่ เพราะจะต้องเป็นเต็มรอยมากกว่า วันเวลากำหนดที่จะทำบุญถวายศาลาครอบรอยพระบาทและสรงน้ำพระบาทก็ใกล้เข้ามาทุกที
ในคืนวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๖ ก่อนงาน ๕ วัน พระอาจารย์สวัสดิ์จึงเข้าไปนอนถ้ำเพียงลำพังคนเดียว เพื่อเตรียมงานและอธิษฐานขอให้พบรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมนะดังกล่าว ชาวบ้านแม่ต๊อบเหนือเขาบอกว่า คนเดียวเขาไม่กล้าไปนอน เขากลัวผีขน เพราะมีคนพบเห็นเป็นตัวเป็นตนจริงๆ น่ากลัวมากๆ แม้ข้าวปลาอาหารที่ชาวนาชาวไร่ไว้บนห้างมันก็มาเอาไปกินหมด ผมเผ้ายาวรุงรังเสื้อผ้าฉีกขาดเก่าคร่ำคร่า บางคนก็ไม่มีผ้านุ่ง รูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว มันอยู่ในป่าลึกเข้าไปจากถ้ำนี้อีก นอกจากนี้ก็กลัวผีกลัวสัตว์ป่าที่ดุร้าย
คืนนั้นพระอาจารย์สวัสดิ์กำลังจะสวดมนต์ไหว้พระ ได้ยินเสียงโว้กเว้กโอ้กอ้ากมาแต่ไกลท่ามกลางความวิเวกแห่งป่าเขาลำเนาไพร อีกสักครู่ใหญ่ ได้ยินเสียงใกล้เข้ามา ได้ยินเสียงเหยียบใบไม้แห้ง ห่างจากที่อยู่ประมาณ ๗๐ เมตร ก็เกิดอาการกลัวขึ้นมาว่าจะเป็นเสือสางคางแดงหรือผีดิบที่ชาวบ้านเล่าให้ฟัง แต่ก็มีความกล้ามากกว่ากลัว คิดว่าเรามาดี มาบูรณปฏิสังขรณ์ไว้ให้ชาวโลกเขาได้รู้ ได้เข้าใจถึงความเป็นมาของพระพุทธศาสนาว่า พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้มาแล้ว มิใช่มีแค่พระองค์เดียวในปัจจุบัน ท่านกล่าวไว้ว่า มีมากมายกว่าเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรทั้งสี่ เรียกได้ว่านับไม่ถ้วน
ใน สัมพุทเธ จากมนต์พิธีกล่าวถึง การนอบน้อมนมัสการพระพุทธเจ้าที่อุบัติขึ้นมีมากมายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากจำนวน ๕๑๒,๐๒๘ พระองค์ (ห้าแสนหนึ่งหมื่นสองพันกับอีก ๒๘ พระองค์) แล้วเพิ่มขึ้นอีกเป็น ๑,๐๒๔,๐๕๕ พระองค์ (หนึ่งล้านสองหมื่นสี่พันกับอีก ๕๕ พระองค์) แล้วเพิ่มขึ้นอีกเป็น ๒,๐๔๘,๕๐๙ พระองค์ (สองล้านสี่หมื่นแปดพันกับอีก ๕๐๙ พระองค์)
โดยสรุปแล้ว แบ่งเป็น ๓ จำพวก คือ พระพุทธเจ้าจำพวก ปัญญาธิกะ สัทธาธิกะ และวิริยาธิกะ
พระพุทธเจ้าของเราจัดอยู่ในจำพวกปัญญาธิกะ สร้างบารมีเป็นพระโพธิสัตว์มาหลายภพหลายชาติ ได้กระทำอธิการผ่านในสำนักของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มาแล้ว ถึง ๓๘๗,๐๒๗ พระองค์ (สามแสนแปดหมื่นเจ็ดพันกับอีก ๒๗ พระองค์) มีกล่าวไว้อย่างละเอียดใน ชินกาลมาลีปกรณ์
แต่ในโลกเราใบนี้หรือในภัทรกัปนี้ มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๕ พระองค์ ท่านก็มาเหยียบรอยพระบาทไว้บนหินทุกๆ พระองค์ ทีนี้เมื่อที่ถ้ำพระเจ้า เราได้ค้นเจอรอย ๓ พระองค์แล้ว เหลืออีก ๑ รอย จึงจะครบ ๔ พระองค์ ยังคงค้างพระศรีอริยเมตไตรย ที่จะมาตรัสรู้ภายภาคหน้าก็จะต้องมาเหยียบไว้อีก
ขอย้อนเรื่องที่ได้ยินเสียงเหยียบใบไม้แห้งใกล้ที่พักในป่าบนถ้ำ คืนนั้น พระอาจารย์สวัสดิ์จึงลุกจากที่สวดมนต์เอาไฟฉายส่องดูตามเสียงก็ไม่เห็นมีอะไร หรือไม่เห็นไฟไปกระทบแววตาสัตว์หรือสิ่งเคลื่อนไหวใดๆ เสียงนั้นก็เงียบหายไปในความมืด พระอาจารย์สวัสดิ์ก็นั่งสวดมนต์แผ่เมตตาให้และไม่ลืมอธิษฐานขอให้ได้พบเจอรอยพระบาทอีกรอย เพราะใกล้งานทำบุญแล้ว เดี๋ยวเขาจะว่าโกหกแหกตาชาวบ้านว่าพบรอยพระพุทธบาทสี่รอย แล้วอีกรอยหนึ่งไปไหน เป็นเพียงครึ่งรอยกระนั้นหรือ ในความรู้สึกของพระอาจารย์สวัสดิ์ว่าจะต้องเต็มรอยมิใช่ครึ่งรอย “ขอเจ้าที่เจ้าถ้ำ เจ้าป่าเจ้าเขา เทวาอารักษ์ที่ปกปักรักษาถ้ำ รักษารอยพระบาทได้มาเปิดเผยดลจิตดลใจให้ข้าพเจ้าได้พบในวันรุ่งขึ้นด้วยเถิด”
พอรุ่งสางสว่างแล้ว พระอาจารย์สวัสดิ์ก็ไปเดินสำรวจบันไดไม้ที่ให้คนงานทำไว้เป็นที่ๆ เพราะปีนขึ้นลงยาก ถ้าไม่ทำเป็นบันได เผอิญก็เหลือบไปเห็นขอบวงกลมรี มีตะเข็บรอบคล้ายรอยพระบาท มีดินดำและหญ้า ใบไม้ อยู่เต็มไปหมด จึงคิดว่าน่าจะใช่ จึงรีบนำพลั่วมาตักดินออก ก็เห็นเป็นรอยหลุมลึก พื้นราบเรียบสวยงามมาก อธิษฐานจิตสัมผัสดูแล้วรู้ว่าเป็นรอยพระพุทธบาทแท้แน่นอน และอยู่ตำแหน่งตรงตามที่นิมิตไปก่อนหน้านั้นแล้วว่าอยู่เงื้อมผาหน้าถ้ำทางทิศตะวันออกจริง ตรงตามนั้นทุกอย่าง ก็บังเกิดปิติขนพองสยองเกล้า ก้มลงกราบรอยพระบาทด้วยความดีใจเป็นล้นพ้น นำธูปเทียนมาปักสักการบูชา
วัดขนาดรอยพระพุทธบาทได้ กว้าง ๗๐ เซนติเมตร ยาว ๑๔๘ เซนติเมตร ลึก ๕-๕๐ เซนติเมตร เป็นพระบาทเบื้องซ้าย เมื่อลำดับแล้วก็เป็นรอยของ พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ คือพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๒
หลังจากพบรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมนะ ซึ่งตระเวนค้นหามาครึ่งค่อนวัน ที่แท้ก็อยู่ใกล้ๆ กับศาลาครอบรอยพระพุทธบาทองค์ปัจจุบันนี่เอง จึงเป็นอันว่าครบรอยพระพุทธบาททั้ง ๔ พระองค์ จึงบอกให้ช่างและคนงานไปดูและสักการบูชา ต่างก็บังเกิดปิติยินดีกันเป็นอย่างยิ่ง หมายกำหนดการที่จะทำบุญถวายศาลาครอบรอยพระพุทธบาทและสรงน้ำรอยพระพุทธบาทสี่รอยที่กำหนดไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ๓ เดือน ก็ตรงตามเป้าหมาย ถึงแม้การสร้างศาลายังไม่แล้วเสร็จเป็นการถาวร ก็ได้สร้างรากฐานโครงร่างไว้อย่างแข็งแรง เพียงปูพื้นไม้ฟากกระเบื้องซี่กรงไม้ไผ่ลำลองเอาไว้กันผู้คนตกลงเหวลงถ้ำ ซึ่งเป็นหน้าผาสูง
การทำบุญกำหนดเอาวันเสาร์ที่ ๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๖ ซึ่งเป็นวันเสาร์ห้า ถือกันว่ามีพลานุภาพแรงฤทธิ์ จึงนำเอาวัตถุมงคล “สมเด็จพระเจ้าเลียบโลก รุ่น ๑” มาเข้าพิธีพุทธาภิเษก เจริญพระพุทธมนต์ มีพระสงฆ์ ๕ รูป นำโดย ท่านพระครูอนุศาสน์ถาวรคุณ เจ้าคณะอำเภอแม่สะเรียง เป็นประธานสงฆ์ และยังมี ท่านครูบาบุญศรี อภิปุณฺโณ เจ้าอาวาสวัดพระมหาบรมธาตุเจ้าดอยเกิ้ง อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมศิษยานุศิษย์ เดินทางมาโปรดเมตตาอธิษฐานจิตเจริญพระพุทธมนต์ พุทธาภิเษกเป็นพิเศษ รวมทั้งคณะสงฆ์ทางอำเภอแม่สะเรียงด้วยก็ร่วม ๒๐ รูป
สมเด็จพระเจ้าเลียบโลกรุ่น ๑ ที่ทางวัดพระธาตุจอมมอญ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน สร้างขึ้นมานี้ ก็เนื่องด้วยมีแรงดลใจจากการค้นพบรอยพระพุทธบาทดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
--------------------
(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : นาคฤทธิ์ รวบรวมชำระสะสาง (๒๕๔๐-๒๕๔๕). (๒๕๔๕, ตุลาคม). พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับชำระสะสาง (พิมพ์ครั้งที่ ๑). เชียงใหม่ : ลานนาการพิมพ์. หน้า ๓๐๗-๓๐๙.)
| | | | |
|
|