- สมัครสมาชิกเมื่อ
- 2013-1-26
- เข้าสู่ระบบล่าสุด
- 2016-3-21
- สิทธิ์ในการอ่าน
- 10
- เครดิต
- 0
- โพสต์
- 162
- สำคัญ
- 0
- UID
- 10617
|
ตอบกระทู้ ณัฐดนัย ตั้งกระทู้
, _* }5 [9 W# E# z# r$ I5 @/ [9 Z' j) ~- ?: @) q' R
โจร(เพชฌฆาต)เคราแดง
6 {; q- X% Z- r/ U0 c ในสมัยพุทธกาลนั้นได้มีโจรกลุ่มหนึ่งมีสมาชิกทั้งหมด ๔๙๙ คน ครั้งหนึ่งได้มีคนเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกใหม่กับโจรกลุ่มนั้น คนที่เข้ามาสมัครใหม่นั้นมีลักษณะตาเหลือกเหลือง มีเคราสีแดง ซึ่งผู้นั้นได้เดินเข้าไปหาหัวหน้าโจร แจ้งความประสงค์ของตนว่าจะขอเข้ามาร่วมแก๊งเป็นพรรคพวกด้วย แต่เมื่อหัวหน้าโจรดูลักษณะคนที่มาสมัครใหม่แล้วก็คิดว่าคนผู้นี้ไม่น่าไว้ใจ อีกทั้งในใจยังคิดว่า คนผู้นี้ดูมันกักขฬะนัก ดูจากลักษณะของมันแล้ว ไอ้คนนี้มันคงสามารถตัดนมแม่ของมันเองกับมือ หรือนำเลือดในคอของพ่อตัวเองมาดื่มได้ หัวหน้าโจรจึงได้กล่าวปฏิเสธไม่ยอมรับบุรุษเคราแดงเข้าพวก แต่กระนั้นบุรุษเคราแดงก็ไม่ยอมละทิ้งความตั้งใจที่จะเป็นพวกโจรให้ได้ พยายามจะหาช่องทางอื่นในการเป็นสมาชิกใหม่ให้ได้ โดยไปเอาใจลูกน้องโจรคนหนึ่งในกลุ่ม เพื่อหวังว่าลูกน้องโจรคนนั้นจะฝากฝังตนกับหัวหน้าโจร จนลูกน้องโจรผู้นั้นเห็นถึงความดี จึงไปพูดกับหัวหน้าโจรว่า คนเคราแดงนี้เป็นคนดี ขอให้หัวหน้าโจรช่วยสงเคราะห์รับเขาไว้เป็นพวกด้วยเถิด หัวหน้าโจรเห็นว่าพวกตนขอให้รับบุรุษเคราแดงนี้ไว้ ก็เลยรับบุรุษเคราแดงไว้เป็นพวก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาบุรุษเคราแดงจึงได้เป็นพรรคพวกกับโจรกลุ่มนี้ , D. l: z! f2 q
เหตุการณ์ได้ผ่านไปจนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง ชาวเมืองทั้งหลายร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ล้อมจับโจรกลุ่มนี้ได้ทั้งหมด ครั้นจับโจรกลุ่มนี้ได้ทั้งหมดก็ส่งไปให้อำมาตย์ผู้ตัดสินคดีวินิจฉัยความผิด เมื่อผลการตัดสินออกมา โจรทั้งหมดโดนตัดสินประหารชีวิตด้วยการถูกบั่นคอด้วยขวาน แต่ก็มีปัญหาอยู่ตรงที่ว่าแล้วใครละจะเป็นผู้รับหน้าที่ตัดคอโจรกลุ่มนั้น ดังนั้นจึงมีการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมจะเป็นเพชฌฆาต โดยทำการคัดเลือกผู้ที่จะรับหน้าที่เพชฌฆาตจากพวกโจรที่โดนจับได้ก่อนที่จะหาจากคนนอก จึงทำการถามพวกโจรว่าใครจะกล้าทำบ้าง ถ้าใครทำก็จะไว้ชีวิตให้อีกทั้งก็จะได้รับการนับถืออีกด้วย มีใครสนใจจะรับหน้าที่นี้บ้าง โดยถามไปที่หัวหน้าโจรก่อน และไล่ไปถึงลูกน้องโจรทั้ง ๔๙๙ คนไปตามลำดับ แต่พวกโจรทั้ง ๔๙๙ คน ยอมตายเสียดีกว่าทำการประหารชีวิตพวกเดียวกัน จนคำถามมาถึงนายตัมพทาฐิกะ (เคราแดง) ว่าจะยอมทำหน้าที่ประหารหรือไม่ ซึ่งโจรเคราแดงก็ตกปากรับคำว่าเราจะเป็นผู้รับหน้าที่ประหารชีวิตโจรพวกนี้เอง และได้ทำการประหารชีวิตโจรทั้งหมด ๔๙๙ คน หลังจากนั้นโจรเคราแดงจึงได้รอดชีวิตและได้รับความนับถือมีชื่อเสียงนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
& x6 n: E7 f0 F$ J: p9 x2 u* C: b7 m เวลาต่อมา ชาวเมืองได้ล้อมจับโจรจากทิศใต้ของเมืองได้อีก ๕๐๐ คน ซึ่งโจรที่โดนจับมาใหม่ก็โดนตัดสินเหมือนกับโจรกลุ่มแรก คือประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ ก็เหมือนเดิมอีกนั่นแหละว่า ใครจะเป็นผู้ทำหน้าที่ตัดคอโจรกลุ่มนี้ จึงได้ถามหัวหน้าโจร ไล่ไปจนถึงลูกน้องโจรว่าใครจะทำหน้าที่เพชฌฆาตบ้าง ถ้าใครทำจะไว้ชีวิต แต่ก็ไม่มีผู้ใดยอมทำ เมื่อไม่มีผู้ใดยอมทำ จึงมีเสียงจากชาวเมืองถามหา ผู้ที่ประหารโจรกลุ่มแรกเป็นใคร และอยู่ที่ไหน เรื่องทำหน้าที่ประหารชีวิตโจรก็ได้กลับไปที่บุรุษเคราแดงอีกครั้ง ชาวเมืองจึงได้ไปตามบุรุษเคราแดงมาจัดการ บุรุษเคราแดงก็ยอมทำหน้าที่ประหารชีวิตโจรเหล่านั้น + L* f. t9 ]5 g0 e' C K& X
ครั้งนั้นชาวเมืองจึงปรึกษากัน และแต่งตั้งบุรุษเคราแดงเป็นผู้ทำหน้าที่ประหาร ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บุรุษเคราแดง จึงได้รับตำแหน่งเพชฌฆาตทำหน้าที่ประหารพวกโจร หลังจากนั้นพวกชาวเมืองก็จับโจรได้ครั้งละ ๕๐๐ จากทิศเหนือ ทิศตะวันตก และโจรกลุ่มดังกล่าวทั้งหมดก็ได้ถูกนำไปให้บุรุษเคราแดงประหาร บุรุษเคราแดงได้ทำการประหารโจรทั้งหมดทั้งสิ้นเป็นจำนวน ๒,๐๐๐ คน ในเวลาไล่เลี่ยกัน หลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ได้ทำงานในตำแหน่งเพชฌฆาต โดยทำการประหารชีวิต วันละคนหรือสองคนบ้าง
/ E2 ^0 w6 Z. ~# c; B& y วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากปีเป็นสิบปี จากสิบปีเป็นห้าสิบห้าปี เพชฌฆาตเคราแดงได้ทำหน้าที่เพชฌฆาตเป็นระยะเวลาทั้งหมด ๕๕ ปี เมื่อเพชฌฆาตเคราแดงได้ชราภาพลง เรี่ยวแรงก็ถดถอย ไม่สามารถประหารชีวิตผู้ต้องโทษให้ตายในดาบเดียวได้ ชาวเมืองจึงลงความเห็นและให้เขาเกษียณออกจากตำแหน่ง
) y$ _' Y& K& p* c) `4 D) h' A นายตัมพทาฐิกะ (เคราแดง) ทำหน้าที่เพชฌฆาตมาเป็นระยะเวลายาวนานถึง ๕๕ ปี โดยไม่ได้มีการนุ่งผ้าใหม่ ทานอาหารที่ดี ประดับแต่งตัวทาด้วยของหอมเลย ดังนั้นในวันที่เกษียณออกจากตำแหน่ง นายตัมพทาฐิกะ (เคราแดง) จึงขอให้ชาวเมืองจัดหาเสื้อผ้าใหม่ อาหาร ยาคูเจือด้วยน้ำนมที่ปรุงด้วยเนยใสใหม่ การประดับดอกมะลิ การทาด้วยของหอม ซึ่งชาวเมืองก็ดำเนินการจัดเตรียมสิ่งที่เขาต้องการไว้ในเรือน ส่วนนายตัมพทาฐิกะนั้นก็ได้เดินทางไปยังแม่น้ำ อาบน้ำชำระตัวให้สะอาด นุ่งผ้าใหม่ แล้วประดับด้วยดอกไม้ ตัวก็ทาด้วยของหอม เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อย ก็เดินทางกลับมาสู่เรือน แล้วค่อยๆ นั่งลง ชาวเมืองก็นำอาหารอันโอชะมา และวางยาคูเจือน้ำนมที่ปรุงด้วยเนยใสใหม่ข้างหน้าเขา อีกทั้งยังนำน้ำสำหรับล้างมือมาให้นายตัมพทาฐิกะ
' m$ y' e6 O! w ก่อนที่นายตัมพทาฐิกะจะทำการรับประทานอาหารที่เขารอคอยมานาน ขณะนั้นเองนายตัมพทาฐิกะพลันเหลือบไปเห็นพระสารีบุตรยืนถือบาตร แสดงตนยืนอยู่ที่ประตูเรือนของนายตัมพทาฐิกะ (อ้างอิง๑) นายตัมพทาฐิกะเมื่อเห็นพระสารีบุตรแล้วก็มีจิตคิดเลื่อมใสว่า เราเองก็กระทำการฆ่าโจรเป็นเวลาช้านาน ได้ฆ่ามนุษย์เป็นอันมาก ซึ่งในบัดนี้ที่เรือนของเราก็มีอาหารอยู่พอดี พระเถระก็มายืนอยู่หน้าประตูเรือนของเรา เราจะถวายไทยธรรมแด่พระคุณเจ้าเสียในกาลบัดนี้ จึงได้เลื่อนอาหารยาคูที่วางอยู่ ณ เบื้องหน้าออกไป แล้วเข้าไปหาพระเถระ ทำการไหว้ นิมนต์ให้นั่งภายในเรือน ได้ทำการเกลี่ยยาคูเจือน้ำนมลงในบาตร ราดเนยใสใหม่ลงไป อีกทั้งนายตัมพทาฐิกะยังได้ทำการยืนพัดพระเถระอยู่ใกล้ๆ ขณะนั้นเองความอยากของนายตัมพทาฐิกะที่จะดื่มยาคูเจือน้ำนมเกิดมีกำลังขึ้นมาเนื่องเพราะไม่ได้ทานของดีมาเป็นเวลาช้านาน พระสารีบุตรรู้อัธยาศัยของนายเคราแดง จึงพูดกับนายเคราแดงว่า “อุบาสก ท่านจงดื่มยาคูของตนเองเถิด” นายเคราแดงจึงส่งพัดให้แก่บุรุษอื่น เพื่อรับหน้าที่พัดพระเถระแทนตน และได้ลงมือดื่มยาคูของตน พระสารีบุตรบอกกับบุรุษผู้ทำหน้าที่พัดว่า ท่านจงไปพัดแก่นายตัมพทาฐิกะเถิด หลังจากนายเคราแดงได้รับประทานอาหารจนอิ่มแล้ว ก็กลับมาทำหน้าที่ยืนพัดพระสารีบุตรต่อ เมื่อพระสารีบุตรฉันอาหารเสร็จแล้ว นายตัมพทาฐิกะก็คอยรับบาตรจากพระสารีบุตร พระสารีบุตรจึงได้อนุโมทนากถา ให้นายเคราแดงฟัง แต่นายเคราแดงไม่อาจกระทำจิตไปตามอนุโมทนากถา ของพระสารีบุตรได้ พระสารีบุตรสังเกตเห็นจึงถามว่า เหตุไร นายเคราแดงจึงไม่อาจทำจิตไปตามอนุโมทนากถาได้
8 i2 L- A r/ j+ K6 ^# i นายตัมพทาฐิกะ ตอบว่า “ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้ากระทำกรรมหยาบช้ามานาน มนุษย์เป็นอันมากถูกข้าพเจ้าฆ่าตาย ข้าพเจ้ามัวระลึกถึงกรรมของตนนั้นอยู่ จึงไม่อาจทำจิตให้ไปตามเทศนา ของพระคุณเจ้าได้”6 m9 N; V2 ?7 [; Y7 R6 t7 b
พระสารีบุตรคิดว่า “เราจักลวงบุรุษนั้น” จึงถามนายเคราแดงว่า “ท่านกระทำตามชอบใจตน หรือถูกคนอื่นให้กระทำเล่า? ”
) k# M1 l5 g: l% V0 U9 w% D/ |" o; p ตัมพทาฐิกะ “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระราชาให้ข้าพเจ้าทำ”6 D! s% k2 ~' U( e- q) g0 ?
พระสารีบุตรกล่าวว่า “อุบาสก เมื่อเป็นเช่นนั้น อกุศลจะมีแก่ท่านอย่างไรเล่า?”3 d8 Q! D8 t6 u( j, m
นายตัมพทาฐิกะเป็นคนธาตุทึบ ถูกพระเถระกล่าวอย่างนั้น ก็มีความสำคัญว่า
7 \- s& \1 U0 u “อกุศลไม่มีแก่เรา” จึงกล่าวว่า “ท่านผู้เจริญ ถ้ากระนั้น ขอท่านจงกล่าวธรรมเถิด”
( w0 [& ^( n- U ตอนนั้นเอง นายเคราแดง มีจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง ฟังอนุโมทนากถาแล้วบรรลุเป็นพระโสดาบัน ณ ที่นั้นเอง
J2 H) z: k4 {2 U3 {) k* f4 o หลังจากนั้นพระสารีบุตรหมดธุระ ก็ออกจากเรือน ส่วนนายตัมพทาฐิกะตามไปส่งระยะทางหนึ่งแล้วเดินทางกลับ แต่ในระหว่างเดินทางกลับนั้น นายตัมพทาฐิกะโดนแม่โคขวิดที่อก นายเคราแดงได้เสียชีวิตลง ณ ที่นั้นเอง หลังจากที่นายเคราแดงเสียชีวิต นายเคราแดงได้ไปเป็นเทพบุตรบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต 5 N% O. m, L) l9 c
ระหว่างนั้นภิกษุทั้งหลาย ได้สนทนากันในโรงธรรมว่าบุรุษฆ่าโจร กระทำกรรมหยาบช้าเป็นเวลาถึง ๕๕ ปี เขาพ้นจากตำแหน่งนั้นในวันนี้ พร้อมกับได้ถวายอาหารแก่พระเถระในวันนี้ อีกทั้งก็ได้ตายในวันนี้ ทั้งสามเหตุการณ์นั้นได้บังเกิดขึ้นในวันเดียวกันนี้เอง หลังจากที่เขาตายแล้วจะไปบังเกิดที่ไหนหนอ . W6 ?) D6 C" @; S
ขณะนั้นพระศาสดาเสด็จมา แล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่าได้สนทนาเรื่องอะไรอยู่ ภิกษุเหล่านั้นจึงกราบทูลเรื่องที่คุยกันอยู่ให้ทรงทราบ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสเฉลยว่า บุรุษเคราแดงผู้นั้นได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
( X# w' E9 @; e" a/ A/ g9 e ภิกษุทั้งหลายเมื่อฟังดังนั้นแล้ว ถึงกลับประหลาดใจเป็นอันมาก จึงทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าต่อไปว่า “พระองค์ตรัสว่าอะไรนะ ? บุรุษผู้นั้นได้ใช้เวลายาวนานฆ่ามนุษย์ตั้งมากมาย แต่กลับไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตได้อย่างไร พระเจ้าข้า”& |+ r9 [; T' I% _
เมื่อได้ยินคำถามนั้น พระศาสดาจึงตรัสตอบกลับไปว่า “เนื่องจากบุรุษผู้นั้นได้พบกัลยาณมิตรผู้ใหญ่ ดังเช่น พระสารีบุตร และได้ฟังอนุโมทนากถาจากพระสารีบุตร จึงได้ไปเกิดในวิมานชั้นดุสิต”
$ W% j ~/ C! W ภิกษุเหล่านั้นกล่าวว่า “ธรรมดาแค่อนุโมทนากถานั้นก็มีกำลังเพียงแค่ประมาณหนึ่งเท่านั้น แต่บุรุษผู้นั้นกระทำอกุศลกรรมไว้ตั้งมากมาย เขาได้บรรลุคุณวิเศษขนาดนั้นด้วยเหตุเพียงแค่ฟังอนุโมทนากถาได้อย่างไร”' J' \. A4 J- `% {" s
พระศาสดาตรัสตอบว่า “ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงอย่าถือประมาณแห่งธรรมที่เราแสดงแล้วว่า ‘น้อยหรือมาก’ เพราะว่า แม้วาจาคำเดียวที่อาศัยประโยชน์ ประเสริฐโดยแท้” * f+ F6 D; D" {! H- f( O: }
จึงตรัสพระคาถานี้ว่า:-
5 {) h" c7 ~ M g% L9 W “ หากวาจาแม้ตั้งพัน ไม่ประกอบด้วยบทที่เป็น
& c+ \4 t, q/ B9 f ประโยชน์ไซร้, บทที่เป็นประโยชน์ บทเดียว
: m! Z3 C6 a: ^. x ซึ่งบุคคลฟังแล้วสงบระงับได้ ประเสริฐกว่า ”1 }1 F2 i) }2 N& s* ]
หลังจากจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย
% ?/ {6 U# R$ b5 L) w1 e มีโสดาปัตติผลเป็นต้น 4 y( u, Y$ q i9 Z7 m: k
จบเรื่องโจร(เพชฌฆาต)เคราแดง
, @* }: p5 C* a4 x6 s, u$ ~7 d9 V2 a9 W$ w
อ้างอิง ๑ พระสารีบุตรเพิ่งออกจากสมาบัติ ได้ทำการพิจารณาว่าควรจะสงเคราะห์ผู้ใด เมื่อพิจารณาแล้วเห็นบุรุษเคราแดงที่ปรากฏ จึงได้ทำการสงเคราะห์แก่นายเคราแดง7 T1 q! C' D$ z) p5 [
ที่มา : พระไตรปิฎกและอรรถกถาไทย ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย จำนวน ๙๑ เล่ม
6 C3 p! z- K7 Iเล่มที่ ๔๑ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ ๔๑๘ (เรื่องเพชฌฆาตเคราแดง)
7 `! J5 ~3 B& Y: A |
|