แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 10517|ตอบ: 14
go

วัดดอนไฟ (พระเจ้าทันใจ) ม.๗ ต.ดอนไฟ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง (บรรจุพระบรมธาตุในองค์พระเจ้าทันใจ) [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

IMG_2684.JPG



วัดดอนไฟ (พระเจ้าทันใจ)

บ.ดอนไฟ  ม.๗  ต.ดอนไฟ  อ.แม่ทะ  จ.ลำปาง

[บรรจุพระบรมธาตุในองค์พระเจ้าทันใจ]



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ขอขอบพระคุณและโมทนาบุญอย่างสูงสำหรับข้อมูลจาก :
        •  วัดดอนไฟ (พระเจ้าทันใจ) บ.ดอนไฟ ม.๗ ต.ดอนไฟ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง
        •  
เว็บวัดดอนไฟ. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : http://www.watdonfai.com. (ค้นข้อมูลวันที่ : ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๗)
        •  และทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการท่องเที่ยวทำบุญครั้งนี้

หมายเหตุ   
ถ้าหากข้าพเจ้าพบข้อผิดพลาดจากภาพที่ลงบอร์ดไปเรียบร้อยแล้วว่าไม่ตรงกับข้อมูลที่ถูกต้องในภายหลัง หรือพบว่าสถานที่นั้นมีโบราณวัตถุ โบราณสถาน ฯลฯ ที่สำคัญแต่ยังไม่ได้นำมาลงบอร์ด ข้าพเจ้าขออนุญาตนำภาพหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสถานที่นั้นนำมาลงบอร์ดเพิ่มเติมในภายหลัง เพื่อประโยชน์สูงสุดในการเผยแผ่พระศาสนาสืบต่อไป และขออภัยในความบกพร่องต่างๆ ในฐานะปุถุชนที่ย่อมทำผิดและถูกสลับกันไป หวังว่าสมาชิกและท่านผู้อ่านทุกท่านจะให้อภัยในความบกพร่องทั้งปวงแก่ข้าพเจ้าด้วย

ถ้าหากสมาชิกท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัดพระธาตุหรือรอยพระพุทธบาทที่ลงบอร์ดนี้เรียบร้อยแล้ว สามารถโพสข้อมูลเพิ่มเติมนั้นต่อจากบอร์ดข้างล่างนี้ได้เลย เพื่อประโยชน์สูงสุดในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาสืบต่อไป ขอขอบพระคุณและโมทนาบุญเป็นอย่างสูงสำหรับธรรมทาน


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_2756.JPG


IMG_2787.JPG



มณฑปพระฤาษีตาไฟปั๋นติ วัดกลางดอนไฟ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๖ เดือน ๔ ออก ๔ ค่ำ วันพฤหัสบดีที่ ท่านครูบาสมจิตร์เป็นประธานและคณะศรัทธาทุกคนได้นำรูปปั้นพระฤาษี ๒ ตน เทวดา ๒ ตน ถวายวัดกลางดอนไฟ และคณะศรัทธาบ้านดอนไฟสร้างมณฑปเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๒๗ ค่ะ


IMG_2803.JPG



หอจัย พ่อปู่เศรษฐีเจ้าหนานคำแปง อยู่กลางทุ่งด้านหน้า วัดกลางดอนไฟ สร้างเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๗ ค่ะ



IMG_2748.JPG



IMG_2767.JPG



IMG_2775.JPG



IMG_2753.JPG



การเดินทางมากราบนมัสการพระเจ้าทันใจบรรจุพระบรมธาตุในองค์พระเจ้าทันใจ วัดดอนไฟ วันนี้ก็ขอจากกันด้วยภาพบรรยากาศภายในวัดกลางดอนไฟเลยนะคะ สวัสดีค่ะ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_2739.JPG



วัดกลางดอนไฟ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน อยู่ห่างจากวัดโบสถ์ ประมาณ ๔๐๐ เมตร และห่างจากหมู่บ้านดอนไฟในปัจจุบัน ๑,๑๐๐ เมตร แต่ก่อนเมื่อมีการย้ายหมู่บ้านขึ้นมาตั้งถิ่นฐานใหม่ ก็ได้สร้างวัดขึ้นมาเป็นที่ประกอบศาสนาพิธีในหมู่บ้านและได้ทำการอัญเชิญพระพุทธรูปเจ้าทันใจขึ้นมาประดิษฐานวัดแห่งนี้ด้วย

ในวันที่ ๑๖ เมษายน (ชาวเหนือเรียกว่า "วันปากปี") ของทุกปี จะมีประเพณีสรงน้ำพระเจ้าทันใจ ในช่วงเช้ามีกิจกรรมทำบุญปิดทองพระพุทธรูปเจ้าทันใจ ช่วงบ่ายจะมีการแห่ถวายครัวตานแต่ละหมู่บ้านเข้ามายังวัด ช่วงเย็นจะมีพิธีสรงน้ำพระพุทธรูปเจ้าทันใจ บรรยากาศของในงานจะมีพุทธศาสนิกชนมาร่วมทำบุญกันเป็นจำนวนมากค่ะ


IMG_2747.JPG



IMG_2762.JPG



IMG_2770.JPG



โบสถ์ วัดกลางดอนไฟ ค่ะ


IMG_2795.JPG



พระพุทธรูป ประดิษฐานภายใน โบสถ์ วัดกลางดอนไฟ ค่ะ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_2807.JPG



เดี๋ยวเราจะเดินทางไปยังวัดกลางดอนไฟ ซึ่งเมื่อถึงประเพณีสงกรานต์ทุกวันที่ ๑๖ เมษายน ของทุกปี จะมีการสรงน้ำพระเจ้าทันใจ โดยทางคณะกรรมการวัดจะอัญเชิญพระเจ้าทันใจจากวัดดอนไฟกลับมาปิดทองสรงน้ำที่วัดพระเจ้าทันใจ (วัดกลางดอนไฟ) ค่ะ


IMG_2806.JPG



IMG_2805.JPG



ทางไปวัดกลางดอนไฟ จะอยู่ก่อนถึงป้ายชื่อบ้านดอนไฟ ทางไปทางเดียวกับไปป่าสุสานบ้านดอนไฟ เราก็ขับรถไปตามป้ายชี้ทางไปวัดกลางดอนไฟซึ่งจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ ค่ะ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_2469.JPG



ต้นโพธิ์ วัดดอนไฟ ค่ะ


IMG_2728.JPG



กุฏิเจ้าอาวาส (พระครูประภาตจิรวัฒน์) วัดดอนไฟ มีธุระติดต่อ เบอร์ ๐๘๕-๗๑๑๓๕๐๐ ค่ะ


IMG_2478.JPG



IMG_2477.JPG



ศาลาราย วัดดอนไฟ ค่ะ


IMG_2558.JPG



หอระฆัง วัดดอนไฟ กำลังดำเนินการก่อสร้างค่ะ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_2555.JPG



พระพุทธกัสปปะ (ปางไสยาสน์) ถวายโดยพระอธิการมาต จิรวฑฺโน เจ้าอาวาสวัดดอนไฟ และคุณวนิรุต เฉลิมสุข เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ค่ะ


คำไหว้พระพุทธกัสปปะ (ปางไสยาสน์)
ยัสสานุภาวะโต ยักขา เนวะ ทัสเสนติ ภิงสะนัง ยัมหิ เจวานุยุญชันโต รัตตินทิวะมะตันทิโต สุขังสุปะติ สุตโต จะ ปาปัง กิญจิ นะ ปัสสะติ เอวะมาทิคุณูเปตัง ปะริตตันตัมภะณามะ เห


IMG_2517.JPG



รูปพระสังกัจจายน์ วัดดอนไฟ ค่ะ



IMG_2519.JPG



รูปพระสีวลีมหาเถระ วัดดอนไฟ ค่ะ


IMG_2523.JPG



IMG_2732.JPG



รูปพระอุปคุต วัดดอนไฟ ค่ะ


IMG_2530.JPG



ศาลพ่อปู่เสื้อวัด วัดดอนไฟ ค่ะ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_2516.JPG



IMG_2543.JPG



IMG_2547.JPG



IMG_2552.jpg



ถ้ำปฏิบัติธรรมฤาษีตาไฟปั๋นติ  วัดดอนไฟ ค่ะ


โองการเชิญพระฤาษีตาไฟปั๋นติ
นะมัส สิตวา อิสีสิทธิโลกนาถัง อะนุตตะรัง อิสีจะพันธะนัง สาตรา อะหังวันทามิตัง อิสีสิทธิเวสสะ

ด้วยเดชเดชะข้าพเจ้า (ชื่อ – สกุล) ขออัญเชิญฤาษีตาไฟ ปั๋นติ  โปรดรับการน้อมกราบและสิ่งของที่ข้าพเจ้านำมาถวาย ณ สถานที่แห่งนี้ พร้อมโปรดประทานพรแก่ข้าพเจ้าและครอบครัว ขอให้มีแต่ความสุขกายและใจ คิดเงินขอให้ได้เงิน คิดทองขอให้ได้ทอง คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนาทุกประการเทอญ.

อิติอักขรา นามะโหนติ เอหิ พันธัง พันธังฯ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_2595.JPG



IMG_2656.JPG



IMG_2652.JPG



IMG_2648.JPG



รอยเท้านี้ยังไม่ปรากฏเป็นที่แน่ชัดว่าเป็นรอยเท้าของใคร แต่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็น “รอยพระพุทธบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อครั้งเยาว์วัย” นำมาจากวัดดอยน้อยรอยพระบาท ต.ดอนไฟ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ปี ๒๕๔๙ ค่ะ

สนใจติดตามข้อมูลเกี่ยวกับรอยพระพุทธบาท วัดดอยน้อยรอยพระบาท ได้ตามลิงค์นี้ค่ะ http://www.dannipparn.com/thread-825-1-1.html


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_2668.JPG



ประวัติพระพุทธรูปเจ้าทันใจ


(ต้นฉบับจากคัมภีร์ใบลานภาษาล้านนาเมืองเหนือ)



(แหล่งที่มา : เว็บวัดดอนไฟ. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : http://www.watdonfai.com. (ค้นข้อมูลวันที่ : ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๗))


ตามตำนานกล่าวว่ามีลั้วะ ๓ คน พี่น้อง (“ลั้วะ” เป็นชนกลุ่มลักษณะคล้ายกับชาวเขา) ได้อพยพครอบครัวลงมาจากทางทิศเหนือมาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ที่ปงม่อนจ๋อมแจ้งดอนกลาง (กลางทุ่ง) และดอนเปียน ลั้วะ ๓ คน มีความขยันหมั่นเพียรในการกสิกรรมทำไร่ทำนาและทำสวน ไม่นานก็ร่ำรวยเป็นเศรษฐีทั้ง ๓ คน ภายหลังมาชาวบ้านทั้งหลายพากันเรียกว่า “เศรษฐี ๓ ตระกูล” คือ เศรษฐีตระกูลบ้านปงม่อนจ๋อมแจ้ (ปัจจุบันบ้านปงม่อนจ๋อมแจ้ง เหลือแต่ซากกระเบื้องและกองอิฐเจดีย์ที่พังแล้ว)

IMG_2721.JPG



เศรษฐีตระกูลบ้านม่อนดอนกลาง (ในอดีตเป็นวัดพระเจ้าทันใจ แต่ในปัจจุบันนี้เหลือแต่ต้นโพธิ์และโบสถ์ร้างอยู่กลางทุ่งท้ายหมู่บ้าน)

IMG_2724.JPG



เศรษฐีตระกูลบ้านม่อนดอนเปียน (ปัจจุบันยังเหลือแต่ภูเขาเท่านั้น) เศรษฐีแต่ละคนมีลูกบ้านได้ ๑๐๐ หลังคาเรือนเป็นบริวาร

วันหนึ่งมีพระฤๅษี ๒ พี่น้อง อยู่บำเพ็ญพรตธรรมที่ดอยกิ่วพระฤๅษี (ปัจจุบันนี้ดอยกิ่วพระฤๅษีมีหน้าผาที่สูงชัน มีทัศนียภาพที่สวยงามมาก) ได้มาบิณฑบาตบ้านของท่านเศรษฐีทั้ง ๓ ท่าน เศรษฐีทั้ง ๓ ท่านมีความยินดีที่ได้เห็นผู้มีศีลได้มาโปรดถึงในบ้านจึงได้ช่วยกันหาอาหารมาใส่บาตรแก่พระฤๅษีทั้ง ๒ องค์นั้นด้วยความศรัทธาและเคารพยิ่ง ในวันต่อมาท่านเศรษฐีทั้ง ๓ มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามีความเห็นตรงกันว่าอยากจะสร้างพระพุทธรูปคนละ ๑ องค์ เพื่อสืบอายุและทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป จึงได้ประชุมปรึกษาหารือกันว่าจะไปเอานายช่างทองที่ไหนมาหล่อพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์นั้น

ในเวลานั้นยังมีนายพรานป่าคนหนึ่ง (ในตำบลไม่ปรากฏชื่อไว้) ได้เดินทางออกจากบ้านเพื่อแสวงหาล่าเนื้อ ได้เดินทางมาทางป่าเมืองพิจิกคต (เมืองพิจิตในปัจจุบัน) อยู่ทางทิศใต้ ได้ติดตามรอยกวางคำ (เนื้อทราย) มาถึงน้ำจำ (ตาน้ำ) แห่งหนึ่งซึ่งสัตว์ป่าทั้งหลายจะพากันลงมากินน้ำเป็นฝูงๆ และนายพรานป่าก็สะกดรอยตามสัตว์ป่าทางทิศตะวันออกก็ไปพบต้นไทรใหญ่ซึ่งเป็นบริเวณเขตบ้านของท่านเศรษฐี นายพรานป่าได้วางอาวุธและเข้าสู่บ้าน ซึ่งท่านเศรษฐีทั้ง ๓ กำลังประชุมกันอยู่ เมื่อเห็นนายพรานป่าเข้าสู่ที่ประชุม เศรษฐีทั้ง ๓ ก็มีความยินดีช่วยกันต้อนรับตามสมควรแก่ฐานะ แล้วจึงมีวาจางามถามว่าท่านนายพรานป่า ท่านมาจากที่ใด

นายพรานป่าจึงตอบว่า ดูก่อนท่านทั้งเศรษฐีทั้ง ๓ ที่นับถือข้าพเจ้า มาจากเมืองพิจิกโน้นไกลมากทีเดียว ข้าพเจ้าได้ติดตามรอยสัตว์ป่ามาจนถึงบ้านของท่านในเวลานี้ ท่านเศรษฐีจึงตอบว่า ดีแล้วที่ท่านมาถึงบ้านเราซึ่งกำลังประชุมกันว่าจะไปหานายช่างทองมาหล่อพระพุทธรูปแต่ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะไปหาที่ไหน โอกาสดีที่ท่านนายพรานป่ามาก็นับว่าเป็นอาคันตุกะแขกมงคลเลยทีเดียวหวังว่าทางบ้านของท่านคงจะมีนายช่างผู้ชำนาญทำการหล่อพระพุทธรูปได้สวยงามประณีตพอจะหาได้หรือไม่ นายพรานตอบว่า ดูก่อนท่านเศรษฐีทั้ง ๓ ข้าพเจ้ามีอาชีพเป็นพรานป่ามาแต่เล็กแต่น้อยถึงปัจจุบันยังไม่ทราบว่านายช่างทองหล่อพระพุทธรูปมีแห่งหนตำบลใดยังไม่รู้เลย แต่ไม่เป็นไรเมื่อเป็นประสงค์ศรัทธาสามัคคีของท่านเศรษฐีทั้ง ๓ ข้าพเจ้าจะไปติดต่อสอบถามหานายช่างทอง เมื่อพบแล้วจะนำมาให้ถึงบ้านท่านเศรษฐีทั้ง ๓ ภายในเร็ววัน แล้วนายพรานป่าก็ลาท่านเศรษฐีทั้ง ๓ กลับไปบ้านของตนเอง

พอถึงบ้านก็เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเสียใหม่ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ออกจากบ้านติดต่อสอบถามไปเรื่อยจนไปพบบ้านนายช่างทอง นายช่างทองก็ออกมารับด้วยความยินดีแล้วกล่าวว่า ดูก่อนนายพรานป่า แต่ก่อนท่านก็มีอาชีพเป็นพรานป่ามิใช่หรือ ท่านคิดได้อย่างไรถึงได้ละอาชีพพรานป่าแล้วมาหาเราดังนี้ เมื่อนายพรานป่าได้ยินคำถามของนายช่างทองดังนั้น จึงเล่าลำดับตั้งแต่ต้นจนถึงปลายโดยตลอดกลับมาสู่บ้านแล้วละเพศเครื่องแต่งตัวอันเป็นนายพรานป่าเสียแล้วก็ออกเดินทางมาบ้านของนายช่างทองและมาพบบ้านนายช่างทอง ในเวลานี้มีความประสงค์เพื่อที่มาหาท่านนายช่างทองไปหล่อพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ ของท่านเศรษฐีทั้ง ๓ ตามสัญญา นายช่างทองก็รับคำนั้นด้วยความยินดีแล้วก็เตรียมเครื่องมือและเสบียงอาหารในการเดินทางเสร็จแล้ว จึงได้ยกข้าวปลาอาหารออกมาต้อนรับนายพรานป่า หลังจากนั้นจึงได้นอนหลับที่บ้านของนายช่างทอง ๑ คืน

พอรุ่งเช้ากินข้าวเช้าแล้ว ก็พร้อมกันออกเดินทางจากเมืองพิจิก ใช้เวลาเดินทางมาตามป่าเป็นเวลา ๑ เดือน ก็มาถึงดอนกลางพอดี เมื่อท่านเศรษฐีเห็นนายพรานป่านำนายช่างทองมาถึงบ้านตามสัญญาที่ให้ไว้ก็มีความปีติยินดีพูดจาต้อนรับปราศรัยถามทุกข์สุขในการเดินทางพอสมควร แล้ววันที่นายช่างทองและนายพรานป่าเดินทางมาถึงดอนกลางซึ่งตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๘ เหนือ (ในราวพุทธศักราช ๑๕๐๐ สมัยเชียงแสน) (พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก)


IMG_2635.JPG



นายช่างทองจากเมืองพิจิกได้เริ่มเบ้าแบบพิมพ์ (ได้เริ่มสร้างหุ่นพระพุทธรูปเจ้าทันใจ) มีลักษณะใหญ่น้อยตามลำดับดังนี้

องค์ที่ ๑ หน้าตักกว้าง ๒๕ นิ้ว ส่วนสูง ๓๙ นิ้ว  องค์นี้ เศรษฐีบ้านม่อนจ๋อมแจ้ง เป็นศรัทธาหล่อ
องค์ที่ ๒ หน้าตักกว้าง ๒๐ นิ้ว ส่วนสูง ๒๙ นิ้ว องค์นี้ เศรษฐีบ้านม่อนดอนกลาง เป็นศรัทธาหล่อ
องค์ที่ ๓ หน้าตักกว้าง ๑๙ นิ้ว ส่วนสูง ๑๙ นิ้ว  องค์นี้ เศรษฐีบ้านม่อนดอนเปียน เป็นศรัทธาหล่อ


เมื่อนายช่างทองปั้นเบ้าแบบพิมพ์เสร็จแล้ว ในวันนั้นเป็นวันพฤหัสบดี ๔ ค่ำ เดือน ๘ เหนือ ได้ฤกษ์งามยามดีนายช่างทองได้ทำการเททองหล่อพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์นั้นจนหมดทองที่ท่านเศรษฐีทั้ง ๓ มีอยู่ แต่ยังไม่สำเร็จเหลือจิกโมลี (พระโมลี) เมื่อนั้นท่านเศรษฐีทั้ง ๓ จึงได้ประกาศไปทั่วบ้านทั่วเมือง ให้ท่านศรัทธาสาธุชนที่มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันบริจาคทองว่าดังนี้ ดูก่อนท่านทั้งหลาย บัดนี้เราทั้ง ๓ ได้ร่วมกันหล่อพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์นั้นเพื่อว่าไว้เป็นที่สักการบูชากราบไหว้และสืบอายุพระพุทธศาสนา เวลานี้ทองที่มีอยู่ก็หมดพอดี ท่านผู้มีทองก็ขอนำเอามาร่วมกันหล่อจิกโมลีพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์นั้นเถิด

ข่าวอันนี้ได้ลือชาปรากฏไปทั่วทุกสารทิศได้ยินไปถึงหูของนางแม่ม่ายคนหนึ่ง ซึ่งนามว่า “ย่าเท็ก” (อยู่ที่ตำบลหัวเสือในปัจจุบัน) เป็นคนยากจน เมื่อได้ทราบข่าวบุญอันนี้นางก็มีความปีติยินดีในหัวใจอยากจะร่วมหล่อพระพุทธรูปเจ้าทันใจกับท่านเศรษฐีทั้ง ๓ นั้น อยู่วันหนึ่งนางก็คิดในใจว่า ตัวกูเกิดมาในชาตินี้เป็นคนอาภัพเข็ญใจหาทรัพย์สมบัติอันใดก็ไม่ได้ แม้แต่ข้าวปลาอาหารจะกินแต่ละมื้อก็ไม่มี คิดแล้วนางก็เกิดความน้อยใจในโชควาสนาดวงชะตาที่เกิดมาจน จึงร้องไห้หนีออกจากบ้านไปแสวงหาขอทองกับพี่น้องชาวบ้าน ในที่สุดก็หมดหวังขอไม่ได้สักแห่งและร้องไห้กลับมาที่บ้านของตน


นางจึงตั้งสัจจะอธิฐานว่า ดูก่อนเทพยาดาพระอินทร์จงมาดลบันดาลกรุณาโปรดคนยากไร้เข็ญใจ อันแสวงหาข้าวของและทองเพื่อที่จะเอาไปร่วมหล่อพระพุทธรูปเจ้าทันใจกับท่านเศรษฐีทั้ง ๓ ขอเทพยาดาทั้งหลายจงดลบันดาลมาโปรดคนยากไร้เข็ญใจด้วยเถิด ณ บัดนั้นด้วยแรงสัจจะอธิฐานแท่งหินปัณฑุกรรมศิลาอาสน์ของพระอินทร์ซึ่งเคยอ่อนนุ่มก็มาแข็งกระด้าง พระอินทร์ประหลาดใจมากจึงส่องทิพย์เนตรลงดูก็รู้ว่านางแม่หม้ายยาเท็กผู้ยากไร้เข็ญใจอยากได้ทองเพื่อนำเอาไปทำบุญร่วมท่านเศรษฐีหล่อจิกพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์นั้น

ในกาลบัดนั้นเมื่อพระอินทร์ท่านทราบความต้องการของนางแม่หม้ายโดยตลอดแล้ว จึงได้ใช้ท้าววิษณุกรรมเทพบุตรนำเอาทองสัมฤทธิ์ (ทองทิพย์) แท่งหนึ่งลงมาไว้ยังปงแห่งหนึ่ง (ที่ราบบนฝั่งแม่น้ำ) แล้วท้าววิษณุกรรมก็กลับไปอยู่ที่อยู่ของตนเอง


ในวันรุ่งขึ้นย่าเท็กก็มาถูกเทวดาบันดลหัวใจให้นางแม่หม้ายมีความอยากได้ทองเป็นกำลังทุกลมหายใจเข้าออก เมื่อนางกินข้าวเช้าให้อิ่มหนำสำราญแล้วก็ได้เดินทางออกจากบ้านแสวงหาทองไปตามลำดับทางโดยตลอดจนแนวทางมาถึงปงแห่งหนึ่ง นางก็มองเห็นทองโดยบังเอิญซึ่งงอกพ้นออกจากแผ่นดิน นางก็มีความยินดีมากเหลือคณานับ รีบวิ่งเข้าไปยกเอาทองทิพย์นั้นขึ้นทูนหัวแล้วรีบวิ่งนำไปให้ท่านเศรษฐีทั้ง ๓ สมตามความมุ่งมาตรปรารถนาทันใจทุกประการ

เมื่อท่านเศรษฐีทั้ง ๓ ได้ทองจากนางแม่หม้ายแล้วก็มีความยินดีเป็นที่สุด ก็นำเอาทองแท่งนั้นมาให้นายช่างทองหล่อทำเป็นจิกโมลีของพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์นั้นก็สำเร็จบริบูรณ์ดีทุกประการ นายช่างทองก็มาแกะแม่พิมพ์ออกปรากฏว่าโมลีของพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์ นั้นเอียงไปคนละทิศละทางไม่ตรงเสมอกัน หมายความว่าเป็นปริศนาให้ทราบกันภายหลังว่า นายช่างทองที่มาทำการหล่อทองพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์นั้นเป็นคนมาจากเมืองพิจิคตปงที่ราบบนฝั่งน้ำที่ทางแม่หม้ายย่าเท็กได้พบทองทีหลังมา คนทั้งหลายเรียกว่า (นาปงทอง) เมื่อหล่อพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์ เสร็จเรียบร้อย ท่านเศรษฐีทั้ง ๓ จึงได้ร่วมกันประชุมจัดงานมหากรรมเฉลิมฉลองสมโภชพระพุทธรูปเจ้าทันใจเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนาตลอด ๕,๐๐๐ พระพรรษา จัดงานสมโภชนานได้ ๗ วัน ๗ คืน

พอถึงวันเดือน ๘ เหนือ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ก็มีพระอรหันต์ ๒ รูปดังต่อไปนี้ คือ ๑ ชื่อว่า “โสณะ” รูปที่ ๒ ชื่อว่า “อุตตระ” ได้นำเอาพระสารีริกธาตุมาจากเมืองกุสินาราแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหาะมาทางอากาศมาถึงดอนกลาง พระอรหันต์ทั้ง ๒ รูป ก็ได้เรียกเอาพระยากุมภัณฑ์ (ยักษ์) เข้ามาหาแล้วกล่าวว่า ดูก่อนท่านพระยากุมภัณฑ์ บัดนี้เราทั้ง ๒ ได้นำเอาสารีริกธาตุมาถึงที่นี้ ขอให้ท่านจงตีทองคำให้เป็นเรือคำ (เรือทองคำ) มานำเอาสารีริกธาตุไปบรรจุไว้ในองค์พระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์ พระยากุมภัณฑ์ก็ได้ปฏิบัติตามคำของพระอรหันต์ทุกประการ

ต่อมาพระอินทร์ก็ได้นำเอายังอุปแก้วผลึก (หับแก้วผลึกมีหูหิ้ว) และฆ้องคำมาไว้สำหรับตีบูชาพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์นั้น เมื่อพระยากุมภัณฑ์ทำสำเภาสำเร็จแล้ว ก็ถ่อแล่นมารับเอาพระสารีริกธาตุแล้วนำไปใส่ไว้ในอุปแก้วผลึกของพระอินทร์พร้อมกันนั้นก็เอาเข้าไปบรรจุไว้ในพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์


ในเวลานั้นเศรษฐีทั้ง ๓ องค์ ท่านได้เสียสละข้าวของคนละ ๑ โกฎิ เพื่อไว้บูชาพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์ พอถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ เหนือ พระสารีริกธาตุก็แผ่รัศมีรังสีให้คนทั้งหลายได้เห็นโดยทั่วกัน พอวันรุ่งเช้าของวันใหม่ พระอรหันต์ทั้ง ๒ รูป ก็กลับคืนไปสู่เมืองกุสินาราตามเดิม ต่อมาเศรษฐีทั้ง ๓ ท่าน ร่วมพากันสร้างวิหารอีกหลังมีกำแพงล้อมรอบวิหารด้วยตลอด เสร็จแล้วจึงได้อาราธนาอัญเชิญพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์นั้นเข้าไปประดิษฐานไว้ในวิหารนั้นตลอดมาและได้ชื่อว่า “วัดม่อนดอนขวางสามเงา” (วัดกลางทุ่งในปัจจุบัน) ต่อมาวัดม่อนดอนขวางได้รับการอุปถัมภ์บำรุงจากท่านเศรษฐีทั้ง ๓ ซึ่งเป็นผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสบวรพุทธศาสนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้วัดมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับไปจนสิ้นอายุและหมดสมัยของท่านเศรษฐีทั้ง ๓

ต่อมาก็ได้มีเมืองเล็กเมืองน้อยเกิดขึ้นมาอพยพได้ขยายแผ่กว้างออกไปและเวลาร่วงโรยมาอีกหลายชั่วอายุคน วัดม่อนดอนขวางก็ขาดผู้ดูแลอุปถัมภ์บำรุงเพราะผู้คนได้โยกย้ายถิ่นฐานบ้านเรือนห่างไกลวัดออกไปเรื่อยๆ อีกหลายปีต่อมาก็เป็นวัดร้าง เมื่อปีใดเกิดบ้านเมืองแห้งแล้งฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล เจ้าหลวงนครลำปางจะใช้ให้คนมาหามเอาพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์ ไปไว้ในเมืองโดยไม่ต้องอาราธนาอันเชิญแต่อย่างใด บ่อยครั้งเข้าพระพุทธรูปเจ้าทันใจองค์พี่ใหญ่จึงแสดงปาฏิหาริย์ให้เหมือนกับว่ามีรอยช้างมาเหยียบให้แบนทั้งองค์ หลังจากนั้นมาอีกหลายปี เกิดสงครามพม่าผู้คนชาวบ้านพากันหลบซ่อนตัวหนีภัยสงครามออกไปอยู่ตามป่าตามเขาหมด

มีพลเมืองดีห่วงใยในโบราณวัตถุจะถูกทำลายและสูญหายจึงได้ช่วยกันนำเอาพระพุทธรูปเจ้าทันใจและโบราณอีกหลายชนิดนำไปเก็บรักษาไว้ในถ้ำใกล้บ้านแม่ออก (โยมอุปถัมภ์) ย่าเท็ก ที่ตำบลหัวเสือก็จะมาอาราธนาอัญเชิญพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์ ออกไปอบรมสมโภชแห่แล้วได้นำเอาฆ้องออกมาจากถ้ำมาตีบูชาพระพุทธรูปเจ้าทันใจ ฝนก็ตกลงอย่างน่าอัศจรรย์ทุกครั้งและเจ้าหลวงนครคนต่อมาก็มีความเคารพหวงแหนกราบไหว้ ปีใดฟ้าฝนแล้งก็บอกมายังท่านกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลหัวเสือดอนไฟได้นำเอาพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์ไปร่วมแห่สมโภชที่ในเมืองเพื่อขอฝน และก็ได้ทันใจสมปรารถนาทุกครั้งตลอดมา

ต่อมาอีกหลายปีก็มีโจรผู้ร้ายชุกชุม ทางท่านเจ้าคณะตำบลดอนไฟชื่อว่า “ท่านครูบาวงศ์” ได้นำเอาพระพุทธรูปเจ้าทันใจทั้ง ๓ องค์พี่น้องมาเก็บรักษาไว้ที่วัดดอนไฟตั้งแต่บัดนี้ ส่วนองค์พี่ใหญ่ไม่สมประกอบ ฐานเสริมด้วยไม้สักและพอกด้วยปูนรอบองค์จนไม่มีใครทราบว่าข้างในเป็นทอง เมื่อรื้อวิหารหลังเก่าบูรณะซ่อมแซมใหม่จึงได้พบว่าเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์และสันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปเจ้าทันใจองค์พี่ใหญ่ก็อาจเป็นได้เพราะมีพุทธลักษณะสง่างามคล้ายกันทุกประการ

แต่ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นก็คือ จะมีตัวคางคกอีกหนึ่งตัว ซึ่งทำมาจากเนื้อกระเบื้องโบราณและที่ปากยังคาบแก้วอีกหนึ่งลูก น้ำหนักโดยรวมของตัวคางคกหนักประมาณ ๑ กิโลกรัม สูง ๕ นิ้ว ครึ่ง กว้าง ๕ นิ้ว ลำตัวยาว ๘ นิ้วได้ติดตามเป็นบริวารมากับพระพุทธรูปเจ้าทันใจมาโดยตลอด ซึ่งก็ไม่มีใครทราบได้ว่าตัวคางคกนี้มีตำนานมาว่าอย่างไรบ้าง แต่ก็สันนิษฐานว่าในสมัยก่อนคงจะมีการอัญเชิญพระพุทธรูปเจ้าทันใจไปประกอบพิธีแห่ขอฝนบ่อยครั้งมาก จึงน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่มีผู้ศรัทธาสร้างขึ้นมาถวาย หรือไม่ก็คงจะมีใครดลบันดาลให้มาก็เป็นได้ฯ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-28 02:52 , Processed in 0.047761 second(s), 16 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.