แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: pimnuttapa
go

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ เวียงกุมกาม จังหวัดเชียงใหม่ [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

DSC00936.jpg


รูปพระอุปคุตมหาเถระ พระอรหันต์ ผู้ปราบพญามารให้ลาภแก่คน ประดิษฐานภายใน วิหารหลวง วัดศรีบุญเรือง ค่ะ


DSC00939.jpg


DSC00945.jpg



ภายใน วิหารหลวง วัดศรีบุญเรือง ค่ะ


DSC00940.jpg


รูปภาพของสมเด็จพระบรมครู หลวงพ่อกบเขาสาริกา อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี และจิตรกรรมฝาผนังภาพครูบาเจ้าศรีวิชัย ภายใน วิหารหลวง วัดศรีบุญเรือง ค่ะ



DSC00941.jpg


พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ และจิตรกรรมฝาผนังภาพพุทธประวัติ ภายใน วิหารหลวง วัดศรีบุญเรือง ค่ะ


DSC00942.jpg


รูปภาพของครูบาเจ้าศรีวิชัย และพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ (เรียงจากซ้าย – ขวา) ภายใน วิหารหลวง วัดศรีบุญเรือง ค่ะ


Rank: 8Rank: 8

DSC00920.jpg


DSC01569.jpg



DSC01567.jpg



DSC00922.jpg



DSC01580.jpg



พระเจดีย์ ประดิษฐานด้านหลัง วิหาร วัดศรีบุญเรือง ค่ะ


พระเจดีย์และวิหาร วัดศรีบุญเรือง สร้างเป็นแนวต่อเนื่องกันโดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออกตามคติการก่อสร้างเดิม พระเจดีย์ตั้งอยู่ด้านหลังวิหาร เป็นเจดีย์ทรงมณฑปยอดระฆัง ก่ออิฐถือปูน ที่ผิวภายนอกประดับกระจกสีเหลืองอร่ามตลอดองค์


Rank: 8Rank: 8

DSC00075.jpg



ธัมศาลา พุทธานุภาพ ชุมนุมเทพสถิตย์ พ.ศ. ๒๕๒๓-๔๖ วัดศรีบุญเรือง ค่ะ



DSC00932.jpg



หอระฆัง  วัดศรีบุญเรือง ค่ะ



DSC00946.jpg



บาตรใส่ความชั่ว วัดศรีบุญเรือง ค่ะ


DSC00930.jpg


อาคารเรียนปริยัติศึกษาโรงเรียน วัดศรีบุญเรือง ค่ะ



Rank: 8Rank: 8

๓. วัดพันเลา




DSC01550.jpg



วัดพันเลา ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลหนองผึ้ง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ฝั่งด้านใต้ติดถนนเส้นทางเชื่อมระหว่างถนนเชียงใหม่-ลำพูน (๑๐๖) กับถนนสายเกาะกลาง ตรงกันข้ามกับสำนักงานทนายความ ขึ้นบัญชีเป็นวัดร้างกรมศาสนา กรมศิลปากรจ้างเหมาเอกชนเข้าไปขุดแต่งในปี พ.ศ.๒๕๔๕ และบูรณะในปี พ.ศ.๒๕๔๖ สภาพพื้นที่โดยรอบเป็นเขตที่อยู่อาศัยของชุมชน โดยทางด้านทิศใต้ใกล้เคียงกับวัด เป็นแนวเส้นทางแม่น้ำปิงสายเก่า (ปิงห่าง) อยู่นอกเขตเวียงกุมกามไปทางทิศเหนือของแม่น้ำปิง ยังไม่ทราบประวัติความเป็นมาที่แน่นอน


DSC01555.jpg


ประวัติวัดพันเลา เป็นวัดร้างชื่อดั้งเดิมที่ชุมชนเรียกสืบทอดต่อกันมา วิเคราะห์จากชื่อวัดที่มีคำว่า พัน นำหน้านั้น น่าจะหมายถึงยศทางทหารหรือขุนนาง ที่เดิมวันนี้อาจจะเป็นวัดในอุปถัมภ์ของนายทหารหรือขุนนางชื่อ เลา วัดนี้ไม่พบหลักฐานการก่อสร้างด้านบันทึกเอกสาร แต่จากรูปแบบการก่อสร้างและลักษณะทางศิลปะสถาปัตยกรรม ที่จากการขุดแต่งนั้น ไม่พบพระเจดีย์ วิหาร อันเป็นตัวแทนของสิ่งก่อสร้างประเภทวัดอย่างชัดเจน แต่ข้อมูลในพื้นที่ ระบุว่าส่วนองค์เจดีย์นั้นอยู่ในเขตพื้นที่ของที่ดินอีกแปลงหนึ่งที่ติดกันทางด้านตะวันตก ซึ่งผลของการขุดแต่งในปัจจุบันยังพบส่วนฐานของอาคาร ที่ยังไม่ได้ขุดแต่งต่อเนื่องเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว

จากการจ้างเหมาขุดแต่งวัดพันเลาของกรมศิลปากร ในปี พ.ศ.๒๕๔๙ นั้น ได้พบซากเหลือของฐานอาคารกระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณวัด นับจำนวนอาคารได้ ๑๑ หลัง ที่มีทั้งอยู่ภายในและสร้างติดกับส่วนกำแพง หลักฐานของสิ่งก่อสร้างต่างๆ เหล่านี้ยากต่อการสันนิษฐานรูปแบบการก่อสร้างได้อย่างชัดเจน เพราะมีสภาพพังทลายจากการไถปรับพื้นที่

วัดพันเลา มีกลุ่มศาสนสถานแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือพื้นที่ส่วนแรก เป็นกลุ่มที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก-ตะวันตก และพื้นที่ส่วนที่สอง เป็นกลุ่มที่ตั้งอยู่ในแถบทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ทิศตะวันตกเฉียงใต้ กล่าวได้ว่ามีการบูรณะต่อเติมอย่างต่อเนื่อง นับเป็นวัดที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของเวียงกุมกาม ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๑-๒๒ ก่อนที่จะถูกทิ้งร้างไว้

โบราณวัตถุที่สำคัญที่ขุดพบที่วัดพันเลา ในปี พ.ศ.๒๕๔๖ คือเศียรพระพุทธรูปสำริดลงรักปิดทอง สูง ๖๗.๓ เซนติเมตร ศิลปแบบเชียงแสน อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒๑ ค่ะ



DSC01559.jpg


DSC01564.jpg



DSC01565.jpg



DSC00963.jpg



ฐานอาคารด้านเหนือตอนหน้า พื้นที่ส่วนแรก วัดพันเลา ค่ะ


ฐานอาคารด้านเหนือตอนหน้า พื้นที่ส่วนแรก วัดพันเลา เป็นฐานอาคารที่ซับซ้อนอยู่ต่ำลงพื้นดินปัจจุบันประมาณ ๓๐ เซนติเมตร บริเวณวัดได้รับความเสียหายโดยทั่วไป เนื่องจากการไถปรับพื้นที่ ปัจจุบันซากโบราณสถานสภาพส่วนหนึ่งอยู่ใต้ถนน อีกส่วนหนึ่งยังอยู่ใต้ดินของบ้านราษฏร ทำให้ไม่สามารถศึกษารูปแบบศิลปะสถาปัตยกรรมได้อย่างชัดเจน


Rank: 8Rank: 8

DSC00965.jpg


ปล้องไฉนเจดีย์ วัดพันเลา ลักษณะเป็นฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กๆ ค่ะ


DSC00976.jpg


ซากแนวกำแพงแก้ว วัดพันเลา ค่ะ


DSC01557.jpg


เดินตามทางอิฐส่วนซากกำแพงที่เหลืออยู่จะพบบ่อน้ำก่ออิฐรูปโดม ด้านเหนือตอนหน้า วัดพันเลา อยู่ด้านซ้ายติดกับกำแพง เมื่อก่อนจะเป็นสิ่งก่อสร้างก่ออิฐทรงกลมกลวงใน แต่ตอนนี้มีดินและเศษหญ้าอยู่ภายในค่ะ



DSC01553.jpg


DSC01563.jpg



ฐานอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตอนหลัง วัดพันเลา ที่เหลืออยู่กระจัดกระจายภายหลังการบูรณะ พ.ศ.๒๕๔๖ (ฐานอาคารยังจมอยู่ในชั้นทรายแม่น้ำปิงพัดพา) ค่ะ


Rank: 8Rank: 8

๔. วัดหัวหนอง




DSC00991.jpg


วัดหัวหนอง ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของเวียงกุมกาม ชาวบ้านเรียกชื่อวัดตามสภาพภูมิประเทศของหนองน้ำ ซึ่งใกล้กับลำน้ำแม่ปิงสายเดิม (ปิงห่าง) ที่เคยไหลผ่านทางด้านเหนือของวัด สภาพทั่วไปแวดล้อมสวนลำไย ที่นา และบ้านจัดสรร ในปัจจุบันได้รับการขุดแต่ง-บูรณะแล้ว เนื้อที่ของวัดมีจำนวนกว่า ๔ ไร่


DSC00994.jpg


สิ่งก่อสร้างที่เป็นโบราณสถานในเขตวัดหัวหนอง มีกลุ่มโบราณสถานกระจายตัวถึง ๕ กลุ่ม ที่แต่ละกลุ่มมีสิ่งก่อสร้างที่แตกต่างกัน กล่าวคือ


กลุ่มที่หนึ่ง   ตั้งอยู่ในเขตทางตอนตะวันตกเฉียงใต้ของวัด
กลุ่มที่สอง   ตั้งอยู่ระหว่าง โบราณสถานกลุ่มแรกกับแนวแม่น้ำปิง
กลุ่มที่สาม   อยู่ด้านทิศเหนือ ตั้งอยู่ใกล้ชิดลำน้ำแม่ปิงสายเดิม
กลุ่มที่สี่       อยู่ด้านหลังทิศใต้โขงประตูวัด
กลุ่มที่ห้า     อยู่ทางด้านตะวันออกของกลุ่มที่สี่ จัดเป็นวัดที่มีสิ่งก่อสร้างมากแห่งที่สุดในเขตเวียงกุมกาม


หลักฐานโบราณวัตถุที่พบวัดหัวหนอง คือเศียรพระพุทธรูปหินทรายที่เป็นศิลปะล้านนา-พะเยา, เศียรพระพุทธรูปสำริดอิทธิพลศิลปะสุโขทัย, เศียรพระพุทธรูปสำริดอิทธิพลศิลปะเชียงแสน, เศียรพระพุทธรูปปูนปั้น, และชิ้นส่วนพระพุทธรูปอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงภาชนะดินเผาประเภทน้ำต้น (คนโฑ) แบบหริภุญไชย, เครื่องถ้วยลายครามของจีน และจารึกอักษรล้านนา (ตั๋วเมือง) บนแผ่นอิฐ ฯลฯ


อนุมานจากหลักฐานสิ่งก่อสร้างต่างๆ วัดหัวหนอง ที่มีจำนวนมากแห่ง และมีรูปแบบแผนผังการก่อสร้างที่สลับซับซ้อนหลายกลุ่มดังกล่าว จึงอาจสมมติฐานได้ว่าวัดหัวหนองน่าจะเป็นวัดหลวงประจำวัง เพราะมีสิ่งก่อสร้างมากแห่งกระจายตัวในกลุ่มใกล้เคียงกัน ซึ่งปัจจุบันยังขุดแต่งไม่หมด โดยเฉพาะการตามหาแนวขอบเขตกำแพงวัดต่างๆ เหล่านี้ล้วนแสดงถึงความสำคัญในอดีตของวัดหัวหนองได้โดยแท้

เรามาเดินสำรวจกลุ่มโบราณสถาน กลุ่มที่สาม อยู่ด้านทิศเหนือ ตั้งอยู่ใกล้ชิดลำน้ำแม่ปิงสายเดิมก่อนนะคะ



DSC00988.jpg


DSC00995.jpg



ซุ้มประตูโขง และแนวกำแพงวัดด้านทิศเหนือ วัดหัวหนอง ค่ะ


แนวกำแพงวัดด้านทิศเหนือ วัดหัวหนอง เป็นช่องทางเข้า/ออกวัด สร้างก่ออิฐถือฉาบปูน มีส่วนฐานและห้องลักษณะร่วมกับวัดล้านนาหลายๆ แห่ง ซึ่งสามารถกำหนดอายุได้ในช่วงเวลาตั้งแต่กลางพุทธศตวรรษที่ ๒๐

ซุ้มประตูโขง วัดหัวหนอง อยู่ที่กำแพงด้านทิศเหนือ บริเวณท่าน้ำแม่ปิง ที่ฐานประตูประดับลวดลายปูนปั้นอย่างสวยงามมีรูปหงส์  กิเลน ลายดอกไม้ ใบไม้ และลายประจำยามตามชั้นในส่วนย่อเก็จย่อมุมต่างๆ และมีร่องรอยการก่อสร้างทับซ้อนกันค่ะ


DSC00102.jpg



ลายรูปสัตว์หิมพานต์ และประจำยามก้ามปู ซุ้มประตูโขงด้านทิศเหนือ วัดหัวหนอง ค่ะ


DSC00996.jpg


เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูโขง จะมีทางเดินปูอิฐสู่บริเวณภายในซากโบราณสถานกลุ่มที่สี่ อยู่ด้านหลัง ทิศใต้โขงประตู วัดหัวหนอง ค่ะ


Rank: 8Rank: 8

DSC01040.jpg


ซากฐานอาคาร วัดหัวหนอง อยู่ด้านหลัง ซุ้มประตูโขงด้านทิศเหนือค่ะ


DSC01038.jpg


ซากฐานอาคาร โบราณสถานกลุ่มที่สี่ วัดหัวหนอง อยู่ตรงข้ามกับกลุ่มโบราณสถานกลุ่มที่สองค่ะ


DSC01037.jpg


ฐานซุ้มประตู อยู่ติดกับแนวกำแพงแก้วซากฐานอาคาร โบราณสถานกลุ่มที่สี่ วัดหัวหนอง

เดี๋ยวเราจะไปสำรวจกลุ่มโบราณสถาน กลุ่มที่สอง ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างโบราณสถานกลุ่มแรกกับแนวแม่น้ำปิงต่อนะคะ


DSC00997.jpg


DSC01000.jpg



กลุ่มฐานอาคารด้านตะวันตก วัดหัวหนอง เป็นฐานวิหาร หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ด้านทิศเหนือมีทางเดินเชื่อมมณฑปฐานปัทม์สี่เหลี่ยมจัตุรัสยกเก็จค่ะ


DSC01011.jpg


ด้านบน วิหารด้านตะวันตก วัดหัวหนอง ค่ะ


DSC01002.jpg



ทางเดินเชื่อมวิหารกับมณฑปฐานปัทม์สี่เหลี่ยมจัตุรัสยกเก็จ ด้านหลัง วิหารด้านตะวันตก วัดหัวหนองนี้ยังมีอาคารเพิ่มต่ออย่างซับซ้อนค่ะ


Rank: 8Rank: 8

DSC01005.jpg


DSC01007.jpg



ศาลพระภูมิ อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ วัดหัวหนอง ค่ะ


DSC01008.jpg



ทางเดินไปยังกลุ่มโบราณสถาน กลุ่มที่หนึ่ง วัดหัวหนอง ตั้งอยู่ในเขตทางตะวันตกเฉียงใต้ของวัดค่ะ


DSC01009.jpg


ฐานวิหารด้านตะวันตกเฉียงใต้ วัดหัวหนอง เป็นกลุ่มอาคารประธานซึ่งพังทลายหมดแล้ว วิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออกค่ะ


DSC01011.jpg



DSC01010.jpg



ด้านบน ฐานวิหารด้านตะวันตกเฉียงใต้ วัดหัวหนอง เราจะเห็นซากฐานซุ้มประตูและส่วนฐานชุกชีพระประธานที่เหลืออยู่ค่ะ


Rank: 8Rank: 8

DSC01021.jpg


พระเจดีย์ช้างล้อม วัดหัวหนอง ตั้งอยู่ด้านหลัง วิหารด้านตะวันตกเฉียงใต้ของวัด มีแท่นบูชาอยู่ด้านหน้า-หลังของพระเจดีย์ช้างล้อมด้วยค่ะ  


DSC01014.jpg



พระเจดีย์ช้างล้อม วัดหัวหนอง เป็นลักษณะร่วมกันกับศิลปะสถาปัตยกรรมลังกา ที่รับผ่านเข้ามาทางแคว้นสุโขทัยในระยะต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๐ ซึ่งการพบหลักฐานเจดีย์สร้างครอบทับซ้อนกัน เช่นเจดีย์ช้างล้อมองค์นี้ น่าจะทำในสมัยพญาสามฝั่งแกน (พ.ศ.๑๙๔๕ - ๑๙๘๕) เป็นต้นมา เพราะล้านนามีสำนักสงฆ์กลุ่มใหม่ (สายวัดป่าแดง) ที่ขัดแย้งกับสำนักสงฆ์กลุ่มเดิม (สายวัดสวนดอก) ค่ะ


DSC01016.jpg


ฐานพระเจดีย์ช้างล้อม วัดหัวหนอง เป็นเจดีย์ลักษณะทรงปราสาทจีน อยู่บนฐานปัทม์ลูกแก้วอกเก้า  มีประติมากรรมรูปช้างมอบในท่าคู้ขาหน้าอยู่ที่ฐาน ถูกซ่อมแซมมาแล้วอย่างน้อยหลายครั้ง จึงทำให้ช้างถูกปิดทับไว้ ปัจจุบันเปิดให้เห็นเฉพาะด้านทิศใต้ค่ะ


DSC01017.jpg



รูปปั้นช้างล้อม พระเจดีย์ช้างล้อม วัดหัวหนอง ค่ะ


DSC01028.jpg



ฐานเจดีย์เล็ก อยู่ด้านทิศใต้ วิหารด้านตะวันตกเฉียงใต้ วัดหัวหนอง ค่ะ


Rank: 8Rank: 8

DSC01031.jpg


เดี๋ยวเราจะมาเดินสำรวจโบราณสถานกลุ่มที่ห้า วัดหัวหนอง ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของกลุ่มที่สี่ เดินตรงมาเรื่อยๆ เลยนะคะ


DSC01033.jpg



พื้นที่ทางตะวันออกติดกับกำแพงวัด วัดหัวหนอง พบซากคูหามากมายและบ่อน้ำ สันนิษฐานว่าเป็นหมู่กุฏิสงฆ์ ในเขตสังฆาวาส ใกล้กันนั้นเป็นเขตพุทธาวาสค่ะ


DSC01035.jpg


ฐานพระเจดีย์ และฐานวิหารด้านตะวันออก วัดหัวหนอง ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีบันไดเชื่อมต่อวิหาร ลักษณะเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีการเสริมพื้นวิหารให้สูงขึ้นและขยายขนาดวิหารค่ะ


DSC01045.jpg


ฐานพระเจดีย์ด้านตะวันออก วัดหัวหนอง อยู่ด้านหลังวิหารค่ะ


DSC01047.jpg



ร่องรอยฐานชุกชีพระประธานเดิม วิหารด้านตะวันออก วัดหัวหนอง ค่ะ


DSC01048.jpg


ด้านบน วิหารด้านตะวันออก วัดหัวหนอง ยังคงเหลือร่องรอยเสาหินของวิหารอยู่ค่ะ


‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-28 03:45 , Processed in 0.049337 second(s), 15 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.