ตอนที่ ๑๑ พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๔ =
คำขวัญในการทำงาน
ยามศึกต้องการผู้กล้าหาญ ยามปรึกษาไม่ต้องการคนพูดพล่าม ยามทำงานต้องการผู้มีปัญญา ถ้าท่านปรับตัวเข้ากับหลักนี้ได้ ก็จงมา ถ้าปรับไม่ได้จงหลีกไป
ชินนะ
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ = วันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๕ =
เรื่องการทำงานโปรดอย่าชาตินิยมจัด อย่าลืมว่าขึ้นอยู่กับกฎแห่งกรรม ชมพูทวีปที่ฉันสำเร็จ ยังเป็นเมืองขึ้นเขาได้
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๙ =
มนุษย์ที่ชอบพูดมาก ชอบคิดอกุศลต่อคนอื่น ชอบนั่งนินทา เขาย่อมจะมีพลังจิตที่ดีไม่ได้ ถ้ามนุษย์มีพลังจิตที่เข้มแข็ง ต้องรู้จักประมาณตน ต้องรู้หน้าที่ขอบเขตที่ตนมีอยู่ เรื่องในไม่ออก เรื่องนอกไม่เข้า ต้องรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำด้วย
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๙ =
ถ้าจะทำงานใหญ่ ยังมีพวกมนุษย์ที่จิตไม่ถึงธรรม โดยเฉพาะสตรีงาม ย่อมที่จะถึงการพินาศ *****
ท่านรู้จักคำว่าหน้าที่ขอบเขตความรับผิดชอบ ฐานะไหม *****
ขอให้ท่านปรับปรุงความคิด ปรับปรุงการทำงาน ตั้งแต่บัดนี้ให้ปากกับใจมันตรงกันก่อน แล้วจึงมาคุย
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๙ =
ได้มาบูชาเราสักการะเราแล้ว ก็กล่าวคำขอขมานั้นด้วย เราก็รับทราบรับฟัง แต่ว่าเราไม่สะทกสะท้านต่อ เพราะการเป็นมนุษย์ จิตใจมนุษย์เปลี่ยนทุกนาที อารมณ์คล้อยตามอายตนะ วันนี้ท่านก็ขอขมา เมื่อวานนี้ท่านก็ขอขมา ท่านก็ขอขมาหลายครั้งแล้ว แต่สันดานพวกท่านไม่เปลี่ยนสักที
เพียงพิธีการชั่วอารมณ์หนึ่งและชั่วอายตนะที่ท่านคิดสบายใจก็เข้ามาขอขมา ถ้าท่านเกิดไม่สบายใจท่านก็ด่าเรา เพราะฉะนั้นเราจึงไม่คล้อยตามโวหาร และอารมณ์ของท่านทั้งหลาย เราไม่เหมือนเทพพรหมองค์อื่น
แต่สิ่งที่การเป็นมนุษย์นั้น ต้องเข้าใจว่าชีวิตนั้นแสนสั้นหนอ ท่านจะทำยังไงจึงเป็นมนุษย์ที่ดี ท่านจะทำยังไงให้จิตของท่านมีความมั่น และอย่าวิจิกิจฉาในใจ โดยเฉพาะการร่วมทำงานศาสนานั้น เป็นงานที่ยาก ข้อสำคัญคือ ท่านต้องรู้จักตัวท่าน ต้องประมาณตัวท่าน ต้องรู้วาสนาท่าน ต้องรู้ความสามารถ
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๙ =
คำขอขมาจากพวกท่าน และคำว่าตัดสินใจเด็ดขาด ทุกอย่างเรียบร้อย เราฟังแล้วรู้สึกเฉยเสียแล้ว *****
ผู้รู้เขาจะทำก่อนพูด
ผู้มีความสามารถจะไม่อวดตัว *****
การทำงานใหญ่ไม่มีแผนที่ดีและเด็ดเดี่ยว
ย่อมได้งานที่เลว
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๐ =
คนเราทะนงตนว่าเป็นศิลปิน
ชีวิตก็ไม่พ้นการเจ็บตาย
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๐ =
ท่านก็ได้มาละทิฐิในการบูชาอีกวาระหนึ่งและนำดอกไม้ธูปเทียนมาสักการะ และขอขมาแบบการปฏิบัติระหว่างครูกับศิษย์ ซึ่งสำนักปู่สวรรค์ก็ตั้งในโลกมนุษย์ ท่านจึงมีโอกาสมาสักการะและขอขมาเรา ปีที่แล้วก็ขอขมา ปีนี้ท่านก็ขอขมาเสร็จก็คงจะลืมกันอีก แน่นอนเราก็ไม่ถือท่าน เพราะว่ามันเป็นสิ่งธรรมดาของมนุษย์ แต่ฟังแล้วรำคาญ วันนี้ท่านศรัทธาเราก็ขอขมา พรุ่งนี้ท่านไม่ศรัทธาเรา ท่านก็อาจจะด่าเรา เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราเฉยๆ
ถึงอย่างไรก็ดี เป็นการแสดงออกของกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม และเป็นพิธีการอันหนึ่งที่เรียกว่า ทำให้ท่านทั้งหลายได้มาพบปะสังสรรค์กันในที่นี้ เพื่อปรับทุกข์ และให้เกิดสุขขึ้นตามอารมณ์ของมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่น่าเห็นใจสำหรับมนุษย์ที่จะต้องการมีความสุข แต่ภาวะแห่งความสุขอันแท้จริงนั้น อยู่ที่การปฏิบัติของจิตวิญญาณของท่าน
จิตวิญญาณของท่านปฏิบัติในทางที่ดี ท่านก็ได้สุข จิตวิญญาณท่านปฏิบัติในทางที่ชั่ว ท่านก็ได้ทุกข์ และทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดความสุขหรือความทุกข์ อยู่ที่การกระทำของท่านเอง ไม่ใช่อยู่ที่ท่านมาขอขมาเรา แล้วท่านก็มีสุข ท่านมาขอพรเรา แล้วท่านก็จะมีสุข ต้องอยู่ที่ท่านเป็นคนเริ่มต้นก่อน
การที่โลกทุกวันนี้ไม่สงบ ไม่มีสุข เพราะมนุษย์ตกอยู่ในห้วงกิเลสตัณหา ที่ยึดมั่นสำคัญตน ตกอยู่ในภาวะที่ไม่มาจับความผิดของตัว เที่ยวจับความผิดของคนอื่น และเที่ยวกล่าวร้ายป้ายสีซึ่งกันและกัน โลกจึงเกิดความวุ่นวาย
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๐ =
การทำงานนั้นย่อมมีมาร เป็นสิ่งธรรมดาของโลกมนุษย์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว แต่มารเขาก็ย่อมมีเหตุผลของมาร การงานที่จะสำเร็จอยู่ที่สัจจะและการกระทำ มิใช่อยู่ที่พูด ท่านจะทำงานศาสนา ท่านต้องมีสติและคอยจับผิดตัวเอง ไม่กลัวคำครหานินทา ไม่ยินดีในคำสรรเสริญ เด็ดเดี่ยว มั่นคง จดจ่อ สัจจะก็สำเร็จได้
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๐ =
การถือศีลไม่พูดเป็นสิ่งที่ดี โลกนี้จะได้กว้างขึ้น
แต่ถ้าไม่พูด มโนกรรมเป็นสิ่งสำคัญ ควรระวังยิ่ง
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๑ =
พระที่ปฏิบัติย่อมไม่ติดในสิ่งของ
*****
ความจริงของโลกมีอยู่ว่า
การทำงานคือบำเพ็ญทุกขบารมี
ผู้ทำงานมักไม่มีเวลาพูด ผู้มีเวลาพูดมักไม่มีเวลาทำงาน
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๑ =
จงจำเอาไว้ว่า
ศัตรูของนักบวชก็คือสตรี
ในโลกนี้ สตรีเป็นผู้ให้กำเนิดศาสดาจารย์ของโลก
ขณะเดียวกันสตรีก็คือ
ผู้ทำลายพรหมจรรย์ของนักบวช
และรัฐบุรุษของโลก เอกบุรุษของโลกพินาศเพราะสตรี
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๑ =
วันนี้พวกท่านได้มาจัดพิธีชุมนุมกันในที่นี้ เพื่อเป็นพิธีการแห่งการบูชาครูในความกตัญญู ณ สำนักปู่สวรรค์ในโลกมนุษย์ เสร็จแล้วท่านก็ได้ถวายเทียนชัย ดอกไม้ ธูปเทียน และก็ขอขมาแบบปีที่แล้วน่ารำคาญ เป็นเรื่องของมารยาทหรือเรื่องของมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ ขอขมากันไปแล้วก็เลิกกันไป
ไม่เหมือนเทพพรหม เขาไม่ต้องมาทำพิธีขอขมากันทุกปี เขาทำอะไรลงไปแล้ว เขาจะมีความจำ ความมั่น ความจริง และความจดจ่อ พวกท่านก็มีการขอขมา แล้วเราก็บอกให้อภัย ท่านก็ดีใจ แต่พอไปถึงบ้านก็ลืมกันไป และเป็นเรื่องที่แปลกดีของมนุษย์ มันต้องเวียนว่ายตายเกิดตามกฎของกรรม เรียกว่า สังสารวัฏ
ปีที่แล้วก็พูดอย่างนี้ ปีนี้เราก็ได้ฟังอย่างนี้ เราก็รู้สึกเฉยๆ และรำคาญจริง อันความจริงพวกท่านมีเพชรอยู่ในมือ แต่ท่านก็ไม่รู้จักเพชร พวกท่านอยู่ใกล้ธรรมะ ท่านก็ยังไม่ถึงธรรมะ พวกท่านอยู่ใกล้เรา ท่านก็ยังไม่ถึงเรา เราชอบความจริงจัง เด็ดเดี่ยว จดจ่อ ไม่รู้ลืม ไม่ใช่ไม่จริงจัง ไม่จดจ่อ และก็พูดเป็นโวหาร แค่นี้แล้วก็เลิกกันไป
ถึงอย่างไรก็ดี ก็ยังเป็นพิธีการหนึ่งของโลกมนุษย์ และก็เป็นฉากหนึ่งของโลกมนุษย์ที่ท่านได้มาแสดงให้มนุษย์และเทวดาดูกัน เราก็บ้ากับท่านต่อไป ก็แสดงกันไปให้มนุษย์และเทวดาดูเหมือนกัน และเสร็จแล้ว เราขอพูดล่วงหน้า ประเดี๋ยวพิธีเสร็จกลับ เรากลับ พวกท่านก็กลับ เด็กที่อยู่ในนี้ก็จงเหนื่อยต่อไป และมันเป็นเรื่องคิดที่สนุกมันก็สนุกทุกปี
ครั้งหนึ่งท่านกับเราก็มาแสดงกันอย่างนี้ปีหนึ่ง เสร็จแล้วท่านก็กลับบ้าน และก็ปล่อยสิ่งที่เลอะเทอะสกปรกของมนุษย์ไว้ที่นี้ ให้เด็กทั้งหลายที่อยู่ที่นี้เก็บกวาดกันต่อไป และเราก็มาแสดงกันที่สำนักปู่สวรรค์นี้หลายครั้งแล้ว และเราขอให้ท่านจงตั้งใจว่า ปีนี้เราแสดง ปีหน้าเราไม่รู้จะมีโอกาสมาแสดงกับท่านอีกหรือไม่
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๑ =
คติต้องท่องขึ้นใจ
(ประทานแก่สานุศิษย์ที่จะไปศึกษาต่างประเทศ)
๑. เราเดินทางไปเพื่อศึกษาหาความรู้ให้สำเร็จมาประกอบอาชีพ มีเวลาสั้นนัก ต้องใช้เวลาให้มีคุณค่าต่อชีวิตให้มากที่สุด
๒. เราอยู่ต่างแดนไม่ใช่บ้านของเรา โดยเฉพาะเป็นผู้หญิง ขอให้มองทุกคนเป็นศัตรู โดยเฉพาะผู้ชาย
๓. เราเดินทางข้ามแม่น้ำข้ามทะเลไปเพื่อเอาสิ่งที่ดีของเขากลับมา อย่าเอาสิ่งที่เลวกลับมา
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๒ =
โบราณเขามีหลักว่า กองทหารที่ดีต้องมีระเบียบวินัย ปฏิบัติตามคำสั่งแม่ทัพ กองทหารนั้นก็จะรอดและเข้มแข็ง ลูกศิษย์ที่ดี เขาจะต้องคราวะครูบาอาจารย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
สมัยเรามีสังขารชีพอยู่ หน้าหนาวทุกปี อาจารย์โมคคัลลานะให้ออกมายืนตากลมสิบวัน ในขณะนั้นเรายังไม่สำเร็จ ก็คิดว่าอาจารย์อยู่ในใจว่า ช่างไม่มีเหตุผล หารู้ไม่ว่า ท่านฝึกความอดทนให้เรา แต่คนสมัยนี้ จะให้ครูบาอาจารย์คล้อยตามลูกศิษย์ คือเป็นยุคลูกศิษย์จะสั่งสอนอาจารย์กันเสียแล้ว น่าเศร้า
เป็นเณรเป็นพระต้องรู้จักว่า เราเป็นลูกตถาคตต้องช่วยตัวเองได้ เรื่องทางโลกไม่ควรยุ่ง โดยเฉพาะไม่ใช่ไปไหนต้องมีแม่อยู่อย่างกับจะไปเล่นลิเก
ท้องหิวมากให้พยายามนั่งสมาธิ จิตฟุ้งซ่านให้เดินจงกรม
การจะเป็นนักบวชครองเพศสมณะอยู่ได้นั้น ต้องมีคติว่า ตาผู้หญิงคืออสรพิษร้ายที่จะฉกพรหมจรรย์ของเราไป ถ้านักบวชมีคตินี้อยู่ประจำใจก็อยู่ได้ตลอด ถ้าไม่มีคตินี้ ร้อยทั้งร้อยก็ไป เพราะมารยาหญิงห้าร้อยเล่มเกวียนเรียนไม่จบ จำเอาไว้
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๒ =
การเป็นลูกตถาคตจะต้องช่วยตัวเองและจะต้องเดินได้
ไม่ใช่จะต้องมีรถจึงจะไปโปรดสัตว์ได้
สมัยพุทธกาลเค้าเดินกันเป็นแคว้นๆ ไม่เห็นตาย
*****
เมื่อท่านทำงานให้โลกวิญญาณด้วยความบริสุทธิ์ เรายังไม่ปล่อยให้ท่านตามกรรม ถ้าไม่เหนือบ่าฝ่าแรง
งานนี้เป็นงานดุลกรรมมนุษยชาติย่อมจะพบมารใหญ่ แม้ว่าเงินไม่พร้อม แต่ถ้าทุกคนทำงานอย่างจริงจัง จดจ่อ บริสุทธิ์ ก็คงจะได้รับความช่วยเหลือจากโลกวิญญาณ (เรื่องสร้างหอประชุมสันติภาพ)
*****
ท่านโตว่าสตรีเป็นผู้สร้างและผู้ทำลาย แต่เราว่าสตรีเป็นผู้ทำลายมากกว่า
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๒ =
การจะอุทิศตนเพื่อส่วนรวมนั้น จำเป็นต้องมีจิตเด็ดเดี่ยว
และต้องถือว่าอุปสรรคคือยาบำรุงกำลัง
ต้องอดทนและทนอด และรู้เฉพาะหน้าที่ตนรับผิดชอบ
ไม่ต้องพูดมาก ทำผลงานชี้คุณค่าตนเอง
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๒ =
มนุษย์เราต้องมีหิริโอตตัปปะ
และบุคคลที่จะทำงานถือเมียเป็นใหญ่
ย่อมทำงานใหญ่ไม่ได้
*****
มนุษย์เราถ้ากิเลสตัณหาเข้าครอบงำแล้ว ยิ่งกว่ามารแทรก
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๒ =
พยายามระงับจิตด้วยการภาวนาหรือเดินจงกรมให้มาก เพื่อระงับความฟุ้งซ่านของจิต การดำรงชีวิตในโลกมนุษย์ย่อมมีมาร เราอย่าคล้อยตาม การห่มผ้ากาสาวพัสตร์เป็นลูกตถาคตนั้น เป็นผู้เหนือกามเหนือเกียรติ มิควรคิดสึกออกไปนุ่งกางเกง
จงพยายามทำจิตอยู่เหนืออารมณ์ อย่าให้อารมณ์เหนือจิตมนุษย์ ตามใจอารมณ์ย่อมไม่มีทางสำเร็จในการงาน
อย่าไปเชื่อพวกที่นุ่งกางเกงว่าดีกว่านุ่งผ้าเหลือง เพราะเขาเหล่านั้นไม่สามารถชนะกามตัณหา จึงพูดเข้าข้างตัวเอง และจะหลอกเราออกไปเป็นพวกนั่นเอง
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๓ =
ในยุคกลียุคเช่นนี้ การโปรดสัตว์จำเป็นจะต้องอาศัยสติพร้อม อย่าให้อารมณ์ฟุ้งซ่านครอบ ก็มีทางอยู่ได้ เราต้องวางการเป็นอยู่ของชีวิตประจำวันให้เป็นระเบียบด้วย
พระโอวาทท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ
= วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๓ =
การบำเพ็ญจิตเป็นสิ่งที่ดี
และหน้าที่ของลูกตถาคตจะต้องถือเป็นวิชาเอก
จิตจะหลุดพ้นจากกิเลสต้องอาศัยขันธ์ที่สมบูรณ์
การสำนึกในบาปเป็นการตั้งตนไม่ประมาท
สิ่งที่จะให้จิตนิ่งต้องไม่มีวจีกรรม
ทางที่ดีคือเดินทางสายกลาง
หมั่นดับกิเลสด้วยการตามทันมัน
ขจัดมาร ขจัดเขา ขจัดเรา ความจริงเกิด
คติท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ = วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๖ =
ฝ่ายทำลายเขาถือคติ กัดไม่ปล่อย เราถือคติ สู้ไม่ถอย
ขอให้ท่านเอาจริง ไม่ต้องเกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น พระอยู่กับท่าน
และถือคติว่า ถึงนาทีสุดท้าย ฝ่ายธรรมะจะต้องชนะอธรรม
เพราะพระอยู่กับเรา
ถึงนาทีสุดท้ายแล้ว ฝ่ายอธรรมชนะ
ต้องถือว่าเป็นวิบากกรรมของโลกมนุษย์
จะให้เขียนประวัติศาสตร์ใหม่ว่า บัดนี้อธรรมชนะธรรมะแล้ว
|