แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: pimnuttapa
go

วัดพระบรมธาตุวรวิหาร ม.๖ ต.ชัยนาท อ.เมือง จ.ชัยนาท [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

DSC00991.JPG



การเดินทางมาวัดพระบรมธาตุวรวิหาร ขอจบการเดินทางด้วยประวัติของพระอินทโมลีศรีบรมธาตุบริหารสุวิจารณ์สังฆปาโมกข์ (หลวงพ่อช้าง) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุวรวิหาร (พ.ศ.๒๔๑๐-๒๔๖๕) และประวัติความเกี่ยวเนื่องของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร กับวัดพระบรมธาตุวรวิหาร สวัสดีค่ะ



S__28639236.jpg



ประวัติหลวงพ่อช้าง (อินทสรเถระ)
อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุวรวิหาร

(พ.ศ.๒๔๑๐-๒๔๖๕  รวม ๕๕ ปี)


เรียบเรียงโดย นายวิชิต แก้วจินดา จากหอสมุดแห่งชาติ



พระอินทโมลีศรีบรมธาตุบริหารสุวิจารณ์สังฆปาโมกข์ หรือ หลวงพ่อช้าง ท่านมีนามเดิมว่า ช้าง เกิดที่บ้านคุ้งสำเภา อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท เมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๒ เกิดในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาชื่อ โชติ มารดาชื่อ มัว ท่านเป็นบุตรคนโต มีร่างกายแข็งแรง สุขภาพสมบูรณ์ บิดาจึงตั้งชื่อว่า ช้าง ซึ่งเป็นคนมีอัธยาศัยมีเมตตากรุณามาตั้งแต่เป็นเด็ก

การศึกษาเมื่ออายุได้ ๙ ขวบ ครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ในเขตท้องถิ่นอำเภอเมือง บิดาได้พาไปฝากให้ศึกษาเล่าเรียนอักขรขอม ทันสมัยกับพระครูเมธังกร วัดพระบรมธาตุ ด้วยเหตุที่ท่านมีสติปัญญาดีเฉลียวฉลาด จึงเป็นที่ยกย่องและโปรดปรานของพระครูเมธังกร พออายุได้ ๑๓ ปี ได้บรรพชาได้เป็นสามเณร และเริ่มเรียนภาษาบาลี เช่น คัมภีร์มูลกัจจายน์ ธรรมบท และมังคลัตถทีปนี หรือมงคลทีปนี จนแตกฉานสามารถแปลจากภาษาบาลีเป็นภาษาไทยได้อย่างเชี่ยวชาญ

เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี จึงทำพิธีอุปสมบท โดยมีพระครูเมธังกร (จู) เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูอินทชาติวรญาณ (อินทร) เจ้าคณะแขวงมโนรมย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการคง วัดบางกะพี้ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้นามฉายาว่า “อินทสโร” หลังจากได้ศึกษาด้านคันถธุระ จนสามารถค้นคว้าหาหลักธรรมได้อย่างดีแล้ว จึงมุ่งทางด้านปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน โดยได้รับการถ่ายทอดหลักการปฏิบัติจากพระครูอินทชาติวรญาณ พร้อมทั้งเชี่ยวชาญด้านอิทธิปาฏิหาริย์ เช่น เสกของหนักให้เบาเหมือนนุ่น ย่นระยะทางให้สั้นได้ เป็นต้น

๑. หน้าที่การงานและสมณศักดิ์

     ๑.๑ พ.ศ.๒๔๑๑ ได้รับแต่งตั้งเป็นฐานานุกรมในพระครูเมธังกร นามว่า พระใบฎีกาช้าง ในเวลาต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ สืบต่อจากเจ้าอาวาสองค์ก่อน ส่วนจะได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัน เดือน ปี อะไร ไม่มีหลักฐานแน่นอน จึงมิอาจจะทราบได้ นอกจากประมาณตามอายุการปกครองวัด คงจักในราวระหว่าง พ.ศ.๒๔๑๑-๒๔๔๓

     ๑.๒ พ.ศ.๒๔๔๔ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร มีพระราชทินนามว่า พระครูอินทโมลี พร้อมทั้งได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์อีกด้วย

     ๑.๓ พ.ศ.๒๔๔๗ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองชัยนาท

     ๑.๔ พ.ศ.๒๔๕๗ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่พระอินทโมลีศรีบรมธาตุบริหารสุวิจารณ์สังฆปาโมกข์

๒. ความดีที่ควรยกย่องหลวงพ่อช้าง

ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ และเจ้าคณะอำเภอเมืองชัยนาท ท่านได้พัฒนาวัดโดยการบูรณะก่อสร้างกุฏิวิหาร และสนับสนุนการศึกษาตลอดมา การปฏิบัติธรรมของท่านได้รับการยกย่องว่าเคร่งครัดในการปฏิบัติหน้าที่ ถือสันโดษยึดมั่นในระเบียบวินัยกฎเกณฑ์สังฆาณัติคณะสงฆ์และประเพณี จนเป็นที่เกรงขามกันโดยทั่วไป

เช่นตามคำบอกเล่าสืบต่อกันมาว่า ครั้งหนึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองบ้านเมือง คือเจ้าเมืองชัยนาทได้ไปตรวจราชการผ่านมา ขี่ม้ามาในเขตวัดกลับจากการตรวจเยี่ยม เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขราษฎรในเขตท้องที่เป็นเวลาเย็นแล้ว เข้ามาในเขตวัดไม่ได้ถอดหมวก พระอินทโมลีได้พบเข้า จึงเรียกตัวขึ้นไปบนกุฏิ ท่านเข้ามาในเขตวัดไม่เคารพต่อสถานที่ พระอินทโมลีได้ใช้อาญาวัด ใช้ไม้ตีเจ้าเมือง พร้อมทั้งถามว่า เข้ามาในเขตวัดทำไมไม่ถอดหมวก เราเป็นเจ้าหน้าที่ทำเสียเอง เมื่อย่างเหยียบเข้ามาในเขตวัดแล้ว ต้องแสดงความเคารพ แล้วให้เจ้าเมืองกลับไป

ต่อมานายอำเภอเมืองไปตรวจราชการมาตอนเย็น เข้ามาในบริเวณวัดไม่ถอดหมวก พระอินทโมลีก็เรียกขึ้นไปบนกุฏิ แล้วใช้อาญาวัดตีนายอำเภอเช่นกัน สอบสวนแล้วให้กลับไป นายอำเภอไม่พอใจนำความเรื่องนี้ไปเล่าให้เจ้าเมืองฟัง ท่านเจ้าเมืองตอบกับนายอำเภอว่า เรื่องนี้จะว่าแต่คุณเลย ผมเองก็โดนมาแล้ว เพราะขาดสติ เราเป็นผู้นำ ท่านทำของท่านก็ถูกต้องแล้ว ท่านลงอาญาก็ไม่หนักหนาสาหัสอะไร ต่อไปเราต้องควรระวังและมีสติอยู่เสมอ เพราะเราเป็นผู้ปกครองเขา

ในสมัยนั้นมีอาญาวัด คนดื่มเหล้าสุราเข้ามาใกล้เขตวัดแล้ว เงียบเสมือนคนดี พอออกจากเขตวัดแล้ว เสียงดังถนนสามวาไม่พอจะเดิน สมัยนั้นไม่ว่าโจรผู้ร้าย จะเคารพพระ เห็นพระแล้วเลี่ยงทางยกมือไหว้ ประชาชนราษฎรทั่วๆ ไป ถือว่าวัดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีใครมารบกวน ขายข้าวได้เกวียนละ ๑๘-๒๐ บาท พร้อมทั้งสร้อยแหวนของมีค่านำไปฝากวัดไว้จะไม่มีใครรบกวน สมัยก่อนไม่มีธนาคาร จึงอาศัยวัดเป็นที่พึ่ง มีสมบัติฝากวัดไว้ปลอดภัย เหตุการณ์ดังกล่าวมานี้ เป็นที่กล่าวขานกันทั่วไปในสมัยนั้น วัดเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ กฎหมายให้มีอาญาวัดด้วย

หลังจากนั้นท่านได้เล่าเรียนศึกษา ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากพระครูอินทชาติวรญาณ ทั้งด้านวิปัสสนากรรมฐาน วิชาไสยศาสตร์ เวทมนตร์คาถา วิธีปลุกเสก และอธิษฐานจิตต่างๆ จนเป็นที่พอใจของอาจารย์แล้ว ท่านก็ได้ทำหน้าที่พระอาจารย์สอนวิชาดังกล่าว จนมีคนมาขอเป็นศิษย์เพื่อศึกษากับท่านมากมาย และตัวท่านเองก็มีวิชาอาคมเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข) ถึงกับคนเก่าๆ ของเมืองชัยนาทเล่าสืบกันมาว่า หลวงพ่อช้างกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านชอบพอกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่หลวงพ่อช้างมีอายุมากกว่าเล็กน้อย มีวิชาด้วยกันทั้งคู่ เคยทดสอบวิชากัน เช่น หลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า ปลุกเสกใบไม้เป็นเสือสมิง หลวงพ่อช้างวัดพระบรมธาตุ ปลุกเสกสร้างควายธนู ลองฤทธิ์กัน ต่างก็ทำอะไรกันไม่ได้ หมายความว่ามีวิชาพอกันทั้งสององค์

จากคำบอกเล่าของพระกุ๋ย บวชเมื่อแก่ และมรณภาพ เมื่อปี ๒๕๔๐ อายุ ๘๙ ปี ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อท่านเป็นเด็ก เป็นลูกศิษย์วัดพระบรมธาตุ เด็กสมัยนั้นเป็นขี้กลากกันมาก รักษาไม่ค่อยหาย ท่านเล่าว่าเด็กหลายคน พอหลวงพ่อช้างสรงน้ำบนกุฏิ แล้วชวนกันไปอยู่ใต้กุฏิ พอหลวงพ่อช้างสรงน้ำลงมา ก็เอาหัวรับน้ำที่หลวงพ่อช้างสรงน้ำถูกตามเนื้อตามตัว ปรากฏว่าขี้กลากหายกันหมดทุกๆ คน พระภิกษุกุ๋ยท่านเล่าให้ฟังอย่างนี้ก่อนที่จะมรณภาพ จะเป็นความขลังหรือความศักดิ์สิทธิ์ของท่านก็ไม่ทราบได้ แม้แต่น้ำสรงของท่าน ทำให้โรคขี้กลากรักษาด้วยยาไม่หาย แต่พอได้น้ำที่ท่านสรงแล้ว รองรับมาถูเนื้อถูตัวก็หายกันหมดทุกคน พูดแล้วไม่น่าเชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้วตามคำบอกเล่า

----------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : เจ้าคุณวิชัยโสภณ (บุญส่ง สุบินมิตร). (๒๕๔๕, ๗ พฤศจิกายน). ประวัติวัดพระบรมธาตุวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ครั้งที่ ๑-๔ รวมในเล่มเดียวกัน (พิมพ์ครั้งที่ ๔) หน้า ๒๗-๒๙.)

Rank: 8Rank: 8

x.JPG


ประวัติความเกี่ยวเนื่องของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)

กับวัดพระบรมธาตุวรวิหารโดยสังเขป



สรุปจากบันทึก มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันทน์)



สมเด็จพระพุฒาจารย์โต ในรัชกาลที่ ๔
ได้ศึกษาเล่าเรียนกับพระครูวัดใหญ่เมืองพิจิตร ตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ จนถึงอายุ ๑๓ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร จากพระครูวัดใหญ่เมืองพิจิตร ครั้นถึงปีจอ โทศก จุลศักราช ๑๑๕๒ อายุสามเณรโตได้ ๑๕ ปี บวชเป็นสามเณรได้ ๓ พรรษา ได้ศึกษา ๓ ปี เล่าเรียนบาลีไวยากรณ์และคัมภีร์มูลกัจจายนะจบ จนเข้าใจไวยากรณ์ รู้สัมพันธ์บริบูรณ์

ครั้นถึงเดือน ๑๒ ปีจอ โทศกนั้น สามเณรโตมีความประสงค์จะเรียนต่อ พระครูวัดใหญ่เมืองพิจิตรจึงได้แนะนำให้สามเณรโตไปศึกษาต่อกับท่านพระครูวัดเมืองไชยนาทบุรี หรือพระครูเจ้าคณะเมืองไชยนาทบุรี

ที่เมืองชัยนาทบุรี พระครูเมืองชัยนาทบุรีเป็นสำนักเรียนใหญ่ มีครูฝึกสอนที่มีความรู้เชี่ยวชาญพระบาลีในธรรมบททีปนี ทศชาติ (๑๐ ชาติ) สารัตถะ ฎีกาโยชนาคัณฐี ในคัมภีร์พระไตรปิฎกธรรมนั้น แปลเป็นภาษาบาลีบ้าง ภาษาเขมรบ้าง แปลเป็นภาษาพม่าบ้าง มีพระครูเมธังกร เป็นผู้มีอายุ เป็นครูผู้ฝึกสอนนักเรียนบาลี

เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ได้มาศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดพระบรมธาตุ ๓ ปี เรียนจบหมด จนอายุได้ ๑๘ ปี สามเณรโตต้องการศึกษาอีก ฝ่ายท่านพระครูเจ้าคณะเมืองไชยนาทบุรีจึงส่งให้ไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ (บางกอก) ไปอาศัยอยู่กับหลวงพ่อแก้ว วัดบางลำภูบน เพื่อจะเรียนบาลีต่อไป

----------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : เจ้าคุณวิชัยโสภณ (บุญส่ง สุบินมิตร). (๒๕๔๕, ๗ พฤศจิกายน). ประวัติวัดพระบรมธาตุวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ครั้งที่ ๑-๔ รวมในเล่มเดียวกัน (พิมพ์ครั้งที่ ๔) หน้า ๔๗-๖๑.)

บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับข้อมูลจาก :
        • วัดพระบรมธาตุวรวิหาร อ.เมือง จ.ชัยนาท
        
• พระภิกษุสงฆ์ (ไม่ทราบนาม) วัดพระบรมธาตุวรวิหาร
        • เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี ๒ ท่าน
(ไม่ทราบชื่อ)
        • เจ้าคุณวิชัยโสภณ (บุญส่ง สุบินมิตร). (๒๕๔๕, ๗ พฤศจิกายน). ประวัติวัดพระบรมธาตุวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท
ครั้งที่ ๑-๔ รวมในเล่มเดียวกัน (พิมพ์ครั้งที่ ๔).
        • เอกสารแนะนำพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี


**หมายเหตุ :


ท่านใดประสงค์จะนำรูปภาพหรือเนื้อหาบทความไปใช้ประโยชน์ที่อื่น สามารถนำไปใช้ได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาตจากข้าพเจ้าก่อน


และได้โปรดกรุณาให้เครดิตอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่มา : เว็บแดนนิพพาน และกรุณาอย่าลบหรือครอบตัดเครดิตแหล่งที่มาบนรูปภาพ “Photo by Dannipparn.com”


(ป.ล. หากว่ากระทู้บทความนี้ มีข้อผิดพลาดประการใด ข้าพเจ้าต้องขออภัยในความผิดพลาดต่างๆ ในฐานะปุถุชนที่ย่อมทำผิดและถูกสลับกันไปไว้ ณ ที่นี้ด้วย และจะนำไปปรับปรุงแก้ไขในครั้งต่อไป)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-5 23:44 , Processed in 0.064990 second(s), 15 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.