- สมัครสมาชิกเมื่อ
- 2013-1-26
- เข้าสู่ระบบล่าสุด
- 2016-3-21
- สิทธิ์ในการอ่าน
- 10
- เครดิต
- 0
- โพสต์
- 162
- สำคัญ
- 0
- UID
- 10617
|
ทุกวันนี้ชาวพุทธเราเข้าวัดน้อยลงมาก การปฏิบัติกิจที่เกี่ยวกับพระศาสนาน้อยลงมากจริงๆ ศาสนาที่มีการปฏิบัติเคร่งครัดมากจนผมเองต้องขอชมเชยคือศาสนาอิสลาม เขามีการละหมาดวันละ 5 ครั้ง มีการถือศีลอด ชาวพุทธเราส่วนใหญ่ไม่เอาเลย เกือบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับพุทธศาสนาที่ตัวเองนับถือ ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ ผมขอแบ่งเป็น 2 กลุ่มเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมคนไม่อยากเข้าวัด
$ |: `* ~8 g, I6 Z# c4 M1. นักบวช คือ พระภิกษุ, สามเณร, แม่ชี
# z+ J: K+ Z. k1 x; w2. พุทธศาสนิกชน ก็คือคนที่บอกว่าตัวเองนับถือศาสนาพุทธ ระบุอยู่ในทะเบียนบ้าน เริ่มจากนับถือตามบรรพบุรุษต่อๆ กันมา ส่วนศรัทธาปฏิบัติก็มีมากน้อยหรือไม่มีแตกต่างกันไป
8 G o z8 m; i9 t1. นักบวช
1 Y& [7 a+ `3 Y6 Q0 D% T พระภิกษุในพระพุทธศาสนาที่พบเห็นในวัดต่างๆ ถ้ามองอย่างพิจารณาหลายท่านคงเห็นว่า พระภิกษุจำนวนมากท่านมีการดำรงชีวิตความเป็นอยู่ไม่ต่างจากชาวบ้าน มองในกุฏิ เครื่องใช้ไฟฟ้าอำนวยความสะดวกและเพื่อความบันเทิง ก็ไม่ผิดจากบ้านคนธรรมดา พิจารณาดูการปฏิบัติตัวเองท่านก็ไม่ต่างจากคนธรรมดา โลภ โกรธ หลง ราคะ เพียบเลย ยิ่งคนที่อยู่ใกล้วัดยิ่งเห็นมาก ทำเอาเลิกนับถือเลิกทำบุญเลย ยิ่งบางองค์พอเรามองดูภายในกุฏิท่าน ทั้งพระพุทธรูป เทพเจ้า ฤาษี รูปสัตว์ ตั้งเต็มไปหมด ลูกประคำ ขันหรืออ่างน้ำมนต์ เอ! นี่หรือภิกษุที่บวชเพื่อหาทางหลุดพ้นจากวัฏสงสาร หรืออาจารย์ไสยศาสตร์ในคราบนักบวชแน่ ดูแล้วมันไม่ใช่ทางที่พระพุทธเจ้าท่านสอนนี่นา หลายองค์เล่นพระ เครื่องรางของขลัง สักหมึกดำทั้งตัว คล้องปะคำพวงใหญ่ๆ เห็นแล้วน่ากลัวมากกว่าน่านับถือ
' A( ?: }7 M/ E+ J' s* n7 J4 l มองดูโดยทั่วๆ ไปแล้ว เราจะพบพระภิกษุที่ประพฤตินอกวินัยคือศีล 227 ข้อกันมากจนเป็นปกติแล้ว ทั้งๆที่พระภิกษุต้องลงโบสถ์ฟังปาติโมกข์กันเป็นประจำ แต่เป็นการไปฟังกันตามธรรมเนียมระเบียบที่ต้องปฏิบัติ องค์ที่สวดความจำเยี่ยมมากสวดยาวเหยียดเลย ภิกษุที่นั่งพนมมือฟัง ก็นั่งรอให้สวดเสร็จเป็นอันหมดภารกิจ ดูแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย สู้ให้พระทุกองค์อ่านศีล 227 ข้อดังๆ พร้อมๆ กันเป็นภาษาไทยจะได้จำได้ว่า ศีล 227 ข้อมีอะไรบ้างที่ควรละเว้น ศีลจะได้บกพร่องน้อยที่สุด เพราะศีลเป็นสิ่งที่ทำให้พระภิกษุบริสุทธิ์
) {! F+ h& M1 y0 t7 h9 V/ h ด้วยเหตุจากการประพฤติปฏิบัติตัวเองภิกษุและนักบวชในพุทธศาสนาจำนวนมาก บกพร่อง จนทำให้พุทธศาสนิกชนหมดศรัทธาต่อพระศาสนา ดังนั้น ผู้ที่ทำให้คนเราเสื่อมจากพระศาสนามากที่สุด ก็คือภิกษุนั่นเอง
/ A {6 f9 Z4 L8 t7 x7 M บาปไหมครับถ้าผมจะตำหนิภิกษุ ผมพิจารณาดูแล้วคือผมไม่ได้ตำหนิภิกษุที่มุ่งมั่นประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยเลย ท่านเหล่านั้นคือผู้ที่จะดำรงพระพุทธศาสนา ดำรงคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดำเนินรอยตามบาทพระพุทธองค์เพื่อไปสู่พระนิพพาน แต่จำนวนของภิกษุที่เป็นพุทธบุตรนี้มีจำนวนน้อย เราต้องพิจารณาเสาะหาให้ดี จะพบท่านเหล่านั้นแอบปฏิบัติของท่านเงียบๆ ไม่ประกาศตัว ปกปิดความเป็นพระอริยเจ้าเอาไว้มิดชิด พระภิกษุเหล่านี้คือเนื้อนาบุญของชาวพุทธที่ต้องเสาะหา เพื่อรับคำสอนของท่านนำมาปฏิบัติ
. M9 ~' S- s' C7 u# a% u! p ส่วนผู้ประกอบอาชีพนักบวช คือภิกษุทุศีล ท่านเหล่านี้ผมไม่นับถือ เพราะนี่แหละผู้ทำลายศาสนาพุทธตัวจริงเสียงจริงล่ะ เราอย่ามองภิกษุเพียงโกนหัว ห่มเหลือง สวด 7 ตำนานได้ เราต้องพิจารณาถึงศีล สมาธิ ปัญญาของท่านว่ามีไหม ควรแก่การเคารพกราบไหว้ไหม อย่าเมาบุญเห็นเหลืองๆ ก็ถือว่าพระ ดูดีๆ ก่อนจะทำบุญ
; Q3 j/ s- M5 b' `: w2 y! \3 n, j เมื่อปีพ.ศ. 2548 ผมได้มีโอกาสบวช 5 วัน เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ได้ไปบวชที่วัดแห่งหนึ่ง ได้พูดคุยกับพระวิทยากรที่มาอบรมธรรมะให้พระบวชใหม่ 60 รูป เป็นการคุยส่วนตัวท่านสงสัยว่าทำไมคนไม่ค่อยเข้าวัดท่าน ทำไมคนเขาไปวัดเขาสารพัดดี วัดหนองทาระภู วัดท่าซุง ที่วัดท่านจะมีคนมาก็วันพระหรือมางานศพ รู้สึกว่าพระวิทยากรท่านเป็นมหาเปรียญ พิจารณาดูท่านเป็นพระดีมีความตั้งใจในการสอนธรรมะมาก ตัวผมในฐานะพระบวชใหม่นักธรรมตรีก็ไม่เคยเรียนแต่ประสบการณ์เพียบจากการปฏิบัติและศึกษาจากหนังสือที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา$ ~* e( p: P; n: K0 k1 @( F9 }0 @3 ^# Y
ผมขออนุญาตท่านเฉลยความสงสัยนี้ตามความรู้แบบฆารวาสดังนี้
5 d6 W, P- D( }( { “วัดท่านไม่มีจุดขายครับ” ส่วนวัดที่คนไปกันมากเพราะเขามีจุดขาย
: L2 N0 D0 ~8 d2 k1 T: @! c7 B4 ]6 h 1. วัดหนองทาระภู ชาวบ้านเขาเรียกว่าวัดหลวงปู่ฤาษีตาไฟ คนไปกันเพียบทุกวันเลย เขาไปดูดวง ขอหวย เป็นหลัก นี่คือจุดขายหลักของวัด ใช้ฤทธิ์ของพรหมฤาษีที่ส่งกระแสลงมาที่ท่านเจ้าอาวาส สงเคราะห์ผู้คน ยิ่งใกล้วันหวยออกคนเยอะมาก ฤทธิ์แบบนี้วัดท่านไม่มีใช่ไหมครับ คนเขาก็ไม่รู้จะเข้าไปทำไมที่วัดท่าน
* L1 l0 n$ o M5 g7 n& H
1 c9 ^! W4 | N8 R6 d 2. วัดเขาสารพัดดี0 |1 M# \' D8 F2 y' ^( V
- สภาพวัดเป็นภูเขา วัดได้สร้างโบสถ์ไว้บนยอดเขา มีทางรถขึ้นไปข้างบน มีเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เลี้ยงกวางเก้งไว้มาก สภาพป่าสมบูรณ์ดี จัดกุฏิกรรมฐานไว้รอบๆ ภูเขาดูดีมาก นี่คือจุดขายแรก
5 [) `6 u) g& t! R - วัดนี้มีการสอนปฏิบัติธรรม ใครก็ได้ถ้าต้องการปฏิบัติธรรมขอให้ปฏิบัติธรรมตามกฎระเบียบของวัด เชิญเลยยินดีต้อนรับ มีที่พักพร้อมอาหารฟรี หลวงพ่อสำรวมท่านเทศน์สอนธรรมะปฏิบัติเก่งเสียด้วย คนที่มุ่งทางปฏิบัติธรรมก็มุ่งมาที่วัดเขาสารพัดดี ได้ทั้งธรรมชาติ และธรรมะปฏิบัตินี่คือจุดขายที่สอง
{5 N6 V. a4 H0 R1 W ส่วนวัดท่านขาดธรรมชาติเพราะเป็นวัดในหมู่บ้าน ท่านต้องปลูกต้นไม้ให้ร่มเย็นและจัดการสอนธรรมะที่ชาวบ้านใกล้วัดปฏิบัติตามได้ก่อน ปากของคนจะเป็นผู้โฆษณาเอง! K+ S# S+ M( @! h
3. วัดท่าซุง หลวงปู่ฤาษีท่านมีทั้งฤทธิ์และธรรมะ ท่านสร้างสิ่งก่อสร้างมากมาย เพื่อเป็นเนื้อนาบุญแก่พุทธศาสนิกชน
: h( Q' K2 }" j' P - สิ่งก่อสร้างที่สวยงาม คือวิหาร 100 เมตร วิหารสมเด็จองค์ปฐม ปราสาททองคำ ฯลฯ สิ่งสวยงามเหล่านี้ผู้คนจึงมาชมกันมาก3 e# J( }4 @) L E
- หนังสือ เทป CD VCD ธรรมะคำสอนที่หลวงปู่ฤาษีท่านเทศน์สอนมีอยู่มากมาย อีกทั้งวัตถุมงคลหลายรายการที่ศาลารับแขก
6 Q. p' P! W' r - หนทางทำบุญใหญ่คือ สังฆทานที่สมบูรณ์แบบเพราะมีพระพุทธรูปด้วย ยังบุญเหรียญทองอีก
4 d4 n" A9 ]$ a2 c% Z2 B( C เห็นมั๊ยครับวัดท่านไม่มี ที่นี้ถ้าจะให้คนเข้าวัดท่านก็ไม่ยาก แต่ท่านต้องมีสิ่งที่คนเขาต้องการก่อน จะมีคนเข้าวัดท่านแน่ อันดับแรกคนเขาชอบฤทธิ์ ท่านต้องมีฤทธิ์ก่อน ฤทธิ์ที่ผมพูดนี่ต้องอยู่ในกรอบของพระวินัย ท่านเป็นมหาเปรียญชาวบ้านเขาไม่สนใจหรอก แต่เรื่องที่ชาวบ้านเขาสนใจ เช่น พ่อเขาตายไปแล้วอยู่ที่ไหน ลำบากไหม ตอนนี้เขาเจ็บป่วยมีเคราะห์ ท่านช่วยได้ไหม ท่านก็เคยเรียนเคยฝึกปฏิบัติสมาธิ หรือสมถกรรมฐานมา ท่านลองฝึกให้เต็มที่จนเห็นโลกวิญญาณสิ ถ้าท่านเห็นจริงรู้จริง ท่านสงเคราะห์ญาติโยมได้ โดยไม่ผิดวินัยการแสดงฤทธิ์แบบนี้ ญาติโยมเขาชอบเพราะท่านมีฤทธิ์เป็นกุศโลบายดึงคนเข้ามาหาท่านได้แล้ว
- `: Y' J0 a- o9 f อันดับที่สอง เมื่อมีคนมาติดฤทธิ์ท่าน เข้ามาวัดท่าน กุศโลบายในการสอนธรรมะ ชาวบ้านเขาฟังเรื่องศีล สมาธิ ปัญญาไม่เข้าใจหรอก เราต้องฝึกเขาให้สัมผัสกับโลกวิญญาณก่อน เพื่อให้รู้ว่าโลกวิญญาณมีจริง นรกสวรรค์มีจริง ส่วนจะใช้การฝึกวิธีใดก็ขึ้นอยู่กับผู้สอนที่ถนัด เช่น มโนมยิทธิ สัมมาอรหัง พุทโธ หรือวิธีอื่นๆ คือการปรับกระแสคลื่นจิตให้ละเอียด จนวิญญาณเขาสามารถติดต่อกับมนุษย์ได้ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ที่เขาจะติดต่อด้วยจิตขณะปฏิบัติ ละเอียดขนาดไหน อาจจะรับสัมผัสทางผิวหนัง เกิดขนลุกวูบวาบ หูได้ยินเสียงวิ๊งๆ มีอาการตึงที่ท้ายทอย หรือได้ยินเป็นเสียงพูด หรือเห็นเป็นรูปร่างเลย พูดคุยกันได้ ก็แล้วแต่ความละเอียดของจิตของผู้ปฏิบัติ คนแต่ละคนมีบุญปฏิบัติแต่อดีดชาติมาไม่เท่ากัน ถ้าคนใดเขาเคยปฏิบัติสมาธิได้มาก่อนแต่อดีตชาติ เขาจะประสบความสำเร็จติดต่อกับโลกวิญญาณได้รวดเร็ว บุคคลที่ปฏิบัติได้เขาจะเป็นผู้โฆษณาการสอนของท่านให้เอง ท่านเองก็ต้องวางแผนกุศโลบายการสอนให้เหมาะสมเอง เช่น
8 T' f5 g% V9 A* X, h! e0 K8 S- พิสูจน์โลกวิญญาณ นรก สวรรค์7 {8 d7 o# Z9 J! O2 c0 ?
- ไปดูคนที่ผิดศีลข้อต่างๆ ที่นรกว่าถูกลงโทษอย่างไร
4 `. `, D" i% D% D. H- ไปดูสวรรค์ชั้นต่างๆ ว่าที่เขามีความสุขเพราะเขาได้รับบุญตอนไหน
* t) _# A2 j( Q( h/ }( t- }- วิธีการอุทิศบุญ การกรวดน้ำ วิญญาณเขาได้รับบุญตอนไหน: `( c D/ X2 F& C& Z. r: o3 I. ?' y
ขอเพียงท่านเท่านี้ เมื่อมีบางคนทำได้บอกต่อๆ กันไป รับรองวัดท่านงานหนักแน่ มีผู้เข้ามาขอรับการสอนมากมาย ท่านจะทำไหวไหมล่ะครับ พอนะครับ เขียนเรื่องพระมาก เผื่อพลาดเดี๋ยวผมบาป เปลี่ยนเรื่องดีกว่า y% d. P5 _9 A$ p# X6 O/ f7 O q
2. พุทธศาสนิกชน
& N' |, x( p% d" M" z7 }0 j, V ก็คือประชาชนชาวพุทธเรานี่แหละ มีอยู่ในเขตสุวรรณภูมิมากที่สุด แต่ทุกวันนี้เรามักจะเอาพิธีกรรมของพราหมณ์มาปนกับพิธีการของพุทธกันมากจนแยกไม่ออก สังเกตได้จากวัตถุมงคลที่คล้องคอกันอยู่ ประกอบด้วยเลขยันต์ อาคม พุทธมนต์ปนกันไปหมด วัตถุมงคลเหล่านั้นมีพลังจริงปกป้องคุ้มครองได้ในระดับหนึ่ง คือไม่เกินกฎแห่งกรรม
; f" M7 k' ^; Y, E+ s- }$ ~ ทุกวันนี้ผู้คนมีจำนวนมากขึ้น การทำมาหากินก็วุ่นวายไปหมด การยึดติดกับวัตถุมีมาก จิตใจที่ต้องรีบเร่งทำมาหากิน จนความเห็นแก่ตัวมีมากขึ้น ชาวพุทธเราเดี๋ยวนี้จิตใจจึงแปรไปตามกระแสโลกและสังคมที่เสื่อมทรามลงไป การนับถือพุทธจะมุ่งไปที่ผู้มีฤทธิ์มีเดชเสียส่วนมาก ครูบาอาจารย์ท่านใดมีพลังจิตแก่กล้าแสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้ ผู้คนจะรุมเข้าไปที่วัดท่านจนวุ่นวายไปหมด เพราะคนเราเดี๋ยวนี้ขาดที่พึ่งทางจิตใจ
5 @: Y% F% i' I3 E1 V) M5 [7 G) Y วัดใดพระท่านมุ่งปฏิบัติธรรม สอนธรรมะ ศีล สมาธิ ปัญญา ผู้คนที่ยึดติดกับวัตถุฟังเท่าไรก็รับธรรมะของพระพุทธองค์ไม่ได้ มันเลยหัวไปหมด ผู้คนชาวพุทธที่เข้าไปรับฟังธรรมะจึงมีเพียงจำนวนน้อย คือกลุ่มผู้มุ่งเดินตามรอยบาทพระพุทธองค์เท่านั้น
M6 {) i- {; a( [' } อีกหลายๆ คนมุ่งยึดถือเทพเป็นที่พึ่งแทนพระพุทธองค์ บางคนยึดถือวัตถุลงอาคมทางไสยศาสตร์เป็นที่พึ่ง ปรวนแปรกันไปใหญ่แล้ว & i0 A1 i A& L8 a4 I4 Y
ชาวพุทธทั้งหลาย เคยได้ยินได้ฟังเรื่องโลกหลังความตายในคำสอนของพุทธศาสนา แต่เขาไม่เชื่อ ทำให้ความสนใจในการสร้างความดีจึงน้อยลง ทำดีมันทำยาก มันฝืนกับกระแสกิเลส การเข้าวัดทำบุญทำทาน ถือศีล ปฏิบัติธรรม ในสายตาของคนที่หัวสมัยใหม่จึงเป็นเรื่องคร่ำครึโบราณ เป็นเรื่องของคนงมงาย: O3 {8 i. }) Z3 k# y
ผู้คนที่เขายึดติดกับวัตถุและกิเลส เข้ามักจะไม่เชื่อเรื่องโลกวิญญาณ ไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีร่ำรวยมีให้เห็นจริงด้วยซิ ผมเคยท้าคนที่ไม่เชื่อว่าผีมีจริง จะลองพิสูจน์ไหมล่ะพ่อนักวิทยาศาสตร์ เอาไหม จะเอาวิธีไหนให้ลองเลือกดู( y0 w! ~( ~, k& d5 j( L0 Q/ Y
1. เวลาหกทุ่ม ผมจะเอากระดาษปากกาไปวางที่เมรุเผาศพ แล้วให้คนที่ไม่เชื่อว่าผีมีจริงไปเซ็นชื่อคนเดียวเอาไหม เดี๋ยวผมจะประกาศว่าวิญญาณใดออกมาปรากฏให้คนๆ นี้เห็นได้ผมจะสังฆทานให้ ผมไม่พบว่าใครกล้าลอง ตัวผมเข้าไปง้างกระดาษปากกาที่เมรุได้ เพราะผมเดินแจกบุญอุทิศไป ทำให้มีแต่พวกเป็นมิตรทั้งนั้น รับรองผมปลอดภัยแน่" w( \% Y6 V% Z& D& O5 K
2. ที่ศาลไหนที่ได้ข่าวว่าศักดิ์สิทธิ์ พวงมาลัยเต็มเลย คนที่ไม่เชื่อกล้าไปนอนเล่นใกล้ๆ ศาลเวลากลางคืน “เอาไหม” คำตอบ “ไม่เอา” . w+ c1 t2 X% I# U( k* a: d
3. ตามบ้านงานศพหรืองานศพที่วัด พอพระสวดศพเรียบร้อยแล้ว ขอแรงนอนเฝ้าศพหน่อยได้ไหม คำตอบ “ไม่เอา”! R7 W8 D- A) W+ ]4 l$ q2 ~% ]
ผมพบแต่คนปากกล้าขาสั่น พอเอาจริงไม่กล้าพิสูจน์ เพราะในเบื้องลึกในใจเชื่อว่าผีมีจริงแต่ปากแข็ง ยกเว้นคนที่จิตแข็งมากๆ หรือคนที่ทำงานเกี่ยวกับศพ เช่น สัปเหร่อที่เคยชิน ถ้าจิตไม่ตกไม่กลัว ผีก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน. i2 p. Q4 c9 R8 k4 R
เขียนไปเขียนมาเฉไปเรื่องผีเสี่ยนี่ ขอสรุปเรื่องพุทธศาสนิกชนจำนวนมากปัจจุบันนี้ มัววุ่นวายกับการทำมาหากิน ความสนใจเรื่องทาน ศีล ภาวนา น้อยลงมาก ไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมและโลกวิญญาณ ความสนใจในการเข้าวัดทำบุญทำทานจึงน้อยลงมาก เพราะไปทำบุญสิ้นเปลืองเงินทองแล้วไม่เห็นได้อะไรตอบแทนกลับคืนมาเลย
( y) A/ G% {& R1 B* v8 `! q; i- f ผมเคยคุยกันเล่นๆ กับคนที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยทั้งเรื่องพุทธศาสนาและโลกวิญญาณ คือทำมาหากินไปวันๆ ดำรงชีวิตไขว่คว้าหาความสุขตามที่กิเลสมันบงการ ขอสมมุติชื่อว่า “หนุ่ม”
1 B, J, z/ K. ?4 e หนุ่ม : พี่วันนี้ผมขออนุญาตไปงานศพหน่อย เพื่อนมันขับรถไปคว่ำ
$ d* W( u4 o1 V( N5 h* N7 j ตาย) t7 J" Y7 }6 w7 J4 K2 C3 F
ผม : ก็ไปซิ เพื่อนอายุเท่าไรล่ะ) f2 V- |, x8 Q7 a$ E
หนุ่ม : อายุ 27 ปีครับ ยังไม่แก่ไม่น่าตายเลย
. ]! W5 T, K* t8 D5 j. P8 b ผม : อ้าว! หนุ่มคนจะตายต้องแก่ก่อนหรือ แล้วหนุ่มเคยได้ยินข่าวว่าเด็กตายไหมล่ะ
7 V7 W1 y5 n; i1 P u' j( ? หนุ่ม : เคยครับ ก็พวกวัยรุ่นที่ขับรถมอเตอร์ไซต์ เห็นตายกันบ่อย" `, s$ v9 X. p0 n! T5 x
ผม : เออ! แล้วผมกับหนุ่มนี่เราต้องแก่ก่อนไหมถึงจะตาย$ V9 a% b+ A0 L" o) {) s/ C
หนุ่ม : ไม่รู้สิ คงแล้วแต่บุญแต่กรรมมั๊ง
+ Z, X5 j- d" M9 ^% x, n( X ผม : หนุ่ม เชื่อเรื่องบุญเรื่องบาปด้วยหรือ
9 D, o {# m5 j( S D" m หนุ่ม : ก็เห็นคนแก่แล้วก็พระพูดให้ฟัง หนังสือก็เคยได้อ่าน แต่ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจริงหรือไม่จริง / {/ w8 P l) W# }9 k9 C7 e/ E- f
ผม : สมมุตินะไม่ได้แช่ง ทุกคนต้องตายแน่นอน เอาละสมมุติว่าหนุ่มตาย ตายแล้วจบไหมคือสูญสิ้นไปเลยจากโลกนี้
, p. E5 U' a6 ^1 b หนุ่ม : ไม่รู้สิ ผมเองก็ไม่รู้เรื่อง เคยได้ยินเรื่องวิญญาณเรื่องนรก สวรรค์ มีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เห็นคนตายแล้วก็เงียบหายไปเลย ตกลงมันยังไงกันแน่
G2 h, Q5 F4 e8 l( h6 F ผม : สรุปตอนนี้หนุ่มเองก็ยังไม่แน่ใจ เอาว่ามี 2 อย่าง คือ ตายแล้วสูญ กับตายแล้ววิญญาณออกจากร่างไปรับบุญกรรมที่ทำไว้ ถูกมั๊ย!
* U! l) N/ t. L2 d2 H หนุ่ม : ครับ ผมก็ว่าไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง6 z1 T5 R& \6 q, `$ w, w
ผม : หนุ่ม ลองคิดแบบตาชั่งที่มีจาน 2 จานนะ แล้วลองนึกที่ผ่านๆ มา หนุ่มลองเอาความดีกับความชั่ว ที่หนุ่มนึกออกใส่จานตาชั่งความดีข้างหนึ่ง ความชั่วข้างหนึ่ง หนุ่มคิดว่าตาชั่งเอียงไปข้างไหน
5 [: o- L3 z% j- O( M หนุ่ม : ถ้าพูดอย่างนี้ ตาชั่งก็เอียงไปทางชั่วซิครับ เหล้าผมก็กิน ตกปลาก็เยอะ หลอกสาวๆ มาก็เยอะ วัดผมก็ไปแค่แห่นาคไปวัดกับไปเผาศพ ตอนเด็กๆ แม่เคยพาไปทำบุญมั่ง แต่นานมาแล้ว คือผมเห็นพระแล้วมันไม่เกิดศรัทธาเลยไม่สนใจทำบุญ: K" c: ?, D9 {
ผม : เอาละทีนี้คิดดูนะ ถ้าตายแล้วสูญก็จบ จะทำดีชั่วว่ากันตามสบายเลย แต่ถ้าเกิดโลกวิญญาณมีจริง นรก สวรรค์มีจริงแล้ว ถ้าหนุ่มตายคิดว่าจะไปอยู่ที่ไหน
: h( a/ J2 v4 d" E0 Y% l หนุ่ม : เออ! ถ้าถามอย่างนี้ ผมก็ต้องไปนรกซิครับ
6 @' N. E& x3 l7 Z7 z; L! z ผม : แล้วหนุ่มอยากไปนรกไหมล่ะ% u1 k- I/ k9 @' c# s
หนุ่ม : ใครจะอยากไปนรก ก็รู้ว่าทรมานมาก แต่มันมีจริงหรือครับ+ Z6 u* N$ [; c9 `9 {. o
ผม : เอาอย่างนี้ คืนนี้พอพระสวดเสร็จแล้ว ขอแรงหนุ่มนอนเป็นเพื่อนผีเพื่อนของหนุ่มหน่อยได้ไหม คือที่วัดมักจะมีคนนอนที่ศาลาศพน้อย คนเขากลัวกัน หนุ่มช่วยอยู่เป็นเพื่อศพหน่อยนะ
/ f0 G. Y/ _+ x! {" h3 y หนุ่ม : ไม่เอาครับ จ้างก็ไม่เอา ใครจะกล้านอน
4 c2 o4 T0 V7 x ผม : อ้าว! นั่นเพื่อนหนุ่มนา ทำไมไม่ห่วงเพื่อนล่ะ
2 \1 t: H7 c. G! i5 V" H0 M หนุ่ม : ใครจะไปกล้านอน ไม่เอาๆ! g6 \& l }, y8 {+ C5 ~4 c
ผม : ตกลง หนุ่มเชื่อหรือว่าผีมีจริง5 l4 L" X8 ?" i% d! ]. U3 g
หนุ่ม : ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ให้นอนอย่างนี้ไม่เอา มันหวาดๆ ถ้าคนเยอะๆ กล้านอน. }& R1 r Z7 d1 c
ผม : ผมรู้แล้ว หนุ่มเชื่องเรื่องผีมีจริง แต่ยังไม่ค่อยชัด เพราะไม่เคยเห็นใช่ไหมล่ะ! x/ [4 Z5 v4 k
หนุ่ม : ก็ทำนองนั้นแหละ1 b" f. k! q' x) v- x6 r; Y
ผม : รู้ไหม นี่แหละโอกาสดี ได้พิสูจน์เรื่องผีมีจริงมั๊ย พิสูจน์กับผีเพื่อนเรานี่แหละ ปลอดภัยดี ตกลงไปนอนคืนนี้เลย
3 X; r5 W& d* h4 N8 |* |9 u( ]2 i/ ~ หนุ่ม : ไม่เอาๆ ไม่ใช่เรื่อง ทำล้อเล่นกับผีเชียวนา ผมไม่เสี่ยงด้วยหรอกครับ เดี๋ยวนอนหลับอยู่ลืมตาขึ้นมาเห็นผีมันมานั่งข้างตัว ผมมิหัวใจวายตายหรือ, R# H# A: p( u# O
ผม : แสดงว่าหนุ่มเคยดูหนังผีมาเยอะ ผีในหนังมันดุให้คนดูกลัว คนกลัวผีจะชอบดู ดูแล้วก็เอามาฝัน ถูกผีหลอกในฝันอีก สมมุติว่าหนุ่มตายเป็นผี หนุ่มจะกลายเป็นปีศาจร้ายไหมล่ะ
* K3 m$ B( z6 [ L0 @0 [ หนุ่ม : ผมก็ต้องเป็นผม ถ้าผมตายเป็นผี ผมก็คงไม่ไปคิดบีบคอใคร ไปหลอกใคร
+ [: G$ X w: T- f% H) v ผม : ใช่ เพื่อนหนุ่มที่ตาย เขาก็ต้องคิดเหมือนหนุ่ม ที่เขาไปให้ใครเห็นนั่นคือเขาพยายามติดต่อกับคนที่มีชีวิต เพื่อจุดประสงค์ที่เขาต้องการ เขาไม่ได้มาหลอกใครซักหน่อย เข้าใจแล้วนะ ตกลงคืนนี้ไปนอนเป็นเพื่อนศพนะ เผื่อเพื่อนมีธุระอะไรมาฝากบอกก็ได้นะ
7 |6 v4 C' p2 I1 v0 l หนุ่ม : NO! NO! สถานเดียว ถึงเพื่อนก็ไม่เอา มันไม่กลัวหรอก แต่มันก็ไม่กล้า บอกตรงๆ เลย* G- J+ f% h a4 V6 ?) _3 e
ผม : OK! ผมล้อเล่นนะ ตกลงหนุ่มเชื่อว่าผีมีจริง เพียงแต่ยังไม่เคยพิสูจน์เท่านั้น ถ้าผีมี นรกสวรรค์ก็ต้องมี งั้นถ้าหนุ่มตาย เดือนร้อนแน่ ก็หนุ่มบอกว่าตาชั่งความชั่วมีมาก ลงนรกแน่ๆ ถ้าใครลงนรก ตายแล้วหายเงียบไปเลยนะ เหมือนคนติดคุกนั่นแหละ จะออกมาเยี่ยมใครได้ล่ะ F6 ^3 j- H" D& ?- d2 x) h6 ~
หนุ่ม : แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ ผมก็ไม่อยากลงนรก
! E+ a/ R1 ]- } ผม : หนุ่มก็ต้องรู้จักทำบุญทำทานเสียมั่งซี หยุดเรื่องผิดๆ เสียมั่ง เราทำบุญไว้เอง ดีกว่ารอให้คนทำบุญให้นะ หัดถือศีล 5 เสียบ้าง( y! {2 M+ A+ ^3 O# F6 ]% @
หนุ่ม : เรื่องทำบุญทำทานพอได้ แต่ให้ถือศีลผมทำงาน ไม่มีเวลาไปถือศีลหรอก
3 {. j& H6 O- t# s/ Z+ Z& ? ผม : เอาอย่างนี้ ตั้งแต่เราเริ่มคุยกันเรื่องนี้ หนุ่มทำผิดศีล 5 ข้อ+ W, R) s" s- Z/ V f7 l2 |4 t
ไหนมั่ง% p8 P% W' B1 q3 V3 V9 Y3 T" B
หนุ่ม : ศีล 5 หรือ เดี๋ยวคิดก่อน เออ! ไม่ผิดเลยครับทั้ง 5 ข้อ
7 j1 c" H. m$ r$ f ผม : เห็นไหม หนุ่มถือศีลได้โดยไม่รู้ตัว ตกลงถือศีล 5 ยากไหม เราไม่ได้ใช้มือถือศีล เดี๋ยวเมื่อย เราเอาใจถือศีล คือเราคอยห้ามใจเราไม่ให้ทำผิดศีล 5 ข้อ ใหม่ๆ มันก็ต้องพลาดมั่ง ได้มั่ง พอเริ่มชินเราจะพลาดน้อยลงไปเรื่อยๆ เอง ศีลจะบริสุทธิ์ขึ้นไปเรื่อยๆ ศีลเราไม่ต้องไปขอพระหรอก คิดถือเอาเองเลย เพราะศีลคือข้อควรเว้น ใครอยากถือศีลก็ปฏิบัติเอาเลย ไม่ต้องมีพิธีการหรอก' `% f8 A, `$ x; S* P9 S5 d
หนุ่ม : ทำบุญทำทานมันไม่ยากหรอก แต่ถือศีลนี่มันฝืนๆ ยังไงก็ไม่รู้ แล้วจะให้ถือศีลไปทำไม ทำบุญก็น่าจะพอแล้ว+ x8 Z0 a* A9 O1 C" e6 h
ผม : ทำบุญก็คือทำทาน ใครก็ทำได้ คนดีคนชั่วก็ทำบุญทำทานได้ทั้งนั้น แต่ศีลนี่คนชั่วเขาไม่มีศีลกันหรอก มีแต่คนดีที่เขารู้เรื่องศาสนาพุทธดี เขาทำกัน มันทำที่ใจนะ ไม่ได้ทำด้วยเงินหรือสิ่งของ หนุ่มเคยได้ยินคำว่า ทาน ศีล ภาวนา มั๊ย
+ N; N$ _1 [0 _3 L l5 Y* P2 G3 F8 I หนุ่ม : เคยได้ยินมาบ้าง เหมือนกันครับ! Z# ~/ y0 h" Q
ผม : นั่นแหละ คำว่า ทาน ศีล ภาวนานี่ กำลังบุญมันต่างกัน บุญต่ำสุดคือบุญชั้นทาน ที่เราเอาอาหาร ผ้าไตรจีวร เงินทองถวายพระ ทอดผ้าป่า กฐิน นี่คือบุญชั้นทาน บุญยังน้อยเพราะทำบุญด้วยวัตถุสิ่งของ ชาวบ้านเขานิยมทำกันแค่บุญชั้นทานนี่แหละ พอตายไปก็ขอรับบุญแล้วก็ไปรวมกันอยู่สวรรค์ชั้น 1 แค่นี้เอง เยอะหมด ชั้นนี้1วันเท่ากับ 50 ปีมนุษย์เอง ถือว่าน้อยนะ บุญศีลอันนี้ต้องใช้ใจทำ ประคองใจให้ถือศีลบริสุทธิ์ ทำให้ใจสะอาด บุญแรงกว่าบุญชั้นทานมาก ทำทานมา 100 ปียังได้บุญน้อยกว่า ถือศีลให้บริสุทธิ์ 1 วันอีก ไม่ได้ใช้เงินสักบาท บุญมันเกิดเพราะทำใจให้สะอาดด้วยศีล โน่นตายไปอย่างต่ำก็สวรรค์ชั้นที่ 2 ดาวดึงส์จนถึงชั้น 6 อายุยาวนานมาก จะอยู่ชั้นไหน ก็ดูว่าศีลบริสุทธิ์แค่ไหน
, ~- I1 v$ h9 q0 @' z2 ]ภาวนามันก็มีทั้งสมาธิกับวิปัสสนา บุญพลังแรงมาก พวกที่ปฏิบัติสมาธิภาวนาพลังบุญขึ้นไปรอชั้นพรหมโน่น เอาละเดี๋ยวจะเป็นทฤษฎีมากไป ตกลงหนุ่มรู้หรือยังว่าจะถือดีมั๊ย% V3 {" O* i# b r) B
หนุ่ม : อือ! คิดดูก็น่าลองดูนะครับ ไม่ได้ใช้เงินใช้ทองด้วยเดี๋ยวผมต้องลองดู ท่าจะดีนะ ลองถือศีล 5 เล่นๆ ดู ยังไม่ถือจริงๆ นะเดี๋ยวเผลอผิดศีล& l! O1 L3 v: q$ ^ L
ผม : อยากลองก็ทำดูซิ ไม่ต้องประกาศให้ใครรู้หรอก พอทำบ่อยๆ เดี๋ยวชินเอง ทำแล้วสบายใจดีด้วย ลองดูสิ ชาวบ้านเขารับศีลจากพระกันมาเป็นสิบเป็นร้อยหน แต่คืนพระหมดไม่เห็นเอามาถือ โกหกพระพุทธเจ้า บาปนะ เราไม่ขอศีลใคร ถือได้มั่งไม่ได้มั่งก็ไม่เป็นไร นี่เราคุยกันเล่นนะ อย่าหาว่าผมมาล้างสมองล่ะ
( L/ [( c! W1 R7 @( P8 U หนุ่ม : ก็มันมีเหตุมีผล ผมฟังแล้วก็ต้องคิด เมื่อก่อนไม่เคยสนใจเลยจริงๆ ครับ นี่ถ้าผมตายลงผมก็ยังไม่รู้ว่าผมจะไปเป็นอะไรเลย ตอนนี้ผมคิดแล้วผมต้องทำดู ไหนๆ ผมก็เป็นชาวพุทธแต่ทำไมไม่รู้เรื่องอย่างนี้มาก่อนเลย นี่ผมจะลองนั่งสมาธิมั่ง ถือศีลอย่างเดียวเดี๋ยวบุญจะน้อยไป แล้วจะให้ผมไปฝึกที่ไหนดีละครับ! j) _' B& N8 q& Y4 |/ U* W
ผม : อ้าว! ไปกันใหญ่แล้ว ใจเย็นๆ หนุ่ม นั่งสมาธินี่ลองฝึกแบบศึกษาเองดูก่อนก็ได้ ตำราเดี๋ยวนี้เยอะแยะไป วิธีมีตั้งเยอะ ลองดูหลายๆ วิธีก่อน ถ้าเหมาะใจชอบใจแบบไหน ก็ค่อยเอาจริงเอาจังแบบนั้น สำนักปฏิบัติแนวนั้นอยู่ที่ไหนบ้าง ตามหนังสือมีบอกเยอะแยะไป อย่างหนุ่มอยู่ชัยนาทนี่ ที่ฝึกที่ไม่ไกลก็มีวัดเขาสารพัดดีที่อำเภอหันคา วัดท่าซุงที่จังหวัดอุทัยธานี วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี เออ! ที่แถวตาคลีก็มีนะ รู้สึกชื่อวัดถ้ำประทุน บางทีที่วัดอื่นก็น่าจะมีอีก แล้วแต่ใครจะรู้จักที่ไหน
6 e* d% X4 E* j" k- @ หนุ่ม : เอาอย่างนี้ เดี๋ยวผมลองศึกษาดูก่อน ค่อยๆ ลองทำดู ถ้าสงสัยอะไร ผมขอคำปรึกษาบ้างนะครับ , a6 x! j/ f+ H3 }
ผม : ก็ลองดู ทำที่บ้านนั่นแหละสบายที่สุด ทำได้ทุกวัน กราบพระเสร็จก็ทดลองฝึกดู นั่งยังไงก็ได้ที่สบายที่สุด เหมาะกับตัวเราเอง เออ! ก่อนจะนั่งสมาธิหนุ่ม ต้องหัดอุทิศบุญให้เป็นก่อนนะ เผื่อมีวิญญาณมาขอส่วนบุญจะได้รู้วิธีทำ ไม่ต้องกลัวอะไร พวกที่มาขอเรา เขาน่าสงสารมาก อย่าไปกลัวนะ/ O' @3 h$ J8 m
หนุ่ม : อ้าว! นี่ถ้าผมหัดนั่งสมาธิ เขาน่าสงสารมากอย่าไปกลัวนะ แบบนี้นั่งไปก็เสียวสันหลังไป อย่างนี้หรือเปล่าที่เขาว่านั่งแล้วเป็นบ้า ผมเคยได้ยินมา4 s# I$ g: m% l r1 a1 G
ผม : ใจเย็นๆ อะไรกัน คนหนุ่มแน่น จิตใจเข้มแข็งหน่อยซี เอาอย่างนี้ หนุ่มเคยเห็นคนที่เขานั่งสมาธิปฏิบัติธรรมเป็นบ้ามากี่คนแล้ว" O& K3 |9 e5 y: i2 d
หนุ่ม : ไม่เคยเห็นครับ แต่เคยได้ยินเขาเล่ากันมา
/ i. @/ U* f6 S; C ผม : เอาละ จะอธิบายให้ฟัง เวลาเรานั่งสมาธิจนจิตเราละเอียดมากขึ้นๆ เวลานั้นบุญจากการปฏิบัติของเราจะจ้าที่จิตของเรา วิญญาณที่ลำบากอย่างพวก เปรต อสุรกาย สัมภเวสี เขาก็อยากเข้ามาขอบุญเรา ถ้าเรารู้เห็นหรือรู้สึกหรือได้ยิน เราก็รีบอุทิศบุญให้เขา เป็นการทำทานด้วยบุญ เท่านี้เขาก็ยินดีรับ แล้วเขาจะมาทำร้ายเราทำไม มีแต่ขอบคุณเราเสียอีก ส่วนพวกที่บ้านั้นมีจริงๆ คือฝึกแบบขาดสติ เพ่งเอาๆ พอไปเห็นวิญญาณน่ากลัวน่าเกลียด จิตเกิดตกใจอย่างแรงก็บ้าได้ ก็พวกที่ลำบากที่เข้ามา รูปร่างเขาเป็นอย่างนั้นเอง เขาไม่ได้หลอก นั่นแหละหล่อที่สุดแล้ว มีอยู่แค่นั่นเอง ทั้งหิวทั้งทรมานจะเอาอารมณ์ที่ไหนมาหลอกหลอนคน เขามาขอส่วนบุญต่างหาก บางทีเป็นเสียงครางฮือๆ เขากำลังบอกว่า ช่วยด้วย ! แต่ลิ้นเขาไม่มี ฟันก็ไม่มี เสียงมันเลยออกมาเป็นเสียงแบบนั้น อย่าไปกลัวเขาเลย สงสารเขาเถิด5 _# b: B( J) z3 X
หนุ่ม : เออ! ถ้าอย่างนี้ ก็ค่อยยังชั่วหน่อย แล้ววิธีอุทิศบุญเป็นยังไง
# N3 ~% O3 `% }7 u1 l9 @ ครับ( f9 C0 [/ v* ]' b5 k' g
ผม : เอาๆ จะอธิบายแยกให้ฟังนะ คิดพิจารณาเอาเองว่าทำได้ไหม
$ K1 P/ n5 V3 R' b2 f& \ ข้อแรก บุญจากการทำทาน บุญจะเกิดตอนเราสละของหลุดมือพอของหลุดมือให้คิดทันทีว่าขอให้บุญนี้ให้……………… ข้อนี้มีทั้งทำบุญกับพระ, พ่อแม่, ลูก, หมา, แมว, คือให้สิ่งของ อาหารใช่หมด เป็นบุญจากการทำทาน
, f# l4 m+ y. I% i2 o! h ข้อสอง บุญที่เราเคยทำไว้แล้ว สะสมอยู่ที่สวรรค์เราเบิกมาใช้ได้ คือให้อธิษฐานว่า “ขออำนาจบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์โปรดดลบันดาลให้บุญของข้าพเจ้าลงมาส่งให้กับ……………หนุ่มจะเบิกกี่ครั้งก็ได้ ให้กับวิญญาณไหนก็ได้ ข้อนี้แหละที่เราใช้ได้เร็ว คือเมื่อรู้ว่ามีวิญญาณไหนมาขอบุญ เราก็เบิกบุญอุทิศให้เลย เร็วดี. s1 Z3 A/ `* _* D& k6 \$ X
ข้อสาม พอเราจะนั่งสมาธิ บุญจะเกิดที่เรามาก ให้เบิกบุญแจกไว้เลยโดยอธิษฐานก่อนนั่งสมาธิว่า “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์โปรดดลบันดาลให้บุญจากการนั่งภาวนาของข้าพเจ้าเปิดให้ทุกวิญญาณที่ต้องการรับได้เลย”
- o, q7 L0 b9 n; \4 E7 v แค่นี้เองหนุ่มทำได้ไหม รับรองว่าเปิดบุญไว้แล้วนั่งสมาธิ ไม่มีใครมากวนหรอก เพราะเราเปิดบุญให้เขาไว้แล้ว0 F [3 {6 C# t- S1 `1 x
หนุ่ม : เออ! แปลกดี ผมเพิ่งเคยได้ยิน เดี๋ยวผมต้องลองทำดู แล้วเพื่อนผมที่ตาย ที่ผมจะไปงานศพนี่ล่ะครับ ผมจะทำบุญให้เขาแบบไหนดี
) w) \6 ]) q) {* x# h8 n) V ผม : เพื่อนเธอน่ะหรือ ง่ายมาก คนเพิ่งตายพลังของวิญญาณเขายังมีน้อย หนุ่มหาของเป็นทานก่อน พวกอาหาร ผ้าไตรจีวร พระพุทธรูป ของใช้ต่างๆ รวมกันถวายเป็นสังฆทาน เอาที่งานศพนั่นแหละ พระสี่องค์ใช้ได้เลยพอถวายของหลุดมือ ให้หนุ่มคิดทันที่ว่าบุญนี้อุทิศให้เพื่อนแค่นี้เอง รับรองเพื่อนหนุ่มรูปร่างสวยทันที เพราะบุญสังฆทานถือว่าทำบุญกับหมู่สงฆ์ บุญแรงมาก อาหารทำให้เขาอิ่มทิพย์ไม่หิวโหย ผ้าไตรจีวร จะกลายเป็นเครื่องแต่งกายเสื้อผ้า ของใช้ก็เป็นสิ่งของที่เขาต้องการใช้ พระพุทธรูปจะมีผลทำให้กายเขาสว่างสดใส พอหลังจากนั้นหนุ่มอยากอุทิศบุญให้เพื่อน ก็ใช้เบิกบุญของหนุ่มให้ก็ได้ หรือเวลานั่งสมาธิก็อธิษฐานให้บุญปฏิบัติส่งถึงเพื่อนก็ได้ เห็นไหมง่ายออก
, m& [; D0 U; j8 M หนุ่ม : ที่ผมฟังมานี่ แปลกดีนะครับ ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็มีเหตุมีผลที่รับได้ เมื่อก่อนผมรู้แต่ว่าจะอุทิศบุญให้ใครเขาใช้วิธีกรวดน้ำ ตอนพระยะถา เห็นคนแก่เขากรวดน้ำกัน แล้วก็เอาน้ำไปเทโคนไม้
; s A) f, A0 F3 H6 Z1 P7 A1 G ผม : ผมก็เคยทำเคยเห็นมาอย่างนั้นเหมือนกัน แต่พอศึกษาจากพระสายกรรมฐาน ที่ท่านเห็นวิญญาณได้พูดคุยได้ ท่านอธิบายให้ฟังแบบที่ผมอธิบายนี่แหละ ท่านยืนยันแน่นอนว่าต้องคิดอุทิศอย่างที่ผมพูดไป ผมเองก็ลองดูพิสูจน์ดู จนชัดแล้วถึงต้องเชื่อ แต่ถ้าหนุ่มจะกรวดน้ำด้วยก็ได้ เพื่อความมั่นใจว่าอุทิศบุญถึงเพื่อนได้แน่นอนสบายใจ
6 q) |& W2 ]8 l. I( | หนุ่ม : ผมคุยกับพี่วันนี้ได้อะไรเยอะเลย เห็นท่าจะต้องปฏิวัติตัวเองใหม่ ลองทำอย่างที่พี่บอกผมดู นี่ไม่รู้ว่าพรรคพวกที่เห็น มันจะว่าผมบ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้
# k2 L9 a, } t+ f" L ผม : เออน่า ! ถ้าบ้าดีก็บ้าบุญ บ้าก็บ้าว่ะ!บวชพระได้บุญหรือบาป
4 ~! j; `5 k7 e: X( v * q1 e+ k( V* b' [. ]# F
|
|