แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 7411|ตอบ: 15
go

วัดม่อนพระยาแช่ ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง (พระเกศาธาตุ, พระธาตุส่วนเล็บ, น้ำบ้วนพระโอษฐ์)

Rank: 8Rank: 8

pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2014-5-15 12:32 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

IMG_9812.JPG



วัดม่อนพระยาแช่

ม.๑  ต.พิชัย  อ.เมือง  จ.ลำปาง


[พระเกศาธาตุ ๘ เส้น , พระบรมธาตุส่วนเล็บ ,

พระบรมธาตุน้ำบ้วนพระโอษฐ์]



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2014-5-15 12:37 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

IMG_9516.JPG



IMG_9518.JPG



IMG_9525.JPG



IMG_0025.JPG



ถนนทางเข้า วัดม่อนพระยาแช่ ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ลำปาง-พะเยา (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑) ระยะทางห่างจากตัวเมืองลำปางประมาณ ๘ กิโลเมตร ให้ขับรถเลี้ยวแยกไปทางถนนสาย ลป. ๒๐๓๖ พหลโยธิน-วัดม่อนพญาแช่ เส้นทางเดียวกับไปวนอุทยานม่อนพระยาแช่ ระยะทางจากถนนปากทางเข้าถึงวัดม่อนพระยาแช่ ๔.๘๓๐ กิโลเมตร ค่ะ



IMG_9531.JPG



ซุ้มประตู วัดม่อนพระยาแช่ สร้างถวายโดย คุณประยงค์-เล็ก ตั้งตรงจิตร ห้างขายยา ตราใบโพธิ์ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖ ค่ะ


IMG_0023.JPG



ประตูทางเข้า/ออก วัดม่อนพระยาแช่ ค่ะ


IMG_9615.JPG


วัดม่อนพระยาแช่
ตั้งอยู่เลขที่ ๒๗๙ หมู่ ๑ บ้านพิชัย ตำบลพิชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ค่ะ


IMG_9585.JPG



สถานที่สำคัญในวัดม่อนพระยาแช่
๑. พระธาตุม่อนพญาแช่ และ อุโบสถ
๒. พระพุทธคันธราราฐ (ปางขอฝน)
๓. สมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ปฐม
๔. พระสังกัจจายน์
๕. ศาลาเกษมโชติ
๖. บรรณศาลาสุพรหมฤาษี
๗. พ่อปู่ชีวกโกมารภัจจ์
๘. พระแม่กวนอิม
๙. บันไดนาคทางขึ้นพระธาตุ
๑๐. ศาลาจักกีวังสานุสรณ์
๑๑. ศาลาพระราชสุธรรมพร (หอฉัน)
๑๒. กุฎิเจ้าอาวาส
๑๓. ศาลารัตนาคม


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2014-5-15 12:42 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

IMG_9609.JPG



IMG_9611.JPG



IMG_9619.JPG



IMG_9634.JPG



IMG_9645.JPG



IMG_9663.JPG



IMG_9670.JPG



IMG_9694.JPG



บันไดนาคทางขึ้นพระธาตุม่อนพระยาแช่ วัดม่อนพระยาแช่ มี ๕๘๕ ขั้น ค่ะ



IMG_9655.JPG



IMG_9657.JPG



ศาลาพระพุทธรูป อยู่ระหว่างทางขึ้นไปพระธาตุม่อนพระยาแช่
วัดม่อนพระยาแช่ ค่ะ


IMG_9688.JPG


ศาลาพักร้อน อยู่ด้านข้างบันไดทางขึ้น/ลง พระธาตุม่อนพระยาแช่ วัดม่อนพระยาแช่ ค่ะ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2014-5-15 12:53 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

IMG_9700.JPG



IMG_9714.JPG



IMG_9856.JPG



IMG_9799.JPG



IMG_9829.JPG



IMG_9842.JPG



IMG_9768.JPG



พระธาตุม่อนพระยาแช่ วัดม่อนพระยาแช่ ประดิษฐานพระเกศาธาตุ ๘ เส้น พระบรมธาตุส่วนเล็บ และพระบรมธาตุน้ำบ้วนพระโอษฐ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เดิมถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ และได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี พ.ศ.๒๔๙๘ ประกาศขึ้นทะเบียนในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๕๒ ตอนที่ ๗๕ ลงวันที่ ๘ มีนาคม ๒๔๗๘ ทุกปีจะมีงานนมัสการพระธาตุในวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๗ เหนือ (ตรงกับเดือน ๙) ค่ะ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2014-5-15 12:55 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

IMG_9801.JPG



IMG_9863.JPG



ตำนานพระธาตุม่อนพระยาแช่

วัดม่อนพระยาแช่



(แหล่งที่มา : ป้ายประวัติตำนานพระธาตุม่อนพระยาแช่ วัดม่อนพระยาแช่)


สมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาถึงกุกกุตตะนครในเมืองเวียงดิน (วัดศรีล้อม) พร้อมด้วยฤาษี ๕ องค์ ทรงฉันภัตตาหาร เสร็จแล้วก็ทรงบ้วนพระโอษฐ์ พระฤาษีเอาภาชนะแก้วมารองรับ น้ำบ้วนพระโอษฐ์เกิดกระด้างกลายเป็นพระธาตุ พระฤาษีทั้ง ๕ เห็นเกิดความอัศจรรย์ใจ เกิดความเลื่อมใสและปีติยินดียิ่ง  จึงทูลถามว่า จะให้นำพระธาตุไปประดิษฐานที่ไหน จึงจะสมควร พระพุทธองค์เล็งเห็นว่า สถานที่นี้จะมีผู้คนมากมาย เพื่อให้เป็นประโยชน์และเป็นที่พึ่งแก่คนทั้งปวง จึงตรัสว่า

“ทางทิศตะวันออก มีภูเขาชื่อ เขลางค์บรรพต  เอาพระธาตุนี้ไปบรรจุไว้ที่นั้น” แล้วทรงอธิษฐานถอดเอาพระนขา (เล็บ) และพระเกศา (ผม) เอาไปบรรจุไว้ด้วยกัน พระฤาษีทั้ง ๕ พร้อมด้วยพระอินทร์ ก็รับเอาพระธาตุทั้ง ๓ อย่าง มุ่งหน้าไปสู่เขลางค์บรรพต (ม่อนพระยาแช่) พระอินทร์ได้เนรมิตสถานที่บรรจุพระธาตุ เป็นช่องลึก ๑๐ วา กว้าง ๘ ศอก พระฤาษีทั้ง ๕ ก็ผลัดเปลี่ยนกันอุปัฐากพระธาตุเจดีย์ในที่ต่างๆ ดังนี้

องค์ที่ ๑ เป็นผู้พี่ รักษาต้นศรีมหาโพธิ์ วัดศรีล้อม
องค์ที่ ๒ รักษาพระมหาชินะธาตุเจ้า วัดม่อนคีรีชัย
องค์ที่ ๓ รักษาพระมหาชินะธาตุเจ้า พระธาตุดอยแล
องค์ที่ ๔ รักษาพระมหาชินะธาตุเจ้า วัดพระธาตุดอยสุเทพ
องค์ที่ ๕ รักษาพระมหาชินะธาตุเจ้า  เขลางค์บรรพต (ดอยยัสสะกิตติ  วัดม่อนพระยาแช่)


IMG_9900.JPG



ที่มาของชื่อ “ม่อนพระยาแช่” / (ม่อนพญาแช่)

พระฤาษีองค์ที่ ๕ น้องสุดท้อง นามว่า “สุพรหมฤาษี” เป็นผู้มีวิชา สามารถชุบคนแก่ให้กลายเป็นคนหนุ่มได้ ในขณะนั้น ยังมีพระยาลัวะคนหนึ่ง ชื่อพญาวุฑโฒ มีอายุได้ ๑๐๐ ปี อยู่ขุนแม่ระมิงค์เชียงใหม่ ได้ทราบข่าวจากพรานป่า ก็อยากจะเป็น จึงสั่งให้เตรียมไพร่พลให้พรานป่านำทาง ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งเดือนจึงเดินทางมาถึงวัดม่อนพระยาแช่ พอมาถึงพระฤาษีจึงถามว่า “พระองค์เสด็จมาที่นี้ด้วยมีธุระประสงค์สิ่งใด”

พญาวุฑโฒ ตอบว่า “ข้าพเจ้าทราบว่าท่านสามารถชุบคนแก่ให้กลายเป็นคนหนุ่มได้” เมื่อแจ้งความประสงค์แล้ว วันรุ่งขึ้น พระฤาษีก็ผสมยา ๔ ขนาน ใส่หม้อดินต้มทิ้งไว้ให้เย็น แล้วพระฤาษีจึงบอกให้พญาวุฑโฒลงไปนอนในอ่างยา แต่พญาวุฑโฒกลัว เมื่อเห็นดังนั้นขอให้พระฤาษีทดลองให้ดูก่อน ก่อนจะลงอ่างยาพระฤาษีก็ได้อธิบายให้พญาวุฑโฒ ให้รู้จักวิธีผสมยาจนเป็นที่เข้าใจ โดยให้ใส่ยาเป็นระยะดังนี้

ระยะที่ ๑  พอนอนลงไปในอ่างยาแล้วเนื้อตัวละลาย ให้เอาขนานที่ ๑ ใส่ จะกลายเป็นน้ำขุ่นข้นขึ้นมาเหมือนข้าวยาคู

ระยะที่ ๒  แล้วเอายาขนานที่ ๒ ใส่ลงไปก็จะเป็นตัวไหวดิ้นขึ้นมาได้

ระยะที่ ๓ ให้เอายาขนานที่ ๓ ใส่ลงไปก็จะมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้อย่างเก่า

ระยะที่ ๔ ให้เอายาขนานที่ ๔ ใส่ลงไป พอใส่ยาแล้วจะรู้จักพูดจาได้และกลับกลายเป็นหนุ่มขึ้นมาเลย

พระฤาษีได้อธิบายให้พญาวุฑโฒ ถึง ๒-๓ ครั้ง จนเป็นที่เข้าใจแล้ว พระฤาษีก็ลงนอนในอ่างยาแล้วสลบละลายกลายเป็นน้ำไป พระยาวุฑโฒก็เอายาขนานที่ ๑ ใส่ลงไป น้ำนั้นก็ขุ่นมัวเหมือนข้าวยาคู แล้วก็เอายาขนานที่ ๒ ใส่ลงไป พระฤาษีก็ไหวตัวดิ้นเป็นเกลียวเหมือนงูเกี้ยวกัน ชูคอขึ้นมาเหมือนงูเห่า พระยาวุฑโฒเห็นดังนั้นก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น ก็เกิดความประหม่า เลยหยิบยาผิดหยิบเอายาขนานที่ ๔ ใส่ลงไป เนื้อตัวพระฤาษีก็เกิดกระด้างไปเลย ไม่ไหวติงกาย พระยาวุฑโฒก็เอายาขนานที่ ๓ ใส่ลงไปอีก พระฤาษีก็แน่นิ่งไปไม่ไหวติงกายแต่ประการใด เป็นอันว่าพระฤาษีสิ้นใจตายอยู่ ณ ที่นั้น

พญาวุฑโฒเห็นดังนั้นก็มีความเสียใจมาก เมื่อกลับไปถึงบ้านก็เกิดกระวนกระวาย จิตใจคิดอยากกลับมายังที่อยู่ของพระฤาษีตลอดเวลา ในที่สุดก็เดินทางกลับมายังดอยยัสสะกิตติ (เขลางค์บรรพต) แล้วก็นอนแช่ในอ่างยาสิ้นใจตาย สถานที่นอนตายนั้น จึงเรียกว่า “ม่อนพระยาแช่” มาจนถึงทุกวันนี้

ชื่อ ม่อนพระยาแช่ บางครั้งเขียน ม่อนพญาแช่ เพราะคำว่า พญา (พญาลัวะ) ทางเหนือหมายถึง เจ้าแผ่นดิน แต่ พระยา เป็นตำแหน่ง ขุนนาง


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2014-5-15 13:06 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

IMG_9797.JPG



IMG_9755.JPG



ประวัติวัดม่อนพระยาแช่



วัดม่อนพระยาแช่ ตั้งอยู่บนภูเขาสูงชื่อ ม่อนไก่เขี่ย หรือดอยยัสสะกิตติ หรือเขลางค์บรรพต ตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๓๕๓ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาวันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๐๑ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๓๕๐ ไร่ ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุม่อนพระยาแช่ด้วย

วัดม่อนพระยาแช่ แต่เดิมไม่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาอยู่ประจำ วัดนี้อยู่ในความอุปถัมภ์ดูแลของท่านเจ้าคุณพระธรรมจินดานายก วัดป่าดัวะ จนถึงปีพุทธศักราช ๒๔๙๗ ท่านมอบธุระให้ท่านเจ้าคุณพระอินทวิชยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดลำปาง วัดคะตึกเชียงมั่น เป็นองค์อุปถัมภ์ และเป็นประธานในการพัฒนาวัดต่อไป

พ.ศ.๒๔๙๙-๒๕๐๒ พระครูศรีปริยัติกิติ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดม่อนพระยาแช่ ตราตั้งที่ ๐๑/๒๔๙๙ ลงวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๙

IMG_9752.JPG



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระเจ้าลูกเธอ ทั้งสองพระองค์ ได้เสด็จพระราชดำเนินมานมัสการพระธาตุม่อนพระยาแช่ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๕ และได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังพลับพลาที่ประทับ ที่บ้านต้นต้อง ในวันเดียวกันด้วย

เนื่องจากท่านเจ้าคุณพระอินทวิชยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดลำปาง ภาระในหน้าที่ของท่านมีมาก ท่านจึงได้แต่งตั้งให้พระครูประโชติคณารักษ์ เป็นเจ้าอาวาสวัดม่อนพระยาแช่ แทนท่าน เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๒๒ และได้ทำการพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด

ต่อมาสำนักงานชลประทาน ลำปาง ได้สร้างอ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ขึ้นที่ด้านหลังวัดม่อนพระยาแช่ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในวัด และในปี พ.ศ.๒๕๒๔ ดร.ชูวงค์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และสมาชิกสภาจังหวัดลำปาง ได้จัดสรรเงินงบประมาณสร้างถนนลาดยางตลอดสาย จากถนนพหลโยธินจนเข้าถึงวัดม่อนพระยาแช่ รวมระยะทาง ๕ กิโลเมตร

วัดม่อนพระยาแช่ เป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองนครลำปาง เป็นสถานที่เงียบสงบ บริเวณวัดร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ มีบรรยากาศในแต่ละฤดูไม่เหมือนกัน ในช่วงฤดูฝนจะมีตะไคร่น้ำขึ้นอยู่ทั่วไป มีเสียงน้ำที่ไหลผ่านฝายชะลอน้ำ เหมือนอยู่ท่ามกลางธารน้ำตก เหมาะจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ และศึกษาธรรมชาติ ที่ไม่ไกลจากตัวเมืองลำปางมากนัก

ปัจจุบันวัดม่อนพระยาแช่ มีเจ้าอาวาส คือ พระครูวอ อติธมฺโม และเข้าร่วมโครงการดูแลรักษาและพลิกฟื้นผืนป่าม่อนพระยาแช่ให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งกับ We love The King นครลำปาง และเครือข่ายฯ โดยมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์มาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๒ ซึ่งจะมีกิจกรรมดูแลผืนป่าม่อนพระยาแช่ โดยเฉพาะสร้างฝายชะลอน้ำตลอดทั้งปี พร้อมทั้งควบคุมและป้องกันไฟป่าอย่างจริงจังในช่วงฤดูแล้ง



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2014-5-15 13:13 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

IMG_9810.JPG



จุดธูป เทียน ถวายดอกไม้ ลูกแก้วจักรพรรดิ เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และขอโมทนาบุญกับผู้สร้าง ผู้บูรณะ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในบุญกุศล ณ สถานที่แห่งนี้ทั้งหมดทั้งมวลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต และตั้งจิตอธิษฐานเพื่อให้ ณ สถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งอยู่คู่กับพระพุทธศาสนาสืบต่อไปจน ๕๐๐๐ ปี ค่ะ สาธุ สาธุ



IMG_9884.JPG



IMG_9885.JPG



บทบูชาพระธาตุม่อนพระยาแช่ วัดม่อนพระยาแช่ จังหวัดลำปาง

(นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ๓ จบ) อุกาสะ วันทามิ ภันเต เจติยัง สัพพัง สัพพัตถะฐาเน สุปะติฎ ฐิตัง เกสะ นะขะมุโข ทากาธิง มะหาโพธิง พุทธะรูปัง คันธะกุฎิง จะตุสาลีติสะหัสเส ธัมมักขันเธ สัพเพตัง ปาทะเจติยัง สักการัตถัง
อะหัง วันทามิ ธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส อิจเจตัง ระตะนัตตะยัง อะหัง วันทามิ สัพพะทา

วันทามิ พุทธัง สัพพัง เมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต
วันทามิ ธัมมัง สัพพัง เมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต
วันทามิ สังฆัง สัพพัง เมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต


วันทามิ กัมมัฎฐานัง สัพพัง เมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต วันทามิ เจติยัง สัพพัฏฐาเนสุ ปะติฏฐิตา สะรีระธาตุง มะหาโพธิง สาถาธีเป สะรีระธาตุโย เกสาธาตุโย อะระหันตะธาตุโย เจติยัง คันธะกุฎิง วันทามิ ธัมมัง สัพพัง เมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต วันทามิ ครุปัชฌายา จะริเย สัพพัง เมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต วันทามิ อาราเม พัทธสีมายัง สัพพัง เมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต พุทธรูปัง สกาลัง สะทา นาคะโลเก เทวะโลเก พรัมมะโลเก ชัมพูทีเป จตุราสี ติสะหัสเส ธัมมักขันเธ สัพเพสัง ปาทะเจติยัง อะหัง วันทามิ สัพพะโส  


ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ตัวข้าพเจ้าขอถือโอกาส ขอไหว้ซึ่งพระเจดีย์ทั้งหมด อันตั้งไว้ดีแล้วที่นี้ อันมีพระเกศาธาตุ พระนขาธาตุและน้ำซึ่งเป็นเครื่องบ้วนพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งต้นศรีมหาโพธิ์ ซึ่งพระพุทธรูป ซึ่งพระคันธกุฎิ ของพระพุทธเจ้า และซึ่งพระธรรมขันธ์ เพื่อสักการะซึ่งพระเจดีย์ ถึงรอยพระบาทเหล่านั้น ทั้งหมดทั้งสิ้น ข้าพเจ้าขอไหว้ทั้งหมดทั้งปวง ข้าพเจ้าขอไหว้ทั้งพระศรีรัตนตรัยเหล่านั้นในกาลทุกเมื่อด้วยอาการดังนี้แล


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2014-5-15 13:16 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

IMG_9729.JPG



อุโบสถ วัดม่อนพระยาแช่ ค่ะ


IMG_9743.JPG



IMG_9739.JPG



พระพุทธรูปประธาน ประดิษฐานภายใน อุโบสถ วัดม่อนพระยาแช่ พระพุทธรูปองค์นี้ พระสีหสุวรรณวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดลำปาง มอบไว้เป็นสมบัติของวัดม่อนพระยาแช่ เมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๘ ค่ะ


IMG_9749.JPG



พระพุทธรูป ประดิษฐานภายใน ศาลาเล็ก ด้านข้างพระธาตุม่อนพระยาแช่ วัดม่อนพระยาแช่ ค่ะ



IMG_9895.JPG



IMG_9686.JPG



เดี๋ยวเราเดินลงบันไดไปสำรวจบริเวณวัดม่อนพระยาแช่กันต่อนะคะ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2014-5-15 13:23 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

IMG_9618.JPG



หอเสื้อวัด วัดม่อนพระยาแช่ เสื้อวัด ตามคติความเชื่อชาวล้านนา คือวิญญาณผู้ดูแลทรัพย์สินภายในอาวาสรวมถึงความประพฤติของพระสงฆ์และผู้ที่มาเยือนค่ะ


IMG_9621.JPG



ศาลพระเทวเถร วัดม่อนพระยาแช่ ค่ะ


IMG_9907.JPG



รูปปั้นพญานาคเจ็ดเศียร วัดม่อนพระยาแช่ ค่ะ



IMG_9601.JPG


IMG_9603.JPG



IMG_9604.JPG



รูปปั้นตัวมอม วัดม่อนพระยาแช่ สร้างถวายโดยคุณวีระพัฒน์ เหมธนทรัพย์ และครอบครัว ค่ะ


ประวัติตัวมอม


มอม เป็นสัตว์ในตำนานของชาวล้านนา ว่ากันว่าเป็นพาหนะของเทพเจ้าแห่งเมฆและฝนนามว่า ปัชชุนนเทพ ซึ่งอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ด้วยจินตนาการมอมจึงเป็นสัตว์สี่เท้าที่มีลักษณะรวมสัตว์หลายชนิดไว้ด้วยกัน ส่วนหัวเป็นสิงโตรวมกับแมว ลำตัวจะมีเกล็ดคล้ายกิ้งก่า หางคล้ายปลาโลมา และเป็นสัตว์มีฤทธิ์มาก และมีกำลังมหาศาลอีกด้วย

เมื่อลงมายังโลกมนุษย์ด้วยความคึกคะนองได้แสดงพลังอันเป็นกิเลสหลงตัวเอง จึงทำให้ไม่สามารถกลับขึ้นไปอยู่ที่บนสวรรค์ได้อีก และในที่สุดจึงทำให้มอมลงมาเฝ้าพระศาสนสถาน เพื่อจะได้มีเวลาที่จะฟังพระธรรมคำสอน เพื่อขัดเกลาจิตใจจนสามารถละจากกิเลสและกลับไปยังสวรรค์ได้ ในระหว่างที่อยู่โลกมนุษย์ได้ทำความดีช่วยเหลือมนุษย์เป็นตัวกลางติดต่อระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้าฯ ให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลอันเชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของการแห่นางแมว



IMG_9605.JPG


ศาลาพระราชสุธรรมาภรณ์ (หอฉัน) วัดม่อนพระยาแช่ บูรณะ พ.ศ.๒๕๓๗ ค่ะ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2014-5-15 13:26 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

IMG_9548.JPG



IMG_9560.JPG



IMG_9561.JPG



วิหารพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมพระพุทธสิกขีทศพลญาณที่ ๑ บรมครูมหาจักรพรรดิ์ วัดม่อนพระยาแช่ ค่ะ


IMG_9568.JPG


IMG_9572.JPG



IMG_9567.JPG



พระพุทธคันธราราฐ (ปางขอฝน) วัดม่อนพระยาแช่ ซึ่งมีนิมิตรหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์แห่งพืชพันธ์ธัญญาหาร พล.ต.ต.ยรรยง-สุดใจ สท้านไตรภพ สร้างถวายเพื่อความเป็นมิ่งมงคลแก่ชาวลำปางทั้งมวล เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๒๖ ค่ะ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-3-29 07:23 , Processed in 0.157371 second(s), 16 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.