แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 16140|ตอบ: 73
go

วัดอูปา (บุพพาราม) ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ. เชียงใหม่ (พระเกศาธาตุ) [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8


DSC08700.jpg




วัดอูปา (บุพพาราม)

ถ.ท่าแพ ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ. เชียงใหม่  

[พระเกศาธาตุ]


วัดบุพพาราม ตั้งอยู่ ๑๔๓ ถนนท่าแพ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ วัดนี้ปรากฏชื่อในชินกาลมาลีปกรณ์กล่าวว่า ในปี พ.ศ. ๒๐๔๐ พระเมืองแก้วโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้น ณ พื้นที่ทางด้านทิศตะวันออกของจังหวัดเชียงใหม่ วัดบุพพารามขึ้นทะเบียนโบราณสถาน และกำหนดขอบเขตวัด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๒

ตำนานพระเจ้าเลียบโลก กล่าวว่า...พระพุทธเจ้าเสด็จไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทรงประทับนั่งแล้วทรงพยากรณ์ว่า “ในฐานะที่นี้ต่อไปในภายภาคหน้า คนทั้งหลายจะมาสร้างอารามขึ้น เป็นอารามใหญ่จะได้ชื่อว่า “บุพพาราม” ตามนิมิตที่อยู่ในทิศตะวันออก พระอรหันต์ พระเจ้าอโศกราชก็ทูลขอพระเกศาธาตุหนึ่งองค์ประดิษฐานไว้ที่นั้น เลยได้ชื่อว่า “วัดบุพพาราม” จนตราบทุกวันนี้ (อยู่ถ.ท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่)




Rank: 8Rank: 8

แก้ไขล่าสุด pimnuttapa เมื่อ 2009-4-19 03:46  

DSC08722.jpg

วัดบุพพาราม มีเนื้อที่ของวัดในปัจจุบัน คือ ๔ ไร่ ๓ งาน ๒๙ ตารางวา ทิศเหนือติดกับถนนท่าแพ มีความยาว ๒ เส้น ๑๓ วา ทิศใต้ติดกับบ้านมีความยาว ๒ เส้น ๔ วา ทิศตะวันตกติดกับถนนท่าแพ ซอย ๒ ร่มโพธิ์ มีความยาว ๒ เส้น ๑๙ วา เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันของวัดบุพพาราม คือ พระเทพวิสุทธิคุณ (เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่) ค่ะ

Rank: 8Rank: 8

แก้ไขล่าสุด pimnuttapa เมื่อ 2009-4-19 03:48  

DSC08720.jpg

วัดบุพพาราม เดิมเป็นพระราชอุทยานของพระเจ้าติโลกราชกษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่ หลังจากพระองค์สวรรคตแล้ว พระเจ้ายอดเชียงรายพระราชโอรสขึ้นครองราชย์สืบต่อมา และได้เคยเสด็จมาประทับ ณ พระราชอุทยานแห่งนี้ กาลต่อมาได้มอบราชสมบัติให้พระราชโอรสคือพระเจ้าดิลก ปนัดดาธิราช หรือพระเมืองแก้ว เมื่อมีพระชนมายุ ๓๕ พรรษา เดือน ๔ จุลศักราช ๘๕๔ หรือพ.ศ. ๒๐๓๗ ขึ้นครองราชย์ เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์มังราย องค์ที่ ๑๓ ถัดจากนั้นอีกเพียง ๑ ปี พระองค์ก็ทรงรับสั่งให้สร้างวัดบุพพารามขึ้น ตรงกับวันอังคาร แรม ๗ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง จุลศักราช ๘๕๕ พ.ศ. ๒๐๓๘ นับจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ก็มีอายุได้ ๕๑๔ ปี ค่ะ

Rank: 8Rank: 8

แก้ไขล่าสุด pimnuttapa เมื่อ 2009-4-19 03:51  

DSC08689.jpg
เดี๋ยวเรามาเดินสำรวจภายในวัดบุพพารามกันเลยนะคะ {:4_109:}

Rank: 8Rank: 8

แก้ไขล่าสุด pimnuttapa เมื่อ 2009-4-19 04:09  

DSC08718.jpg

วิหารหลังใหญ่ วัดบุพพาราม สร้างประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒๑ แต่โครงสร้างปัจจุบันอาจเป็นโครงสร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๓๖๒ ค่ะ

Rank: 8Rank: 8

แก้ไขล่าสุด pimnuttapa เมื่อ 2009-4-19 04:12  

DSC08711.jpg

ประวัติวิหารหลังใหญ่ วัดบุพพาราม

พระเจ้าชังรายัตตราช (พระเจ้ายอดเชียงราย) หลังจากเสวยราชสมบัติได้ ๙ ปี ถึงปีเถาะจึงได้สละราชสมบัติให้ราชกุมาร ซึ่งเป็นพระโอรสของพระองค์ ครั้นมอบให้แล้ว จึงได้ดำรงพระชนมายุอีก ๑๓ ปี พระองค์ก็เสด็จสวรรคตในปีขาล สิริรวมพระชนมายุได้ ๕๑ พรรษา พระราชาผู้เป็นราชโอรสของพระเจ้าชังยัตตราช ประสูติปีขาลคือ "พระเจ้าดิลกปนัดดาธิราช" (พระเมืองแก้ว) เมื่อพระองค์ทรงมีพระชนมายุ ๑๔ พรรษา ได้รับการสถาปนาราชาภิเษก เมื่อวันเพ็ญเดือน ๔ จุลศักราช ๘๕๔ นับตั้งแต่พระองค์มีความเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนามาก ทั้งประกอบด้วยปสาทะศรัทธาอย่างดีเยี่ยม และประกอบด้วยเจตนาศรัทธาเป็นเครื่องบริจาคทานวัตถุ เป็นเหตุให้เกิดปัจจัยในอันที่จะบริจาคทานโดยไม่มีขีดขั้น

นับตั้งแต่พระองค์ทรงได้รับราชาภิเษกมา ๑ ปี คือ ปีมะโรง เดือน ๕ แรม ๗ ค่ำวันอังคาร จุลศักราช ๘๕๕ พ.ศ. ๒๐๓๖ พระเจ้าดิลกปนัดดาธิราช พระองค์ทรงรับสั่งให้สร้างพระอารามไว้ ณ ที่พระราชอุทยาน ซึ่งเป็นที่ประทับของพระเจ้าติโลกราช ผู้เป็นพระเจ้าปู่ และเป็นที่ประทับของพระราชบิดาของพระองค์ด้วย พระองค์จึงให้ขนานนามของวัดว่า "บุพพาราม" ทั้งนี้เพราะถือเอานิมิตว่าด้วยตั้งอยู่ทางทิศบูรพาแห่งนั้นพิสิราชธานี (นครพิงค์เชียงใหม่) ต่อมา เมื่อพระองค์ทรงสร้างวัดบุพพารามแล้วได้ ๓ ปี คือปีมะเมีย พระองค์ทรงสร้างปราสาทไว้ ณ ท่ามกลางมหาวิหารอีก ๑ หลัง เพื่อประดิษฐานพระมหาพุทธปฏิมากร หล่อด้วยทองแดงล้วน มีสนธิ ๘ แห่ง นำหนัก ๑ โกฎิ (ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวิหารหลังใหญ่) ค่ะ

Rank: 8Rank: 8

แก้ไขล่าสุด pimnuttapa เมื่อ 2009-4-19 13:05  

DSC08712.jpg
DSC08713.jpg

ประวัติวิหารหลังใหญ่ วัดบุพพาราม (ต่อ)

วิหารหลังนี้มีประวัติจารึกไว้ได้ความว่า เจ้าชีวิตอ้าวหรือพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ ๖ (พ.ศ. ๒๓๙๙-๒๔๑๓) ให้รื้อ "หอเย็น" ในคุ้มหลวงตา เอาเสามาทำเสาวิหารหลังใหญ่แห่งนี้ ต่อมาบูรณะสมัยครูบาหลาน (อินต๊ะ) และสมัยพระครูอุดมกิตติมงคล เป็นเจ้าอาวาส ภายในมีพระมหาพุทธรูปปฏิมากร (พระประธานองค์ใหญ่) หล่อด้วยทองแดงหนัก ๑ โกฏิ สนธิ ๘ แห่ง (ต่อ ๘ แห่ง) ค่ะ

Rank: 8Rank: 8

แก้ไขล่าสุด pimnuttapa เมื่อ 2009-4-19 07:53  

DSC00240.jpg

ด้านหลัง วิหารหลังใหญ่ วัดบุพพาราม ค่ะ

Rank: 8Rank: 8

แก้ไขล่าสุด pimnuttapa เมื่อ 2009-4-19 07:59  

DSC08723.jpg

วิหารหลังเล็กเรือนไม้ วัดบุพพาราม ค่ะ

Rank: 8Rank: 8

แก้ไขล่าสุด pimnuttapa เมื่อ 2009-4-19 08:01  

DSC00197.jpg

ประวัติวิหารหลังเล็กเรือนไม้ วัดบุพพาราม ค้นศักราชการก่อสร้างไม่พบเพราะมีอายุมากไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ ปี บูรณะหลายครั้ง เช่น เจ้าแม่ทิพย์ผสม ณ เชียงใหม่ บูรณะจากของเดิมเมื่อพ.ศ. ๒๔๔๕ เดิมมี ๓ มุข มุขหน้าหันไปทางทิศเหนือ มุขหลังหันหน้าไปทางทิศใต้ มุขข้างหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ภายในมีพระประธาน ๒ องค์ องค์หนึ่งหันไปทางทิศเหนือก่อด้วยอิฐและปูน หน้าตักกว้าง ๗ ศอก สูง ๙ ศอก อีกองค์หนึ่งหันหน้าไปทางทิศใต้ เป็นพระพุทธรูปทองเหลือง ต่อมาสมัยครูบาหลาน (อินต๊ะ) ครูบาเทิ้ม ตัดมุขด้านหลังออก อาราธนาพระพุทธรูปทองเหลือง ไปไว้บนวิหารหลังใหญ่ หน้าบรรณและบานประตู เป็นปูนปั้นสตายท์จิ๋งค่ะ

‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-5-17 13:07 , Processed in 0.052563 second(s), 16 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.