แก้ไขล่าสุด putthapaun เมื่อ 2010-8-20 23:01
[size=180%]ทำบุญขาดอธิฐาน
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง)
ธรรม ปฏิบัติ...ฉบับที่ ๑๓ หน้า ๓-๕
“หลวงพ่อคะ การทำบุญทุกอย่าง แต่ไม่ได้ปรารถนาอะไรเลย จะได้ไหมคะ...?”
ได้โยม ทำไมจะไม่ได้ คือถ้าไม่ตั้งมโนปณิธานปรารถนา บุญมันก็ต้องเป็นบุญ แต่ว่าอานิสงส์เบื้องปลายมันไม่เหมือนกัน
“เป็นไงคะ...?”
[size=100%]การปรารถนาจัดเป็นอธิษฐานบารมีนะ ตั้งใจว่าการทำบุญอย่างนี้เพื่อผลอะไร อย่างที่ไม่ปรารถนาพุทธภูมิ ไม่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ปรารถนาเป็นอัครสาวก แต่ปรารถนาเพื่อหมดกิเลส ก็ชื่อว่ายังปรารถนาอยู่
ถ้า หากว่าทำเฉยๆ ไม่ปรารถนาอะไรเลย ตัวอย่างก็มีท่าน อาฬวีเศรษฐี
คือว่าท่านอาฬวีเศรษฐีพ่อท่านเป็นมหาเศรษฐี พอพ่อท่านตายลงท่านก็เป็นเศรษฐีแทน
เศรษฐีสมัยนั้นพระราชาต้องแต่งตั้ง แล้ว ต่อมาพวกขี้เราก็ชวนกินเหล้าเมายา ในที่สุดทรัพย์สินก็หมดไป จนกระทั่งกลายเป็นขอทาน
วันหนึ่งพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์เสด็จไป ที่เมืองอาฬวี เห็นอาฬวีเศรษฐีนั่งขอทานอยู่ข้างฝาเรือนชาวบ้าน พระพุทธเจ้าก็ทรงแย้มพระโอษฐ์
พระพุทธเจ้าตามปกติจะไม่แย้มพระโอษฐ์ ถ้ายิ้มแล้วต้องมีเรื่อง
พระอานนท์จึงทูลถามว่า
“พระองค์ยิ้มด้วยเรื่องอะไร พระพุทธเจ้าข้า...?”
พระ อานนท์มองไปมองมาไม่เห็น เห็นแต่ขอทาน พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ขอทานนั่นแหละคืออาฬวีเศรษฐี
แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า
ถ้าอาฬวีเศรษฐีสมัยเมื่อ เป็นเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์ของเราเพียงจบเดียวจะได้บรรลุพระอนาคามี
เมื่อเงินน้อยลงมาเป็นอนุเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระสกิทาคามี
เมื่อมีฐานะเป็นคหบดี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระโสดาบัน
แต่ว่านี่อาฬวีเศรษฐีเป็น ขอทานเสียแล้ว เราเทศน์จึงไม่มีผล
ตอนนี้พระอานนท์ทูลถามว่า
“ตามธรรมดาคนจะบรรลุมรรคผล องค์สมเด็จพระทศพลเคยตรัสว่าจะตายก่อนก็ยังไม่ได้ ต้องบรรลุมรรคผลก่อนนี่ พระพุทธเจ้าข้า...?”
[size=100%]พระพุทธเจ้าตรัสว่า
[size=100%]“นั่นเขา มี อธิฐานบารมี”
เป็นอัน ว่าอาฬวีเศรษฐี ไม่มีอธิฐานบารมีใช่ไหมโยม
“ใช่ค่ะ”
คนจะได้ดี เลยไม่ได้ดี ต่อไปอธิฐานเสียนะ
พิมพ์โดย มิ้ม