แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 1914|ตอบ: 0
go

ตุ๋นพระใหม่ - ครองใหญ่ [คัดลอกลิงค์]

Rank: 9Rank: 9Rank: 9



ตุ๋นพระใหม่ - ครองใหญ่
วันที่: วันจันทร์ 15 ตุลาคม 2007 @ 17:46:37
หัวข้อ: บทความคำสอนปกิณกะ



ตุ๋นพระใหม่ - ครองใหญ่
สำหรับเรื่องที่จะพูดต่อไปก็คือ "ครองใหญ่" อันนี้ไม่ได้หมายถึงแม่น้ำ หมายถึงการครองผ้า การครองผ้าของพระ ถ้าครบชุดก็มีสบง รัดประคดเอว อังสะ ผ้าจีวร แล้วก็สังฆาฏิพาด อย่างนี้เรียกว่าครองปกติ แต่ทว่าครองใหญ่นี่เป็นครองพิเศษ ว่าอันเต็มยศ หรือว่าเลยยศไปมาก ไม่ใช่เต็มยศแล้ว แต่ที่ครองปกตินั่นก็เต็มยศเต็มที่ของพระอยู่แล้ว พระก็มีอยู่ชุดเดียวเท่านั้นที่เรียกว่าครองเต็มยศเต็มที่ ยามปกติเราไม่พาดสังฆาฏิแต่ว่าห่มๆ แบบธรรมดา ถ้ามีงานพิเศษว่ากันเต็มที่ก็ต้องพาดสังฆาฏิ

ทีนี้การครองใหญ่นี่มันเป็นกรณีพิเศษ นี่เป็นเรื่องของเจ้าลิงอีกเหมือนกัน แต่ความจริงเรื่องนี้มันไม่ใช่มาจากลิงตัวเดียว หรือไม่ใช่มาจากลิงฝูงเดียว มันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ สำหรับท่านทั้งหลายที่บวชแล้วก็สึกออกไปเขาคุยให้ฟัง ว่ามีการครองใหญ่กันเป็นกรณีพิเศษ แต่ก็ต้องดูพระ พระที่จะแนะนำให้ครองใหญ่นั่นต้องดูพระที่โง่ๆ สักหน่อย ถ้าเป็นพระที่ฉลาดเดี๋ยวแกชกปากแตกแน่ ดีไม่ดีนวยเราสู้แกไม่ได้ ไอ้มวยของคนที่ไม่มีโอสะกับมวยของคนที่ไม่มีโทสะนี่มันแย่ มันสู้กันไม่ไหวขนาดหนัก

ตุ๋นพระใหม่
แล้วก็มีพระองค์หนึ่งในสมัยนั้น รู้สึกว่าท่านจะเป็นคนชอบลาภอยู่สักหน่อย คณะลิงทั้งหลายขี้เกียจสวดมนต์เย็น คือใครเขานิมนต์ไปฉันแล้วก็มักจะไม่ไป เพราะต้องไปสวดมนต์ตอนเย็นแล้วก็ไปฉันเวลาเช้า เวลาฉันมันก็สบาย ลิงทั้งหลายไม่ประสงค์ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะถือว่าเสียเวลาการงานที่จะปฏิบัติกรรมฐาน ถ้าจะไปสวดมนต์ก็ต้องมาเกลากัน มาซ้อมหนังสือกัน ว่าให้เข้าจังหวะจะโคน เสียงประสานกันไพเราะ ไม่ใช่ว่ากันคนละเสียง ๒ เสียงแล้วจังหวะก็ต้องได้ทีฆะรัสสะ ต้องว่าให้มันถูกต้อง เพราะว่าหลวงพ่อปานท่านพิถีพิถันมากเรื่องการสวดมนต์

แล้วอีกประการหนึ่งการไปสวดมนต์ ไปถึงแล้วตั้งนานชาวบ้านเขาถึงจะให้สวด มันก็เสียเวลามาก ถ้าเราจะคิดถึงเวลาที่เราสวดมนต์ แล้วตอนเช้าไปฉัน ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ นี่ถ้าเราจะนั่งภาวนา ทำจิตเป็นฌานสมาบัติ หรือว่าพิจารณาขันธ์ ๕ ในด้านวิปัสสนาจะมีประโยชน์มาก ผลที่จะพึงได้จากการสวดมนต์ฉันเช้า ก็คือกินข้าวอิ่ม สวดหนื่อย แล้วเขาให้สตางค์เล็กน้อย ถ้าเราถือว่าเราได้สตางค์ก็กลายเป็นสินจ้างรางวัลไป เกิดโทษ

ฉะนั้นบรรดาลิงทั้งหลายจึระมัดระวังตัวในเรื่องนี้ จนกระทั่งชาวบ้านเขาหาว่าถือตัว นิมนต์ไม่ค่อยจะไป แต่ความจริงมีความจำเป็นเมื่อไรก็ไม่ขัด ถ้าเขานิมนต์หมดวัดก็ไป ถ้านิมนต์ไม่หมดวัดพรรษาต้นๆไม่ยอมไป ก็มีพระองค์หนึ่งท่านรับอาสาตลอดกาล แล้วการนิมนต์ของหลวงพ่อปานก็เวียนรอบ เวียน ๑ - ๒ - ๓ - ๔ - ๕ ทีหลังมาก็นับ ๖ - ๗ - ๘ - ๙ -๑๐ อะไรพวกนี้เป็นต้น ท่านไม่เลือกที่รักมักที่ชัง แจกภัทรสม่ำเสมอกันหมดเว้นไว้แต่เขานิมนต์เป็น ปาฏิปุคคลิกทาน เขาเจาะจงว่าพระองค์นั้นองค์นี้ก็ไม่ต้องนับเข้าบัญชีในคราวนั้น ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ นี่เรื่องของการนิมนต์ ความจริงไม่เกี่ยวกับเรื่องครองใหญ่เลย

ตานี้ พระองค์นั้นท่านชอบ(การนิมนต์) เราก็ดูลีลาว่าพระองค์นี้ไม่ฉลาด ท่านบวชเข้ามาใหม่ ท่านก็ขอถามศึกษาอะไรหลายๆอย่าง ท่านจะไปถามหลวงพ่อ ท่านก็เกรงใจ ถามบรรดาลิงทั้งหลายที่แนะนำตามความเป็นจริงเท่าที่รู้ ถ้ามันไม่เข้าใจก็เอาตำรามาอ่านให้ฟังว่า ตำราเขาว่าอย่างนี้ แล้วเรามีความเข้าใจอะไรบ้างก็อธิบายให้ฟัง ถ้าเกิดความไม่แน่ใจ มีจังหวะก็ไปถามหลวงพ่อปาน อธิบายไปยังงี้ถูกไหม บางครั้งท่านก็บอกว่าถูก แต่ว่ายังหยาบไป ควรจะอธิบายแบบนั้นๆ ท่านก็สอนมา เราก็กลับมาอธิบายใหม่ แนะนำท่านใหม่ ท่านก็รับฟัง เพราะอาศัยที่ท่านมีความเชื่อถือความเคารพรับฟังนี่เอง จึงตุ๋นได้ง่าย นี่เป็นสันดานไม่ดีของลิง ไอ้เจ้าลิงนี่มันเป็นลิงตลอดเวลา

ทีนี้ถึงเวลาออกพรรษาแล้ว ใกล้กฐินจะมา พระองค์นั้นแกก็จะสึกเมื่อรับกฐินแล้ว แกจะสึก ก็บอกว่าคุณ คุณบวชเข้ามาแล้วนี่ทำกรณียกิจครบถ้วนบริบูรณ์ดีกว่าพระที่บวชเข้ามาพร้อมๆ กันหลายองค์ด้วยกันสู้คุณไม่ได้ ประการที่ ๑ คุณบวชเข้ามาแล้ว คุณก็ตั้งใจท่องหนังสือสวดมนต์จนคล่อง ผมไม่ไปคุณก็สวดแทนได้ทุกงาน นี่เป็นความดีอันดับที่ ๒ อันดับที่ ๓ คุณทำวัตรสวดมนต์ไม่เคยขาดเลย นี่เป็นความดีอันดับที่ ๓ อันดับที่ ๔ การเจริญสมถกรรมฐานวิปัสสนากรรมฐานคุณก็ไม่เคยละเว้น ทำครบถ้วนทุกวัน นี่เป็นความดีอันดับที่ ๔ คนที่มีความดีอย่างนี้ พระที่ทรงความดีอย่างนี้หาได้ยาก

กิจที่จะต้องทำก่อนสึก
ฉะนั้นก่อนที่จะสึก พระที่มีความดีมากๆ เขาต้องครองใหญ่ (ฮึ่..ดูลีลา ลีลาของเจ้าลิงมันต้มพระ) เขาต้องครองใหญ่กัน ไอ้ครองธรรมดานี่เรียกว่า "ครองเล็ก" แกก็เลยถามว่าไอ้ "ครองใหญ่" น่ะมันเป็นยังไงขอรับ? แล้วมีอานิสงส์เป็นยังไง? ก็อธิบายให้แกฟังว่าไอ้เรื่องครองใหญ่นี่ อานิสสงส์มันมากจริงๆ คุณ แล้วอานิสงส์ตามที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดนี่นะคุณสามารถจะไปนิพพานได้ในชาตินี้ ถ้าหากว่าบุญบารมีของเรายังไม่เข้าพระนิพพาน อย่างน้อยๆ คุณก็เป็นเทวดาได้ หรือกำลังของคุณเวลานี้มีความดีจิตเข้าถึงฌานสมาบัติ คุณตายแล้วคุณก็จะเป็นพรหมได้

ทีนี้เวลานี้คุณจะสึก การที่สึกออกไปจากสมณเพศ ความดีอันนี้ก็จะบกพร่องไป เพื่อเป็นการรักษาความดีอันนี้ให้คงที่ คุณจะสึกไปแต่งงานมีลูกมีเมียมีหลานมีเหลนก็ตาม ถ้าเราครองใหญ่แล้ว แล้วความดีในสมัยที่เราเป็นพระอยู่มันจะคงอยู่ตลอดกาล ทีนี้เวลาใกล้ตายคุณจะนึกไปไหนล่ะ คุณนึกอยากไปเกิดเป็นมนุษย์ให้รูปร่างหน้าตาสะสวยคุณก็หวังได้ อยากมีเมียรวยๆ สวยๆสัก ๑๐๐ คนคุณก็มีได้ คุณต้องการปรารถนาอะไรในความเป็นมนุษย์มันได้สมหวังทุกประการ หรือคุณเบื่อความเป็นมนุษย์อยากจะไปเป็นเทวดามีนางฟ้าเป็นภรรยาสักสองสามพันคน คุณก็มีได้ เพราะกุศลที่เราทำมาแล้วมันใหญ่

ถ้าคุณไม่อยากเป็นเทวดา คุณอยากจะมีวาสนายิ่งใหญ่ให้เทวดาทั้งหลายไหว้คุณทุกองค์ก็ทำได้ คือปรารถนาในความเป็นพรหม ทีนี้ความดีที่ทำแล้วนี้ก็ยันพรหม แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณเจริญสมถกรรมฐานแล้วก็เจริญวิปัสสนาควบไปด้วย อารมณ์วิปัสสนากรรมฐานจะช่วยคุณให้เข้าพระนิพพานในชาตินี้ก็ยังได้ ความดีประเสริฐ พระที่บวชร่วมกันกับคุณในเวลานี้คุณดูได้ ว่ามีใครทำความดีสม่ำเสมอเหมือนคุณบ้าง แกก็นั่งยิ้ม ไอ้ที่ยิ้มนี่แกก็รู้นะว่าแกดีกว่าเขาจริงๆ เพราะว่าคนที่บวชมาเวลานั้นปีนั้น ที่จะเอาจริงเอาจังอย่างแกนี่มันก็หายาก แต่เรื่องทำการงานสาธารณประโยชน์นี่ทำกันทุกองค์ ไม่มีใครขี้เกียจ แต่ว่าการทำวัตรสวดมนต์ก็มาพร้อมกันบ้าง ไม่พร้อมกันบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา

แต่ไอ้การเจริญสมถวิปัสสนานี่สิท่านผู้อ่าน คนในท้องที่เขาไม่ค่อยมีใครสนใจกัน มีอยู่ส่วนมากก็คือว่าลูกสาวบ้านไหนสวย ซ้อมการเขียนจดหมายกัน ใช้สำนวนกันไพเราะเพราะพริ้ง อย่างนี้ก็มีนะแต่ไม่ได้มีทุกองค์ บางองค์เขียนหนังสืออ่านเล่นบ้าง บางทีก็ไปซ้อมเพลงโน่น! ในป่าช้า แต่ว่าที่ท่านมีจริยาดีๆก็มีเยอะ นี่พูดถึงจริยานะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมถวิปัสสนานี่หาตัวยากจริงๆ เห็นที่เอาจริงเอาจังกันจริงๆ เป็นล่ำเป็นสันจริงๆ ก็อาจารย์ฉัตรเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วรู้สึกว่าแย่อยู่สักหน่อย ฉะนั้นการเจริญสมถภาวนาวิปัสสนาภาวนานี่เขาจึงไม่เห็นเป็นสาระ ไม่เห็นเป็นแก่นสาร ถ้าใครทำอย่างนั้นบางทีจิตเขาเป็นปฏิปักษ์ไป หาว่าบ้าๆ บอๆ ความจริงเขาจะหาว่าบ้ามันก็ไม่ผิดเหมือนกัน ไอ้พวกเราก็บ้าไม่ใช่น้อย นอกจากบ้าสมถวิปัสสนาแล้วมันยังบ้าแกล้งพระอีก นี่เขาหาว่าบ้ามันก็สมควรแล้วนี่ ไม่น่าจะไปโกรธเขาหรอก ควรจะไปขอบใจเขา ที่เขาเตือนใจว่าเราบ้า

แล้วเมื่อถึงกาลเวลาก็แนะนำพระองค์นั้นบอกว่า เพื่อเป็นการรักษาความดีของคุณให้มันคงไว้ ความดีประเภทนี่ที่คุณทำมานี่มันจะต้องบวชจึงจะทำได้ ทีนี้ถ้าไม่บวชมันทำไม่ได้ เพราะภาระมันหนัก คุณควรจะครองใหญ่เพื่อนเป็นการรักษาความดีไม่ให้เสื่อม แกก็เลยถามว่าครองใหญ่ทำอย่างไรบ้างขอรับ ทีนี้ก็หลายองค์ด้วยกันซี อาจารย์ใหญ่หัวหน้าที่แนะนำ หลวงตาหวังร่วมมือด้วย ความจริงเวลานั้นท่านเป็นพระที่มีพรรษาถึง ๒๐ พรรษาเศษแล้ว ท่านร่วมมือด้วย ด้วยประการทั้งปวง คุยกันท่านก็แนะนำว่าการครองใหญ่เขาทำยังงี้นะคุณนะ มีสบงกี่ผืน มีอังสะกี่ตัว มีจีวรกี่ผืน มีสังฆาฏิเท่าไหร มีผ้าอาบน้ำฝนเท่าไหร่ ครองให้หมดว่ากันเต็มที่เชียว เรียกว่าครองใหญ่

ครองใหญ่นี่มันไม่ใช่ครองเล็ก มันต้องไม่มีอะไรเหลือ แล้วเอาเสื่อมา เสื่อเรามีนี่ เอามานุ่งอีก เอาผ้าคาดทับจีวรเข้าไว้ เอาหมอนเอามุ้งมาทำเป็นเป้ เหมือนที่ทหารเขาใช้ในสนามรบน่ะ สะพายเข้าไป มีบาตรก็สะพายเข้าไปย่ามอีกลูกหนึ่ง มีตาลปัตรถือไป สวมรองเท้า แต่ความจริงวันนั้นลืมไป ที่วัดบางนมโคสมัยหลวงพ่อปานยังอยู่ เขาไม่ได้ใช้สำรับ เขาใช้ตะลุ่ม เขาเรียกว่าตะลุ่มๆ มันมีรูปร่างเหมือนกับโตก แต่เขาสานด้วยไม้ บ้างในเขาใช้เป็นโอใส่ เป็นขันจอกลูกย่อมๆ เป็นขันจอกเคลือบ เวลาชาวบ้านเขาจะมาทำบุญ เขาเอาแกงใส่ไปในจอกเคลือบนั้นเขาเรียกว่า "โอ" วันนั้นลืมแนะนำให้แกเอาเทินหัวไปด้วย ลืมไป อาจารย์ใหญ่ก็ลืมเหมือนกัน

แล้วแนะนำว่า เมื่อเราครองใหญ่แล้ว คนที่เราจะเข้าไปหาได้คือหลวงพ่อปานองค์เดียวเพราะท่านเป็นประมุข แนะ! ดูซี เรื่องราวก้าวก่ายขึ้นไปถึงหลวงพ่อปานโน่น ไอ้จอมลิงทั้งหลายมันทำแบบนี้แหละ บรรดาท่านผู้อ่านฟังแล้วก็ดูนิสัยของลิงมันเสียบ้าง นี่แหละความระยำมันสร้างมามาก ไม่ใช่สร้างน้อย เวลานี้มันรู้ตัวว่าสร้างความระยำมามาก จะหาทางแก้ตัวพ้นหรือไมพ้นก็ไม่รู้ ไม่ใช่สร้างน้อย ทรงนรกเขาเปิดรับไว้กี่ขุมก็ไม่ทราบ ชักหนักใจเหมือนกัน ที่เอาเรื่องทั้งหลายมาเล่าสู้กันฟังนี่ อย่าเอาไปใช้นะ ไอ้แบบฉบับเลวๆ นี่อย่าเอาไปใช้ ปล่อยให้เจ้าฝูงลิงมันเลวไปฝูงเดียว

ซักซ้อม
แล้วเวลาจะไปหาหลวงพ่อปานห้ามพูดอย่างอื่น เช้ามืดเวลาตี ๕ หรือตี ๔ พระตีระฆังก็แล้วกัน เมื่อพระตีระฆังแล้วก็ครองใหญ่ แต่ว่าคุณต้องมาอยู่ที่นี่นะ ผมจะช่วยครองให้ คุณไปทำคนเดียวมันไม่สำเร็จหรอก ไอ้เรื่องครองใหญ่มันต้องมีคนช่วย ทั้งนี้เพราะของมันมากมันจัดให้เรียบร้อยไม่ได้ ท่านก็เชื่อยอมรับ เวลาที่ท่านครองใหญ่เสร็จ ก็แนะนำต่อไปว่าไปที่หน้ากุฏิหลวงพ่อปานนะ พระตีระฆังเสร็จก็ค่อยๆ เดินไป บ่าข้างหน้าสะพายบาตรอีกข้างหนึ่งสะพายย่าม มือถือตาลปัตร เท้าสวมรองเท้า ถ้าจะให้ดีถือไม้เท้าไปด้วยสักอันก็ดี จะได้กันล้ม เพราะว่าได้เสื่อนี่เวลามันนุ่งแล้วมันแข็งโอนตัวไม่ได้ ท่านก็เลยไปหาท่อนไม้ย่อมๆ มาอันหนึ่ง กำลังเหมาะ ถามว่าอันนี้เป็นไม้เท้าดีไหมขอรับ ก็บอกว่าดี ดีมาก อันนี้ดีมาก ใช้ได้เหมาะสมอยู่แล้ว

คืนนั้นก็ให้มานอนด้วยกัน บรรดาท่านคณาจารย์ทั้งหมดประมาณ ๑๐ องค์ด้วยกัน ไม่น้อยนะ จะว่าไอ้ลิงมันเลวคนเดียวหรือ ๓ ตัวมันไม่ถูก คนที่ร่วมเลวด้วยกันก็ตั้งเยอะ แต่ก็ไม่ไปโทษท่านเพราะไอ้หัวคิดหัวอ่านทีแรกก็มาจากไอ้ลิงทั้งสามตัว ทีนี้เวลากลางคืนท่านมานอนด้วยก็จัดของไว้พร้อม แล้วแนะนำไว้ว่า เวลาที่ไปหาหลวงพ่อปานเข้าไปหน้ากุฏิท่าน เคาะประตู ท่านถามว่าใคร ให้ตอบว่า อามะ ภันเต ว่ายังงั้นนะ อามะ ภันเต ถ้าหากว่าท่านยังไม่ออกอีก ก็เคาะประตูอีก ถ้าท่านถามว่าใคร ทำไม ห้ามไม่ให้ตอบอย่างอื่นนอกจาก อามะ ภันเต อย่างเดียว นี่เป็นสัญญา

ท่านก็พยายามซ้อมทุกอย่าง ซ้อมเดิน ซ้อมเคาะประตู ถามว่าใคร ก็ตอบ อามะ ภันเต เดี๋ยวเราก็เงียบเสียง เคาะอีก ถามว่าใคร ท่านก็อามะ ภันเต ซ้อมกันแล้ว บอกอย่างนี้ใช้ได้ ทำถูกต้องทุกอย่าง ความดีของคุณจะไม่สูญ คุณออกไปแล้วคุณจะทำอะไรก็ได้บุญกุศลของคุณระหว่างเป็นพระจะทรงตัวอยู่ อย่าลืมก่อนจะตาย นึกเข้าไว้อยากจะเป็นมนุษย์หรืออยากจะเป็นเทวดา หรืออยากเป็นพรหม ไปนิพพานมันไปได้ทุกจุด แหม...เป็นมนุษย์ไปดูลูกสาวใครสวยๆ เขารวยๆ มีฐานะเป็นยังไง เราอยากจะได้แบบนั้น มันจะได้ทันทีถ้าต้องการเป็นมนุษย์ แกก็ยิ้มแย้ม ไอ้คนอยากจะสึกนี่มันคนอยากมีเมียนี่ รู้ใจ

ส่งไปหาหลวงพ่อปาน
ทีนี้ทำยังไง ถึงเวลาเช้ามืดตีระฆัง พวกเรายังนอนโก้งโค้งตูดโด่งอยู่ แต่ความจริงไม่หลับ กำลังนอนทำสมาธิ จิตมันสบาย แกก็มาปลุกบอก ท่านขอรับเวลานี้พระตีระฆังแล้ว เดี๋ญวจะไม่ทันเวลา พวกเราก็ลุกขึ้นมา ช่วยกันทุกอย่าง สบง ๕ - ๖ ตัวนุ่งซ้อนกันเข้าไป อังสะ ๓ - ๔ ตัวใส่ซ้อนกันลงไป จีวร ๓ ตัวใส่ทับลงไป สังฆาฏิพาด รัดประคดอกพาดเข้าไป มองดูไปแล้วไม่ต่างอะไรกับไอ้ผีตายนอนขึ้นอืดตัวเบ้อเร่อ ตานี้ก็เอาเสื่อมานุ่งเข้าให้อีก มันก็เข้าแบบไอ้คนตายแล้วเขาเอาเสื่อคลุม เอาเสื่อห่อน่ะ แล้วเอาประคดคาด ของเราเองตานี้ ของท่านหมดแล้ว แถมให้ คาดเสื่อติดเข้าไปอีก แล้วเอาหมอนมา เอามุ้งมาห่อติดกันเข้าทำเป็นเป้สะพายติดหลัง จัดสวมรองเท้าให้ เอาย่ามมาคล้องบ่าให้ เอาบาตรมาคล้องให้ เอาตาลปัตรถือไป

ท่านผู้อ่านก็นึกวาดภาพอยู่ในใจก็แล้วกัน ไอ้เสื่อมันแข็งก้าวยาวมันก็ก้าวไม่ได้ มันก็ชวนล้ม ก็ต้องมีไม้เท้าคอยยันๆ เข้าไว้ เดินกว่าจะไปถึงกุฏิหลวงพ่อปานก็นาน เพราะออกจากป่าช้า พวกเราก็เป็นพี่เลี้ยงเดินห่างๆ ไม่ไกลนัก ไอ้ที่ไปน่ะอยากจะดูว่าหลวงพ่อปานท่านจะออกท่าไหน แล้วพระองค์นี้จะโกรธพวกเราไหม ถ้าหากว่าเขาโกรธจริงๆ ละดีไม่ดีแกฆ่าเอาตายแน่ จะได้หาทางเลี่ยง หาทางหลบ หาทางแก้ตัว ก็ซ้อมกันไว้แล้ว จะหาทางออกทางไหน ในเมื่อหลวงพ่อปานบอกนี่มันใช้ไม่ได้ มันเลวจริงๆ หรือถ้าท่านจะหาว่าพวกเราแกล้ง เราก็หาทางออกไว้เสร็จ

ตานี้เดินกว่าจะถึงกุฏิหลวงพ่อปานก็ใช้เวลานาน เกือบ ๓๐ นาที ทีนี้ตอนขึ้นบันไดสิ ขามันก้าวยาวไม่ได้ ต้องช่วยกันพยุง เห็มไหม เอาอก เอาใจกันมาก อาจารย์ใหญ่ด้วย พร้อมด้วยกัน ทีนี้จะขึ้นกุฏิหลวงพ่อปานมันสูง จากพื้นล่างนอกชานถึงหน้ากุฏิหลวงพ่อปานมันสูงต้องช่วยกันพยุง เมื่อขึ้นไปแล้วไปใกล้ประตู พวกเราก็ถอยมาอยู่ไกล เพราะอะไร เพราะเกรงว่าประเดี๋ยวจะเกิดหัวเราะขึ้นมา แกจจะจับไต๋ได้ พอเข้าไปใกล้ถึงหน้าประตู ก็ยกมือขึ้นเคาะกุกๆๆๆ หลวงพ่อปานถามว่าใคร แกก็ตอบ อามะ ภันเต เอาเข้าแล้ว เข้าใจว่าท่านรู้ เข้าใจแล้ว พวกเราหัวเราะงอไปงอมา แต่ว่าไม่กล้าออกเสียง เอาผ้าอุดปากไว้ อยากจะดูต่อไปว่าหลวงพ่อปานท่านะจว่ายังไง ท่านก็เงียบเสีย เงียบ แกก็เคาะใหม่ กุกๆๆๆๆ หลวงพ่อปานถามว่าใคร อามะ ภันเต ถามว่าทำไม อามะ ภันเต เอ้ากลับไปได้แล้ว อามะ ภันเต

สัญญากันไว้ว่า หลวงพ่อปานยังไม่ออกมาเพียงใด ห้ามกลับ ท่านจะพูดยังไงก็ตาม เราใช้คำว่า อามะ ภันเต อย่างเดียว พอบอกว่ากลับไปได้แล้ว เลยตอบว่า อามะ ภันเต เดี๋ยวท่านก็ถามว่าไปแล้วหรือยัง อามะ ภันเต ยังไม่ไปรึ อามะ ภันเต ตอบเท่านี้หลวงพ่อปานรู้ท่า ว่าถ้าไม่ออกไป ไอ้เจ้านี่ไม่กลับแน่ โดนเจ้าลิงต้มแล้ว ท่านก็เลยเปิดประตูออกมาบอก อ้าว! นึกว่าใคร คุณนี่หรอกรึ ท่านออกชื่อ แต่ว่าในที่นี้ไม่บอกชื่อนะ เพราะยังไม่ตาย ดีไม่ดีเขาจะเอาตะพดมานวดคนเล่าเข้า ท่านบอก ดีๆๆๆดีมาก เอ้า ! หันหลังมาดูซิมีอะไรบ้าง ก็เลยหันหลังให้ดูบอกว่า มีมุ้งมีหมอนขอรับ มีเสื่อมาด้วย มีสบง จีวรกี่ตัวเขาก็รายงานหมด ท่านบอกโอ้ ดีมากๆๆๆๆ แหม... คุณทำถูกต้องดีมาก แต่เอ... นี่มันยังขาดตะลุ่มอีกลูกหนึ่งนี่หว่า ความจริงไอ้ครองใหญ่นี่เขาต้องเอาตะลุ่มเทินหัวมาได้ นี่ไอ้ใครมันเป็นคนแนะนำนะ ใครทำไมไม่แนะนำให้มันครบถ้วนบริบูรณ์

แกก็เลยบอกชื่ออาจารย์ทั้งหลาย แหม... ระนาวเลย ๑๐ กว่าองค์ ท่านบอก แหม... ได้เจ้าพวกนี้มันระยำจริงๆ นี่พระใหม่ไม่รู้อะไรก็ควรจะแนะนำกันให้ถูกต้อง ความจริงยังขาดตะลุ่ม แต่ไม่เป็นไรๆ คุณไม่ต้องไปเอามานะ ถึงแม้ว่าจะขาดตกบกพร่องฉันก็ให้อภัยคุณ ถือว่าทำครบถ้วนแล้วกัน กลับได้ๆ ดีมาก คุณทำดีมาก คุณนี่ทำถูกต้องทุกอย่าง บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาก็ท่องหนังสือทำวัตรสวดมนต์ได้เป็นอย่างดี ทำกิจการงานก็ดี ศึกษาพระปริยัติ ปฏิบัติก็ทำดีทุกอย่าง คนอื่นทำดีอย่างคุณนี่ไม่มีหรอก แหม.. หายากเต็มที นี่ฉันบวชมาตั้งหลายปีแล้วนะ พึ่งเห็นพระครองให้ ๒ - ๓ คราวนี่เท่านั้น เอาละเป็นอันว่าใช้ได้นะไม่ต้องกลับไปเอาตะลุ่มมา พอแล้ว

แหม... แต่น่าตำหนิไอ้ครูคนแนะนำนี่ แหม... มันทำให้ขาดได้ แตไม่เป็นไร ฉันแนะนำให้แล้วก็แล้วกันไป ทีหลังฉันจะเตือนมันนะให้ใครเขาครองใหญ่ ต้องมีตะลุ่มติดมาด้วย มันต้องมีให้ครบ ไม่ยั้งงั้ยเวลาตายจะไม่มีอะไรใส่ของกิน เอ้า... คุณกลับได้ แล้วท่ากน็กลับเข้ากุฏิ ดูหน้าท่านยิ้มๆ ชอบกล ท่านคงกลั้นหัวเราะไม่ไหว พวกเราก็เข้าไปประคองลงกุฏิมากลับถึงที่ พอเปลื้องออกมาแล้ว แหม... แกดีอกดีใจขอบคุณกราบพวกเราเสียย่ำแย่ แต่ไม่ได้รู้ว่าเจ้าลิงทั้งหลายช่วยกันทรมานแก เป็นการกลั่นแกล้ง นี่ที่มาคุยให้ฟัง เขาจะได้รู้ว่าเจ้าลิงน่ะ เดิมทีนิสัยมันเลวขนาดไหน

แล้วต่อมาภายหลังเมื่อพระองค์นั้นสึกไปแล้ว หลวงพ่อปานก็เรียกประชุมพูดเป็นนัยๆว่าได้การกระทำใดๆก็ตาม ที่มันไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยน่ะ เลิกๆ กันเสียบ้างซี ท่านพูดเป็นนัยๆ เกรงว่าคนอ่นเขาจะรู้ ถ้าพูดกันตรงไปตรงมาละ หากองค์ที่สึกไปแล้ว แกรู้เข้า แกเอาปืนมานวดเข้าสบายๆ บอกว่าอย่าไปยุ่งนัก ถ้าเขามีความฉลาดพอละจะเกิดเรื่อง ดีไม่ดีเกิดฆ่ากันตาย ทำอย่างนี้มันไม่สมควรหรอก ควรจะเลิกกันนะ ก็ไม่มีใครพูดว่ายังไง รับด้วยอาการดุษณีภาพ ท่านผู้อ่านฟังแล้วคิดว่าเขาจะเลิกกันไหม ท่านคงจะคิดว่า แหม...เจ้าพวกนี้ว่านอนสอนง่ายนะ เป็นคนดี คงจะเลิก

แต่เปล่า ต่อไปแกก็หาทางออกของแกต่อไปอีก เพราะอะไรล่ะวิธีนั้นหลวงพ่อปานสั่งเลิก ไม่ทำแน่ แต่ก็มีวิธีอื่นต่อไป วิธีอื่นจะมีอะไรบ้างนี่ก็เห็นจะพอแก่เวลาแล้ว หน้าของหนังสือก็เห็นจะพอดี สำหรับเรื่องนี้ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลจงมีแก่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่านที่อ่านแล้วได้เรื่องบ้าง ไม่ได้เรื่องบ้าง ท่านปรารถนาสิ่งใด ก็ขอให้ได้สิ่งนั้นสมความปรารถนาจงทุกประการ สวัสดี.


จากหนังสือคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๑๘
โดย nookfufu2

ไฟล์แนบ: คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถดูและดาวน์โหลดไฟล์แนบได้ หากยังไม่มีแอคเคานต์หรือยังไม่ได้เป็นสมาชิก กรุณาสมัครสมาชิก
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-28 02:31 , Processed in 0.037400 second(s), 15 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.