แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 3474|ตอบ: 5
go

ปลาช่อนผู้มีเมตตา [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

ปลาช่อนผู้มีเมตตา
โดย "สุภาวดี"


หลังจากน้ำท่วมบริเวณวัดท่าซุงปี ๒๕๒๖ เมื่อน้ำแห้งแล้วก็ยังปรากฏว่าส่วนที่มีน้ำขังอยู่นานกว่าบริเวณอื่นคือ ตึกกลางน้ำ ตั้งอยู่กลางสระมีน้ำขังอยู่ ไหลไปไหนไม่ได้นานๆเข้าก็เน่า แม้แต่ต้นบัวดอกบัวก็จมน้ำเน่า ปลาในสระเริ่มตาย มีปลาตะเพียนตายก่อน

พอถึงเดือนธันวาคม ปลาใหญ่ที่อดทนกว่าปลาตะเพียน คือปลาช่อน มีผิวหนังถลอก เปื่อยเน่าเป็นแผลตามตัวทั่วๆไป แล้วก็ตาย...อย่างน่าอนาถใจ

ขณะเดียวกันปลาเล็กๆ เช่นปลาหมอ ปลากระดี่ ก็เริ่มลอยหัวเป็นกลุ่มๆ เพื่อหายใจเอาอากาศบนผิวน้ำตามตัวก็เริ่มมีแผลเน่าเปื่อย
หลวงพ่อท่านสงสารปลาเหล่านี้ คิดว่าทำยังไงดีจึงจะช่วยชีวิตปลาเหล่านี้ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ท่านให้อาหาร คือข้าวสุกแก่ปลาทุกวัน ก็ดูว่ามันมีความสุขดี เพราะมีที่กิน

เรื่้องเอาข้าวเลี้ยงปลาก็มีเรื่องแปลกอยู่เรื่องหนึ่งก็คือ ขณะที่เอาข้าวสุกวางบนขั้นบันไดที่ถูกน้ำท่วม ปลาเล็กๆ เช่นปลาหมอ ปลากระดี่ ก็เข้ามากินข้าว มีปลาช่อนตัวหนึ่งโตขนาดแขนเห็นจะได้ ว่ายน้ำเข้ามา

โดยปกติปลาใหญ่มักจะกินปลาเล็กๆ แต่ปลาช่อนตัวนี้ว่ายน้ำตรงเข้ามาที่กองข้าวสุก ฮุบข้าวสุกไปเต็มปาก แล้วก็ว่ายน้ำออกไปคายข้าวสุกในปากให้ปลาตัวเล็กๆ ซึ่งเข้ามากินข้าวไม่ถึง แล้วปลาเล็กเหล่านั้นก็กินข้าวกัน

ปลาช่อนผู้เมตตาตัวนี้เองไม่ได้กินข้าวเลย พอคายข้าวออกแล้วก็ว่ายกลับเข้ามาฮุบข้าวไปปล่อยให้ปลาเล็กๆที่อยู่รอบนอกกิน ทำอย่างนี้อยู่หลายเที่ยว  หลวงพ่อท่านยืนดูอยู่เป็นสิบเที่ยวจึงพูดว่า

"ช่อนเอ้ย...เหนื่อยไหมลูก..."

สังเกตดูหลวงพ่อท่านมีใบหน้าแสดงถึงความเมตตาเต็มเปี่ยม ท่านชี้ให้ดู บอกว่า..

"นี่ชีวิตธรรมชาติสัตว์มีเมตตา น่าสรรเสริญ ปลาช่อนตัวนี้มีจริยาคล้าย พระโพธิสัตว์ จึงได้เลี้ยงดูปลาเล็กๆ โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้กิน ว่ายน้ำคาบข้าวสุกนำไปให้ปลาตัวเล็กๆกินกันอย่างมีความสุข ส่วนตัวเองยอมลำบาก..."

ทุกครั้งที่หลวงพ่อท่านลงมาให้อาหารสุนัขและปลาที่ตึกกลางน้ำ ท่านมักจะถามหาปลาช่อนผู้เมตตาเสมอๆ แต่ก็ไม่เห็น ไม่ทราบว่าจะตายไปแล้วเพราะน้ำเน่าหรือเปล่า

เรื่องปลาเป็นโรคหนังถลอก หนังเปื่อย เป็นแผลเน่าตามผิวหนังทั่วไปนี้ มีตายบ้าง ยังไม่ตายบ้าง หลวงพ่อก็คิดว่าจะแก้ไขอย่างไรดีจึงจะช่วยชีวิตปลาเหล่านี้ได้ จะแก้ไขอย่างนักวิชาการแนะนำ ก็ไม่มีเงินพอ

วันที่ ๙ ธันวาคม ท่านจึงคิดว่าถ้าเติมน้ำจากบ่อบาดาลลงในสระจะทำให้ความเน่าของน้ำเจือจางลงบ้าง น่าจะช่วยชีวิตปลาได้ แต่ท่านก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ

พอรุ่งเช้าท่านต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯด้วยศาสกิจ ขณะที่พักอยู่กรุงเทพฯ ๑ คืน หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า

"ได้กราบทูลถามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรื่องเติมน้ำลงสระนั้นจะช่วยชีวิตปลาได้ไหม"

พระพุทธองค์ตรัสว่า "ได้"

พอกลับมาถึงวัดท่าซุงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๒๖ ท่านก็บอกพระให้สูบน้ำบาดาลลงสระตลอดวัน ตั้งแต่เช้าจนเย็น

ตอนเย็นท่านไปดูก็พบว่า ปลาที่ลอยตัวเป็นกลุ่มๆนั้นหายไปหมด และมีปลาตัวเล็กๆ กระโดดขึ้นเหนือน้ำสุดตัวเหมือนกับว่ามันดีใจที่ได้น้ำใหม่ ปลาอื่นกระโดดอยู่ทั่วไป แสดงถึงความกระปรี้กระเปร่าของมัน หลวงพ่อก็เห็นเช่นนั้น ท่านก็ดีใจที่ช่วยชีวิตปลาให้รอดต่อไปได้

การสูบน้ำบาดาลลงสระเรื่อยๆ โดยไม่ต้องถ่ายน้ำจากสระนั้นสามารถช่วยชีวิตปลาในสระได้ เพราะน้ำเสียจะจางลงทีละน้อยๆ ชีวิตของปลาก็จะทรงตัวอยู่ได้

หลวงพ่อบอกว่าค่าไฟฟ้าจากเครื่องสูบน้ำบ่อตลอดวันไม่เกิน ๑๐ บาท ถ้าคนเลี้ยงปลาในบ่อหรือในสระจะนำวิธีการนี้ไปใช้ดูบ้าง ก็ให้ขุดบ่อบาดาลสูบน้ำผิวดิน โดยขุดไว้ใกล้ๆกับบ่อที่เลี้ยงปลา ใช้เครื่องดีเซลก็ได้สูบน้ำขึ้นมา หรือใช้กระแสไฟฟ้าก็ได้ ไม่เกินวันละ ๑๐ บาท สูบน้ำผิวดินจากบ่อที่ขุดใส่ลงในบ่อปลาเรื่อยๆ โดยไม่ต้องถ่ายน้ำในสระน้ำที่เลี้ยงปลาออก น้ำในสระก็จะไม่เสีย ปลาก็จะไม่เป็นโรคด้วย

ที่ท่านแนะนำนี้ก็คิดว่าปลาในสระที่เขาเลี้ยงกันเพื่อขาย มันก็ต้องตายอยู่แล้ว แต่ขณะที่มันยังมีชีวิตอยู่ เราก็ช่วยมันให้มีความสุขได้ จัดเป็นอภัยทาน ก็น่าจะทำดูสำหรับผู้ที่เลี้ยงพระในบ่อหรือในสระ

วิธีนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์

จากนิตยสาร ธัมมวิโมกข์ ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๓๘ พ.ศ. ๒๕๒๖
ผู้พิมพ์ NOOKFUFU2

Rank: 1

อนุโมทนา สาธุ

Rank: 1

โมทนาด้วยคนครับ

Rank: 1

โมทนาสาธุ เจ้าปลาช่อนจ๊ะ ../\..

Rank: 1

อนุโมทนา สาธุ

Rank: 1

อนุโมทนาบุญกับปลาช่อนใจดีด้วยเจ้าค่ะ

‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-27 23:44 , Processed in 0.041191 second(s), 14 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.