การฟื้นฟูชุมชนเวียงกุมกาม ต่อมาระยะหลังในสมัยธนบุรี เมื่อลำน้ำแม่น้ำปิงได้เปลี่ยนเส้นทางมาไหลผ่านทางด้านตะวันตกของเวียงกุมกามแล้ว ก็ปรากฏหลักฐานชื่อชุมชนในพื้นที่เขตนี้ใหม่ว่า ท่าวังตาล อันหมายถึงชุมชนที่ตั้งบ้านเรือน และทำมาหากินในเขตฝั่งตะวันออกใกล้แม่น้ำปิง ขณะเดียวกันพื้นที่เขตเวียงกุมกามเดิมได้ใช้เป็นพื้นที่ทำการเกษตร ทำไร่นาปลูกพืชผักผลไม้ต่างๆ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีการทำสวนลำไยกันมาก หรือปลูกไว้ตามเขตบ้านพักอาศัยแทบทุกหลังคาเรือน การเริ่มมีชุมชนบ้านเรือนขยายตัวออกไปอยู่อาศัยกันมากขึ้นในปัจจุบันนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเติบโตขยายตัวของเมืองและชุมชน จากการใช้วิเทโศบาย เก็บผักใส่ซ้า-เก็บข้าใส่เมือง ของเจ้าหลวงกาวิละ (พ.ศ.๒๓๒๔ - ๒๓๕๘) ประมาณระยะเวลาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์เป็นต้นมา
เวียงกุมกาม อาจจะยังเป็นชื่อที่ยังไม่แพร่หลายเป็นที่รู้จักกันมากนัก แต่เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ.๒๕๒๗ ที่ผ่านมานั้น ได้มีการสำรวจและขุดค้นทางโบราณคดีในบริเวณเวียงกุมกาม ปรากฏว่าได้พบหลักฐานที่สำคัญและน่าสนใจเป็นอันมาก ซึ่งหลักฐานดังกล่าวเหล่านั้นจะช่วยคลี่คลายเรื่องราวทางประวัติศาสตร์บางตอน โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างแคว้นหริภุญชัยมาสู่แคว้นล้านนา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลาจารึกที่ขุดค้นพบที่บริเวณแหล่งขุดค้นเวียงกุมกามนี้นั้น เป็นหลักฐานชิ้นที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของอักษรไทย ซึ่งยังไม่ปรากฏพบที่แห่งใดมาก่อน ด้วยเหตุนี้บทความดังกล่าวจึงมุ่งเน้นที่จะแสดงเรื่องราวของเวียงกุมกามให้รู้จัก และแสดงหลักฐานที่สำคัญที่ค้นพบดังกล่าวให้เป็นที่ประจักษ์แจ้งต่อไป
สภาพปัจจุบันของเวียงกุมกาม เวียงกุมกามถูกทำลายลงไปมาก จากรายงานของหน่วยศิลปากรที่ ๔ กองโบราณคดี กรมศิลปากรได้สำรวจไว้ ปรากฏพบร่องรอยแนวกำแพงเมือง ซากโบราณสถานและวัตถุและเศษเครื่องปั้นดินเผามากมาย ดังนั้นจึงได้บูรณะในส่วนที่เป็นซากโบราณสถานขึ้น วัดต่างๆ ในเวียงกุมกาม (โบราณสถานที่ขุดแต่งบูรณะแล้ว) วัดร้าง ๒๔ แห่ง และวัดที่มีพระสงฆ์ ๖ แห่ง รวมพิพิธภัณฑ์และศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกามอีก ๑ แห่ง
การย้อนรอยประวัติศาสตร์ ณ เวียงกุมกาม จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งนี้ เราจะไปทั้งหมด ๓๐ แห่ง ดังนี้
๑. วัดเสาหิน
๒. วัดศรีบุญเรือง
๓. วัดพันเลา
๔. วัดหัวหนอง
๕. วัดกู่ต้นโพธิ์
๖. วัดกู่มะเกลือ
๗. วัดกู่อ้ายหลาน
๘. วัดกุมกามหมายเลข ๑
๙. วัดกุมกาม
๑๐. วัดธาตุน้อย
๑๑. วัดอีค่าง
๑๒. วัดหนานช้าง
๑๓. วัดปู่เปี้ย
๑๔. วัดกู่ป้าด้อม
๑๕. พิพิธภัณฑ์และศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกาม
๑๖. วัดกู่ขาว
๑๗. วัดกุมกามทีปราม
๑๘. วัดกุมกามทีปราม หมายเลข ๑ (วัดข่อยสามต้น)
๑๙. วัดกู่ไม้ซ้ง
๒๐. วัดกู่ริดไม้
๒๑. วัดกู่อ้ายสี
๒๒. วัดกอมะม่วงเขียว
๒๓. วัดบ่อน้ำทิพย์
๒๔. วัดโบสถ์ (อุโบสถ)
๒๕. วัดป่าเปอะ
๒๖. วัดพญามังราย
๒๗. วัดพระเจ้าองค์ดำ
๒๘. วัดธาตุขาว
๒๙. วัดเจดีย์เหลี่ยม (กู่คำ) (พระเกศาธาตุ , พระบรมธาตุคางเบื้องขวา)
๓๐. วัดช้างค้ำ (วัดกานโถม) (พระบรมธาตุเจดีย์)
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขอเชิญชวนสมาชิกทุกท่านร่วมเดินทางย้อนรอยประวัติศาสตร์ไปด้วยกันในครั้งนี้ ด้วยความเคารพความกล้าหาญของบรรพชนในอดีตกาล...
โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การศึกษาเรื่องราวประวัติพัฒนาการและโบราณสถานของเวียงกุมกามครั้งนี้ จะก่อให้เกิดความภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น ที่บรรพชนล้านนาได้สร้างสรรค์ไว้ และเพื่อการเผยแผ่และสืบทอดพระพุทธศาสนาสืบต่อไป อันจะน้อมนำมาสู่การมุ่งมั่นสร้างคุณงามความดีของคนในสังคมปัจจุบัน
ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ มหาราช ว่า
“.....การสร้างอาคารสมัยนี้เป็นเกียรติของคนสร้างผู้เดียว
แต่โบราณสถานนั้น เป็นเกียรติของชาติ
อิฐเก่าๆ แผ่นเดียวก็มีค่า ควรรักษาไว้
ถ้าเราขาดสุโขทัย อยุธยา และกรุงเทพฯ แล้ว
ประเทศไทยก็ไม่มีความหมาย…..”