แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: pimnuttapa
go

โอวาทพระสุปฏิปันโน [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๕๔

หลวงปู่บุญ ชินวังโส

(พระครูวิมลญาณวิจิตร)

วัดป่าศรีสว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

L47.png



คนเรานั้นจะอยู่ที่ไหนก็สะดวกสบาย

มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์รักษา ก็บุคคลนั้นเจริญด้วย

ศีล สมาธิ ปัญญา

ต้องเจริญด้วยศีลธรรมนะ ปลอดภัยทุกประการ

ทั้งนี้ เรามีที่พึ่ง

คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ นั่นเอง

เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๕๓

หลวงปู่สาม อกิญจโน

วัดป่าไตรวิเวก อ.เมือง จ.สุรินทร์

L47.png



เรานักต่อสู้ลูกพระพุทธเจ้า ถ้ามันยังไม่ตายยังหายใจอยู่ แม้ขาเดินไม่ได้เอาไม้เท้าเดิน ก็ต้องยอมตายกับความดีงามนะพวกเธอ…!

สมัยโน้นพระธุดงค์ก็ลำบาก ชาวบ้านก็ลำบาก เพราะไม่เจริญอย่างกับปัจจุบันนี้นะ แต่มีความเพียรแรงกล้า มุ่งอรรถมุ่งธรรมกันจริงๆ...มาสมัยนี้หละหลวมไม่เอาดีเลย สอนแล้วก็ลืม...ลืมปฏิบัติกัน !

เรื่องเวรกรรม...ลูกเอ๋ย...มันเป็นกรรมนะ ต้องใช้กรรมเวร ยุติธรรมดีแล้ว...แม้พระพุทธเจ้าของเราลูกเห็นไหม ? ...พระองค์บริสุทธิ์แค่ไหน...พระองค์ยังต้องประสบในเรื่องเช่นนี้นะ...

ฉะนั้น จงปล่อยไปตามกรรมที่ทำไว้แต่หนหลัง...ปัจจุบันทำจิตใจของตนเองให้บริสุทธิ์ก็พอแล้ว...ทำอย่างไรหนอ จึงจะพ้นทุกข์นี้ไปได้เท่านั้น...

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๕๒

หลวงพ่อชม อนังคโณ

วัดทุ่งยาว (วัดเขานันทาพาสุภาพ) อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี

L47.png



ถ้าเรารักตัวกลัวทุกข์ยาก เราต้องหมั่นฝึกฝนปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อย่าทิ้งความดี ความดีนั้นมีอะไร...ความดีก็มี ศีล สมาธิ ปัญญา นี่เราจึงจะพ้นทุกข์พ้นภัย...การประพฤติปฏิบัติธรรมของคนเรานี่ ไม่ว่าเป็นพระภิกษุสามเณร หรือฆราวาสทุกเพศทุกวัย ทำได้ทุกๆ คน

...สรุปว่า ถ้าแม้มีจิตมีสติแล้วทำได้ทั้งนั้น เมื่อปฏิบัติธรรมไปแล้วจะเกิดความอัศจรรย์อย่างหนึ่งคือ...เมื่อมีกำลังใจ หรืออำนาจจิต มีความเชื่อมั่นแล้วจะบังเกิดสิ่งหนึ่ง...สิ่งนี้คือการอธิษฐาน

สมัยที่อาตมาเจ็บป่วยมากและกำลังจะตายอยู่อย่างเห็นชัดนี่อยู่ในป่านะ ครั้นพอรู้ตัวว่ากำลังจะตายทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงกำหนด และยังไม่ได้นำธรรมะที่ได้รับออกเผยแพร่แก่ชาวโลกเลย จึงนึกเสียดาย

...ในเวลานั้น จึงได้อธิษฐาน ขออำนาจพระรัตนตรัย บิดามารดา คุณความดีทั้งปวงให้ช่วยเพิ่มแรง เพิ่มกำลังใจ...เป็นที่น่าอัศจรรย์ ความเจ็บป่วยกลับหายไปเมื่อได้ลืมตาขึ้นแล้ว เกิดกำลังวังชาขึ้นมาทันทีทันใด ปีนเขาได้อีก ๕-๖ ยอด สบายๆ

นี้จึงกล้ารับรองว่า…แม้นักปฏิบัติทำจริงๆ มีสัจจะกันแล้ว จะต้องบังเกิดผลที่เป็นที่แน่นอนไม่ต้องสงสัย หรือเที่ยวถามกับคนอื่น ถามตัวเราเองได้เลย

L48.png

บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๕๑

หลวงพ่อกัสสปมุนี

วัดปิปผลิวนาราม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง

L47.png


การที่เราทำความดีใส่จิตใจแล้ว...ขอให้เชื่อเถิดว่าความดีนั้นต้องสนองเราเสมอ และจงเชื่อใจตนเอง ผู้ปฏิบัติไม่เชื่อตนเองว่าปฏิบัติอยู่ มันจะได้ความอะไร...เรารู้ตัวอยู่นี่ว่าเราทำความดีอะไรไว้ หรือทำความชั่วอย่างไม่น่าให้อภัย อันนี้เข้าใจตนเองดีอยู่แล้วนี่

อาตมาออกเดินธุดงค์ในครั้งโน้น อาตมาก็เชื่อความดีที่มีศีลมีธรรม แม้จะบวชเข้ามาในสมัยชราแล้วก็ตาม คือ พ.ศ.๒๕๐๕ อาตมาก็เชื่อว่าเราต้องทำได้ ปฏิบัติได้แน่นอน อะไรจะมาขวางทางแห่งความดีงามเราไม่ได้...

อาตมาเคยไปผจญอยู่ในป่าในถ้ำมาหลายๆ แห่ง เช่น ภูกระดึง...พวกสัตว์ป่า เช่น เสือ งูพิษ...ที่พูดนี่ ขอพูดเพื่อให้มีกำลังใจในการปฏิบัติธรรมนะ... สัตว์พวกนี้ เราก็ภาวนาของเราไป ทำอยู่อย่างนี้ทุกวันก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น นอกจากอาตมาเกิดสงสาร แผ่เมตตาให้เขาได้พ้นชาติกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อทำคุณงามความดีต่อไป...

ทีนี้เรื่องวิญญาณ เรื่องนี้อาตมาได้รับรู้บ่อยครั้งเลยทีเดียว เราก็สอนเขาบ้าง ให้ธรรมะ(เทศนา) แก่เขาบ้าง แผ่เมตตาให้เขาได้พ้นทุกข์... กระแสธรรมเป็นสิ่งที่อ่อนละไม ใครบ้างไม่อยากรับ...ธรรมะของพระพุทธเจ้านี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาล... ไม่มีสิ่งใดจะเลิศล้ำกว่านี้คือ ธรรมะ นี่..วิญญาณทั้งหลายเขาได้ยินได้ฟัง เราก็ได้บุญได้กุศลอีกด้วย

เมื่อเรามีโอกาสอันนี้แล้ว...เราจงรีบเร่งปฏิบัติกันเสีย อย่าได้ทิ้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะการเกิดมาในชาติหนึ่งนี้แสนยากเย็นเข็ญใจ ถ้าแม้ไม่มีบารมีธรรมจริงๆ จะไม่ได้เกิดมาแน่ ญาติโยมต้องเข้าใจในหลักความจริงว่า เกิดมาแล้ว ความตายก็ใกล้เข้ามา...มันพยายามลุกไล่เข้ามาอยู่ทุกขณะจิต มันตายอยู่ตลอดเวลา ขอให้เป็นเครื่องกำหนดรู้ จะได้ไม่เสียกาลนะ

...การปฏิบัติเป็นการบูชาอย่างยิ่ง ที่ขึ้นตรงต่อหลักธรรมและพระพุทธเจ้า เรามีสิ่งประเสริฐแล้วในขณะนั้น เรามีพระพุทธเจ้าอยู่กับใจ นี่จึงเมตตาสอนให้ และจงจำไว้ว่า นี่เป็นหัวใจของเราจริงๆ

L48.png

บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๕๐

หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต

วัดอุดมคงคาคีรีเขต อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น

L47.png



เป็นครูสอนคนอื่นก็ดีอยู่ หากสอนตัวเองด้วยก็จะดีมากขึ้น เราตรวจคะแนนให้คนอื่น ข้อนี้ถูกข้อนั้นผิด เราเคยตรวจดูตัวเองบ้างหรือเปล่า...วันเวลาผ่านไปตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คะแนนฝ่ายดีกับคะแนนฝ่ายชั่วนั้น ข้างไหนมันมากน้อยกว่ากัน กลับไปตรวจตัวเองเด้อ...

ศีลมีมากหลายข้อ ไม่ต้องรักษาหมดทุกข้อดอก...รักษาแต่ใจของเจ้าให้ดีอย่างเดียว กาย วาจา ก็จะดีไปด้วยกันนั่นแหละ

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๔๙

หลวงปู่ซามา อจุตฺโต

วัดป่าอัมพวัน อ.เมือง จ.เลย

L47.png


การปฏิบัติธรรมความดีบริสุทธิ์ เป็นกำไรของจิตใจเราจะได้หมดทุกข์เสียที

อาตมาเคยใช้กรรมครั้งหนึ่งเกือบตายมาแล้ว คือ รถไปคว่ำ...การไปให้รถคว่ำได้มีพระอาจารย์หลายองค์ มีอาจารย์ท่อนเป็นต้น...ความสำคัญมั่นหมายไม่ได้อยู่กับตอนรถคว่ำนั้นหรอก เพราะเป็นเรื่องธรรมดาเชิงขบขันมากกว่า แต่ความสำคัญในทางธรรมะนี้ซี ทำให้อาตมารู้ซึ้งถึงแก่นใจเลยทีเดียว จึงมาแนะนำญาติโยมว่า

...ปฏิบัติไปเถิดธรรมสมาธินี้ เมื่อใครได้ปฏิบัติแล้ว แม้ถึงคราววิบัติ ธรรมะก็ช่วยไม่ได้ แต่ธรรมะช่วยเป็นเกราะแก้วเกราะขวัญของพวกเราเป็นอย่างดียิ่ง เป็นอะไรล่ะ...เป็นพุทธรักษา ธรรมรักษา สังฆรักษา รักษาให้พ้นความตายได้จริงๆ

...ภูมิธรรมเกิดขึ้นมากในช่วงนั้น ขณะเจ็บอยู่นะ...อาตมารู้วิธีตอนที่เราจะตายควรไปฝากกับใคร...แล้วพวกโยมก็ควรปฏิบัติบ้างจึงจะรู้ชัดเจนนะ

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๔๘

หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร

(พระญาณสิทธาจารย์)

วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

L47.png



...อัตตาหิ อัตตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน” ตนทำบาปตนก็ได้รับทุกข์เอง ตนทำบุญก็ให้ความสุขแก่บุคคลผู้นั้น บุญ-บาป เป็นของเที่ยงแท้แน่นอน

ใครทำบาป บาปย่อมให้ผล...ใครทำบุญกุศล บุญกุศลย่อมตามให้ผล...แต่ว่าบางอย่างบางประการนั้น ไม่ทันกับใจกิเลสมนุษย์ ก็เลยเข้าใจว่า...ทำบุญแล้วก็ไม่เห็นผล แต่ว่าบาปนั้นไม่ทำก็เห็นผล

...ใครจะมาว่าเราก็เป็นเรื่องปากเขาว่า จิตเรามีหน้าที่ภาวนา ไม่ต้องไปมัวว่าให้คนโน้นคนนี้ ติคนโน้น ชมคนนี้ ได้ประโยชน์อะไร ภาวนาในใจดีกว่า สงบกาย สงบวาจา สงบจิต ให้มีสติอยู่ทุกเวลา...ยืนให้มีสติ เดินให้มีสติ ทำอะไรให้มีสติ พูดอะไรให้มีสติ

อย่าเพียงแต่ว่า พูดอะไรพูดได้ก็พูดไป ขาดสติ จิตใจเลื่อนลอย ฟุ้งซ่าน ไม่มีเวลาจบ ไม่มีเวลาสิ้น นั่นแหละชื่อว่า ตัณหาดิ้นรนวุ่นวายไปตามกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา จิตใจไม่สงบระงับ ไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิภาวนา เพราะหลงใหลไปตามอาการภายนอก

จิตไม่หยุด จิตไม่อยู่ จิตไม่รู้ภายใน...รู้ภายนอก รู้ไปทำไม...รู้ภายใน รู้กาย รู้จิตของตัวเองดีกว่า

หมายเหตุ

-  กามตัณหา หมายถึง ความอยากในกาม
-  ภวตัณหา หมายถึง ความอยากเป็น อยากมี
-  วิภวตัณหา หมายถึง ความไม่อยากเป็น ไม่อยากมี

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๔๗

หลวงปู่มหาทองสุก สุจิตฺโต

(พระครูอุดมธรรมคุณ)

วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร

L47.png



ถ้าจะตาย ก็ขอตายในสมาธิ ขอถวายชีวิต


ผู้บวชเป็นพระครองผ้าเหลือง...

ได้ชื่อว่า สมณศากยบุตร ต้องรักษาพระวินัย

ยิ่งกว่าชีวิต...พระภิกษุนั้น จะต้องปฏิบัติ

ตามพระธรรมวินัย จึงจะเป็นพระที่ดี

ถ้าล่วงพระวินัยแล้ว เป็นพระเลว !

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๔๖

ท่านพุทธทาสภิกขุ

(พระธรรมโกศาจารย์)

วัดธารน้ำไหล สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี

L47.png



การทำจิตใจให้บริสุทธิ์สะอาด ปราศจากสิ่งเศร้าหมองนั้น หมายความว่า ทำจิตใจให้เป็นอิสระจากสิ่งทั้งปวง...ถ้าจิตใจยังไม่เป็นอิสระจากอำนาจครอบงำของสิ่งทั้งปวง จะเป็นจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ไปไม่ได้เลย...

คนเรามีแต่ความยึดมั่นถือมั่นกันอยู่ คล้ายกับว่าเป็นมรดกที่ตกทอดมาตั้งแต่ไม่รู้ว่าครั้งไหน...เราจะเห็นได้ว่า พอเกิดมาก็ได้รับการอบรมแวดล้อมโดยเจตนาบ้าง ไม่เจตนาบ้าง ให้เป็นไปแต่ในทางยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ทำกันเลย

เมื่อเห็นโทษของความยึดมั่นถือมั่นเมื่อใด จิตก็จะคลายจากความยึดมั่นถือมั่นเมื่อนั้น...จิตที่ว่างจากความยึดมั่นถือมั่นว่าตัวตน ว่าของตนเท่านั้น ที่จะมั่นคงเป็นสมาธิได้อย่างแท้จริงและสมบูรณ์

L48.png

บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๔๕

หลวงพ่อแพ เขมังกโร

(พระธรรมมุนี)

วัดพิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี

L47.png



อาสวะกิเลส เปรียบเหมือนกับความมืดที่เราจมอยู่ มันเป็นการตัดหนทางดีของเราที่สำคัญที่สุด...เราจึงต้องมานั่งภาวนากำจัดมันเสียให้ได้โดยเด็ดขาด เมื่อนั้นจิตจึงจะผ่องแผ้วสว่างไสว แล้วจะเห็นแจ้งในธรรมทั้งปวง

ดังนั้น...เมื่อเรารู้หนทางบ้างแล้ว ก็ควรระงับกรรมเวร มิให้สืบต่อไปอีกเลย

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-28 00:47 , Processed in 0.057189 second(s), 15 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.