รูปภาพพระสวัสดิ์ นริสฺสโร
พระสวัสดิ์ นริสฺสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุจอมมอญ รูปที่ ๑ (รับตำแหน่งปี พ.ศ.๒๕๔๓) และท่านเป็นผู้รวบรวมเรียบเรียงหนังสือพุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก (ฉบับชำระสะสาง) ด้วย
ชาตะ วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๗ มรณภาพ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๗ สิริอายุรวมได้ ๕๐ ปี เป็นพระภิกษุได้ ๒๓ พรรษา และได้ลาสิกขาเป็นเวลา ๑ ปี ๕ เดือน
พระอาจารย์สวัสดิ์ ได้รวบรวมเรียบเรียง พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก ขึ้นมา ท่านได้จาริกตระเวนไปกราบไหว้สักการบูชาพระบาทพระธาตุถึงสิบสองปันนา เชียงรุ้ง เมืองลวง เมืองม้า เมืองลา เมืองหน เมืองฮาย เมืองแช่ เมืองปาน เชียงลอ ซึ่งเมื่อรวบรวมได้มาแล้วก็พิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่มฉบับชำระสะสางเป็นภาคที่ ๑ ก็สำเร็จไปแล้วดังกล่าว แต่เมื่อค้นคว้าดูอีกหลายๆ ที่ และจากที่ พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต ศิษย์พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) (วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี) ซึ่งท่านได้รวบรวมไว้เยอะมากๆ
พระอาจารย์สวัสดิ์ก็ได้ติดต่อไปตามสำนักวัดต่างๆ ที่ออกตำนานพระบาทพระธาตุ ร่วม ๓๐๐ แห่ง เพื่อให้สำนักนั้นๆ ส่งรายละเอียดพร้อมภาพถ่ายมาให้ แล้วพระอาจารย์สวัสดิ์จะได้ส่งพุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลกภาค ๑ ไปถวายฟรี และจะนำตำนานที่ยังไม่ได้ลงพิมพ์มารวบรวมเป็นภาคที่ ๒ ส่งถวายให้อีก แต่ปรากฏว่าได้รับความร่วมมือสนับสนุนเพียง ๒๐ กว่าแห่งเท่านั้นเอง จะเป็นเพราะเหตุอันใดไม่ทราบ จึงเป็นสาเหตุอันหนึ่งที่ให้พระอาจารย์สวัสดิ์สึกขาลาเพศไปสักระยะหนึ่งก่อน เพื่อสะดวกในการตระเวนขับรถไปค้นหาเอาเอง ถึงที่แล้วค่อยกลับมาบวชใหม่ เมื่อเสร็จภารกิจนี้แล้ว
เรียกได้ว่าตะลุยไปได้ทุกหนแห่งโดยไม่ต้องหวังพึ่งใคร สร้างบารมีเป็นของตนเอง ยอมเหน็ดเหนื่อยเสียเวลาสละยศถาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งพระครู ซึ่งทางสงฆ์กำลังจะเสนอให้ได้ในปี ๒๕๔๖ นี้แล้ว ก็ไม่อยากได้ อยากมี อยากเป็น ซึ่งได้เป็นเจ้าอาวาสก็ยังไม่อยากเป็นอยู่แล้ว อยากทำงานเป็นกำลังของพระศาสนาในทำนองปิดทองหลังพระก็เพียงพอแล้ว ยกยอเทิดทูนบูรณะพัฒนา เผยแพร่พระพุทธศาสนาไปอีกรูปแบบหนึ่ง
พระอาจารย์สวัสดิ์อธิษฐานจิตขอสร้างบารมีเป็น พระโพธิสัตว์ ซึ่งมีความผูกพันฝังลึกอยู่ในหัวจิตหัวใจมาตั้งแต่เริ่มศึกษาธรรมะและปฏิบัติธรรมมาช้านานแล้ว อยากจะตัดภพชาติ ไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรอีก เพื่อมุ่งสู่นิพพานดับทุกข์อย่างเดียว จิตใจมันก็ไม่ยอม มันร้องไห้อัดอั้นตันใจ อึดอัดมาก มันไม่ยอมท่าเดียว มันบอกว่าสร้างบารมีมาทางนี้หลายภพหลายชาติแล้ว ในบรรดาบารมี ๓๐ ทัศ ที่สร้างมา
ปัจจุบันชาติได้บำเพ็ญ อธิษฐานบารมี ชาติต่อไปจึงจักได้บำเพ็ญ วิริยะบารมี บำเพ็ญเพียรให้มั่นคงอย่างเดียว ไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์ใดๆ แม้ข้าวปลาอาหารก็อดมื้อกินมื้อหรือรอดไปได้หลายๆ วัน ด้วยอาศัยเพียรเพ่งภาวนา มีปิติเอิบอิ่มอยู่ในธรรม สร้างกำลังสมาธิจิตให้แข็งแกร่งแก่กล้า ก็ไม่ต้องการอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกายมากนักฯ ตามคติของนักกรรมฐานว่า “กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ทำความเพียรมาก”
ปัจจุบันชาตินี้อยากทำอย่างนี้ให้ได้เช่นกัน แต่ก็ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วยโรคภัยเบียดเบียน คงทำบาปกรรมทางเบียดเบียนทรมานสัตว์มาแต่ปางก่อน จึงทำให้เป็นคนขี้โรค ไม่แข็งแรงสมบูรณ์เหมือนใครอื่นเขา เข้าทำนอง ๓ วันดี ๔ วันไข้ ยังดีอยู่ว่าถึงตัวจะเล็กแต่ใจมันใหญ่ มันมีปณิธานอยู่ในหัวใจที่มุ่งมั่นจะสร้างคุณงามความดี สร้างบารมีให้ไว้กับพระศาสนา รักพระศาสนายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เสียสละทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา กำลังทรัพย์เท่าที่มีทุ่มเทให้กับพระพุทธศาสนา มีความเสียสละความสุขส่วนตนเพื่อส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
การที่พระอาจารย์สวัสดิ์กล่าวว่า มาสร้างบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ (ปุถุชนโพธิสัตว์) มิใช่ว่าจะเป็นการอวดอ้างเอาเอง หรือเมื่อตอนเป็นพระภิกษุก็ไม่ค่อยอยากจะพูดเปิดเผยอะไร เพราะสงฆ์ด้วยกันบางท่านก็จะกล่าวว่า อุตริมนุษยธรรม ปรับอาบัติว่าถึงปาราชิกก็มี อันที่จริงแล้ว คำว่า อุตริมนุษยธรรม แปลว่า ธรรมอันยิ่งที่ไม่มีในตน ถ้าพูดหรืออวดอ้างไม่เป็นความจริง จึงถือว่าเป็นปาราชิกได้ แต่ถ้าเป็นไปตามความจริง ท่านปรับอาบัติเพียงแค่ ปาจิตตีย์ ปลงอาบัติกันได้ไม่ใช่ผิดมากมายอะไรนัก เมื่อเป็นฆราวาสพระอาจารย์สวัสดิ์จึงกล้าพูดได้อย่างเต็มปากและมิใช่เป็นการทึกทักอวดอ้างเอาเอง
แม้ครูบาอาจารย์ของพระอาจารย์สวัสดิ์สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่ อาทิ หลวงปู่พระสุพรหมยานเถร วัดพระพุทธบาทตากผ้า พระอุปัชฌาย์ ก็ได้บอกกล่าวเล่าขานให้พระอาจารย์สวัสดิ์ฟัง ทั้งๆ ที่พระอาจารย์สวัสดิ์มิเคยปริปากบอกท่าน หลวงปู่ท่านก็มีญาณหยั่งรู้ ด้วยหลวงปู่ท่านก็เคยปรารถนาพุทธภูมิ เป็นพระโพธิสัตว์มาเช่นกัน แต่ท่านสร้างบารมีมานานจนแก่กล้าแล้ว ได้ช่วยเหลือสรรพสัตว์มามากแล้ว จึงขอตัดพุทธภูมิเข้าสู่อรหัตตภูมิเสียในปัจจุบันชาติ
อีกองค์หนึ่งที่พยากรณ์พระอาจารย์สวัสดิ์ไว้สมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ คือ หลวงปู่ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ว่าพระอาจารย์สวัสดิ์สร้างบารมีเป็นพระโพธิสัตว์และได้เคยอุปัฏฐากหลวงปู่มาแต่ชาติปางก่อน หลวงปู่ท่านก็สร้างบารมีเป็นพระโพธิสัตว์เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้พระอาจารย์สวัสดิ์ก็ไม่เคยปริปากบอกท่านก่อน แต่ท่านก็รู้ได้ด้วยญาณภายใน
เมื่อไม่นานมานี้ พระอาจารย์สวัสดิ์ไปกราบไหว้คารวะสรีระของหลวงปู่ครูบาธรรมชัย ได้เล่าถึงความผูกพันระหว่างหลวงปู่กับพระอาจารย์สวัสดิ์ให้ผู้ร่วมเดินทาง เล่ายังไม่ทันจบก็เกิดอาการอัดอั้นตันใจ สะอึกสะอื้นร่ำไห้ ปิติอย่างบอกไม่ถูกจนละลำละลักพูดไม่ออก มันร้องสะอื้นลูกเดียวตั้งนาน จนผู้ร่วมเดินทางตกอกตกใจไปตามๆ กัน ว่าพระอาจารย์เป็นอะไรไป และยังมีอีกหลายพระองค์ที่มีความผูกพันสัมผัสทางจิตทางนิมิตฝันบ่อยๆ ที่สร้างบารมีสายโพธิสัตว์
อาทิ พระโพธิสัตว์กวนอิม หลวงปู่เทพโลกอุดร หลวงปู่ทวด สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) พระครูวิหารกิจจานุการ (ปาน โสนนฺโท, หลวงพ่อปาน โสนันโท) พระครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย พระครูปัญญาวรวัตร (ครูบาผาผ่า) ครูบาราศี (ตุ๊เจ้าเสือดาว) พระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข เกสโร) วัดปากคลองมะขามเฒ่า พระครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ฯลฯ เป็นต้น
**(หมายเหตุ : สนใจติดตามข้อมูล วัดพระธาตุจอมมอญ เพิ่มเติมได้ที่เว็บแดนนิพพาน @ http://www.dannipparn.com/thread-1106-1-1.html)
--------------------
(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : นาคฤทธิ์ รวบรวมชำระสะสาง (๒๕๔๐-๒๕๔๕). (๒๕๔๕, ตุลาคม). พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับชำระสะสาง (พิมพ์ครั้งที่ ๑). เชียงใหม่ : ลานนาการพิมพ์. หน้า ๓๐๙-๓๑๐. และหนังสืออนุสรณ์ เนื่องในงานฌาปนกิจศพอาจารย์สวัสดิ์ (คงเดช) วงศ์ประเสริฐ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุจอมมอญ. ๒๓ มกราคม ๒๕๔๘. ได้รับความอนุเคราะห์เอกสารจาก คุณลุงตีแอ ผู้ดูแลวัดพระธาตุจอมมอญ อายุ ๖๘ ปี (พ.ศ.๒๕๕๖))
(แหล่งอ้างอิงภาพ : นาคฤทธิ์ รวบรวมชำระสะสาง (๒๕๔๐-๒๕๔๕). (๒๕๔๕, ตุลาคม). พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับชำระสะสาง (พิมพ์ครั้งที่ ๑). เชียงใหม่: ลานนาการพิมพ์, ปกหน้า.)
พบตำนานพระพุทธเจ้าเลียบโลก
เสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้ที่เมืองยวม
จนกระทั่งในปลายปี พ.ศ.๒๕๔๔ ท่านพระอาจารย์สวัสดิ์ นริสฺสโร ได้รำพึงอยู่ในใจและบอกกล่าวกับญาติโยมบางคนว่าอยากจะรวบรวมเรียบเรียงประวัติพระธาตุสี่จอม ร่วมกับ พระพุทธบาท ที่ได้ไปพบมาและรอยพระหัตถ์ที่อยู่บนดอยพระหัตถ์ บ้านดงสงัด ซึ่งยังไม่มีใครเรียบเรียงเอาไว้ ได้แต่คำเล่าลือสืบๆ กันมา กลัวว่านานไปจะไม่มีใครทราบประวัติความเป็นมา ท่านจึงได้ปักธูปตั้งสัตยาธิษฐานบอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพยดาอินทร์พรหมทั้งหลายว่า
“การที่ข้าพเจ้าได้ไปพบรอยพระบาทตามที่ฝันไปก่อนนั้น จะเป็นรอยพระพุทธบาทแท้จริงประการใดหรือไม่ ถ้าจริงก็ขอให้พบเจอตำนานเก่าแก่หรือท่านผู้รู้ ผู้เฒ่าผู้แก่ ได้ชี้แนะให้ได้ความกระจ่าง ภายใน ๗ วันนี้ด้วยเถิด เพื่อจะได้เป็นที่ศรัทธาปสาทะแก่พุทธบริษัท จักได้สืบต่ออายุพุทธศาสนาตราบเท่า ๕,๐๐๐ พระวัสสาต่อไป”
หลังจากนั้นได้ ๕ วัน (วันที่ ๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๕) ท่านได้เดินทางไปแจกผ้าห่มร่วมกับท่านพระครูอนุสนธิ์วรกิตติ์ เจ้าคณะตำบลแม่สะเรียงเขต ๒ ซึ่งญาติๆ ของเจ้าคณะตำบลถวายให้ไปแจกแก่คนยากจน ได้ไปที่บ้านปู่ทา ทางไปแม่สามแลบ อำเภอสบเมย โดยล่องเรือตามแม่น้ำสาละวิน (น้ำคง) ลงไปเป็นระยะทางหลายสิบกิโลเมตร ขึ้นฝั่งแล้วเดินเลียบไหล่เขาและลำห้วยไปอีก ๓ กิโลเมตร ก็ถึงสำนักสงฆ์บ้านปู่ทา แจกผ้าห่มและยา แล้วพัก ๑ คืน
ก่อนฉันเช้า ได้สนทนาธรรมกับเจ้าสำนักชื่อ ท่านชัย เมื่อคุยกันถึงเรื่องประวัติพระธาตุเจดีย์ต่างๆ ท่านบอกว่า ท่านมีหนังสือดีๆ ไว้อ่านเล่มหนึ่งเก่าแก่ แล้วชื่อหนังสือ ตำนานพระเจ้าเลียบโลก หรือพุทธตำนาน กล่าวถึงพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาแม่น้ำสาละวินด้วย พระอาจารย์สวัสดิ์จึงรีบถามว่า “จริงหรือและอยู่ไหน? เอาหนังสือมาดูซิ อยากรู้จริงๆ” เมื่อได้อ่านค้นคว้าดูแล้วปรากฏว่า เป็นตำนานที่เก่าแก่จริงๆ เป็นคัมภีร์ทางภาคเหนือ มีต้นฉบับเป็นใบลานเขียนด้วยอักษรล้านนา ได้คัดลอกต่อๆ กันมา เป็นเวลาร่วม ๕๐๐ ปีแล้ว
“พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก” ได้ปริวรรตเป็นภาษาไทยแล้ว มีทั้งหมด ๑๒ กัณฑ์ เมื่อเปิดอ่านค้นหาดูก็ได้พบเจอในกัณฑ์ที่ ๙ กล่าวไว้ว่า..... “จากนั้นพระพุทธเจ้าก็เสด็จไปสู่เมืองยวม (อำเภอขุนยวม ซึ่งที่จริงคือ อำเภอแม่สะเรียง ด้วยผู้ปริวรรตเข้าใจผิดไปเอง) แล้วก็ไว้รอยพระบาทรอยหนึ่ง”...ฯลฯ พระอาจารย์สวัสดิ์จึงบังเกิดศรัทธาปสาทะมีความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่รอยพระพุทธบาทที่ท่านพบนั้นต้องเป็นของแท้ดั้งเดิมแน่นอนตามที่ได้สัตยาธิษฐานไว้ดังกล่าว
จึงเป็นแรงดลใจให้พระอาจารย์สวัสดิ์ นริสฺสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุจอมมอญ รวบรวมเรียบเรียง “พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก” ฉบับ “ชำระสะสาง” ขึ้นออกมาสู่สายตาชาวโลกเป็นฉบับแรก ประกอบด้วยภาพพระบาท พระธาตุเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุ ที่พระพุทธองค์ได้เสด็จมาฐาปนาประดิษฐานประทานให้ด้วยพระองค์เอง สมัยที่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่
ดังนั้น “พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก” นับว่าเป็นพงศาวดารดึกดำบรรพ์ของพระพุทธศาสนา เป็นมรดกสมบัติศิลปวัฒนธรรมทางการศึกษาที่ล้ำค่าของชาติ จัดเป็นมรดกโลกก็ว่าได้ พระอาจารย์สวัสดิ์จึงได้จัดพิมพ์จำนวน ๒,๐๐๐ เล่ม โดยไว้ถวายที่วัดที่มีพระบาท พระเกศาธาตุเจดีย์ตามที่กล่าวไว้ในตำนาน ตลอดถึงห้องสมุดใหญ่ๆ พุทธสถานต่างๆ ด้วย ที่เหลืออีก ๑,๐๐๐ เล่ม ให้ทำบุญบูชา เพื่อนำรายได้ไปบูรณปฏิสังขรณ์รอยพระพุทธบาทถ้ำพระเจ้า
(วัดใดที่มีพระเจดีย์บรรจุเกศาธาตุและพระพุทธบาทที่ออกตามตำนาน และห้องสมุดประจำจังหวัด พุทธสถานฯ ที่ยังไม่ได้รับหนังสือพุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก โปรดแจ้งความประสงค์ไปได้ที่ วัดพระธาตุจอมมอญ บ้านพะมอลอ หมู่ที่ ๙ ตำบลบ้านกาศ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จะได้จัดส่งไปถวาย)
หลังจากนั้นเมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๔๖ คณะศรัทธาบ้านแม่ต๊อบเหนือ หมู่ ๗ มี พ่อหลวงจันทร์ พันธุ์พุทธชาต ผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น ได้เห็นพ้องต้องกันว่าให้อาจารย์สวัสดิ์ ซึ่งมีความตั้งใจจริงที่จะบูรณะพัฒนารอยพระพุทธบาทถ้ำพระเจ้าที่เคยปรารภไว้ แต่ชาวบ้านยังไม่ยอมอนุญาตเป็นเวลานาน ๕ ปีแล้ว จนกระทั่งท่านได้สึกขาลาเพศออกมาเป็นการชั่วคราว แล้วจะกลับเข้าไปใหม่ด้วยเหตุผลบางประการ ท่านก็ไม่ได้ละทิ้งความพยายาม มีปณิธานแน่วแน่ที่จะบูรณปฏิสังขรณ์รอยพระพุทธบาทแห่งนี้ให้จนได้ (ตามที่หลวงปู่เทพโลกอุดรได้พยากรณ์ทางนิมิตฝันไว้)
อาจารย์สวัสดิ์จึงเป็นผู้นำในการดำเนินการพัฒนาให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมในป่าลึกที่สงบวิเวกอีกแห่งหนึ่ง จะขอตั้งชื่อว่า "พุทธอุทยานพระบาทสี่รอยถ้ำพระเจ้า" จัดเป็นสำนักปฏิบัติธรรมในป่าแห่งหนึ่ง เพราะมีความเป็นมาอันเนื่องด้วยพระพุทธเจ้าสี่พระองค์ ดังจะเล่าสู่ท่านฟังต่อไป
--------------------
(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : นาคฤทธิ์ รวบรวมชำระสะสาง (๒๕๔๐-๒๕๔๕). (๒๕๔๕, ตุลาคม). พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับชำระสะสาง (พิมพ์ครั้งที่ ๑). เชียงใหม่ : ลานนาการพิมพ์. หน้า ๓๐๕-๓๐๖.)