- สมัครสมาชิกเมื่อ
- 2009-1-20
- เข้าสู่ระบบล่าสุด
- 2017-1-4
- สิทธิ์ในการอ่าน
- 150
- เครดิต
- 0
- โพสต์
- 131
- สำคัญ
- 0
- UID
- 5
|
หลักสูตรปริบัติที่นักเรียนพลังจิต และนักเรียนอภิญญาทุกคนต้องศึกษา
' _2 F. e8 n4 m8 `# w2 |$ n: _* I: }4 Y0 W# C4 |+ ?
เพื่อในการปฏิบัติกัมมัฏฐานเป็นไปอย่างก้าวหน้า นักเรียนอภิญญาทุกคนจะต้องศึกษาหลักสูตรปริยัติให้เข้าใจเสียก่อน นักปฏิบัติที่เน้นแต่ปฏิบัติกรรมฐานอย่างเดียว จะเจริญก้าวหน้าในสมาธิได้ช้ากว่า นักปฏิบัติที่ศึกษาปริยัติมาจนเข้าใจแล้ว ค่อยมาเน้นการปฏิบัติกรรมฐานทีหลัง เหตุที่เป็นแบบนี้เพราะ การศึกษาปริยัติเปรียบเสมือนเป็นการศึกษาแผนที่นำทาง T1 E4 J6 K$ T; e" K
- g) `* L2 q& B' r4 k$ B4 b' [9 vก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติ นักปฏิบัติควรทำความเข้าใจกับเส้นทางที่จะมุ่งไปเสียก่อน ควรรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องพบเจอกับสิ่งใดข้างทางบ้าง สิ่งใดที่จะเป็นอุสรรคขัดขวางการเดินทาง และจะต้องผ่านด่านทดสอบจิตใจอะไรบ้าง
5 ?& ?+ G% Z/ o/ n6 I
. e: }3 U8 A5 Y1 s- X3 d1 Pแผนที่ปริยัติถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้นักปฏิบัติรู้เส้นทางที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางที่ตนมุ่งหวัง และรู้ถึงสิ่งที่ตนจะต้องประสบล่วงหน้า รู้ที่จะเตรียมใจที่จะต้องฝ่าฟันไปให้ได้ เพื่อให้ได้สำเร็จอภิญญา 5 และ 6 และบรรลุมรรคผลนิพพานในที่สุด (เป็นจุดหมายปลายทางสุดท้าย หรือเส้นชัยของนักเรียนอภิญญาทุกคน)# t; T& K) b5 b% w6 u
7 k5 V) o* L5 n5 K! Q1 Uปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธคืออะไร?
, Z' T8 V# H: l2 O' y; d: C; [+ \2 @$ j; I4 u7 M+ J; X* U
ศีล ๕ ประกอบด้วย$ C$ S( A0 r( e1 L6 U7 ?0 v
๑. ไม่ฆ่าสัตว์
. X) W2 z# W }# b๒. ไม่ลักทรัพย์
: [) u+ g/ _2 R& R๓. ไม่ประพฤติผิดในกาม (ผิดลูก เมีย สามี คู่ครอง ของผู้อื่น)- l5 P# O6 `2 _& F
๔. ไม่พูดโกหก
# r- X4 S! ]+ D' Y ^" K๕. ไม่ดื่มสุราของมึนเมา/ ]. ?0 r- g" D( H' _% e2 x
" _+ R9 I: W$ c" Dศีล ๘ ประกอบด้วย4 k/ t* Q& F( Z1 F: I
๑. ' \; {- E$ A- R5 V9 V
๒.
* b6 _) ]8 @: J8 M$ E, R( m5 U๓.
& a7 [5 S) A j/ ^# B๔.
( j# \5 L( j5 d, b( f3 {$ Y๕.
2 J" C- |& s L! Q: E! \( ~$ v๖. w& |, b- A: }1 p+ I
๗.
& r1 `% d3 W; {& x5 d$ a; q๘.
: e6 f% q6 b0 O4 @8 ~% m. {. P k! C4 U% b4 ~+ |. W3 W2 n' o6 j, ~
- นิวรณ์ ๕ (เครื่องกั้นขวางความดี)3 ?. K% x, R) m& d6 j1 i, G
ผู้ที่สามารถเอาชนะนิวรณ์ ๕ ได้ คือผู้ที่ได้ปฐมฌานเป็นอย่างต่ำ หากขณะนั่งสมาธิ ไม่ว่าผู้ฝึกจะมีภาพร่างกายแบบไหน ง่วงมากๆ เพลียมากๆ ฟุ้งซ่านมากๆ หลังจากเริ่มนั่งสมาธิแล้ว อาการง่วง อาการโกรธ อาการฟุ้งซ่านไม่ปรากฏ นั้นถึงจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าผู้ฝึกกรรมฐาน ฝึกได้ปฐมฌานเป็นอย่างต่ำแล้ว& W) k* X( S5 V9 d( R0 [
2 Z1 m% h, X1 E: ~2 Lกามฉันท์ คือ ความพึงพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง โผฎฐัพพะ ธรรมารมณ์
3 [# r$ M4 n9 Y& i1 \% |# s0 mพยาบาท คือ การผูกใจเจ็บ หรือผูกอาฆาตผู้อื่น
b0 R% g- h1 o0 U7 T. k. vถีนมิทธะ คือ ความง่วงเหงาหาวนอน
; w3 S& \. L, c, yอุทธัจจะ กุกกุจจะ คือ ความฟุ้งซ่าน ความรำคาญ
' \! B2 N8 d4 Y) ~& |7 Oวิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัยในผลการปฏิบัติ
" x9 ^4 z E- _( }, p* @8 n; W) p( z( b. [8 V' B7 j4 I
อุปกิเลส (เครื่องที่ทำให้จิตเศร้าหมอง ๑๖ ประการ)
2 L8 v- k2 q6 `) h* M4 `1 U1 Yผู้ที่สนใจการปฏิบัติทางจิต หรืออบรมสมาธิ ตามแนวของพระพุทธศาสนา ควรต้องเรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่จะนำมาซึ่งกิเลส หรือสิ่งที่ทำให้จิตใจตกต่ำ และเป็นเหตุทำให้8 p$ Z& ]7 S; k- L! t' n7 |4 f3 Q
พลังจิตถดถอย หรือขุ่นมัว ฉะนั้นผู้ที่ปฏิบัติทุกท่านควรละทิ้ง หรือห่างไกลจากสิ่งเหล่านี้ แล้วท่านทั้งหลายจะพบกับความสุข ความเจริญก้าวหน้า9 M$ p' I' \5 N+ t; F
๑. อภิฌาวิสมโลภะ คิดอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตน& H+ s5 P# v" B7 n z! N
๒. พยาบาท (โทสะ) มีใจเดือดร้อน ความอาฆาต ผูกใจเจ็บคิดร้ายแก่ผู้อื่น# c. r3 o, x1 e: f. A
๓. โกธะ ความโกรธ อาการกำเริบพลุ่งขึ้นมาในใจ จากความไม่ชอบนั้นๆ แต่ยังไม่ถึงกับบันดาลโทสะ K$ M6 h/ U: G
๔. อุปนาหะ ความผูกใจโกรธ เพียงแต่ผูกใจไม่ยอมลืม แต่ไม่ถึงกับคิดทำร้ายเขา เพราะกำลังของกิเลสยังอ่อนกว่าความโกรธ6 X7 s* S* R/ e: n
๕. มักขะ ความลบหลู่คุณท่าน คือ ใครมีบุณคุณกับเรา แล้วไม่คำนึงถึงคุณท่าน เป็นการลบล้างหรือปิดซ่อนคุณท่าน หรือความดีของท่าน
9 D/ U) l( |, Q) {3 S( q) g๖. ปลาสะ ความดีเสมอตัวท่าน เอาตัวเองเป็นใหญ่ แล้วไม่ย่อมให้ใครดีกว่าตน ข่มเหงรังแก U) r( k4 B+ L5 X5 I
๗. อิสสา ความริษยา เห็นใครดีกว่าก็ทนไม่ได้ เกิดความขุ่นมัวในจิต กลั่นแกล้งเขาทำให้เสื่อมเสีย, B7 t) C/ v+ t% A5 |: r7 c/ z2 W
๘. มิจฉริยะ ความตระหนี่เกินกว่าปกติ ตระหนี่ในทรัพย์ ตระหนี่ในความรู้
# T+ a m9 Z1 `7 x$ W๙. มายา มารยาเจ้าเล่ห์ แสดงออกได้ทุกรูปแบบ หาความจริงไม่ได้ หรือแสดงออกให้คนอื่นหลงใหล
1 P# U4 L) R0 I# ~5 D% x4 X0 d V๑๐. สาเถยยะ ความโอ้อวด หลอกหลวงเขา พูดจาเกินความจริง
. P: Y* Q/ K: h* Y* w๑๑. ถัมภะ ความเป็นคนหัวดื้อ รั้น กระด้าง หัวแข็ง ไม่ยอมคนทั้งผิดและถูก
/ K' _( x* O- w! N# _. v๑๒. สารัมภะ ความแข่งดี ไม่ยอมลดละ มุ่งแต่จะเอาชนะฝ่ายเดียว ไม่ยอมแพ้3 k! N+ u! q4 @* ?' }' Z
๑๓. มานะ ความถือตัวทะนงตน
2 F8 S' h& g3 O+ F3 k' a0 q๑๔. อติมานะ ความถือตัวว่าดียิ่งกว่าเขา ดูหมิ่น ยกตนข่มท่าน2 {$ W: G* S8 N/ e: L/ d
๑๕. มทะ ความมัวเมาในกิเลส เช่นบ้ายศ บ้าอำนาจ บ้าเงิน บ้าสมบัติ หลงยึดติดกับสิ่งเหล่านั้น/ M% T& ]9 m, {; K1 D
๑๖. ปมาทะ ความประมาทเลินเลิ่น ปล่อยสติให้คล้อยไปตามอำนาจของกิเลส จนได้รับทั้งความเสียหายต่อตนเอง และผู้อื่น นักปฏิบัติทุกท่าน
: t- [. {4 _% u& ?) Cเมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ควรหลักเลี่ยงให้ห่างไกล หรือสละสลัดสิ่งเหล่านี้ออกไปจากกายและใจ เมื่อท่านทั้งหลายสละละทิ้งได้จริง เมื่อนั้นความสุขจะเกิดขึ้นตามความเป็นจริง1 U/ e* |5 x/ M w0 |; Y$ C
และเป็นความสุขที่แท้จริง
- n/ r1 b- r {+ O
) D0 I5 X' ?: I8 M X cอริยสัจ ๔ ได้แก่- }( [* Z# c3 r+ V
๑. ทุกข์ คือ การทนได้ยาก; l' w( g( k" r4 r/ K* K6 F, R
๒. สมุทัย คือ เหตุหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดทุกข์
7 }+ x7 b" T) j9 J; O5 Q7 n- d๓. นิโรธ คือ การปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงความดับทุกข์ โดยการจะดับทุกข์ได้นั้นต้องอาศัย...! y9 z/ u' T) {1 D
๔. มรรคปฏิปทา มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น และมีสัมมาสมาธิเป็น ปริโยสาน+ [2 d- X7 l( s/ u- P1 u
: n. ?5 m! F& `' q( c {6 _กฏไตรลักษณ์ ๓ ข้อ คือ1 q7 M2 L9 f% {* F9 G0 h
๑. อนิจัง ร่างกายและทุกอย่างในโลกไม่เที่ยง' S% ~9 ?# C3 k& ^+ M7 g
๒. ทุกขัง ถ้าไปยึดมั่นก็เป็นทุกข์* l' S9 \$ e9 {, H* P+ |
๓. อนัตตา ในที่สุดก็พัง
# `1 ^ E9 Q- m9 E* G: J8 v9 }
7 p- w, G$ ^5 i) i- H
: z5 V2 z* Q4 C4 D% Mสังโยชน์ ๑๐ " W* d* N! {* j# f, |$ J" A
๑.
9 K+ {( K( c+ L๒.( E" P+ @' y5 b0 @: ?9 L$ s
๓. 7 Z4 Z5 r" h) M( T5 r2 Z
๔. * ^: t& g4 v. i: z% O, D
๕.
' b; z6 E T) j' ~! W3 ^6 J g3 B* g๖.
' R) u8 y/ A0 B/ Q. T๗.
4 d; K% r2 c+ ?5 J8 d๘.9 w' g8 J4 A+ Z1 N$ z' v
๙.
; e% W- @0 L% m๑๐.
5 u% l) r. B% z1 _0 a/ F! D: B, ^; d8 O8 t- ]! c
บารมี ๑๐
D) V- J. M Z) [/ W+ T5 E, a๑.% O/ |+ d H+ @7 N! g& q: r* K) ]
๒.
6 M$ D; J8 X3 g Y) m. w& T๓.
! E6 b; q2 W3 G# S Q๔.
: X3 G' s. _1 G' E$ M. D+ h$ w" k๕.
' t, N8 q/ i( r2 d/ I๖.# y6 _& `6 ^! _& n. `2 \* |
๗.. r }6 w* I: X A5 e, B
๘.6 _; M1 n: `5 P: z( _, w. G
๙.
" E' ?( f' d# ]+ m3 K2 S๑๐. / A" l2 d/ w+ ^6 r8 z, D
# e* x5 [" J' U uสังขาร ๓ ได้แก่
, q- ?: V$ H/ Y. a) E& s: W G s1 K# F+ Q9 Y
+ M0 G# J9 V5 G% c3 Q
* n: r, I* t- Z% A, T- J; }5 V# M
: K. j3 f% Z% I- z7 w
กรรมฐาน ๔๐ กอง แบ่งเป็น ๗ กลุ่มประกอบด้วย% O0 w- W& I1 Y$ g6 x
- หมวดกสิน ๑๐ (๑-๑๐)
2 ~3 B$ ^( y6 q1 n3 I" p- หมวดอสุภกรรมฐาน (๑๑ - ๒๐). g! ?, L" W% o2 X7 t
- หมวดอนุสสติกัมมัฏฐาน ๑๐ (๒๑ - ๓๑)
. n) V+ n% D [' e: E' J* n9 v- หมวดจตุธาตุววัฏฐาน (๓๒)
* Y/ n' \" r4 v7 r/ u/ S; v- พรหมวิหาร ๔ (๓๓ - ๓๖)8 m: J4 e. B9 q4 ] G" v4 ?* n" ?: L
- หมวดอรูปฌาน ๔ (๓๗ - ๔๐)* f. m0 \1 n" h f# H$ T
8 }/ B8 H; O$ p4 Y+ n4 e: T, K y
กามคุณทั้ง ๕ ได้แก่
1 F: _( P4 z- V3 Q) e& r6 u๑.
& Z' q- [- [! Y' c7 m4 v0 i- B9 X๒.
' ?+ V+ U: g; S5 V |8 G๓.
3 [1 d* H* M, h' b# K2 I๔.6 @! n. p6 h0 c! A* V
๕.
! N: Q" L! C; b3 v ?
& v, q5 M. m" V7 N. [, F5 }กรรมฐาน ๔๐ กอง แบ่งเป็น ๔ หมวดได้แก่
7 z6 x+ p* d+ v9 u๑. สุกขวิปัสสโก
n4 P ?. _0 S) o* o๒. เตวิชโช
4 f. G3 \9 I$ R1 b๓. อภิญญาหก
/ {3 x4 f) Q9 G5 N# q' s: A๔. ปฏิสัมภิทาญาณ' O2 K: ?$ f) h4 ?
4 {! h+ z$ I4 j, D4 j, O0 Vภวังค์ ๓ หรือสมาธิขั้นต้น ได้แก่
/ I0 `. _* ?1 L, c1 a๑.5 Z9 M* z4 K- c& J2 ?& ~( K
๒.9 Z- i* f& ^2 m; H& D3 [, |# l
๓.7 u: y" A" S) I/ K0 e
9 G8 J/ V% X# \+ Cรูปฌาน ๔ ได้แก่* Q. q$ m# v# R: J7 Z. ]$ @; [
๑.
0 _( C1 |: S, l& C5 [: ~8 c, j๒. J9 ]5 a2 x0 U5 H$ V+ @2 K$ C% g
๓.3 S! H+ w* K& z
๔.# M5 A# F9 ?6 C8 E; A
" e# `/ f) G% b( e- {. Hอรูปฌาน ๔ ได้แก่
! R, B7 W& l* Q' a# g๑. 2 c2 R# p- x& V8 t( K9 d
๒.
* O+ j* W7 M- \9 \, |, J& U๓.' M" g6 ~' Y; M- i9 m" g
๔.; J8 Z( z) D! p! }1 A1 Z
5 @: w7 V. W) v
พิจารณาธาตุ ๔ ในร่างกายมนุษย์ อันได้แก่
( R6 `+ Q \& `" p) P๑. ธาตุไฟ ๔
! x5 l' ]3 }7 I& }๒. ธาตุลม ๖
8 C3 C6 G/ s, O% t๓. ธาตุน้ำ ๑๒2 @$ _: f4 o7 }
๔. ธาตุดิน ๒๐ 9 I, I+ |8 w( j. P) ], E7 i5 @
1 n9 l5 B/ ~ r
ขันธ์ ๕ ได้แก่% n$ F3 H: r; f; a& R
4 t4 T- M# q `5 y0 x7 H
|
|