แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 2000|ตอบ: 9
go

นักปฏิบัติธรรม [คัดลอกลิงค์]

Rank: 1

                ชาวพุทธที่แท้จริงจะศึกษาคำสอนทางพุทธศาสนาเพื่อนำมาปฏิบัติและจะมุ่งหนทางไปทางปฏิบัติ  มากกว่าที่จะศึกษาเอาวุฒินักธรรมตรี  โท  เอกหรือเปรียญธรรม  เพราะเรียนไปแล้วไม่ได้นำมาปฏิบัติก็ได้เพียงแค่รู้  แต่ปฏิบัติไม่เป็นขาดทุน  เรียนกันจนจบหมดทุกอย่างแล้วก็ไม่มีทางถึงนิพพานได้หรอก  ต้องนำความรู้นั้นมาปฏิบัติจึงจะมีทางไปสู่นิพพานได้
9 N, z. D: _% Q, [, v                วัดหรือสำนักปฏิบัติธรรมทั้งหลายต่างมุ่งหวังเผยแพร่คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ให้พุทธศานิกชนได้เรื่องรู้และปฏิบัติ  นับว่าเป็นกำลังสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างมาก  มีทั้งเผยแพร่ธรรมะ  ถือศีล  ปฏิบัติธรรมสวดมนต์  ภาวนา  ขออนุโมทนาบุญกับท่านทั้งหลายที่ช่วยกันเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธองค์และพุทธศาสนิกชนที่ตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์สมกับที่เป็นชาวพุทธโดยแท้3 R% \2 D5 i; ~
                นักปฏิบัติธรรมที่พบเห็นทั่วไปส่วนใหญ่จะเป็นหญิง  มีความตั้งใจในการปฏิบัติธรรมมาก  มีทั้งถือศีลสวดมนต์  ภาวนา  ครับบุญเกิดกับผู้ปฏิบัติมากมายมหาศาล  บุญนั้นไปรอผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ที่สวรรค์หรือพรหมตามกำลังบุญ  และส่วนใหญ่ผู้ปฏิบัติธรรมจะทำการแผ่เมตตา  ตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้  ให้สัตว์โลกทั้งหลายเป็นสุขๆ  ท่านผู้ปฏิบัติธรรมเหล่านั้นทำดีแล้วถูกแล้ว  แต่ผมขออนุญาตต่อเติมสักนิดเถิด
( A# s) n" @& G1 C5 E9 i                บุญของผู้ปฏิบัติธรรมนั้นมีมากจริงๆ  และไม่ได้หายไปไหน  ลอยไปปรากฏรอผู้ปฏิบัติอยู่เบื้องบน  คนทุกคนมีนายเวรหรือเจ้าหนี้ที่เราทำเขาไว้  ให้เกิดแค้นมาหลายชาติ  เราเกิดมาหลายภพหลายชาติมากมาย  นายเวรของแต่ละคนมีเป็นล้านๆ  เอาแค่ชาตินี้คิดดูฆ่ามดฆ่ายุงไปกี่ตัวแล้วจำได้ไหม  เราฆ่ามันตาย  ความแค้นก็เกิดเป็นนายเวรของเราแล้ว  ผู้ปฏิบัติธรรมแผ่เมตตา  นั่นเป็นความต้องการให้สัตว์ทั้งหลายเป็นสุข  อย่ามีเวรต่อกันและกันเลย  ผลไม่ปรากฏบุญไปถึงเขาเหล่านั้นเลย  เป็นไปได้ยังไงหรือครับ  เมื่อก่อนผมเองก็ไม่รู้  แต่พอมีประสบการณ์การติดต่อกับเทวดาบ้าง  นายเวรที่เป็นสัมภเวสีบ้าง  สอบถามเขาดูหลายราย  เขาบอกตรงกันหมดว่าการแผ่เมตตาไม่ปรากฏบุญไปถึงเขาเลย  พอผมลองอุทิศของผมให้ตามวิธีที่ผมเรียนรู้มา   ทั้งอุทิศตรงและเบิกบุญอุทิศ  เขาตอบตรงกันหมดว่าได้รับผลบุญเต็มเลย  ดังนั้นผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย  สร้างบุญไว้มากมาย  นายเวร  ผู้รักษาตัว  และวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับผู้ปฏิบัติธรรม  มองเห็นบุญของผู้ปฏิบัติเกิดขึ้นทุกวัน  แต่ไม่เคยส่งอุทิศให้เขาเหล่านั้นเลย  นายเวรก็รอเมื่อไรจะอุทิศบุญให้เขาซึ่งเป็นเจ้าหนี้รออยู่  เมื่อไม่เคยได้รับบุญเพื่อใช้หนี้เลย  ได้ยินแต่บอกอย่าจองเวรกัน  นายเวรก็ยิ่งแค้น  เหมือนผู้ปฏิบัติธรรมมีเงินเท่าไรก็ฝากธนาคารหมด  เจ้าหนี้รออยู่ก็ไม่ยอมใช้หนี้  อย่างนี้เองนายเวรจึงยิ่งแค้น  ต้องเล่นงานให้หนัก
8 y6 {5 s0 {5 P9 `/ o4 D                ดังนั้นท่านผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่าน  ท่านจะปฏิบัติวิธีใด  ถูกจริตวิธีใดในกรรมฐาน  40  หรือแบบอื่นๆ  ที่เป็นหนทางของพุทธะ  ท่านทำดีทำถูกแล้ว  เพียงแต่ท่านเพิ่มเติมการอุทิศบุญให้กับนายเวรของท่าน  ให้เขาได้รับบุญด้วย  จะทำให้การปฏิบัติธรรมของท่าน  และการดำรงชีวิตของท่าน  ปราศจากอุปสรรค  โรคภัยไข้เจ็บ  อีกทั้งมีวิญญาณที่คอยคุ้มครองท่านตลอดเวลา
% [" }: m& ?' h7 v! v- M% a2 O

Rank: 1

สาธุจ้ามารน้อย..เป็นกำลังใจให้นะ

Rank: 1

สาธุๆๆ อนุโมทนาครับ เป็นความรู้อย่างยิ่ง

Rank: 1

อนุโมทนาสาธุครับ

Rank: 1

อนุโมทนาสาธุครับ

Rank: 1

ผมเองก็เป็นคนที่เบิกบุญและโอนบุญเสมอๆเวลาที่ทำสมาธิและสวดมนต์เสร็จ และมักเกิดเรื่องแปลกๆขึ้นประจำแรกๆก็รู้สึกว่ามันบังเอิญจังที่มีสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตอาจจะยังเป็นเพียงเรื่องเล็กๆนะครับ แต่มาทุกวันนี้ความบังเอิญอย่างที่ว่านี้มาบ่อยๆจนรู้สึกเป็นความเชื่อในใจลึกๆที่ไม่ใช่เป็นการคิดนึกเอง  ตัวอย่างเช่นเมื่อกลางเดือนสิงหาที่ผ่านมาแฟนผมขับรถผมไปแล้วเบียดกับรถอีกคันทำให้วันนั้นต้องชดใช้เค้าไปห้าพันบาท ก็รู้สึกเสียดายแต่ผ่านไปประมาณสองอาทิตย์ยังไม่ได้ซ่อมรถ  จู่ๆก็มีรถส่งแก๊ซขับมาชนตำแหน่งเดิมอีกทำให้ตัวถังแตกมากขึ้น ร้านแก๊ซก็ยินดีชดใช้ซ่อมให้ทั้งหมด  ผมเลยคิดว่าตอนแรกที่รถเราเบียดเค้าอาจเป็นเพราะว่าเราต้องชดใช้กรรมเก่ามั้ง(ซึ่งแฟนผมบอกว่าไม่แน่ใจว่าใครผิดด้วยซ้ำเพราะเค้าอยู่ข้างหลัง) แต่อยู่ๆรถก็ได้ซ่อมโดยเราไม่เสียเงินซะงั้น  เหมือนผ่อนหนักเป็นเบาซึ่งหากเป็นการใช้กรรมเก่าก็เหมือนกับกรรมนั้นมันเบาลงแล้ว" u2 L/ Y. a( ]7 U: B' T# ~" K3 A

Rank: 1

สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ ก็นำไปใช้ได้ครับ ขอโมทนาบุญครับ

Rank: 1

สาธุครับ ขอถามหน่อยนะครับ การที่เราขอเบิกบุญเราเบิกทีเดียวแต่ให้ทุกๆท่านที่นึกได้ในครั้งนั้น ท่านเหล่านั้นจะได้เท่ากันหรือไม่ครับ และจะได้น้อยกว่าเราเบิกครั้งนี้ให้เฉพาะเจ้ากรรมนายเวร และเบิกอีกครั้งให้กับเทวดาที่ปกปักรักษาตัวเราและครอบครัว  2 อย่างหลังนี้ท่านเหล่านั้นจะได้บุญมากกว่าตอนแรกที่ให้รวมกันหรือปล่าวครับ หรือว่าอยู่ที่จิตใจของเราขณะนั้นด้วยครับ เช่นวันนี้เรามีความรู้สึกเป็นปกติดีหรือเฉยๆ กับวันนี้มีความร่าเริงใจมีจิตเป็นสุขในโลกมนุษย์ กับวันนี้มีความรู้สึกปีติยินดีในการได้ฟังธรรมหรือได้ปฏิบัติธรรมแล้วมีความเบิกบานใจครับ ไม่ทราบว่าเหตุเหล่านี้จะมีผลในการเบิกบุญด้วยหรือไม่ครับ - C# M1 m% B6 o6 n& ]; j) \& f
               อีกข้อสงสัยครับ เมื่อก่อนนี้ผมนั่งสมาธิหายใจเขายาว หายใจออกยาว แล้วใช้คำภาวนาไปด้วย เมื่อทำไปสักพักตอนที่หายใจเข้ายาวจนสุด จะมีอาการขนลุกจนถึงใบหน้าครับ บางครั้งทั่วทั้งร่างกายแม้แต่บนศรีษะ แต่ตอนหายใจออกไม่เป็นไรครับ เมื่อก่อนปฏิบัติเองคิดว่านี้เป็นอาการของปีติ แม้แต่เดียวนี้ถ้าต้องการอาการอย่างที่กล่าวมาก็แค่หายใจให้สุดปอดแล้วทำใจเบาๆ เท่านี้อาการก็จะเกิด แต่ว่าเมื่อตอนที่ผมสมัครเป็นสมาชิกใหม่ๆท่านในแว๊ปนี้พูดถึงอาการของปีติ ผมเลยถามว่าอาการข้างต้นนี้ใช่ปีติหรือไม่ ท่านตอบว่าถ้ามีอาการขนพองสยองกล้าว(ไม่รู้ว่าพิมพ์ถูกหรือปล่าวนะครับ)ก็เป็นอาการของปีติ แต่ที่ผมคุมลมหายใจนั้นมันไม่ใช่ ปีติจะเกิดขึ้นมาเองโดยไม่ต้องคุมลลมหายใจเลย อันนี้พอจะเข้าใจเช่นเห็นเด็กตัวเล็กๆไร้เดียงสา 2 - 3 ขวบ เจอพระสงฆ์หรือเณร ก็ยกมือไหว พระ เณร เมือได้เห็นก็มีความสุขใจขึ้นเองจนขนลุกขนชัน แบบนี้คงจะใช่ปีติ หรือได้ทำอะไรดีๆจนมีอาการดังกล่าว แต่ที่สงสัย(ร่ายซะยาวเลย)ก็คืออาการของผมนั้นมันคืออะไรครับ เป็นอุปาทานหรือปล่าว หรือเป็นแค่ความเคยชินในการกระทำนั้นๆจนคล่องตัวครับ หรือว่าก็ดีแล้วหนิ หรือว่าก็ช่างมันปล่อยมันไปคิดมากปวดหัวปล่าวไร้สาระ ขวางการปฏิบัติธรรมเสียเวลาคิด ไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า หรือว่าคนเขียนคำถามนี้ถ้ามั-.สงสัยน้อยกว่านี้หน่อย ปล่อยวางให้มากกว่านี้ เอาเวลาไปดูลมหายใจ ดูอริยาบท หรือดูอารมณ์ของใจ คงดีขึ้นกว่านี้เยอะ (การปฏิบัติข้างหลังนี้เป็นแนวทางปฏิบัติได้ใช่ไหมครับ ทุกวันนี้พยายามอยู่ ถ้าใช่จะได้ทำต่อไป ถ้าไม่ค่อยตรงกับตัวผมช่วยแนะนำผมหน่อย ชอบสงสัยมากครับ) ใจจริงอยากจะได้มโนมยิทธินะครับจะได้รู้เองโดยการถามท่านที่สามารถตอบได้ แต่ยิ่งอยากเท่าไหรก็เหมือนยิ่งไกลเท่านั้นครับ บางทีอดนึกไม่ได้ว่าผมนี้เป็นพวกทัพพะบุคคล(ไม่รู้ว่าถูกไหมครับ)หรือปล่าว ประเภททำแล้วไม่เจริญ หรือว่าผมควรจะต้องทำให้หนักกว่ามากกว่านี้อีก2-3เท่า แค่นี้ก่อนแล้วกันครับมั-.จะฟุ้งมากไปครับ ช่วยตอบผมหน่อยนะครับ ขออนุโมทนาบุญทุกบุญของคุณด้วยนะครับ อนุโมทนาสาธุครับ สาธุ -(ต้องการรับคนอย่างผมเป็นศิษย์ไหมครับ ที่เคยคุยกันไว้หนะครับ สาธุครับ สาธุ

Rank: 1

ตอบคุณณัฐดนัย จากคำถามผมขอสรุปมาเป็นข้อๆแบบนี้
, ]- q* H' d- T๑. การที่เราขอเบิกบุญเราเบิกทีเดียวแต่ให้ทุกๆท่านที่นึกได้ในครั้งนั้น ท่านเหล่านั้นจะได้เท่ากันหรือไม่ครับ และจะได้น้อยกว่าเราเบิกครั้งนี้ให้เฉพาะเจ้ากรรมนายเวร และเบิกอีกครั้งให้กับเทวดาที่ปกปักรักษาตัวเราและครอบครัว  2 อย่างหลังนี้ท่านเหล่านั้นจะได้บุญมากกว่าตอนแรกที่ให้รวมกันหรือปล่าวครับ หรือว่าอยู่ที่จิตใจของเราขณะนั้นด้วยครับ เช่นวันนี้เรามีความรู้สึกเป็นปกติดีหรือเฉยๆ กับวันนี้มีความร่าเริงใจมีจิตเป็นสุขในโลกมนุษย์ กับวันนี้มีความรู้สึกปีติยินดีในการได้ฟังธรรมหรือได้ปฏิบัติธรรมแล้วมีความเบิกบานใจครับ ไม่ทราบว่าเหตุเหล่านี้จะมีผลในการเบิกบุญด้วยหรือไม่ครับ+ C6 M! ^  _( Y% O; a! y
ตอบ จากคำถามข้อนี้จากประสบการณ์ของผมพบว่าการอุทิศบุญให้แบบเจาะจงผู้รับจะได้บุญมากกว่าการอุทิศแบบรวมสาเหตุจากกำลังจิต ภพภูมิ ของผู้รับหากผู้รับมีภพภูมิสูง หรือกำลังจิตสูง กำลังบุญที่รับก็มากตามไปด้วย เปรียบไปก็เหมือนเราเทน้ำใส่ภาชนะหากภาชนะนั้นความกว้างของช่อง น้ำที่เทลงไปก็ย่อมรับได้มาก แต่หากช่องรองรับแคบน้ำที่ใส่ก้ได้น้อย ดังนั้นจึงสมควรที่จะอุทิศบุญให้เจาะจงจะเหมาะสมกว่า
% G* a9 i" m$ c1 l+ s! L* r๒. วันนี้เรามีความรู้สึกเป็นปกติดีหรือเฉยๆ กับวันนี้มีความร่าเริงใจมีจิตเป็นสุขในโลกมนุษย์ กับวันนี้มีความรู้สึกปีติยินดีในการได้ฟังธรรมหรือได้ปฏิบัติธรรมแล้วมีความเบิกบานใจครับ ไม่ทราบว่าเหตุเหล่านี้จะมีผลในการเบิกบุญด้วยหรือไม่ครับ
1 ^; L/ h! c& e. @0 g/ t% _ตอบ จะว่าเกี่ยวก็เกี่ยว จะว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว ผมไม่ได้ตอบกวนๆนะแต่ป้นเรื่องจริง หากจะว่าเกี่ยวนั้นก้เนื่องมาจากนายเวร เขามีสิทธิ์ที่จะทำให้เราต้องทุกข์ใจร้อนใจ ลำบากใจได้เสมอ หากเราอุทิศบุญให้หรือเบิกบุญให้แก่เขา เขาก็ไม่มาทำให้เรารู้สึกลำบากใจ ทุกข์ใจ เราก็สุขกายสะบายใจ หากว่าไม่เกี่ยวก็เพราะทุกอย่างอยู่ที่จิต แทบทั้งสิ้น มันอาจเป็นเพราะสภาวะภายนอกมากดดันจิตให้จิตเศร้าหมองได้เช่นกัน1 e6 f5 V- r: Z& I: X1 b
๓. ถามเรื่องการทำสมาธิ. F& P1 n7 C  b. R6 ]* y% h
ตอบ เรื่องนี้ผมขอตอบ(ในความคิดผมนะ)น่าจะเข้าใจถูกต้องแล้วว่าเป็นความคุ้นเคยของจิต เพราะจิตจะจดจำสภาวะนั้นได้เมื่อกำหนดให้มีสภาวะเดิมจิตก็สั่งกายให้เกิดอาการดังเคย หากจะปล่อยไปตามกลไกลโดยไม่สนใจก็ได้ตามหลักการของผู้อยากหลุดพ้น แต่หากเป็นผม ผมจะนำมาใช้ให้เป็นโยชน์ในด้านการตรวจสอบพลังของเครื่องราง วิธีทำโดยนำเครื่องรางนั้นมากำไว้ในมือแล้วกำหนดจิตให้มีสภาวะความรู้สึกที่เคทำไว้ที่เครื่องราง แล้วรับสัมผัสจากเครื่องรางนั้น ก็จะทราบทันที่ว่าเครื่องรางนั้นมีพลังมากน้อยเพียงใดจากการรับสัมผัส ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่การฝึกฝน จนเกิดความชำนาญ ส่วนเรื่องฝากตัวเป็นศิษย์ อันนี้แล้วแต่บุญทำกรรมแต่งก็แล้วกันครับ
. G4 N: a* C! o4 u4 T; D! X

Rank: 1

สาธุครับ อาจารย์
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-12-1 00:19 , Processed in 0.065802 second(s), 14 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.