ตอนที่ ๓๔ มองกันคนละมุม
สานุศิษย์ – หลวงปู่ครับ มีชนกลุ่มหนึ่งได้เขียนข่าวอย่างไม่เข้าใจเราครับ ขอหลวงปู่พิจารณาว่าจะทำอย่างไรต่อไป
หลวงปู่ทวด – คือเรื่องทั้งหลายนี่ งานของเรา มันเป็นงานทวนกระแสคลื่น งานไม่คล้อยตามโลก และงานที่จะโกยมนุษย์ให้ขึ้นจากทะเลแห่งความบ้าคลั่งนั้น ก็เป็นเรื่องที่ลำบากที่จะต้องแลกันให้ดี เพราะฉะนั้นในฐานะที่เรียกว่า ท่านกำลังจะทำงานที่ก้าวขึ้นไกลไปกว่าปัจจุบัน
อาตมาก็ได้บอกแล้วว่า ก็ย่อมที่จะมีมารสูงตามไปเป็นภาระเป็นเรื่องของรูปธรรม ปัญหาก็อยู่ที่ความหนักแน่นขนาดไหนในการที่จะก้าวงานต่อไป แล้วงานมันไม่ใช่งานแค่นี้ งานที่นี้เป็นงานที่แข่งกับเวลาอีก เป็นเรื่องที่หนักสำหรับมนุษย์ที่คิดจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
ทีนี้ปัญหาเวลานี้ เรื่องต่างๆ ที่บุคคลหลายฝ่ายเข้าใจผิด อันที่จะเกิดอะไร ตามภาษาชาวบ้านว่า เรื่องความเป็นคนที่ไม่เข้าใจไปในเรื่องงานที่เราทำผ่านมา ก็กลายเป็นที่เรียกว่า คงจะเกิดกรณีวิวาทกันขึ้น ถ้าพูดในทัศนะของธรรมะแล้ว มันไม่มีใครทำถูก ไม่มีใครทำผิด
คำว่า "ถูก" ก็อยู่ที่ชนกลุ่มที่เห็นด้วยกัน หรือว่าของชนกลุ่มที่อยู่ในวิธีการรับรู้ในกิจการนั้นๆ และก็พอใจในกิจการนั้นๆ ก็ถือว่าถูก ทีนี้อีกฝ่ายหนึ่งที่เขาเห็นว่า “ผิด” นั้นก็เกี่ยวกับว่า เขาก็มีทัศนะของเขา เขาก็มีความเห็นของเขา และเขาก็มองแค่ผิวเผิน ไม่ได้มองเข้าไปลึกซึ้งถึงคณะบุคคลที่ทำงาน ถึงเป้าหมายของงานที่เขาทำเพื่ออะไร เขาก็มีความคิดเห็นของเขานั้นก็ถูก
เพราะฉะนั้นภาษาของพระ “นานาจิตตัง” เมื่อคำว่า “มติ” คืออะไร ที่จริงมันเป็นเพียงแต่อารมณ์ บางครั้งที่นานาจิตตังมันมีอารมณ์มาตรงกันเข้ามากๆ ก็กลายเป็น “มติ” ขึ้นมาเท่านั้น ถ้าว่าในลักษณะของปรมัตถธรรมแล้ว ทุกอย่างมันไปตามธรรมชาติของมัน ทุกอย่างมันไปตามเรื่องของมัน
ฝ่ายเราที่ทำงานชิ้นนี้ เราก็ถือว่างานของเราดำเนินไปตามวิถีของเรา เราก็เรียกว่าของเราถูก ฝ่ายที่เขามุ่งทำลาย เขาเรียกว่า มีความในใจคิดร้ายต่อชนเผ่าไทย เขาก็ถือว่าเป็นการทำผิดไป
อันนี้มันก็เป็นเรื่องของการเรียกว่า ของสิ่งหนึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง แต่คนที่มองของสิ่งนั้นอยู่กันคนละข้าง แต่คนที่มองของสิ่งนั้นอยู่กันคนละมุม ทัศนียภาพต่างกันก็มองเห็นสิ่งของสิ่งนั้นไปคนละทัศนะ ไปคนละแบบ เท่าที่สายตาจะส่งถึง
ในความจริงของสิ่งนั้นเป็นสิ่งเดียวกันที่ตั้งอยู่ในใจกลางแห่งโต๊ะ แต่คนละรอบโต๊ะ มันอยู่กันคนละจุด มันก็มองกันไปคนละแง่ เพราะฉะนั้นถ้าทัศนะของอาตมา อาตมาก็มีคติของอาตมาว่า “นิ่งเสียโพธิสัตว์” นั้นคือคติของอาตมา
ท่านทั้งหลายก็รู้สึกว่าวันนี้มากันมาก ถ้าวันไหนท่านเกิดความเบื่อหน่าย ขอท่านพยายามนึกถึงการสละความสุขส่วนตัวช่วยส่วนรวม คือพยายามสร้างความศรัทธา จริงจังจดจ่อให้จิตใจอย่าไปคล้อยตามอารมณ์ทางอายตนะแห่งโลกีย์ และก็คิดว่าแผนงานต่างๆ ที่ท่านจะทำ คงจะสำเร็จได้ไม่มากก็น้อย
แต่ว่ามันมีทัศนะอุดมการณ์อย่างหนึ่ง คือว่าท่านจะต้องทำงานแข่งกับเวลา ท่านจะไปทำงานแบบงานส่วนตัว ทำงานบริษัทหรือว่าทำงานการค้า ทำงานแบบกิจการเอกชนทั่วไป โดยใช้เวลาทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะขณะนี้ท่านกำลังวิ่งแข่งกับวิบากกรรมของโลก และกำลังชิงเวลากับวิบากกรรมของประเทศไทย
(วันเสาร์ที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๐) |