แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 5654|ตอบ: 8
go

ประวัติมารน้อย [คัดลอกลิงค์]

Rank: 1

ประวัติครอบครัวของมารน้อย
# D. t" f" Y+ }; Q" w        ผมเกิดมาจากครอบครัวที่ถือว่ามีฐานะปานกลางครอบครัวหนึ่งทางจังหวัดที่ห่างจากกรุงเทพประมาณ 200 กิโลเมตร ทางตอนบนของภาคกลาง ในตอนที่ผมเกิดนั้น จากการบอกเล่าของแม่และยายว่าตอนผมเกิดนั้นสายสะดือของผม เกือบได้ฆ่าตัวของผม เพราะตอนเกิดนั้นสายสะดือได้พันคอออกมาถึงสามรอบ กว่าจะโตมาได้ก็ลำบากเพราะเลี้ยงยากมาก จนต้องยกให้กับเทพองค์หนึ่ง ตั้งแต่นั้นมาก็เลี้ยงง่ายมาโดยตลอด จนกระทั่งโตพอที่จะจำความได้ การเกิดมานั้นนับว่าแปลกแล้วทางครอบครัวก็มีความแปลกเหมือนกัน/ W! d: J% v8 ]! B/ l  l; n" F
        ทางครอบครัวของผมนั้นเป็นหมอกลางบ้านโดยคุณตาของผมท่านได้เรียนวิชาสมุนไพรมาจากตำราของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และท่านเองก็มีวิชาอาคมติดตัวพอสมควร และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นท่านเองก็เป็นคนทรงด้วยเช่นกัน ผมเองเติบโตมาจากสิ่งเหล่านี้ การอาบน้ำมนต์ การเสริมดวงจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับผม บางทีจะมีคนมาให้ตาของผมรักษา บ้างก็มาให้ทำนายทายทัก มีให้เห็นจนชินตา สิ่งที่ผมชอบในขณะนั้นก็คือ ในเดือนหกของทุกปีจะมีพิธีไหว้ครูในวันนั้นจะมีคนมามากเป็นพิเศษ และที่สำคัญอาหารเอย ขนมเอย มีมากมายจนกินไม่ไหวก็ได้มาจากการแก้บนของคนที่มารักษาตัวกับคุณตาของผม ในวันนั้นอีกนั่นแหละที่มีกลุ่มของคนทรงที่เป็นลูกศิษย์ของคุณตาของผม มาทรงกันอย่างมากมายเช่นกัน. J9 Z% t) O3 B/ o# e
        ผมจะเล่าถึงพิธีวันนั้นให้ทราบพอเป็นสังเขปก็แล้วกัน เริ่มตั้งแต่พิธีก่อนถึงวันงาน 1 วัน วันนั้นจะเป็นวันลงงาน คนที่รู้จักกันก็เริ่มมาทำบายศรีกัน มาทำขนมต่าง ๆ เตรียมข้าวของเพื่อประกอบพิธีในวันรุ่งขึ้น งานดูสนุกสนานสำหรับผม แต่พอตกกลางคืนนะสิ มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าคือ คนที่มาเตรียมงานในตอนกลางวันบางส่วนเขาเตรียมตัวเพี่อทำการเข้าทรงกัน น่าตื่นเต้นตรงที่จะเริ่มพิธีทรงกันนี่แหละ เพราะต่างคนต่างมีท่าทีแปลก ๆ จากบางคนที่เป็นผู้หญิงก็ออกอาการเป็นผู้ชาย น้ำเสียงที่เป็นผู้หญิง เมื่อสักครู่ก็เปลี่ยนเสียงเป็นเสียงของผู้ชาย บางคนดูอายุก็ยังไม่มากแต่เวลาเข้าทรงแล้วมีท่าทางที่แก่ชราอย่างมาก บางคนอายุมากเมื่อทำการทรงแล้วก็จะดูเด็กลงมีท่าทางเด็กอย่างมองเห็นได้ชัดมีเสียงเป็นเสียงเด็กเป็นที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง พิธีในตอนกลางคืนนี้จะเข้าร่วมกันเฉพาะกลุ่มคนเท่านั้น ส่วนคุณตาของผมท่านจะทรงในตอนหลัง เมื่อท่านทรงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนที่ทรงกันก่อนก็พากันมาทำความเคารพคุณตาของผมทุกคน จากนั้นท่านก็คุยกัน บ้างก็กอดกันร้องไห้ บ้างก็คุยกันเป็นภาษาที่ผมไม่คุ้นเคย แต่มารู้ภายหลังว่าเป็นภาษากูโบสเป็นภาษาเทพที่เขาใช้คุยกัน ในกลุ่มนั้นก็จะมีเทพที่รับผมเป็นลูกด้วย เมื่อท่านเจอผมท่านก็จะเข้ามากอดแล้วหอมผมเหมือนคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ผมเองก็เกิดความปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน ในนาทีต่อไปนี้เป็นพิธีที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้พิธีกินเจ ก็คือจะมีเทพที่มีท่าทางเป็นเด็กจะนำลูกบอลกลม ๆ ที่มีหนามเป็นเหล็กแหลม คนทรงเขาเรียกว่าทุเรียน มาฟาดตามตัว บางคนก็นำมีดมา กรีดตามตัวเป็นที่น่าหวาดเสียว แต่ที่น่าประหลาดก็คือ คนที่ฟาดทุเรียนหรือใช้มีดปาดตามตัวนั้นไม่มีบาดแผลเกิดให้เห็น ทั้งที่ฟาดอย่างแรงจนเสื้อที่ใส่เป็นรูพรุนไปหมด ส่วนคนที่ใช้มีดปาดตามตัวก็เช่นกัน เสื้อขาดแต่ไม่มีบาดแผลหรือเลือดออกให้เห็นเลย ต่างจากการทรงเจ้าในพิธีกินเจตรงนี้เอง ส่วนคุณตาของผมท่านได้แต่มองการแสดงอยู่อย่างนั้นเอง เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ก็เริ่มทยอยออกกัน หรือที่เรียกว่าถอยทรง เหมือนเดิมคุณตาของผมเป็นคนสุดท้ายที่ถอยทรง เมื่อเรียบร้อยแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันเข้านอน เพราะเหน็ดเหนื่อยจากงานมาทั้งวัน พรุ่งนี้ก็ต้องเริ่มงานในตอนเช้าอีก# `2 }+ |8 u7 W8 T( k; s. C* P
        ในตอนเช้าประมาณตี 4 แม่ครัวเริ่มทยอยตื่นกัน เพราะเริ่มได้ยินเสียงการยกข้าวยกของเพื่อเตรียมใส่บาตรพระในตอนเช้า ตอนเช้าจะมีพิธีสงฆ์เมื่อพระสวดมนต์เสร็จ ฉันเช้าเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเวลาประมาณ 9 โมงเช้า พิธีไหว้ครูก็เริ่มขึ้น โดยทุกคนที่เป็นคนทรงเริ่มทยอยทรงกันเป็นแถวจากนั้นคุณตาของผมจะตามทุกคนออกมายังลานพิธีทำพิธีประมาณ 9.30 จึงเสร็จพิธีไหว้ครูเวลานี้ จะเป็นเวลาที่ตื่นเต้นเพราะคนที่มางานจะใจจดจ่ออยู่กับของขลังที่ตาจะทำ ระหว่างนี้เทพบางองค์จะเล่นกับทุเรียน มีเรื่องเล่าที่น่าแปลกอยู่ บางปีก็จะมีคนเมามาร้องท้าทายว่าโธ่เอ้ย หนามทุเรียนแหลมแค่ไหนวะ กูก็ทำได้ เทพที่ได้ยินจึงส่งทุเรียนให้ คนเมาคนนั้นจึงนำทุเรียนที่ได้มาฟาดตามตัวบ้าง ปรากฏว่า หนามทุเรียนปักติดคาอยู่กับหลังของเขา คนที่เห็นเหตุการณ์บางคนก็ว่าสมน้ำหน้า บางคนก็ยกมือไหว้บอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บ้างก็หัวเราะออกมา คนที่อยู่ใกล้ได้เอื้อมมือไปดึงทุเรียนออกจากหลังให้ ส่วนคนที่โดนทุเรียนปักหลังร้องลั่นทุ่งเลย ยกมือขอขมาใหญ่ ผมเองก็ตกใจเหมือนกันเพราะไม่เคยเห็นทุเรียนปักใครเลย ส่วนคุณตาของผมบอกขึ้นมาว่าได้เวลาแล้วแต่เสียงที่ได้ยินผมแน่ใจว่าไม่ใช่เสียงของคุณตาผมแน่ ๆ เป็นเสียงที่มีอำนาจบ่งบอกว่ามีความเด็ดขาดพอสมควร ทุกคนที่ได้ยินต่างเงียบกริบ จากนั้นคุณตาของผมนำมีดโกนที่อยู่ในพานออก จากนั้นท่านนำมากรีดที่ลิ้นปรากฏว่า ไม่มีเลือดออกเลยสักหยดเดียว ไม่มีรอยด้วย คุณตาเลยบอกว่าขอเหล้าหน่อย เมื่อได้เหล้ามาท่านก็เป่าไปที่มีดโกน จากนั้นกรีดอีกทีปรากฏว่ามีเลือดออก ท่านได้นำเลือดนั้นมาเขียนเป็นยันต์แจกจ่ายกันโดยทั่ว เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็แจกจ่ายจนครบ ร่างทรงต่างทยอยถอยทรงกันจนเหลือตาของผมสุดท้าย เมื่อตาของผมถอยทรงก็เป็นการเสร็จสิ้นพิธี เป็นเช่นนี้อยู่ประมาณ 10 ปี จนคุณตาของผมสิ้นลง พิธีต่าง ๆ ก็สิ้นสูญตามลงไปด้วยเช่นกัน อายุของตาของผมประมาณ 83 ปี ท่านสิ้นตอนปี พ.ศ. 2549

Rank: 1

การทำบุญกับวัดและภิกษุ  Y' j+ N2 L8 Q; i" `
                การทำบุญของพุทธศาสนิกชน ผู้ที่ทำก็หวังดีคือได้บุญกุศล จากการทำบุญ  แต่การทำบุญในที่นี้คือทานนั่นเอง  ผู้ทำได้รับผลของบุญแน่นอนถ้าสิ่งของนั้นไม่ผิดวินัยสงฆ์
3 I; F9 ~5 l( j* O$ O$ |+ t                ที่นิยมกันมากคือนำเงินไปใส่ซองถวายพระ  ไม่ว่างานบุญไหนชอบถวายกันมาก  พระที่ท่านยังเป็นสมมุติสงฆ์  ยังควบคุมจิตตัวเองไม่ได้  ก็จะเกิดความโลภขึ้นในดวงจิต  พระองค์ใดท่านตัดได้แล้ว  ท่านรับซองเงินแล้ว  ท่านไม่แกะดูเลย  นำซองไปใส่ตู้บริจาคของวัดหรือนำไปวางทิ้ง  นั่นคือสละแล้ว  สมแล้วที่ท่านอยู่ในสมณะเพศทั้งกายและใจ5 [9 ?7 y) l! t$ v
                ผลบุญจากการถวายเงินพระนั้นเกิดบุญแน่นอนครับและขณะเดียวกันก็เกิดผลบาปขึ้นด้วย  เพราะการถวายเงินพระ  เงินเป็นของผิดวินัยสงฆ์  ซึ่งต้องเป็นผู้สละแล้วจึงคิดบวช6 @! y! g6 C7 L( k
                ถ้าเราอุทิศผลบุญจากการถวายเงินแก่ภิกษุนี้  จะเกิดบุญส่งไปถึงดวงวิญญาณที่เป็นผู้รับ  เกิดความสุขจากผลบุญนั้นชั่วระยะหนึ่ง  เช่น  เป็นวิมาน  เครื่องแต่งกาย  อาหาร  แต่หลังจากที่ดวงวิญญาณกำลังเสวยผลบุญอยู่นั้น  วิมาน  เครื่องแต่งกาย  อาหาร  เหล่านั้นจะลุกเป็นไฟเผาไหม้ดวงวิญญาณนั้นแทน' P7 i5 M+ u! O% |
                ถ้าเป็นอย่างนี้เราจะถวายเงินแก่ภิกษุ  ให้ภิกษุสงฆ์ได้นำไปเป็นประโยชน์ต่อพระศาสนาได้อย่างไร  ผมขอบอกว่าให้นำเงินใส่ตู้บริจาคของวัด  ที่มักมีตั้งไว้แทน  เช่น  ตู้ค่าน้ำ ค่าไฟ  ซ่อมแซมศาลา  ฯลฯ  หรือถวายแก่พระภิกษุที่ท่านเป็นตัวแทนรับเงินของวัด และต้องไม่นำไปเก็บไว้เอง ต้องสละให้กรรมการวัดนำไปเก็บรักษาไว้  ถ้าท่านนำไปใช้ในการศึกษาธรรมะและในกิจการเผยแพร่พระศาสนาได้บุญมหาศาล  แต่ถ้าท่านนำไปใช้ในทางเกิดกิเลสก็บาปมหันต์เช่นกัน  ถ้าคิดถวายให้พิจารณาให้ดี
: M) |  Z. w2 A- g& A+ aเรื่องนี้เขียนขึ้นมาสวนกระแสกับสังคม แต่ผมรู้ ผมเห็นอย่างนี้ ท่านใดจะยังถวายเงินแด่พระภิกษุสงฆ์ก็ขอให้คิดดี ๆ  ว่าเหตุสมควรหรือไม่ ผมชี้ช่องทางให้คือ ตู้บริจาค  และตัวแทนในการรับเงินของวัด  โดยส่วนรวม  ถ้าเป็นการถวายแก่ภิกษุเพื่อใช้จ่ายส่วนตัว  ขอบอกว่าอันตราย  เพราะเกิดทั้งบุญและบาป แต่บางครั้ง ท่านก็จำเป็นจริงๆ  ต้องใช้เงินจริง เกิดประโยชน์จริง ผมเองก็ต้องถวายเหมือนกัน แต่จะไม่อุทิศบุญให้ใครทั้งนั้น
1 t$ k" W1 I0 ?2 n. cสิ่งของที่ผิดวินัยสงฆ์อีกอย่างหนึ่งคือ อาหารที่ยังปรุงไม่เสร็จ เช่น ข้าวสารอาหารแห้ง อย่าถวายพระท่านโดยตรง มันผิดวินัยสงฆ์  ถ้าจะถวาย โน่น!  ให้ไปไว้ที่โรงครัวของวัด หรือให้กรรมการรับไว้ พอเราสละของเป็นทานบุญเกิดแน่นอน พอมีผู้ปรุงอาหารของเราไปถวายพระ บุญก็เกิดกับเราอีก
  Y) G2 ?6 ^9 `1 x- }6 Z7 nของที่ไม่สมควรแก่สงฆ์  ขวางทางในการปฏิบัติธรรมของภิกษุสงฆ์  อย่าคิดถวายเลย จะเกิดทั้งบุญและบาป7 _  G8 @- }. r3 X% M1 Q. b3 Y5 i9 h% S
ดังจะเห็นตามกุฏิที่ภิกษุท่านใช้เป็นที่พักสงฆ์  มักประกอบด้วยโทรทัศน์  วีซีดี  วิทยุเทป  พร้อมแผ่นวีซีดีภาพยนตร์  คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ  เพียบเลย  ไม่น้อยหน้าชาวบ้านเลย  ทำให้กิเลสเต็มกุฏิเลย  ผู้ใดคิดถวายขอให้คิดให้ดี* c; F; T( K. l& C( g0 _- m
                การถวายสังฆทานตามวัด  เดี๋ยวนี้หลายวัดนิยมจัดถังหรือพานสังฆทาน  เตรียมไว้ให้ญาติโยมได้ทำบุญกัน  เพราะสังฆทานนั้นเป็นการถวายแก่หมู่สงฆ์  หรือตัวแทนของสงฆ์  ซึ่งได้บุญมาก  ยิ่งมีพระพุทธรูป  ผ้าไตรจีวร  เครื่องใช้  อาหารครบ  ยิ่งเป็นสังฆทานที่สมบูรณ์มาก  ตกลงแล้วที่เป็นสังฆทานเวียนเทียนจะได้บุญหรือ  อ๋อ! ได้บุญสังฆทานแน่นอนครับ  เพราะความตั้งใจของผู้ทำบุญตั้งใจถวายสังฆทาน  ถ้าพระองค์ใดนำไปเป็นสมบัติส่วนตัวองค์เดียว  ท่านผิดเอง  ยกเว้นหมู่สงฆ์อนุญาต1 f- ~7 }8 E1 G* e
                แต่ถ้าเราเตรียมสังฆทานนำไปเองไปถวาย  อันนี้กำลังบุญสูงกว่า  เพราะมีความตั้งใจสูง  ตั้งแต่เตรียมจัดหาไปเองแล้วครับ" u. P& \% w, p$ g6 G. B
                มีเรื่องหนึ่งที่อยากบอก  ถ้าเราถวายสังฆทานในตอนบ่ายหรือหลังเที่ยงไปแล้ว  ขออย่านำอาหารทุกอย่างใส่ไปยกเว้นน้ำปานะ  มิฉะนั้นเท่ากับเราเอาของผิดวินัยสงฆ์ใส่เข้าไปด้วย  แม้แต่พานสังฆทานที่วัดท่าซุง  ซึ่งผมเองถวายสังฆทานเป็นประจำ  เพื่อช่วยวิญญาณต่างๆ  ผมจะทำเฉพาะช่วงก่อนเพล  เพราะในพานมีอาหารปนอยู่  ถ้าถวายตอนบ่ายจะมีบาปปนอยู่กับบุญด้วย  ตอนแรกผมเองก็ไม่รู้แต่ในการช่วยเหลือวิญญาณต่างๆ  ทำให้ต้องทูลถามกับเบื้องบน  ท่านเตือนเรื่องเวลาที่จะถวายสังฆทาน  ให้ทำก่อนเพล  มิฉะนั้นจะมีบาปปนกับบุญ  เพราะมีอาหารอยู่ในพานสังฆทาน
- g; O& d: x/ A! M8 D, s) @                การทำบุญใส่บาตรของชาวพุทธ  ทั้งในตอนเช้าและวันพระนั้น  ถ้าผู้ทำบุญมิได้อุทิศเพื่อใคร  ผู้ทำได้บุญ  100%  พอของหลุดมือแสงบุญสว่างขึ้นแล้วลอยขึ้นไปเก็บรอเจ้าของอยู่บนสวรรค์เรียบร้อย  แต่ถ้ามีการคิดอุทิศผลบุญนั้นตอนของทานหลุดมือ  คิดทันทีว่าบุญนี้อุทิศให้ใคร  บุญนั้นจะพุ่งไปหาวิญญาณของผู้นั้นทันที  เขารับได้ทันที  ยกเว้นวิญญาณผู้รับอยู่ในนรกขุมที่ลึก  อันนี้ผลบุญจะเพียงไปรอเขาอยู่  จนกว่าวิญญาณที่ถูกลงโทษในนรกขุมลึกเริ่มมีโทษน้อยลง  ขึ้นมาอยู่ขุมตื้นขึ้น  จึงจะรับบุญนั้นได้
! v+ [( r0 m  `                ขอสมมุติโจทย์ในการทำบุญเพื่อเป็นแนวคิดให้ท่านผู้อ่านลองคิดดูนะครับ  เช่น  มีเงิน  100  บาท  ทำบุญอะไรได้บุญมากสุด  ผมขอตอบตามแนวความคิดผมนะ  ผิดถูกให้พิจารณาเอาเอง  โดยผมเริ่มเรียงจากบุญน้อยไปหาบุญมากโดยคร่าวๆ  ดังนี้
& ~$ a  r3 b6 U                1. ซื้ออาหารให้สัตว์เป็นทาน7 m. g9 K# @! q: [8 U  P
                2. ซื้ออาหารของใช้ให้คนทั่วไป) B6 J! E% V6 j
                3.        ซื้ออาหารของใช้ถวายพระ
% \% l0 W3 X" N/ C                4.        ซื้ออาหารสิ่งของให้พ่อแม่  (บุญเท่าพระอรหันต์)
4 N8 s* I, z7 x0 b' y, D                5.        ถวายสังฆทาน,  ผ้าป่า# P  A! x. p. d
                6.        ร่วมสร้างวิหารทาน  (สิ่งก่อสร้างในพระศาสนา,  พระพุทธรูป) ,  กฐิน. E+ U& F% P6 `  D+ u
                7.         ช่วยชีวิตสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่า  เช่นปลา  กุ้ง  หอย  ตามตลาดพลังบุญใหญ่กว่าวิหารทาน6 d) t% H  |+ Q, y# d
                8.        ซื้อหนังสือธรรมะแจกเป็นธรรมทาน,  เจ้าภาพหนังสือโลกทิพย์ให้เรือนจำ
% ^  m0 z* I& l: e8 l                ผมลองเขียนเล่นคร่าวๆ  แต่จริงแล้วผมเลือกทำทุกอย่างแล้วแต่โอกาส  เวลา  และกำลังทรัพย์  ซึ่งตอนนี้จะเน้นมากคือธรรมทาน  คือบอกเล่าสิ่งที่ผมรู้และประสบให้ผู้ได้อ่านบทความของผม  ได้นำไปเป็นข้อมูลในการศึกษาตามแนวทางของพุทธศาสนา  อ่านแล้วขอร้องอย่าเชื่อทันทีเลย  ขอให้หาทางพิสูจน์ดูก่อน  เท่าที่จะสามารถทำได้  และพิจารณาด้วยเหตุผลดูด้วย

% d: h) p. _" R5 b0 d0 _

Rank: 1

อภัยทาน5 x) t- {! Y# i4 P+ I, {+ V0 }
                ทานมหาทานที่สูงที่สุด  คือ  อภัยทานด้วยใจจริงไม่ใช่แต่ปาก  ไม่ได้ใช้เงินสักบาท  ต้องทำด้วยใจ  เป็นความบริสุทธิ์ของดวงจิตที่คิดอโหสิกรรมไม่จองเวร6 G5 H8 l/ j$ G/ @/ t
                มีเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับอภัยทาน  ผมพบโดยบังเอิญโดยไม่คาดคิดมาก่อน  มีอยู่วันหนึ่งในปีพ.ศ. 2551 นี้เองมีคนรู้จักได้มาขอร้องว่าขอให้ช่วยเคลียร์กรรมให้คนๆ  หนึ่ง  เขาอยู่ที่พิจิตรประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์  และเป็นอัมพาตทั้งตัว  เหลือเพียงส่วนหัวที่พูดได้กินได้เท่านั้น  เป็นมา  7  ปีแล้วน่าสงสารมาก  พยายามรักษาตัวมานานแล้ว  เขาชื่อนายประทีป.........ผมเองก็ลองติดต่อหาว่ามีใครเป็นนายเวร  ทำให้เป็นอัมพาตอยู่หรือไม่  ก็พบมีชายคนหนึ่งมาปรากฏ  สภาพโทรมๆ  6 m& w) B" h  g% F% [" o
        ผม        :        สวัสดีครับ  ท่านทำให้นายประทีปเป็นอัมพาตหรือ
1 m+ k; X+ x9 X        นายเวร        :        ใช่  มันเคยเป็นนายเวรข้าและทำให้ข้าเป็นอัมพาตมาก่อน" I/ P) |( f; J+ P9 h. T
        ผม        :        เคยได้บุญจากนายประทีปอุทิศให้บ้างไหม
. ^' r  {8 ?+ `! Y! a8 K        นายเวร        :        ไม่เคยได้เลย
* k4 d2 g% d* G. \3 z$ l0 @5 a        ผม        :        หิวไหม
. @# n- p) E  h4 j. x; k9 r5 ]2 ]. o        นายเวร        :        หิว/ T; S. s  @- E
        ผม        :        ลองรับบุญอุทิศจากผมดูนะ
+ d% n7 S: r+ Z. w8 R5 \                “ ขออำนาจพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  โปรดดลบันดาลให้บุญของข้าพเจ้าลงมาเป็นอาหาร  เสื้อผ้า  ให้กับวิญญาณที่กำลังติดต่ออยู่นี้ ”  เป็นยังไง  ได้รับบุญไหม  สบายขึ้นไหม9 M0 p7 F9 h8 ]8 C* y* i# A
        นายเวร        :        ได้รับแล้ว  สบายขึ้น
3 h; g1 |" t% V+ e        ผม        :        เอาละ  เราขอคุยด้วยหน่อยนะ!  ถ้าเราสอนให้นายประทีปเขาอุทิศบุญแบบเราให้กับเธอที่เป็นนายเวร  เธอพอจะละการจองเวรได้ไหม
( l+ F; M' [2 K8 r+ e        นายเวร        :        ไม่  ไม่ยอม  (เขาพูดไปร้องไห้ไปด้วยความแค้น)  ตอนที่เราเป็นคน  ยังเป็นเด็กอยู่  พ่อก็ไม่มี  แม่ก็อาศัยเขาอยู่  จนวันนึงแม่ก็ทิ้งไป  เราเองก็อาศัยเขาอยู่  พออายุ  10  ขวบก็เป็นอัมพาตกระดิกไม่ได้  พอครอบครัวที่เราอาศัยอยู่เขาอพยพไปที่อื่น  เขาทิ้งเราไว้  จนเราอดตาย  พอตายแล้วเราจึงรู้ว่านายประทีปผู้นี้แหละที่ตอนนั้นเป็นนายเวรและนำเชื้อโรคมาใส่เราจนเราเป็นอัมพาต  เราแค้นมากจึงติดตามมาเล่นงานมันมั่ง  นี่ยังดีนะ  มันยังได้กิน  แต่เราน่ะอดจนตาย
' f- [. X4 d& R* v! o& s        ผม        :        ชีวิตเธอน่าสงสารจัง  คงมีเวรต่อกันเยอะ  ตอนเธอตายแล้วพอหมดอายุ  เธอไปสำนักพญายมหรือเปล่า  และเห็นนรกไหม
- n6 \% H, s) @; X3 k3 f        นายเวร        :        เราไปสำนักพญายมมาแล้ว  ท่านผ่อนผันให้เรามาทวงเวรก่อน! ?2 Y8 K# w4 S2 V3 }% m
        ผม        :        รู้ไหม  ท่านให้มารับบุญจากผู้ที่ทำเธอตาย  ไม่ใช่ให้มาทำร้ายเขาอย่างนี้  พญายมท่านไม่อยากให้ใครตกนรก  ถึงผ่อนผันให้เธอมารับบุญจาก  คู่เวร
! a  g# w2 t% n) i$ a7 d% W        นายเวร        :        มันไม่เคยให้บุญเรา
3 w, ?3 m; R3 Y" L" @! k        ผม        :        เขาไม่รู้เรื่อง  ก็เหมือนตอนที่เธอเป็นอัมพาตเธอ  ก็ไม่รู้เรื่องนายเวรกระทำเช่นกัน  นี่ถ้าเธอทำจนเขาตาย  เธอก็ต้องลงไปรับการสอบที่สำนักพญายม  เธอไม่กลัวตกนรกเพราะฆ่าคนหรือ
& x) w, ]6 [, v, Z( B$ d) u        นายเวร        :        ไม่ยอม  ไม่ละ  ตกนรกก็ยอม  เราแค้นมาก
( h9 j* J( G7 |, M# w        ผม        :        เธอทำอะไรเขาบ้าง  ถึงได้เป็นอัมพาต, I0 _$ N1 L, Y) y+ [
        นายเวร        :        พอมันถูกรถชน  แต่เราไม่ได้ทำนะ  นั่นมันนายเวรก่อนเราพอถึงคิวเราเป็นนายเวร  เราเอาเชื้อโรคมาใส่ที่สมองกับไขสันหลังมันแล้วกดประสาทมันไว้เหมือนที่มันทำกับเรา5 j4 ^: F5 z: d& W! g& \
        ผม        :        นี่  เธอรู้ไหม  ก่อนนั้นเขาทำเธอเป็นอัมพาต  พอตอนนี้เธอทำเขามั่ง  แล้วต่อไปเขาก็ต้องมาทำเธออีก  กงกรรมกงเกวียนจะจองเวรกันอยู่อย่างนี้ไม่เลิกหรือ  ที่เราให้เธอละ  ก็เพราะเรามีบุญแลกจะอุทิศบุญให้เธอจนพอใจ  หยุดจองเวรกันเพียงแค่นี้ไม่ดีหรือ  ตอนนี้เธอเป็นสัมภเวสี  ถ้ามีใจอาฆาตอย่างนี้  ต่อไปเธอก็ต้องลงนรก  มันทรมานกว่าที่เธอเป็นอัมพาตจนอดตายอีก  เคยเห็นแล้วใช่ไหมล่ะนรก  ถ้าอโหสิกรรม  รับบุญจนพอใจ  เธอก็รู้ว่าเราอุทิศบุญได้  เราสอนให้นายประทีปได้  เธอไม่อยากเป็นหรือเทวดา  จะมาเป็นผีอยู่ทำไม
$ M7 G) ~/ A2 n9 K' \        นายเวร        :        ไม่  เราแค้นมาก  เป็นผีก็เอา  ลงนรกก็เอา  ยอม$ c* D9 n, @* w: C4 _
        ผม        :        เราเสียดายโอกาสเธอจังเลย  น้อยรายนักที่เราจะติดต่ออย่างนี้  เธอมีโอกาสแล้วนะ  ถ้าเธอละโอกาสนี้แล้ว  ข้างหน้าเธอต้องลำบากแน่  ทำไม!  มีแต่ผีเขาอยากเป็นเทวดากันทั้งนั้น  เธอก็รู้ว่าต้องมีบุญ  แล้วเราก็ให้บุญเธอได้  เราเสียดายแทนเธอจัง  ขอถามเธอหน่อยเธอนับถือพระพุทธเจ้าไหม
% ]9 ?( S2 W) r4 L        นายเวร        :        นับถือ( S$ f' o- x" ?
        ผม        :        เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าไหม
' C/ U0 Y$ p* o6 s) J1 {        นายเวร        :        เชื่อ
9 }8 H4 l! x6 g( ?9 \6 d        ผม        :        แล้วพระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องเวรต้องระงับด้วยการไม่จองเวร  อโหสิกรรมต่อกัน  ทำไมเธอไม่เชื่อ  ไหนว่าเธอนับถือพระพุทธเจ้า( ^/ Q8 g& V8 `$ N+ E. M6 j
        นายเวร        :        เชื่อแล้ว ๆ  ละก็ได้
. L+ |" w' Q' A1 G/ I' B, i        ผม        :        ต้องละจริงนะ  อย่าพูดอย่างเดียว
/ ^* x! m. J. J$ S; B5 L% b- E        นายเวร        :        ละจริงๆ- R; ^* \* G) N( ^/ u& U# M
        ผม        :        ตกลงอยากได้บุญอะไร  ขอให้บอก  เราจะได้ให้นายประทีปทำ5 A8 K3 g* Q5 c" @& R
                                             ให้
- R5 G6 `8 V+ |- F$ r5 r( g        นายเวร        :        ไม่เอาอะไรเลย  ละเฉยๆ  นี่แหละ  เดี๋ยวจะไปปฏิบัติกับพระภูมิที่บ้านนี้แหละ
8 Z" R9 c6 C& i+ [" n, {5 u        ผม        :        อ้าว!  พระภูมิเจ้าที่บ้านนั้น  เขาเก็บวิญญาณมาสอนเหมือนกัน
# g2 ?5 m3 a* I0 |/ h  o* Z                        หรือ. ?" ^: k) y. s8 w! g/ x+ d
        นายเวร        :        อ๋อ!  เห็นเขาทำกันอยู่1 R( i) S8 D+ {# q; A( q+ k' q
        ผม        :        ตกลงไม่เอาอะไรบ้างหรือ  สังฆทานก็ได้  บุญภาวนาก็ได้  ไม่เอามั่งหรือ  แล้วเขาจะหายจากอัมพาตเลยไหม
0 _1 n3 o7 ^* }0 Z; W8 C        นายเวร        :        ไม่เอาอะไร  อโหสิ!  เดี๋ยวจะปฏิบัติเอง  เดี๋ยวเอาเชื้อโรคออกให้  เลิกกดประสาทแล้ว  แต่ร่างกายเนื้อเยื่อมันยึดมา  7  ปี  รักษาเอาเองนะ  รักษาให้ไม่เป็น
5 u. A* h  _5 ^" O& \+ w: m2 `. E) a                ครับผลบุญอภัยทานกะทันหันนั้น  เกิดปรากฏกายของนายเวรใสขึ้นทันทีจากบุญอภัยทาน  ผ่านไป  2  วันลองไปตรวจสอบดูใหม่  ปรากฏว่านายเวรผู้นี้ได้ปฏิบัติอยู่กับพระภูมิ  เดี๋ยวเดียวฐานบุญอภัยทานเขามาก  เลยลอยขึ้นไปเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาเรียบร้อยแล้ว3 |  I+ R/ q( L2 F0 D! m2 |
                ส่วนคนป่วย  บ้านเขาพอมีฐานะ  ก็ทำการรักษาด้วยยาไป
! z/ N! q( I( }: ^' M

Rank: 1

นายเวรมาทวงหนี้กรรม
9 [* z0 z8 a+ cเมื่อไม่นานมานี้  ผมมีประสบการณ์ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการทวงหนี้จากนายเวร คำว่านายเวรหมายถึง  ผู้ที่เราเคยล่วงเกินเขาทั้ง กาย วาจา ใจ   เมื่อเรากระทำกับเขาเช่นนั้น เขาจักผูกโกรธต่อตัวเรา  ครั้นเมื่อเขาตายไปจิตที่เขาผูกโกรธกับเรา  ทำให้เขานั้นมาทำร้ายตัวเรา ทำให้เราเกิดความทุกข์ไม่ว่าเป็นทุกข์ทางกาย  ทุกข์ทางใจ  ทุกข์ที่เกิดขึ้นทางกาย เช่น ทำให้เป็นไข้ ทำให้ปวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย   ส่วนทุกข์ที่เกิดขึ้นทางใจ เช่น เรามีความทุกข์เรื่องของเงิน ทุกข์เรื่องของความรัก ทุกข์เรื่องของความผิดหวัง  เรื่องของความทุกข์มีมาก ยากที่จะกล่าวได้ครบ  ผมเป็นคนหนึ่งเหมือนกันที่ทุกข์เพราะนายเวร, J9 R; R% g' R) n6 P, b) e* J
ประมาณกลางปี 2553 ที่ผ่านมา  ผมปฏิบัติหน้าที่ตรวจความเรียบร้อยของนักเรียนบริเวณหน้าเสาธง  ผมมีอาการแปลก ๆ บริเวณกลางอก  อาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอาการแสบร้อนตรงบริเวณลิ้นปี่  เมื่อเอานิ้วกดลงไปรู้สึกเจ็บผมแทบยืนไม่ไหว แต่ก็พยายามทรงตัวไว้  แล้วหาที่นั่งพักเมื่อได้ที่นั่งพักเรียบร้อยแล้ว  ผมกำหนดจิตเพื่อหาสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้นกับตัวผม ปรากฏว่า  สิ่งที่พบเป็นชายคนหนึ่ง มีท่าทางดุดันมาก ตัวใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ ผิวคล้ำ  เมื่อพบเช่นนั้นผมยังไม่คุยทันที  แต่ผมอุทิศบุญก่อน ข้าพเจ้าขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  โปรดดลบันดาลให้บุญของข้าพเจ้าส่งไปถึงชายผู้นี้ด้วยเทอญ  เมื่อผมเบิกบุญเพื่อส่งให้ช่วยชายผู้นี้แล้วผมจึงเริ่มคุย2 t5 s: g: ?- Y* ~: p' _
       ผม         :        สวัสดีท่าน
& J2 T* `, T% Q) P$ N9 T. \นายเวร        :        สวัสดี   เอ็งเห็นข้าด้วยเหรอ!' ^% O% c/ s% }$ J. n8 |
       ผม        :        เห็นสิ   ท่านมาได้อย่างไร. q( V4 i3 P/ B7 k) H& v
นายเวร        :        เขาบอกให้มา& J  J  D/ f, b
        ผม        :        ใครบอกให้มา
/ |$ r/ s$ _. x4 N# I  Jนายเวร        :        บอกไม่ได้
# w. O) p# g! @& x0 z        ผม        :        เขาใช้ให้มาทำร้ายผมอย่างนั้นหรือ
% a# ^$ k2 C9 Q. A$ w1 U# K: D6 @ผมเข้าใจว่ามีอาจารย์ที่มีอาคมส่งผีมาเล่นงาน ผมถามต่อว่ามีคนที่มีอาคมส่งให้มาทำร้ายผมใช่ไหม8 A) i6 x0 f' B) a
นายเวร        :        ไม่ใช่+ u3 r) z9 W6 y, }' V* l9 p
        ผม        :        อ้าว!  ท่านเป็นใคร  มาได้อย่างไร
5 b) {$ f! i9 [: O. n: F4 nนายเวร        :        ข้าเป็นช้าง3 D% }: p; z- [2 }
        ผม        :        ทำไมท่านมาทำร้ายผม- Z1 t( x4 B3 `
นายเวรมองหน้าผมด้วยดวงตาอันดุดัน มองด้วยตาที่โกรธแค้น ดวงตาสีแดงกล่ำ
+ A! ]5 I; Q$ l9 \7 ^/ ?" N. J4 |7 Vนายเวร        :        เอ็ง ฆ่า ข้า   ข้าก็มาทำเอ็งบ้าง เอาให้ทรมานปางตาย0 F, n) t4 R) W- G* A& K1 @
ผมนึกในใจ เอาแล้วเราโดนนายเวรกระทำแล้ว ใครจะยอมให้เจ็บตัวง่าย ๆ ต้องคุยกับเขาให้เขาอโหสิให้ได้  เราจะได้เจ็บตัวน้อย ๆ หน่อย# u' s) i! R/ E6 w6 W3 I2 f
        ผม        :        ผมไปฆ่าท่านตอนไหน& W" x5 i! K3 Z5 ]* e( o+ ^
นายเวร        :        ข้าเป็นช้างศึก  ตอนนั้นทำสงครามกัน เอ็งใช้หอกแทงข้าที่หว่างขาหน้าของ3 R% ^0 L) i& v5 f' K# [7 \/ d  U
                        ข้า  ทำให้ข้าล้ม- E  Q6 t8 N) `3 i
        ผม        :        ตอนนั้นมันเป็นสงคราม หากผมไม่ฆ่าท่าน ท่านก็ต้องฆ่าผมอยู่ดี ผมต้อง) n  f9 x% W. S1 @6 g& X
                        ปกป้องบ้านเมืองเหมือนกัน  จะให้ผมทำอย่างไรได้
6 g: B8 K# X: k6 }; \9 }นายเวร        :        มันก็จริงของเอ็ง7 A( j# Z& x! ^' [$ A& @% m. f5 \# F! G/ F1 X
        ผม        :        เอาอย่างนี้ดีกว่า เมื่อกี้ได้รับบุญจากผมแล้วใช่ไหม ดีไหมล่ะ" @" j, A: \  y3 Y: X! D
นายเวร        :        เออ  ดี
: B7 Y6 n/ L: V) s( m/ W        ผม        :        ถ้าอย่างนั้นรับบุญจากผม   แต่ต้องไม่ทำร้ายผม  เอาแบบนั้นดีไหม, Z5 {, K& K+ `' }
นายเวร        :        ก็ได้" l# D. Y# m8 @8 x. @
        ผม        :        แล้วรู้มั๊ยว่าท่านแก้แค้นหรือจองเวรแบบนี้   ผมสามารถจองเวรคืนได้: k$ R  M' i' L9 |5 ~& g- W
นายเวร        :        ไม่รู้1 q4 ^  b! m& N# \
        ผม        :        ผมไม่ขอจองเวรคืนก็แล้วกันผมอโหสิ   ท่านรู้ไหมว่าคนที่ส่งท่านมาเขา6 V6 u$ }. Z% n' z
                        มีเจตนาอะไร
4 g9 ~# \6 I. O( I4 a4 @นายเวร        :        ไม่รู้  เขาบอกแต่ว่านี่คือคนที่ทำร้าย  ให้ข้าทำอย่างไรก็ได้เท่าที่ใจต้องการ
9 d- _" Z1 x# u3 Y. ~" H/ b                        แต่ต้องไม่เกินขอบเขต
4 ?0 _$ q0 k5 u, l% o1 H" R- C        ผม        :        คนที่มาส่งเขาบอกอย่างนั้นก็ใช่  แต่เจตนาจริง ๆ ของท่าน (ผู้ตัดสินคดี) - n3 Y; w4 L9 q/ I
                        เจตนาเพื่อให้นายเวรมารับบุญจากผู้ที่เคยกระทำกับเรา  และให้เรานั้น* ?! ~$ c3 Y5 M; n
                        อโหสิกรรมต่อกัน  เพื่อจะได้ไม่มีกรรมต่อกัน  นี่ท่านมาทำร้ายผม  ผมเอง2 k( T. @" Z& Z
                        ก็ย่อมทำร้ายกลับคืนภายหลังได้เช่นกัน  เอาเป็นว่าท่าน อโหสิ ให้ผม
' X0 z: a0 }' F) r                        ผมอุทิศบุญให้ท่าน เราเลิกจองเวรกัน! t2 V1 z" h6 n/ s3 B
นายเวร        :        อย่างนั้นก็ได้ ดีเหมือนกันข้าเองก็ไม่ได้อยากลงไปอยู่ในนรกด้วย$ m1 B1 E; z* F  B5 x" }1 ?
        ผมคืนสมาธิกลับมา  ต่อจากนั้นผมโทรไปถามพี่ที่คอยให้คำแนะนำเรื่องสมาธิว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้มีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด  ก็ได้รับคำตอบว่าจริงตามที่เล่ามา  หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เล่ามาแล้ว  อีกประมาณ  2  เดือน  อาการที่เจ็บตรงบริเวณลิ้นปี่ก็ทุเลาลง' s  Y  W& b5 s% D
        นี่ขนาดผมคุยกับนายเวรตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วผมเองส่งบุญให้กับนายเวรทุกวัน  วันละหลายๆรอบ  ยังใช้ระยะเวลาถึง  2  เดือน  ผมนึกกลับไปถึงคนที่เขาไม่รู้อะไรเลยไม่เคย  ส่งบุญไม่เคยอุทิศบุญ  ให้ถึงนายเวรเลยเขาต้องทนทุกข์กับอาการป่วยนานเท่าใด  นายเวรเองก็ต้องกลับไปรับกรรมตามเดิมโดยยังเป็นเวรกรรมกันต่อไปเราเองไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องราวต่างๆ ที่เรากระทำลงไปแล้วได้  แต่เราก็สามารถขอโทษและให้อภัยกันได้ไม่ใช่หรือต่างคนต่างก็มีความสุขทั้งสองฝ่ายทั้งนายเวรและตัวเรา  การรักษาตัวด้วยการส่งบุญ – เบิกบุญสามารถช่วยให้อาการที่เป็นอยู่สามารถกลับมาเป็นปกติเร็วขึ้น  การรักษาต้องควบคู่กันไปกับการรักษาแบบปกติด้วย  (ในบางโรค)  บางท่านบอกว่าถ้าเช่นนั้นหายเพราะการรักษาสิ  ผมก็ไม่ได้เถียงว่าการรักษาแบบปกติไม่หาย  แต่เมื่อเปรียบเทียบกันระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาแบบปกติกับการอุทิศบุญ – การเบิกบุญ  การอุทิศบุญ – การเบิกบุญ  หายเร็วกว่าอย่างแน่นอน  ท่านที่คิดว่าเรื่องที่เล่ามาเป็นเรื่องที่เหลวไหลเกินจริง  ท่านก็พิสูจน์ให้เห็นกับตาของท่านเองได้
( L) [. ], J: w! t

Rank: 1

นายเวรบีบหัว
' i+ D' l* F4 ~        เมื่อครั้งที่ผมเริ่มปฏิบัติใหม่ๆ กว่าผมจะสามารถวางจิตให้เป็นสมาธิได้นั้นยากลำบากมากที่ผมว่ายากก็คือเมื่อผมมากำหนดสมาธิเมื่อใดผมจะปวดที่ศีรษะทันทีหากหยุดกำหนดเมื่อใดอาการทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติแต่เมื่อใดที่ผมเริ่มทำสมาธิก็มีอาการปวดที่ศีรษะทันทีผมมีอาการแบบนี้อยู่ประมาณ 3 เดือน มันเป็น 3 เดือนที่ผมทรมานมากทำสมาธิไม่ได้เลยผมรู้สึกท้อใจเป็นอย่างมากกับการทำสมาธิ  แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีจากการให้กำลังใจของอาจารย์ที่ผมนับถือมากคนหนึ่ง  ผมจึงตั้งใจพยายามปฏิบัติต่อไป  จนมีอยู่วันหนึ่งผมรู้สึกว่ามีใครก็ไม่รู้มายืนอยู่ด้านหลังหันไปก็ไม่พบใคร แต่ก็ยังรู้สึกอยู่ตลอดว่ามีคนยืนดูอยู่  ตอนนั้นผมก็ส่งบุญให้กับนายเวรมาโดยตลอด  ผมได้วิชาส่งบุญมาก่อนที่ผมจะเริ่มฝึกสมาธิ  ผมนำความสงสัยว่าใครมายืนอยู่ด้านหลังและเวลาทำสมาธิจึงปวดหัว มาถามอาจารย์ที่สอนสมาธิท่านบอกว่าเดี๋ยวก็รู้เอง  ท่านบอกไม่ได้ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน  ตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร  ผมได้มารู้ภายหลังว่าคำว่าหน้าที่หมายความว่าอะไรหลังจากปฏิบัติสมาธิมาได้  2  เดือน  มาเข้าเดือนที่ 3 อาการปวดหัวก็ยังไม่ทุเลาลง  ผมลืมบอกไปว่าผมปฏิบัติสมาธิแบบสติปัฏฐาน 4  คือมีสมาธิ     มีสติอยู่กับตัวตลอดเวลาไม่ว่าจะทำกิจกรรมใดก็ตาม  แล้วท่านคิดดูก็แล้วกันว่าผมทรมานขนาดไหน  ปฏิบัติสมาธิตลอดเวลานั่นก็หมายความว่าผมต้องทนกับอาการปวดหัวตลอดเวลาเหมือนกันมาต่อกันเลย  เมื่อเริ่มเข้าสู่เดือนที่ 3  อาการที่ผมรู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ด้านหลังก็ชัดขึ้น  ผมเริ่มมองเห็นว่าเขามีรูปร่างอย่างไรและเขาเป็นใครตอนนั้นผมยังคุยกับเขาไม่ได้มีแต่ความรู้สึกเท่านั้น  ผมรู้สึกว่าเขาเป็นโจรที่เขาเรียกกันว่าเสือในอดีตชาติครั้งหนึ่งผมเป็นเจ้าเมือง  เมื่อจับเขาได้ผมนำเขามาบีบขมับ  เขาจึงมาทำให้ผมปวดหัวเวลาทำสมาธิตลอดเวลา  2  เดือนที่ผ่านมา  ผมจึงนำความรู้สึกที่รู้นี้ไปถามอาจารย์ท่านตอบว่าจริง  แต่ท่านบอกไม่ได้ที่ท่านบอกไม่ได้เพราะไม่ใช่หน้าที่ของท่าน  หน้าที่ของท่านคือสอนสมาธิไม่ใช่มาแก้กรรม  เมื่อผมรู้อย่างนั้นผมจึงเร่งส่งบุญ – เบิกบุญให้มากกว่าเดิมและอุทิศบุญทุกครั้งที่มีโอกาสให้กับนายเวรจนมาถึงเดือนที่ 4  อาการปวดหัวก็ทุเลาลง
( `5 r- M7 ?$ j7 y- p# N        การปฏิบัติสมาธิใช่ว่าจะมีอาการเหมือนผมทุกคนบางคนก็ไม่เกิดการอะไรเลยปฏิบัติสมาธิได้อย่างปกติและความเร็วของการปฏิบัติก็ขึ้นอยู่กับตัวของบุคคลเช่นกันบางคนฝึกเป็นปีไม่ได้อะไรเลยก็มี  บางคนฝึกแค่ไม่กี่นาทีก็ได้สมาธิเลย  อย่างเช่นลูกศิษย์ที่ผมฝึกสมาธิให้คนหนึ่งฝึกอยู่ไม่ถึง  5  นาที  ก็ได้สมาธิเลย  ขึ้นอยู่กับบุคคลด้วยว่า  เคยประกอบกุศลมามากเพียงใดมีความตั้งใจมากเพียงใด  และที่สำคัญคุณเป็นคนที่มีศีลธรรมมากแค่ไหนหลายๆ อย่างประกอบกัน  อย่าท้อที่จะเกิดปฏิบัติเพราะการปฏิบัติเป็นทางแห่งการพ้นทุกข์
" M9 x/ I* b" _* g# @  B2 J

Rank: 1

โมทนา สาธุค่ะ

Rank: 1

อนุโมทนาบุญนะคะ พี่มารน้อย

Rank: 1

สาธุๆๆ อนุโมทนาครับ

Rank: 1

สาธุกับธรรมทานของมารน้อยจ้า..
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2025-6-17 16:41 , Processed in 0.221053 second(s), 14 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.